บันทึกรายวัน ตะลุยกับกลุ่มทัวร์ใน...COSTA RICA....ตอน 2

Started by pall, February 17, 2010, 11:33:41 PM

Previous topic - Next topic

pall


บันทึกการเดินทางรายวัน...ตะลุยกับกลุ่มทัวร์ในคอสตาริกา
**24.2.2011**

คอสตาริกาเป็นประเทศที่อยากไปมาก  เราสองคนต่างเห็นพร้องต้องกันว่าต้องไปให้ได้...
พอดีอ่านเจอจากหนังสือพิมพ์ของCoopเกี่ยวกับการจัดทัวร์ครั้งนี้
เราเลยไปสั่งจองทัวร์กับเขาด้วย
ดังนั้นจึงนั่งหยอดกระปุกทุกวันจนครบวันทุบกระปุก...เพื่อนำเงินไปเที่ยว
ตั้งความฝันไว้อย่างแรงกล้า..........จะไปดูนกปากยาว tucan  นกในฝันให้ได้.........
http://images.google.ch/images?hl=de&source=hp&q=tucan&oq=tucan&um=1&ie=UTF-8&sa=N&tab=wi
รักมันมาก จนถึงนำมาใส่หน้าจอ  แบบเปิดปุ๊บก็เจอน้องนก tucan ปั๊บเลย...รักจริงๆจุฟฟฟฟ


หมีแพนด้า หมีแพนด้า  ไอ้หมีแพนด้า.....ร้องเพลงนี้เพราะขอบตาเริ่มดำแล้ว......
นอนไม่หลับมาหลายอาทิตย์ก่อนออกเดินทางไปคอสตาริกา  
วิตกจริตสุดๆกับการไปเที่ยว   ความจริงน่าจะดีใจนะแต่ไม่ดีใจเท่าไรนัก
เพราะกังวลใจกับการเข้ากับกลุ่มคนจำนวน 30 คน เคยไปเที่ยวกันแค่สองคน
ไม่เคยไปเที่ยวกับกลุ่มคนจำนวนมากอย่างนี้เลย เป็นครั้งแรกในชีวิต
อยู่หลังเขามานานพอเข้ามาอยู่ในหมู่คนก็เริ่มออกอาการกลัวซะแล้ว...............
ไม่รู้จะปรับตัวให้เข้ากับเขาได้ไหม.......

อะไรจะเว่อร์ขนาดนี้วุ๊ยส์  จัดของก่อนเดินทางตั้ง 2อาทิตย์กับ 1ชม.ไม่เรียบร้อยซักที ...
ไม่ใช่อะไรหรอก..ก็เอาเสื้อผ้าและของใช้...เอาเข้า...เอาออก...ทุกวันแล้วมันจะเสร็จได้ไง.......................
เย้ๆๆ  เสร็จแล้ว ได้เวลาออกเดินทางกันได้แล้ว
เราเดินลากกระเป๋าปุเลงๆๆๆๆๆๆๆๆอย่างสบายใจไม่รีบไม่ร้อน
เพราะแค่ซ้อมเดินทางไปนอนซูริคก่อน 1 คืน เสียดายเงินค่าโรงแรมมาก
แต่ต้องไปนอนไม่มีทางเลือกเพราะเครื่องบินออกแต่เช้า  
เริ่ดดดดดดดดดดดมากได้นอนโรงแรมHilton
อิอิ  เราตัดคำว่าApart ข้างท้ายทิ้งไปฟังดูโก้ชะมัด
โรงแรม Hilton apart มี 67 ห้องอยู่ใกล้ๆกับโรงแรม Hilton
http://www.aparthotelzurich.ch/
เวลานั่งรถ Shuttle-Busจากสนามบิน
ก็ขึ้นหรือไปสนามบินพร้อม กันกับโรงแรม Hilton
เมื่อ scheck inที่โรงแรม เรียบร้อยแล้ว
เราก็เข้าไปในตัวเมืองซูริคเดินชมตัวเมืองจนเย็นจึงเข้าโรงแรม
เพื่อนำประเป๋าไป scheck in ที่สนามบิน
ซึ่งจะเริ่มทำงานเวลา 19.30 น.  ต่างคนต่างลากกระเป๋าเพื่อไปรอ
คิดว่าเราคงไปเป็นคู่แรก..............
ที่ไหนได้มีคนไปรอก่อนเราเป็นจำนวนมากพอสมควร แบบนี้เห่อกว่าเราอีก...
เราเจอไกด์มาแนะนำตัวทันทีว่าเขาคือไกด์ที่เดินทางไปพร้อมกับเรา
ต่างคนต่างแนะนำตัวเอง  นี่คือแฮร์ ...นั่นเฟรา.....จำไม่ได้ซักคน    
ความจำชื่อคนสั้นมาก กระซิบถามลุงว่าจำได้ไหม
แกบอกว่า...หัวแกยังได้รับความกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ ประสาทความจำเสื่อม....
Hjl;'''' ...........จากนั้นก็กลับโรงแรมมากินอาหารเย็นกันที่นั่น
พอกินเสร็จก็เข้าห้องพัก   หลังจากนั้นก็ เปิดกระเป๋าดูเงิน
ที่แลกมาสองสกุลที่พับครึ่งใบแล้วเอา ยางวงรัดซะแน่น
แล้วเอาใส่กระใส่กระเป๋าเงินตามเดิม   หลังจากนั้นก็เอายางวงมัดอีกชั้นหนึ่ง แบบกลัวหาย
ดีนะที่ไม่เอาสะก๊อตเทปแปะอีกรอบ หลังจากนั้นก็เข้านอนแต่นอนไม่หลับหรอก
มันตื่นเต้นกลัวตกเครื่องบิน  อะไรจะปานนั้น (ลุงก็มีอาการเดียวกันเด๊ะเลย)

