เป็นโรคหวาดกลัวสังคม ( social phobia)

Previous topic - Next topic

เอ

ดิฉัน เป็นโรคนี้อยู่ค่ะ  เป็นปัญหากับการอยู่ที่ สวิส มากๆค่ะ

ไม่อยากออกไปไหนอยากอยู่แต่ในบ้านเพราะกลัวจะเจอผู้คน

ใครเป็นโรคนี้บ้างคะ ทำยังไงถึงอาการจะดีขึ้น อยากไปหาจิตแพทย์

แต่แฟนไม่เชื่อว่าเป็นโรคนี้ และกลัวว่าเราจะบ้ามากกว่าเดิม

รายละเอียดมีเยอะกว่านี้มากคะแต่ไม่มีแป้นไทย






pall

สวัสดีค่ะคุณเอ
เข้าใจถึงความรู้สึกของคุณดีค่ะเพราะตัวป้าเองก็เป็นโรคโฟเบีย (Phobia)เช่นกันค่ะ
แต่คนละอย่างที่คุณเป็นและเริ่มๆจะเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia )แบบคุณนิดๆแล้ว
ถ้าจะพูดกันจริงๆมนุษย์เราทุกคนจะมี Phobiaมากน้อยกว่ากันเท่านั้น
เราไม่รู้ตัวและหาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร
คนที่อื่นๆที่ไม่มีอาการของโรค Phobiaแสดงออกมาจะไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่เป็นโรคนี้
บางคนอาจจะหัวเราะขำ.... บ่นรำคาญ....ติเตียน..

**โรคกลัว Phobia..มี 5 ประเภท**
1.โรคกลัวอยู่ในที่โล่งหรือที่ชุมชน (Agoraphobia)
ผู้เป็นโรคนี้จะรู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวล ไม่กล้าออกจากสถานที่ที่คิดว่าตนเองปลอดภัย

2.โรคกลัวที่ทึบหรือแคบ (Claustrophobia)
ผู้เป็นโรคนี้จะกลัวพื้นที่ที่มืดปิดทึบ...สถานที่แคบ  พื้นที่จำกัด

3.โรคกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia)
ผู้ที่จัดอยู่ในโรคกลัวประเภทนี้จะรู้สึกวิตก..หวาดกลัว...ถ้า หากตนเองต้องตกอยู่ในกิจกรรมทางสังคม
เช่น การยืนต่อคิวซื้อของ..ฯลฯ.. การเข้า ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ การเข้าประชุม
การออกไปพบปะผู้คน....หรือแม้แต่เดินตามท้องถนน

4.โรคกลัวเลือดหรือกลัวการบาดเจ็บ (Blood or Injury Phobia)
ใครที่จัดอยู่ในประเภทนี้จะกลัวมากที่สุดคือการเห็นเลือด....ไปหาหมอฟัน การฉีดยา กลัวโรงพยาบาล หรือกลัวแพทย์

5.โรคกลัวทั่วๆ ไป (Simple Phobias)
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกลัวชนิดนี้จะกลัวสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นชีวิตจิตใจ เช่นกลัว สัตว์(บางชนิดกลัวมาก)
กลัวโทรศัพท์ .....ฯลฯ. เป็นความกลัวที่มีการรวมความกลัวที่เกินธรรมดาอื่นๆ เอาไว้ด้วย เช่น
รังเกียจการใช้ห้องน้ำสาธารณะ....กลัวอาเจียน....กลัวการบิน...ฯลฯ..จนกระทั่งการกลัวที่ไม่น่าจะกลัวเช่น
กลัการหมุนวน...กลัวนาฬิกา...กลัวหนวดเครา..กลัวคนแปลกหน้า..ฯลฯ

**โรคโฟเบีย (Phobia)ที่ป้าเป็นอยู่
1.ป้าเป็นโรคโฟเบีย (Phobia)ประภทโรคกลัวที่ทึบหรือแคบ (Claustrophobia)
ทั้งบ้านจะเปิดประตูหมด...ถ้าปิดประตูจะรู้สึกหายใจไม่ออก..เหมือนไม่มีอากาศหายใจ
แต่ถึงกระนั้นยังรู้สึกว่าหายใจไม่ออกต้องลุกเดินเอาหน้าไปสูดอากาศข้างนอกถึงจะดีขึ้น

2.ป้าเป็นโรคโฟเบีย (Phobia)ประภทโรคกลัวเลือดหรือกลัวการบาดเจ็บ (Blood or Injury Phobia)
เห็นเลือดหรือการบาดเจ็บไม่ได้เมื่อ2ปีที่แล้วตอนที่ลุงโดนรถชน..ป้าเห็นเลือดและอาการบาดเจ็บของลุง
ป้ามีอาการนี้มากจนแทบจะช๊อค และทุกวันนี้อาการโรคBlood or Injury Phobia มากขึ้นกว่าเดิม
และเกิดอาการกลัวการสูญเสียเพิ่มขึ้นคนที่ใกล้ชิดจะรู้ค่ะ...

3.โรคกลัวทั่วๆ ไป (Simple Phobias)
ป้าเป็นโรคลัวเข็มฉีดยา..กลัวหมอ...กลัวมีด..กลัวการผ่าตัด....กลัวโรงพยาบาล...
แบบเป็นอะไรนิดอะไรหน่อยจะโอดครวญผิดปรกติ....กลัวโทรศัพท์(เพิ่งจะดีขึ้นช่วง4หรือ5ปี)
ถ้าใครอ่านที่ป้าเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดดามกระดูกขาจะรู้...และคงไม่เข้าใจว่าป้าทนเดินได้อย่างไร
ทั้งๆที่กระดูกหักซึ่งเจ็บปวดมาก...
เห็นไหมคะว่าโรคกลัวโฟเบีย (Phobia)ของป้ามีหลายอย่างบางครั้งเบื่อมาก
ปีที่แล้วอาการกำเริบจนเครียด..ถึงขนาดอยากปิดเวบเพราะนั่งหน้าคอมไม่ได้ไม่มีสมาธิ....เขียนตอบไม่ได้
เกิดอาการน้อยใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ..ทนการติฉินต่อว่าไม่ได้.....และไม่อยากมีชีวิต...

โรคกลัวโฟเบีย (Phobia)ไม่รู้สาเหตุอย่างแท้จริงว่าเกิดจากอะไร ซึ่งบางอย่างอาจจะเกิดมาจาก
ประสบการณ์ตอนเป็นเด็ก..หรืออื่นๆ
โรคความกลัวนี้ฟังดูแล้วไม่ร้ายแรงหรือน่าวิตกกังวลสำหรับคนที่ไม่แสดงอาการ
แต่ถ้าคนที่มีอาการของโรคนี้แสดงออกมาจะรู้ดีว่าเป็นอย่างไร
คนไทยเราจะหัวเราะเมื่อเจอคนที่แสดงโรคกลัวโฟเบีย (Phobia)
ของคนที่กลัวมด...กลัวหนอน..หรืออาการไอ..ฯลฯ
และจะชอบพูดว่าบ้า..ซึ่งทำให้คนนั้นรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม

อาการของป้าดีขึ้นเล็กน้อยค่ะรู้สึกรื่นเริงและมีกำลังใจทำงานเพิ่มขึ้น
ช่วงนี้คุณเอ..จะเห็นว่าป้าเข้ามาเขียนหรือตอบคำถามมากกว่าเดิม
ลุงเป็นผู้ช่วยป้าได้มากเลย..ให้กำลังใจและเข้าใจถึงโรคนี้
และป้าก็ช่วยตัวเองโดยการทำสมาธิค่ะ...เคยคิดจะไปหาจิตแพทย์เหมือนกัน
แต่ไปๆมา..ไม่ได้ไป