pall


**25.2.2011**

ออกเดินทางเรียบร้อยด้วยสายการบิน Iberia
อยากจะร้องเพลงอย่าเจอกันอีกเลยหรือเข็ดจนวันตายยยยยยย
เที่ยวบินจาก Zürich – Madrid ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.10นาที
แต่ความรู้สึกว่านานมาก     การบริการสุดห่วย
และสมจริงๆกับการบินแบบ low cost อาหารและเครื่องดื่มต้องซื้อกินเอง
.......ดีใจมาถึง Madrid ซะทีหมดเวรหมดกรรม  
ท่าอากาศยานใหม่Madrid-Barajas
http://www.contemporist.com/2007/10/31/madrid-airport-terminal-4/
http://de.wikipedia.org/wiki/Flughafen_Madrid-Barajas
สวยงามมาก ไกด์เราบอกว่าถ้ามีขวดน้ำเปล่า เอาขวดไปรองน้ำดื่ม
น้ำที่นี่ดื่มได้เป็นการประหยัดเงินอีกแบบหนึ่ง
เราฟังแล้วหูผึ่งชอบใจมากจึงได้ทำตาม  เดินไปมาฆ่าเวลา อ่านหนังสือก็แล้ว
เล่นไพ่กับลุงจนเบื่อ  ถ่ายรูปเล่นไปมาแล้วลบทิ้งเพราะไม่รู้จะทำอะไร
ลุงแกอารมณ์ดีเพราะนั่งแทะชอกโกแลตดำกินจนหมดกล่อง
อืมมมมมมม...สงสัยคงจะจริงที่มีคนบอกว่ากินชอกโกแลตทำให้อารมณ์ดี  
เห็นแกหอบมาด้วยร่วม10กล่อง

หลังจากนั้นก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องบินจาก Madrid เดินทางไป San José.....
อยากร้องไห้......เราจองที่นั่งติดหน้าต่างไหงกลายเป็นที่นั่งแถวกลางไปได้
และมีจอหนังห้อยตรงหน้าพอดี เวลาหนังฉาย แสงสี จากหนัง
จะกระพริบตามอารมณ์หนังทำให้ปวดหัวสุดๆ
ระยะเวลา จาก Madrid - San José ใช้เวลาประมาณ 11 ชม.10นาที
ปวดหัวจนโด๊ปยาแก้ปวดหัวตลอดทาง เที่ยวบินนี้คนแน่นไม่มีที่ว่างเลย
มีกลุ่มทัวร์จากฝรั่งเศส 3 กลุ่ม
แต่ละกลุ่มลุกเดินคุยกันส่งเสียงดัง วุ๋ยๆๆ หน๋องๆๆ  
จะมีสองกระเหรี่ยงที่นั่งหน้าตูมแบบซังกะตายไปตลอดทาง
และผลสุดท้ายก็คุยกับหนุ่มน้อยวัยเดอะชาวฝรั่งเศสที่นั่งข้างๆจนถูกคอกัน
ถึงแม้จะเป็นภาษาฝรั่งเศสเราคุยกัน เกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวอาฟริกาใต้
ซึ่งเราคิดกันไว้ว่าจะไปตะลุยอาฟริกาใต้กันให้ได้ในอนาคต
แอร์ทั้งหลายเท่าที่มองดูความรู้สึกเหมือนมีอายุพอๆกับกับเครื่องบินที่นั่งจริงๆนะไม่ได้โม้
และปราศจากรอยยิ้ม นี่ถ้าถอดเครื่องแบบออก
จะนึกว่าเป็นคนทำความสะอาดชาวเสปนที่เห็นที่นี่
ที่นั่งเก่าดูด่างขมุขมอมและมีรอยเปื้อน
และถุงใส่เอกสารข้างหน้าเราก็มีรอยขาดข้างๆถุง  
กลุ่มทัวร์ส่งเสียงคุยกันดัง เเอร์ก็ดุแต่ไม่ไม่ใครฟังเลย
น้ำดื่มต้องเดินไปขอตลอดเวลาไม่มีการเสริฟให้
ฮ่วย....ซวยจริงๆ ที่นั่งปุ่มปิด เปิดไฟเสีย เลยเรียกแอร์ .....
เขาบอกว่ายอหอ.........แปลว่าอย่าห่วง เขาทำได้หมดทุกอย่าง
อืมเขาทำได้จริงๆด้วย..แต่แบบเปิดไฟแล้วมันค้างปิดไฟให้ดับไม่ได้เลย................