โรคกลัว (Phobia)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไชย จิตแพทย์จากภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย

http://ecurriculum.mv.ac.th/library2/clinic/thaimental/article_detail.asp-number=598.htm

ความรู้เรื่องโรคทางจิตเวชและปัญหาพฤติกรรม
http://203.172.204.162/intranet/1030_serv05/www.psyclin.co.th/new_page_28.htm

pall

คุณเอคะ....โรคหวาดกลัวสังคม ( social phobia)ที่คุณมีอาการอยู่
ถ้าคุณรู้สึกว่าแย่มากกว่าเดิมจนรู้สึกว่ามีปัญหากระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณ
คิดว่าคุณควรไปหาจิตแพทย์ผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านรักษาโรคนี้โดยเฉพาะจะดีกว่า
คุณต้องระบุไปเลยนะคะเพราะจิตแพทย์จะมีความเชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน
การไปหาจิตแพทย์ไม่ใช่เราบ้า..อย่างที่สามีคุณเข้าใจ
และจิตแพทย์ที่ชำนาญทางด้านนี้จะช่วยได้มากเลยค่ะ
และในไม่ช้าอาการคุณจะดีขึ้นและกลับไปเป็นคนเดิม
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนถ้าคุณไม่บำบัดรักษาอาการของโรคหวาดกลัวสังคม ( social phobia)จะอยู่เช่นเดิม
และโรคนี้ต้องการอย่างมากคือความเข้าใจของคนใกล้ชิดคือสามีคุณ
สามีคุณต้องพร้อมที่จะช่วยคุณด้วยและคุณต้องช่วยตนเองด้วยค่ะ
ถ้าคุณกลับเมืองไทยอยากแนะนำให้คุณไปหาหมอสะกดจิต
เคยอ่านบทความเกี่ยวกับการรักษาโรคกับหมอสะกดจิตนานมาแล้วจำไม่ได้ค่ะว่าอ่านจากไหน
คนมีอาการแบบนี้ไปหาหมอสะกดจิตช่วยได้มากเลย
ป้าเคยมีชื่อหมอสะกดจิตหลายคนที่เมืองไทยแต่หลังจากย้ายบ้านหายหมดเลย

ขอส่งกำลังใจมาให้คุณมีอาการดีขึ้น และเข้ามาเขียนความคืบหน้าบอกด้วยนะคะ
ขอเอาใจช่วยค่ะ

เอ

ขอบคุณ ป้าพอล มากๆๆเลยคะ

เรื่องไปหาจิตแพทย์คงเป็นไปไม่ได้เพราะเคยพูดกะสามีหลายครั้งแล้ว

แต่เขาไม่เชื่อเอาจริงๆ แล้วยังคิดว่าเราเป็นโรคออทิสติกซะอีก ยังไงก็คงไม่ได้ไปหาหมอหรอกคะ

ไม่ว่าจะเป็นที่ไทยหรือ สวิส นอกจากจะแอบไปแต่ก็คงกล้าไปหาหมอก็ที่

ประเทศไทยเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือ


  เขาไปไทยกะเราทุกครั้ง เหตุผลก็ึคือ ก็เราเป็นสามีภรรยากัน


ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาบอก แต่ถ้าไม่มีก็.....


ดิฉันต้องทน จนกว่าความอดทนอันน้อยนิดของฉันหมดไป


pall

สวัสดีค่ะคุณเอ
เผอิญกำลังนั่งทำงานเขียนตรวจแก้ไขทู้เก่าแต่ละทู้เพื่อย้ายข้อความอยู่อยู่หน้าคอมพอดี
เลยเห็นทู้คำตอบของคุณ
ไม่อยากใช้คำว่าเห็นใจเพราะตนเองก็ไม่ชอบคำนี้เหมือนกัน
ใช่ค่ะคำว่าจิตแพทย์หรือหมอโรคจิตเป็นภาษาที่รุนแรงมากจริงๆที่คนฟังบางคน
จะรู้สึกต่อต้านและไม่น่าพิสมัยเท่าไรนักและรู้สึกทางด้านลบมาก
คุณเอเชื่อไหมว่าที่นี่..จะใช้หมอโรคจิตหรือจิตแพทย์เปลืองมาก
ขนาดเด็กอนุบาลที่มีพฤติกรรมเเตกต่างไปจากเด็กอื่นก็ต้องไปหาหมอจิตแล้ว
และคนไทยหรือคนบางคนที่นี่ก็คิดว่าการไปหาหมอจิตแบบนี้คือคนใกล้บ้า...
ตัวป้าเองเป็นโรคกลัวหมออยู่แล้วและยิ่งไปหาจิตแพทย์ซึ่งต้องไปรับการบำบัดตลอดเวลา
เลยรู้สึกว่าทนไม่ได้  ขนาดจะผ่าตัดเอาเหล็กดามที่ติดไว้ที่กระดูกเมื่อปีที่แล้วออกมา
ป้ายังทนไปหาหมอและเมื่อรู้สึกนึกถึงมีดและรอยแผลแล้วป้ารู้สึกแย่มากๆ
ยอมรับค่ะว่าทุกวันถ้ามองเห็นรอยแผลของตนเองแล้วรู้สึกคลื่นใส้อยากอ๊วก
และรู้สึกเจ็บที่สุดทั้งๆที่แผลหายแล้ว...มันเหมือนกับหลอกหลอนเรา

อย่าเพิ่งท้อนะคะ...ทุกสิ่งทุกอย่างย้อมมีทางออกทั้งสิ้น...
กรณีย์ของคุณเอ...จะมีอยู่ทางเดียวคือรักษาทางธรรมะ..
คุณเอ..ลองทำสมาธิ  ฝึกหัด สร้างความเข้มแข็งให้ตัวเอง
แรกเริ่มอาจจะยากหน่อย  เหมือนหมดหวัง  คิดว่าทำไม่ได้
มันเหมือนตักน้ำใส่ตุ่มด้วยฝ่ามือของเรากว่าจะใส่ตุ่มได้
น้ำจะหล่นและการควบคุมยากมาก
ลองทำนะคะ..ฝึกการควบคุมจิตใจ ควบคุมความคิดของเรา
ป้าก็ทำอยู่ค่ะตอนนี้ดีขึ้น  ความหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างน้อยลง
ความวิตกกังวลใจความเครียดจะเบาบางลง...
ปีทีแล้วป้าเครียดเรื่องลุง...เครียดตัวเองที่ตอ้งฉีดยาที่พุงเป็นเวลานาน
ทุกครั้งที่โดนฉีดยาจะสั่น..ปวดหัวอยากอ๊วก...เครียดจผมร่วงจะหมดหัวฯลฯ
ตอนนี้ป้าเริ่มควบคุมสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองโดยการสร้างสมาธิค่ะ
ใครที่เห็นป้าตอนนี้จะรู้สึกว่าป้าดีขึ้นจากปีที่แล้ว..ที่ใครพูดอะไรปั๊บป้าจะห้องไห้ทันที
ขอเอาใจช่วยนะคะ...เข้มแข็งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เกตุ

เอาใจช่วยนะคะคุณเอ ลองคุยกับสามีดูอีกทีดีมั้ยคะ หรือคุยเมื่อมีโอกาส กลัวจะเป็นมากน่ะค่ะ แล้วคุณเอมีเพื่อนคนไทยมั้ยคะ ถ้ามีก็ลองเล่าให้เพื่อนฟัง จริงๆอาจจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ก็เป็นทางออกหนึ่งมั้งนะ