อาหารที่เสริฟมีมื้อเดียวอย่างที่เห็น สำหรับอาหารเช้าเป็นกล่องแซนวิชอย่างภาพข้างบน

**ปล**
ลืมบอกไปว่าการตรวจค้นกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องและร่างกายตรงด่านแต่ละด่านแสนจะเข้มงวด
ต้องถอดเสื้อคลุม รองเท้า นาฬิกา ดีนะที่ไม่ต้องถอดถุงเท้าออก
ลุงแกโดนขนาบทุกครั้งที่ผ่านด่านเพราะเครื่องมือส่งสัญญาณ ปี๊บ  
เนื่องจากสะโพกแกดามเหล็กไว้  ว่าไปก็น่ารักไปอีกแบบหนึ่งนะ
แกเหมือนเป็นบุคคลสำคัญต้องดูแลอย่างดี

pall


http://www.explorecostaricanow.com/photos.htm

welcome to costa rica..ยินดีต้อนรับสู่  คอสตาริกา  อเมริกากลาง

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 1502  christopher columbus
ได้เดินทางเข้ามาเหยียบแผ่นดินที่เกาะเล็กแห่งหนึ่ง
เมืองชายฝั่ง Uvita Limon  ปัจจุบันเรียก Puerto Limón  โดยบังเอิญ
เขาได้พบชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่แถบนั้นคือชาวIndios
ซึ่งพูดส่งภาษาพื้นเมืองที่ไม่เข้าใจกันนักและต้อนรับเขาด้วยเครื่องดื่มเผ็ดร้อน
นั่นคือโกโก้ใส่เครื่องเทศ สิ่งที่ทำให้โคลัมบัสสนใจคือ
ชาวพื้นเมืองเหล่านี้มีเครื่องประดับสร้อยและกำไลที่ทำด้วยทองคำ
ซึ่งทำให้โคลัมบัสมีความหวังและคิดว่าจะค้นหาทอง
และที่นี่น่าจะมีแหล่งทองคำอย่างแน่นอน จากทองเครื่องประดับของชาวพื้นเมืองที่เห็น
เขาเลยได้ขนานนามแผ่นดินนี้ว่า
ประเทศคอสตาริกา       y Castillo de Oro
(Reiche Küste und Goldene Burg)Rich Coast and Golden Castle

new life

สวัสดีอีกครั้งค๋ะป้าพอล...
ป้าพอลค่ะไอ้เจ้านก  tucan ตัวเนี๊ยถ้ามันจิกมาคงเจ็บหน้าดูเลยคะป้า..เหอะๆๆๆ ดูปากของมันเเข็งเอาเรื่องน่าดูคะเเต่สีสั้นของมันสวยดีคะป้า..ป้ายังฉิวๆๆคะปองเป็นเอามากกว่าป้าอีกจะไปไหนที่เก็บไว้เป็นเดือนเลยเหอะๆๆเเล้วก็เก็บเข้าเก็บออกอยุ่นั่นเเละ งง กับตัวเองเหมือนกันคะ  ::) สนามบินของเขาดู  Art เเล้วก็สวยดีเนอะป้า..
ปล.ถึงยังไงปองก็ว่าป้าพอลดูจีาบกว่าวัยรุ่นคนอื่นค๋ะ... ;D  ;D

jin

สวัสดีค่ะ   เข้าใจความรู้สึกป้าตอนอยู่ในเครื่องบินเพราะตอนที่หนูบินมาครั้งแรกที่ซูริคหนูก็เจอแบบเดียวกัน(แถมหนูยังไปยกมือไหว้คนไทยที่นั่งเครืองเดียวกันหวังหาจะหาเพื่อนเพราะเป็นครั้งแรกของหนูที่ใด้ขึ้นเครื่องบินแต่เขาไม่พูดดว้ย :'(ใด้แต่ยืนเก้ฯกังฯทำอะไรไม่ถูก)ป้าเขียนใด้สนุกมากค่ะ  ปูเสื่อรอดูตอนต่อไปอยู่ค่ะ ;D และขอบคุณกับสิ่งดีฯที่ป้าทำให้กับพวกเราทุกคน  ขอบคุณค่ะ 

ปรมัทร์ มณีกร

สวัสดีค่ะป้าพอลและทุกท่าน
ป้าเขียนเรื่องได้สนุกและทำให้จินตนาการตามไปด้วยแอบเข้ามาอ่านก่อนนอนนะคะ
นู๋เคยฝันยากไปเที่ยวอาฟริกาใต้ฅั้งแต่ยังไม่เคยไปเมืองนอกประเทศไหนเลยเพราะชอบดูสารคดีมาก อาทิชนเ่ผ่าพื้นเมือง เหมืองเพรช (Dimond are forever ) สัฅว์ป่า และอีกมากมาย ส่วนมากถ่ายทำมาจากอาฟริกาใต้ทำให้รู้สึกชอบตั้งแต่นั้นมาไม่รู้จะมีวาสนาได้ไปเที่ยวกะเค้าบ้างรึเปล่าหนอนี่ ยังไงขอบคุณป้ามากนะคะเที่ยวแล้วยังนำประสบการณ์มาเผื่อแผ่
แล้วจะรอนู๋จะรอตอนต่อไปนะคะ
Arriverderci

Fon2008

สวัสดีคะ้ป้าพอล เข้ามาเยี่ยมชมตอน 2 รู้สึกสนุกสนานปนเหนื่อยไปกับการเดินทางของป้าด้วยค่ะ ;) อ้อแอบขำนิดๆตรงเรื่องจัดกระเป๋าของป้าแบบว่า เอาของเข้า เอาของออกทุกวันแล้วมันจะเสร็จได้ไง  ;D แบบว่าเป็นเหมือนกันค่ะเลยอดขำไม่ได้ อยากให้ชีวิตตัวเองเป็นแบบป้ากับลุงค่ะรักกันอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า รอชมตอนต่อไปเช่นเคยค่ะ  ;)

pall

ตอบแฟนคลับ
สวัสดีค่ะ คุณ pong
ขอบคุณมากค่ะกับคำชมนก  tucan ไม่เห็นตัวมันเลยค่ะ
คิดว่าถ้าจิกคงจะเจ็บจริงๆด้วย ป้าเห็นด้วยค่ะว่าสีสวยมากมี5สีตรงปาก
และสีพื้นเหลืองตรงลำคอ ลำตัวยาว40-50ซม ตัวผู้นน. 500 กรัม ตัวเมีย นน.380 กรัม

............................