ตุ้ม

มาเอาใจช่วยคุณเออีกคนค่ะ  คุณเข้ามาถูกที่แล้วค่ะ อย่างน้อยๆที่นี่ก็มีเพื่อนๆที่คอยเป็นกำลังใจและพยายามที่จะให้คำแนะนำหรือปลอบใจค่ะ  เฉพาะอย่างยิ่งเจ้าบ้านคือคุณ Pall เธอเป็นคนที่มีน้ำใจอันสดใสและล้นเปี่ยมมากๆ  เธอเสียสละทั้งเวลาส่วนตัวเพื่อค้นคว้าและหาคำตอบทีมีผู้ถามมา  อีกทั้งยังควักกระเป๋าจ่ายค่าเช่าเวปดัวย  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะเธอมีจิตใจละเอียดอ่อนรักเพื่อนมนุษย์เข้าใจถึงความเดือนร้อนทุกข์ยากของผู้อื่นและเพื่อนๆที่อยู่ไกลจากบ้านเรามาอยู่ต่างแดน

เอ

ขอบคุณ ทุกคนมากนะคะ
    ดิฉันเคยมีเพืื่อนคนไทยคะแต่เข้ากะเขาไม่ได้ ไม่รู้จะคุยอะไรกะเขา คือรู้จักกันที่นี่ แล้วเราเป็นคนพูดไม่เก่ง แล้วพูดกะเขาทีก็พูดไม่เพราะ แถมเป็นโรคนี้อีกเลยไม่กล้าให้ใึครมาคบ อยู่คนเดียวดีกว่า ไม่อยากเกลียดตัวเองมากกว่านี้นะคะ
   ป้าพอลคะดิฉันจะลองนั่งสมาธิดู ดิฉันบอกตัวเองเสมอว่าต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ขอบคุณมากจริงๆ
   

pall

สวัสดีจ๊ะเกตุ
สวัสดีค่ะคุณตุ้ม
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำชมและน้ำใจและกำลังใจที่มอบให้เสมอมา

สวัสดีค่ะคุณเอ
ดีใจที่คุณแวะเข้ามาพูดคุยทักทายกันอีกครั้ง
อย่าท้อใจนะคะ ป้าเองก็คล้ายๆคุณค่ะ ป้าเป็นคนเก็บตัวชอบอยู่คนเดียว
ที่เรียกว่าสันโดษจนเรียกว่าเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบจริงๆ และ รักความเป็นส่วนตัวสูงมาก

เรื่องเพื่อน
ใช่ค่ะเราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ เราต้องมีเพื่อน ไม่มีใครอยู่ในโลกนี้โดยปราศจากเพื่อน
แต่ถ้าเรามีเพื่อนแล้วต้องทุกข์ใจ  ไม่มีคนเข้าใจเรา มีแต่การนินทา อิจฉาริษยากัน
แบบนี้เราอยู่ห่างจะมีความสุขกว่า
คุณมีเพื่อนอยู่แล้วคือสามีและลูก(ถ้ามีหรือสัตว์เลี้ยง..(ถ้ามี)
อย่าคิดมากนะคะพยายามอย่าจมอยู่กับความคิดของเรานะคะเป็นสิ่งที่อันตรายสุดๆ

ถ้าคุณเหงา  อยากระบายหรืออยากพูดคุยมาคุยกันได้ที่นี่ได้นะคะถึงแม้ไม่มีใครคุยด้วย
แต่ป้าก็พร้อมจะคุยกับคุณตลอดเวลาค่ะ อย่าเกลียดตัวเองเราต้องรักตัวเราเอง
เราโชคดีทีพระเจ้าประทานชีวิตให้เราได้อุบัติขึ้นมาในโลกนี้
มีอวัยะครบ32 จงมองดูคนที่อยู่ในสภาพไม่ครบสมบูรณ์หรือคนด้อยโอกาสกว่าเราแล้วเราจะมีสุข

ดีใจที่คุณนั่งสมาธิ
ขอเอาใจช่วยคุณต่อการเพิ่มสร้างพละกำลังด้านจิตใจ...มีกำลังใจ
และมีความสุข อย่าลืมเผื่อแผ่ความรัก ความเมตตาให้เพื่อนร่วมโลกด้วยค่ะ

sc_phobia_sicker

 
ผมเป็นโรคกลัวสังคมครับ หลังจากที่ได้อ่านบทความ ก็สรุปได้เลยว่าผมเป็นแน่นอน
เพราะอาการทุกอย่างเหมือนที่รายงานหมด แต่ผมอายุ 28 แล้วครับ หนีมาตลอด
ทำงานทีีไหนก็ไม่รอด ไม่มีความสุขเลยครับ ชีวิตนี้ ท้อแท้
หมดกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปแล้วครับ รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตมากครับ
ไม่กล้าออกไปไหนเลยครับ กลัวคน ไม่กล้าสบตา พูดค่อย เสียงเคลือ ตลอดเวลาครับ
มีทางรักษาให้หายขาดไหมครับ ผมไม่มีความหวังอะไรแล้วครับ
ถ้าตราบไดที่มันยังไม่ได้รับการรักษาให้หายขาดผมคง
มีชีวิตอยู่ต่อไปในสังคมไม่ได้อีกแล้วครับ คิดโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา
มันเป็นเวรกรรมอะไรของผม ความรู้ขนาดนี้เขาได้ดิบได้ดีกันไปหมดแล้ว แต่ผม
ทำงานอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จเลยครับ
  :-[ :-[ :-[
ช่วยทีนะครับ
ขอบคุณครับ  :-[ :-[ :-[

wattana

สวัดดีครับทุกคน

ขออนุญาติ พี่พอล แล้วก้สมาชิกทุกคน ขอเข้ามาคุยบ้านนะครับ
ปรติผมก้ไม่ค่อยได้เจอคนไทยหรือคุยภาษาไทยเท่าไหร่ด้วยเหตุผลที่ว่าหน้าที่การงานกับความเป็นอยู่เลยไม่ค่อยได้พูดภาษาไทย
เมื่อก่อนนี้อึดอัดมากครับ พอคุยกับเพื่อนในเน็ต แล้วเขาบอกว่า( ไม่ใช้ภาษาของเราคุยไปเภอะผิดถูกไม่มีฝครว่าหลอกครับ แล้วเราค่อยๆปรับตัวเอานะครับ
โรคที่คุณบอกมานะ ผมคิดว่าถ้าคุณเข้ามาในคุยในห้องนี้บ่อยๆ หรือเริ่มคุยในห้องแซ็ตกับเพื่อนๆจะทำให้คุณพูดเก่งขึ้นนะครับ

BUAKAO

ส่วนตัวเรานะค่ะ...เราต้องอยู่ให้ได้นะค่ะ บางครั้งเราเจอเหตุการณ์แทบแทรกแผ่นดินหนี แต่เราก็ต้องยืนหยัดอยู่ให้ได้ค่ะ (หน้าด้านเข้าไว้นั่นเอง)ใครมาด่าเราเราก็ยืนให้เขาด่าจนเขาไปลมไปนั่นแหละค่ะ ใครเมาท์เราอะไรเรา เราก็อยู่ไปค่ะ ใช่ว่าคนนี้ฉันไม่ชอบ ชอบมาเมาท์ฉันกาหัวไว้หละไม่คุยด้วย คนนี้ขี้อวด หมั่นไส้ว่ะไม่คุยด้วยหละ สังคมเราก็จะหายไป หายไปนะค่ะ เขาจะเมาส์ จะด่า จะอวด ก็ช่างหัวมัน ยังไงซะเขาก็ยังอยู่กับเรา เพราะคนเรามันก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ทุกคนเป็นมนุษย์ยอมทำผิดได้เสมอ อยู่ที่ว่าเราให้อภัยและยอมรับก็เท่านั้นเอง