สวัสดีค่ะ คุณ jin
ขอบคุณมากค่ะกับคำชมและความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน  
ป้าเข้าใจถึงความรู้สึกดีค่ะพราะประสบกับตัวเองมาแล้ว
แต่อย่าท้อนะคะ เราคนไทยยิ้มให้กันไว้....สักวันคงมีคนยิ้มตอบเรา สู้ๆๆ
......................
สวัสดีค่ะ คุณtaky
อิอิ  ถ้าเดาไม่ผิดคิดว่าน่าจะเป็นสาวใต้ของสวิสไช่ไหมคะ?
เราหัวใจตรงกัน น่าจะไปเที่ยวอาฟริกาใต้ด้วยกัน  แต่ถ้าเจอสิงโตก็ตัวใครตัวมัน
ตอนที่ป้าไปนั่งดูวิวที่ปล่องภูเขาไฟ เจอฝรั่งคนหนึ่งคุยจนรู้ว่าเขาอยู่ที่อาฟริกาใต้
ทำงานในป่าสงวนและเขาได้ให้สถานที่ควรไปเที่ยวให้ได้ดูดังนี้
นี่คือที่อาฟริกาใต้ที่ป้าอยากไป
botswana
http://www.botswanatourism.de/

okavango delta
http://www.okavango-delta.net/

chobe nationalpark
http://www.namibia-info.net/nordnamibia/chobe.html

Tuli Mashatu Game Reserve reserve
http://www.game-reserve.com/botswana_mashatu.html

rattray reserves
http://africanadrenalin.co.za/Rattray/index.htm

ทัวร์ทำเที่ยวที่อยู่ในอาฟริกาใต้กรณีย์ไปส่วนตัว
http://www.jenmansafaris.com/

..........................
สวัสดีค่ะ คุณ Fon2008
ดีใจค่ะที่มีคู่แข่ง จะได้ไม่ว้าเหว่  ช่วงนี้การเขียนอาจะไม่ต่อเนื่องกัน
เพราะต้องทำหน้าที่ทุบถั่วค่ะ
มีเป็นร้อยโลลูก  Baumnüsse เก็บมาปีที่แล้ว
พอกลับมาเลยต้องทุบเอาเปลือกออกเพื่อนำไปให้เขาทำน้ำมันเก็บไว้กินทุกปี
คิดว่าคุณคงอ่านเรื่องนี้ที่ป้าเขียนไว้แล้วนะคะ
อิอิ รออ่านหน่อยนะคะ ถ้าขาดช่วงไป...เป็นบางครั้ง

pall


Plan การเดินทางแต่ละวันเริ่มตั้งแต่   วันที่ 26.01. - 06.02
วันที่ 25 .มค..: เดินทางมาถึง
วันที่  26  .มค..: ชมภูเขาไฟ Vulkan Irazú- สวนพันธ์ไม้ต่างๆ Lankester Botanischer Garten – Turrialba- โบสถ์เก่าที่สุดของคอสตาริกา ใน เมือง Orosi (besuch altest Kirche in Land(in die Ortschaft Orosi)
วันที่  27  มค.: อนุสาวรีย์  ชาว( Indios) Guayabo Monument (Indios)
วันที่  28  มค.: เดินทางไกลในป่าสงวนส่วนตัว  ที่ Turrialba - Regenwaldwanderung La Selva – Sarapiqui – biologische Station
วันที่  29  มค.: ชมสวน สัปะรด ของชาวสวิส  Johann Dähler
ที่ไปตั้งรกรากที่คอสตาริกา Ananasplantage Johann Dähler – ตอนบ่าย เดินป่าโกโก้Am nachmittag  ins Regenwaldresrvat - Schokoladentour Tirimbina
วันที่  30  มค.: ดูโบสถ์ และเข้าเมือง  - อาบน้ำแร่ลาวา Sarapiqui - La Fortuna – Thermalquellen
วันที่  31 มค.: :  เดินทางไกลที่อุทยานแห่งชาติ Arenal Nationalparkเพื่อดูภูเขาไฟ Arenal –
เยี่ยมชม ภัตราคารหมุนของชาวสวิส Franz Ulrich Besuch beim Schweizer Franz Ulrich
วันที่   1  กพ.: ชมสวนต้นโกโก้ และดูสาธิตความเป็นมาและการทำโกโก้La Fortuna – เดินบนสะพานแขวน 15 แห่ง
ในป่าArenal Hängebrücken - Rincon de la Vieja
วันที่  2 กพ.: เดินทางไกลที่อุทยานแห่งชาติ Rincón de la Vieja Nationalpark
วันที่  3 กพ.: แวะเมือง Rincón de la Vieja - ล่องแก่ง Flussfahrt auf dem Rio Tenorio - Alajuela
วันที่ 4  กพ.: ชมภูเขาไฟ  Poas  Vulkan Poas – ชมสวนกาแฟชาวสวิส Roland Zbinden  (Kaffeetour Roland Zbinden)
วันที่ 5   กพ.: : เป็นอิสระส่วนตัวใครจะ เดินชมเมืองหรือจะเข้าดูพิพิธภัณท์ก่อนจะเดินทางกลับสวิส (Hauptstadt San José ..... Rückreise in die Schweiz)
วันที่ 6 กพ..  เดินทางกลับ : Ankunft Zürich

แผนที่เมืองที่ทัวร์นำเที่ยวผ่านไปแต่ละแห่งดูได้ที่นี่
http://www.marinepolicy.net/Caribbean/journal/CostaRicaMap-large.jpg

โรงแรมที่พักระหว่างการเดินทาง
Hotel Casa Conde
http://hotels.hotelopia.de/hotel-casa-conde_san-jose.html

Guayabo Lodge   
Santa Cruz de Turrialba, Costa Rica
http://www.guayabolodge.com/

sarapiquis rainforest lodge costa rica
http://www.solartours.com/Latin_America/Costa_Rica/Sarapiqui_Rainforest/discount_hotel_pp6647_Sarapiquis_Rainforest_Lodge_(No_Meals).aspx

lomas del volcan costa rica
http://www.lomasdelvolcan.com/

canon de la vieja lodge costa rica
http://www.1-costaricalink.com/hotels_guanacaste_costa_rica/hotel_canon_de_la_vieja_lodge_costa_rica/hotel_canon_de_la_vieja_lodge_costa_rica_home_deu.htm

Barcelo Palma Real San Jose
http://hotels-costarica-en.globalhotelindex.com/san_jose/barcelo_palma_real_2496385en.html

**คำแนะนำจากทัวร์ สิ่งที่ควรนำติดตัวมาด้วย**
แว่นตาดำ ยาทากันแดด หมวกใส่กันแดด  ยาทากันยุง 
รองเท้าที่สรวมสบายเพราะต้องเดินทางไกลทุกวัน
เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น  ไฟฉาย  ยา  ชุดว่ายน้ำ และสิ่งสำคัญคือเงิน.
(เห็นไหมป้าเลยกลัวเงินหายมากๆจนต้องรัดด้วยยางวงอย่างแน่นหนา).........

pall


**25.1.2011** เดินทางมาถึงคอสตาริกา
เที่ยวบิน IB 6313 จาก Madrid - San José  ร่อนลงเวลา 16.15 น. ตามกำหนด   
เวลาจะแตกต่างจาก สวิส  - 7 ชม.

เริ่มต้นวันแรกแห่งการเดินทางเข้าประเทศคอสตาริกา
ระยะทางที่จะไปผ่านด่านตรวจหนังสือเดินทางของสนามบิน
Juan Santamaría International Airport ของคอสตาริกา ระยะทางไกลพอสมควร
ทุกคนเดินจ้ำอ้าวเร่งร้อนหอบถุงหอบกระเป๋าพะรุงพะรังเหมือนบ้าหอบฟาง
เพื่อผ่านด่านตรวจโดยไม่รอกัน   หนุ่มสาวชาวดอย มัวมองร้านค้า มองสะภาพข้างในสนามบิน
หลงกับกลุ่มทัวร์  ฝรั่งนี่แปลกแหะ มาบ้านเขาเมืองเขาไม่พยายามมองอะไรเลย
เราพาเดินกระเซอะกระเซิงหากลุ่มแต่ไม่เจอกัน
ทางเดินผ่านเพื่อเข้าด่านตรวจจะมีเจ้าหน้าที่โบกมือข้างเดียวเหมือนโบกจราจร
เพื่อให้คนเข้าด่านนี้ เราเดินทางที่เขาโบกมือบอก
มาเจอกลุ่มตัวเองเห็นเขาเข้าแถวยาวซะแล้ว  ดีใจที่เห็นกลุ่มตัวเองใจชื้นเป็นกอง
ลุงแกอารมณ์บ่..จอย   แกทะเลาะกับน้องแอร์ บนเครื่องบิน
เกี่ยวกับแจกเอกสารเพื่อกรอกข้อมูลตอนที่อยู่เครื่องบินจะร่อนลงมาแล้ว 
ก็เริ่มบ่...จอยหนักขึ้นเมื่อต้องมายืนหนีบกระเป๋าเดินทางด้วยขาทั้งคู่
คิดดูว่าทุกลักทุเล แค่ไหน ที่มายืนกรอกเอกสารขณะที่ยืนเข้าแถวแบบนี้
พูดถึงสนามบินแห่งนี้น่าสนใจมากถึงแม้จะไม่ใหญ่โตหรือทันสมัยมากเท่าไรนัก
สนามบิน San Jose International Airport
หรือ  Juan Santamaría International Airport ได้รับให้อยู่อันดับที่  3
ของละตินอเมริกาและแคริบเบียน เป็นสนามบินเก่าแก่ที่สุดของคอสตาริกา
เป็นชื่อที่ตั้งจากเด็กตีกลองที่มีชื่อว่า Juan Santamaria  เมื่อปี1856
ผู้ที่สิ้นชีวิตจากการต่อสู้ปกป้องประเทศของตนกับกองกำลังของWilliam Walker อเมริกัน
ที่พยายามยกกองกำลังเข้าบุกรุกหลายประเทศในละตินอเมริกา
ดังนั้นจึงตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์ความเป็นวีระบุรุษแก่เขา
สนามบินแห่งนี้อยู่ห่างจาก San Jose  เพียง 17 กิโลเมตร
http://www.infocostarica.com/culture/juansantamaria.html
http://images.businessweek.com/ss/09/03/0318_best_airports/18.htm
http://en.wikipedia.org/wiki/Juan_Santamar%C3%ADa_International_Airport