ต้องออกมากระทบอารณ์บ่อย บ่อยค่ะ ได้ยินเขาเมาส์เราโกรธก็รู้ว่าโกรธจบ ไม่ต้องมานั่งบิ๊วอารมณ์ต่อค่ะ โดนเจ้านายด่าเสียใจก็รู้ว่าเสียใจจบ ไม่ต้องมานั่งบิ๊วอารมณ์ดื่มเหล้าต่อที่บ้านค่ะ
                                                                               
นอกจากฝึกสมาธิสมถะแล้ว ควรฝึกวิปัสนาควบคู่ไปด้วยค่ะ ตามรู้จิตนั่นเอง

http://www.youtube.com/watch?v=3wNKzqrhNpY&feature=related


อันนี้หลวงพ่อปราโมทย์ สอนวิปัสนาค่ะ

lucky-1

สวัสดีค่ะ ป้าพอล และ ทุกๆคน    ขอฝากตัวนิดนึงค้า
   เห็นกระทู้แล้วจิ้ด เลยค่ะ เพราะเป็นชื่อเล่นของดิฉัน  รู้สึกเคืองนิดๆ ถ้าญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาอ่านเจอเข้าอาจเข้าใจผิดได้

    แถมครอบครัวเราอยู่เมืองไทย ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ใช้ชีวิตพอเพียง เงียบสงบ  สันติ ไม่ฟุ้งเฟ้อ
    ไม่ค่อยอยากคุยเรื่องไร้สาระ และเปิดรับใครง่ายๆ เพราะไม่ค่อยทันกับคำโกหก ของคน ไม่อยากมีปัญหากับใคร
    ไม่รู้ว่าดวงเป็นไงนะค่ะ เจอแต่คนมาปรับทุกข์ ขาดเงิน ขอยืม ให้หาปั๋วฝรั่งให้ อยากเข้ามาในบ้าน ยืมนั่นยืมนี่ บางทีเราอยากนอนสบายๆ แต่งตัวโป้ ก็ต้องมีคนมารบกวน
     สามี ก็ไม่ชอบไปนั่งบาร์ นั่งผับ ไม่ชอบผู้คนมากมาย รักธรรมชาติ เก็บเงินเป็นที่หนึ่ง พูดคำไหนคำนั้น  สามีสวิสดิฉันช่างเป็นเจ้าชายฝันเลยล่ะ
     ดิฉันว่าคนที่ แสวงหาสังคมเกิน อาจจะโลกทัศน์ แคบ ยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่ ยังไม่เจอปัญหาเต็มรูปแบบ จึงแสวงหาความสุขสงบด้วยตัวเองไม่ได้ ทั้งขาดความมั่นใจ หรือเปล่า
      จิตคนเรา ถ้าควบคุมได้ สั่งตัวเองให้มีสุขได้  ยืนอยุ่บนลำแข้งตัวเอง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ สุดประสริฐแล้วล่ะ
        ที่ขอออกความเห็นไม่ต้องการขัดแย้งใครนะคะ  เพียงแต่อยากให้เข้าใจคนอื่น เพราะบางราศี นิสัยใจคอ ไม่เหมือนกัน--หรือท่านอื่นคิดไงค้า
         จากสะไภ้สวิสชื่อเล่น ว่าเอ ผู้รักสันโดษค่ะ

Jojo

สวัสดีค่ะทุก ๆ คน

ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นคนชอบสันโดษค่ะ ชอบใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองและครอบครัว รักครอบครัว รักการทำงาน และรักการหาและเก็บเงิน..อิอิ  แต่ก็ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหลาดกลัวสังคมนะ ยังมีมนุษยสัมพันธ์คุยกะผู้คนได้อยู่ แต่ผ่านแล้วก็ผ่านไปไม่ได้เอามาผูกพัน  ;D เพราะเบื่อการมีสังคมมากกว่า โดยเฉพาะเจอสัมคมเหม็น ๆ เลยเบื่ออ่ะ สังคมที่มีแต่การใส่หน้ากาก ความอิจฉาริษยา มีแต่ความโอ้อวด มีแต่การนินทา ความโกหก ฯลฯ เซ็งค่ะ  ทุกวันนี้ก็แสวงหาสังคมอยู่นะ แต่ยังไม่เจอสังคมที่ใช่ในแนวของตัวเองซักที คิดว่าซักวันมันต้องเจอล่ะน่า ;D
อย่าหยุดที่จะเดินหาโอกาส