pall

ช่องตรวจหนังสือเดินทางจะแบ่งเป็น 7 ช่องและจะแยกลักษณะของหนังสือเดินทางแบบต่างชาติและคนที่นั่น
เปิดทำงานแค่2ช่อง...และคนที่ยืนรอเข้าคิวที่กั้นเป็นคอกจำนวนมากเติมส์เพราะมากจริงๆ
ต่อมาก็เพิ่มช่องอีกตามอารมณ์ และเพิ่มอีก..ขี้เกียจนับแล้วหล่ะหมดอารมณ์
จ้องรอตาโตเมื่อไรจะถึงคิวเราเสียที ....ถึงแล้ว..เจ้าหน้าที่ผู้หญิงเป็นคนตรวจ
ยิ้มแย้มแจ่มใส   การตรวจทำแบบไวมากแค่ขีดๆๆๆๆ.........กาๆๆๆๆๆ.......ด้วยปากกาสีแดง..
ก็ผ่านไปได้ดีแบบผิดสังเกต   ไม่เคยผ่านด่านตรวจไวแบบจรวดแบบนี้
ลุงแกบอกแกกรอกเอกสารมั่วๆและกรอกไม่หมดนะ ไม่น่าจะผ่านมาได้ไม่เห็นเขาทักท้วงอะไรเลย
สงสัยเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงคงอ่านไม่ออก ป้าเลยบอกว่า
น่าจะดีใจนะที่ไม่กินข้าวแดงที่นั่นทำเป็นบ่นอยู่ได้
เราไปรับกระเป๋ามาและเห็นเจ้าหน้าที่ยืนขอตรวจกระเป๋า
K;[''[kjลุงแกเปิดกระเป๋าเดินทางและลืมรูดซีพปิด
ตอนแกลากกระเป๋าและยกประเป๋าให้เขาตรวจ
ปรากฏว่าของหล่นลงพื้นกระจัดกระจายเรี่ยราดไปหมดจนคนอื่นๆมาช่วยโกยเข้ากระเป๋า
เจ้าหน้าที่เห็นสภาพนี้แล้ว  คิดว่าคงเป็นภาระ ในการตรวจแน่ๆกับกระเหรี่ยงคู่นี้
เลยโบกมือ...ไปเหอะ ไปให้เร็วที่สุด......ไม่ตรวจกระเป๋าแล้ววววว......
ป้าเหลือบมองดูเห็นเขาถอนใจโล่งอก.....ป้าคิดในใจว่า ดีจัง...เจ้าหน้าที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวคู่นี้จริงๆ

เดินตามกลุ่มทัวร์ต้อยๆ อ้าวหลงกับกลุ่มอีกแล้ว พอเดินออกมาข้างนอก
เจอคนที่มารับชูป้ายบอกชื่อทัวร์ของBischofberger
เราแล่นถลาไปหาทันทีด้วยความดีใจ ฮูเรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถึงจะหลงกับกลุ่มแต่เราก็เจอป้ายทัวร์ ไม่ต้องอดตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คนชูป้ายพูดภาษาอังกฤษ แบบ คอสตาริกา เราฟังไม่รู้เรื่องแค่เห็นป้ายหัวใจก็ชุ่มชื้นคิดว่าไม่ผิดตัวงานนี้
ก็บอกคำว่า SI ๆๆๆๆๆๆๆ แปลว่าเยสสสสสส   พร้อมทั้งหิ้วประเป๋าเดินทางห้อยป้ายทัวร์ให้เขาดู
คนมารับพยักหน้าหงึกหงักพร้อมทั้งบอกให้เราเอากระเป๋าไปให้คนอีกด้านที่จะทำหน้าที่เกี่ยวกับกระเป๋า
อืมมาคิดทีหลังทัวร์น่าจะแจกป้ายชื่อคนมากับกลุ่มจะดีมากไม่ต้องบอกแค่ยกมือเอ๊ยป้ายให้เขาดูก็รู้กัน

เดินลากกระเป๋าออกมาด้านนอกก็เจอคนปักป้าย ARA tour เขาชี้บอกให้เอากระเป๋ามาที่นี่
เราก็ส่งกระเป๋าเดินทางให้ด้วยความเบลอๆ  สงสัยคงเบลอจากการหลงกับกลุ่มตลอดเวลา
และแล้วเราก็เหลือบเห็นไกด์สาวเรา  Beatrice Jäggin  ดีใจมาก
เดินไปหา เขาก็แนะนำเราให้รู้จักไกด์หนุ่มลูกสอง Peter  Häser
Jlöpiztrjä.......zuhgj ลุงส่งเสียงภาษาสวิสอย่างดีใจเนื่องจากไม่ได้พูดภาษาตนเองมาร่วม 11 ชม.
คงจะเก็บกดเลยพูดจนน้ำลายแตกฟอง ..........สักพักป้านึกถึงกระเป๋าได้...
นึกถึงคำเตือนเกี่ยวกับการขโมยกระเป๋าเดินทางจากนักท่องเที่ยวเลยสะกิดลุงบอกเรื่องกระเป๋า
สองเราเริ่มหายเบลอ โวยวายซะเสียงดังลั่น  kl;;'''''kjkjhg   ตามสะไตล์เดิมตอนอยู่สวิส
ตอนนั้นคงจะลืมตัวเนื่องจากยังปรับตัวไม่ทันว่า ตอนนี้อยู่คอสตาริกา แล้ว

ไกด์ Peter  Häser ก็ถามว่า แล้วสองเธอส่งกระเป๋าให้ใครล่ะ
เราก็บอกว่าก็ส่งให้คนที่ถามเรื่องกระเป๋าน่ะ...ไกด์ Peter  Häser เกาหัวด้วยความมึนงง
แล้วถามต่อว่า ผู้ชายคนนั้นใครล่ะที่ถาม  ป้าเลยบอกว่าผู้ชายตัวดำๆใส่เสื้อขาวมีแว่นตาดำ
และห้อยป้ายว่า อาร่าๆๆ นี่แหละ ไกด์ Peter  Häser บอกนั่นแหละตัวจริงเสียงจริง
เธอคลายความหวาดวิตกกังวลใจได้  ป้าเป็นพวกไม่ค่อยจะไว้วางใจคน
จนลุงด่าบ่อยๆว่าแม้กระทั่งชั้นเธอยังไม่ไว้วางใจ  ป้าเป็นคนที่ชอบถือคติว่ากันไว้ดีกว่าแก้
จะเชื่อและมั่นใจเมื่อเห็นด้วยสายตาตนเอง  ในที่สุดก็หมดความวิตกกังวลใจไปได้
เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางบนรถเข็นด้วยสายตาตนเองจากหนุ่มหน้ามลตัวดำคนนั้น....
.และนี่คือหนุ่มคนขับรถตลอดทริปที่มีนามว่า  ฟาบิโอ

หมดปัญหาเรื่องกระเป๋าเสร็จแล้วป้าก็เที่ยวเดินถ่ายรูปที่ออกมาสะหลัวมัวซัว
เพราะเริ่มเป็นเวลาเย็นเริ่มจะมืดค่ำแล้ว....และกล้องก็คุ้มดีคุ้มร้ายเป็นบางอารมณ์
San José ยังไม่ถึง 18.00น. เลยแต่มืดไวมาก
มองดูสนามบินด้านนอกมีรถบัสจอดเป็นจำนวนมากมายที่มารับนักท่องเที่ยว
อ้าวเอาอีกแล้วมัวถ่ายรูปไม่เห็นกลุ่มตัวเอง เลยเดินหา
เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่มากับกลุ่มของเรายืนอยู่ข้างๆประตูรถบัสที่จอดอยู่
ป้ายิ้มให้และคิดว่านี่คือรถบัสของเรา รีบขึ้นรถจองที่นั่งข้างหน้าทันทีที่ว่างอยู่ 4 ที่  
รถคันนั้นมีคนนั่งเต็มเกือบหมด  ดีใจมากและแปลกใจมากทำไมไม่มีคนนั่ง ข้างหน้า
รีบลงไปข้างล่างเรียกลุงขึ้นรถพอเรานั่งเรียบร้อยหัวร่อต่อกระซิกด้วยความดีใจ
ว่าทุกอย่างผ่านฉะลุยไร้ความวิตกกังวลใจ คอสตาริกา   สองเราเดินทางมาแล้วววว
สักครู่.....มีคนมาสะกิดแขนป้าพร้อมส่งเสียงบอกว่า C¨tc¨ööö ........
หน้าเธอทั้งสองไม่เข้ากับกลุ่มทัวร์ของชั้นเลย
ป้าเหลียวมองดูคนในรถบัสแล้วอยากร้องเพลงของสาวมาด เมกะแดนซ์
โอ้.....จริงด้วย....ไม่เข้ากันจริงๆด้วย...อยากร้องไห้....ดาวเอ๊ย ป้า...รับไม่ได้..รับไม่ด๊ายยยยยยยยย
เรารีบตาลี......ตาลาน...ตระกายลงจากรถแทบไม่ทัน....พร้อมทั้งคิดในใจว่า โอ้มายก๊อดดดดดดดด
โชคดีนะที่เขามาสะกิดก่อนรถบัสจะออก ถ้าสะกิดตอนรถแล่นออกไปเรียบร้อยแล้ว
คงจะมีสีสันน่าดู ตำรวจคงจะแปะป้ายล่าตามหา2 กระเหรี่ยงแน่ๆ
และกลุ่มทัวร์ที่เราเห็นนั่นคือกลุ่มทัวร์ชาวฝรั่งเศสที่นั่งเครื่องบินมาพร้อมกับเรา

เย้ๆๆๆๆ พอตะกายลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว  ก็เหลือบเห็นหัวหน้าไกด์เรา Peter  Häser
รีบเดินไปหาทันทีพร้อมทั้งบอกว่าเราขึ้นรถบัสผิด ไกด์คงคิดในใจว่า..เอาอีกแล้วเหรอ..
ขาบอกว่าบอกว่าห้ามเธอแตกฝูงอีกนะ    ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ   ไม่แตกแล้วจ้า...........
คราวนี้ป้าไม่เดินห่างหัวหน้าไกด์อีกเลย ตามทุกฝีก้าว
เฮ้อ  การมาเที่ยวที่นี่ ถ้าพูดภาษาเสปนไม่ได้  การมาเที่ยวจะไม่สนุกเลย เพราะการสื่อสารไม่เข้าใจกัน