Aniki

สวัสดีครับทุกท่าน ...........................[My Last Word]
     ผมเองก้อเป็นคนๆหนึ่งที่ประสบปัญหากับโรคกลัวสังคมมานานมากแล้ว และผมเองก้อได้รับการรักษามาได้ราวๆ 14 ปีแล้ว ตอนนี้ผมรักษาอยู่กับอาจารย์หมอของโรงพยาบาลจุฬาซึ่งเป็นผู้ที่ผมเชื่อว่า คือความหวังสุดท้าย
     ผมยอมเข้ารับการรักษาด้วยยาและมีความหวังว่าจะหายได้เพราะผมมีความเชื่อและ เข้าใจเกี่ยวกับสารสื่อประสาทในสมองมนุษย์โดยมีหลักการพื้นฐานจากความเชื่อ ในวิทยาศาสตร์ การแพทย์และหลักจิตวิทยา
      หลายปี...ที่ผมทนทุกข์ทรมาณกับ side effect ของยา มากกว่าผลการรักษาของยา ........รวม กับผลร้ายของโรค...ผลพลอยเสียซึ่งมิใช่ผลพลอยได้คือ โรคซึมเศร้า จาก Minor เป็น Major จนถึงขั้นรุนแรงที่สุด ผมเป็นมาแล้วทั้งนั้น สิ่งที่ผมคิดว่าน่ากลัวที่สุดมิใช่ความตาย แต่หากเป็น"การทรมาณอย่างแสนสาหัส แต่ไม่ตาย"ต่างหาก
       ปัจจุบันผมอายุ 30 ปีแล้ว อาการก้อ ดูเหมือนจะดีขึ้นเป็นลำดับ ครอบครัวผมต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ประมาณเดือนละ 18000 - 20000 บาท ต่อเดือน เฉพาะค่าตัวยาที่ต้องสั่งจากต่างประเทศซึ่งส่วนมากน่าจะมาจากอเมริกาและ แคนาดา
        ปัจจุบันนี้อาการของผมลุ่มๆดอนๆ พอดูเหมือนจะดีขึ้นแต่วันถัดไปกลับแย่ลง ชีวิตของผมทุกวันนี้ ไม่สามารถประกอบอาชีพการงานได้ มีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหวัง(จากเดิมที่เคยมีความหวัง) ผมหวังว่าจะมีสักวันที่ผมได้หลับ ละทิ้งลมหายใจและไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก
ผมได้เงินใช้ส่วนตัวจากคุณพ่อซึ่งอายุ 65 ปีแล้ว ส่วนคุณแม่อายุ 63 ปี  จากทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและก้อขณะนี้ ซึ่งผมก้อได้พิจารณา ไตร่ตรองอย่างดีและตัดสินใจแล้วว่า จะพยายามต่อสู้ดิ้นรนต่อไปจนถึงวันที่สภาพจิตใจของผมเองไม่สามารถรับได้ ผมก้อจะSuicide โดยวิธีการ Hanging (ซึ่งอาจจะภายใน 3-5ปี)หรือ3-5ชม.!!
       ผมรักคุณพ่อ คุณแม่ และน้องสาวของผมครับ และก้อเสียใจในการกระทำอันเป็นบาปของผม ซึ่งแน่นอนว่าผมได้ทำใจเตรียมรับมันไว้นานแล้ว      (ขณะนี้เวลา 20.35 ณ. วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2553)