พอทุกคนขึ้นรถพร้อมกันแล้ว  สักครู่ไกด์สาวเรา  Beatrice Jäggin ก็เริ่มนับจำนวนคนทั้งหมด 30 คน
และแนะนำไกด์ ที่จะพาเที่ยวตลอดทริปมีชื่อว่า  Peter  Häser
และบอกว่ากลุ่มเราโชคดีมากที่ได้คนสวิสในการพาเที่ยวครั้งนี้
คนนี้มีความรู้เกี่ยวกับการเที่ยว การใช้ชีวิตในคอสตาริกาเป็นอย่างดี
และอยู่ที่นี่นานร่วม 20 ปี Peter  Häser เหลือบมองคู่เราและยิ้มแห้งๆ
คงคิดว่าตรูโชคดีหรือโชคร้าย  กับการรับจ๊อบพากลุ่มนี้เที่ยว
นอกจากจะมีจำนวนคนในกลุ่มมากเกินปรกติแล้ว......ยังมีคู่ติ๊งต๊อง...ตามมาอีก1คู่

ไม่ช้า..คนขับรถก็ค่อยๆเคลื่อนรถออกจากสนามบิน.........
ขณะที่รถแล่นผ่านออกไปไกด์ Peter  Häser ก็เริ่มแนะนำตัวเอง...เล่าประวัติของเขา
และเล่าถึงประวัติความเป็นมาของประเทศคอสตาริกา และเล่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พูดๆๆๆๆๆๆๆ..................จำไม่ได้เพราะไม่ได้ฟังมัวตื่นเต้นกับการดูวิวทิวทัศน์
ดูเมือง ดูคน พยายามหาดูน้องหมาแต่หาไม่เจอ... ดูรถ...ดูถังขยะ
ดูบ้านคนที่ปลูกข้างทาง..ดูดอกไม้..ตื่นเต้นวุ๊ยส์...

จนกระทั่งรถมาถึงโรงแรม Hotel Casa Conde
http://hotels.hotelopia.de/hotel-casa-conde_san-jose.html

และที่นี่ตามหมายกำหนดจะนอนค้างคืน  1 คืน

pall

ลุงแกเปิดกระเป๋าเดินทางและลืมรูดซีพปิด
ตอนแกลากกระเป๋าและยกประเป๋าให้เขาตรวจ
ปรากฏว่าของหล่นลงพื้นกระจัดกระจายเรี่ยราดไปหมดจนคนอื่นๆมาช่วยโกยเข้ากระเป๋า
เจ้าหน้าที่เห็นสภาพนี้แล้ว  คิดว่าคงเป็นภาระ ในการตรวจแน่ๆกับกระเหรี่ยงคู่นี้
เลยโบกมือ...ไปเหอะ ไปให้เร็วที่สุด......ไม่ตรวจกระเป๋าแล้ววววว......
ป้าเหลือบมองดูเห็นเขาถอนใจโล่งอก.....ป้าคิดในใจว่า ดีจัง...เจ้าหน้าที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวคู่นี้จริงๆ

เดินตามกลุ่มทัวร์ต้อยๆ อ้าวหลงกับกลุ่มอีกแล้ว พอเดินออกมาข้างนอก
เจอคนที่มารับชูป้ายบอกชื่อทัวร์ของBischofberger
เราแล่นถลาไปหาทันทีด้วยความดีใจ ฮูเรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถึงจะหลงกับกลุ่มแต่เราก็เจอป้ายทัวร์ ไม่ต้องอดตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คนชูป้ายพูดภาษาอังกฤษ แบบ คอสตาริกา เราฟังไม่รู้เรื่องแค่เห็นป้ายหัวใจก็ชุ่มชื้นคิดว่าไม่ผิดตัวงานนี้
ก็บอกคำว่า SI ๆๆๆๆๆๆๆ แปลว่าเยสสสสสส   พร้อมทั้งหิ้วประเป๋าเดินทางห้อยป้ายทัวร์ให้เขาดู
คนมารับพยักหน้าหงึกหงักพร้อมทั้งบอกให้เราเอากระเป๋าไปให้คนอีกด้านที่จะทำหน้าที่เกี่ยวกับกระเป๋า
อืมมาคิดทีหลังทัวร์น่าจะแจกป้ายชื่อคนมากับกลุ่มจะดีมากไม่ต้องบอกแค่ยกมือเอ๊ยป้ายให้เขาดูก็รู้กัน

เดินลากกระเป๋าออกมาด้านนอกก็เจอคนปักป้าย ARA tour เขาชี้บอกให้เอากระเป๋ามาที่นี่
เราก็ส่งกระเป๋าเดินทางให้ด้วยความเบลอๆ  สงสัยคงเบลอจากการหลงกับกลุ่มตลอดเวลา
และแล้วเราก็เหลือบเห็นไกด์สาวเรา  Beatrice Jäggin  ดีใจมาก
เดินไปหา เขาก็แนะนำเราให้รู้จักไกด์หนุ่มลูกสอง Peter  Häser
Jlöpiztrjä.......zuhgj ลุงส่งเสียงภาษาสวิสอย่างดีใจเนื่องจากไม่ได้พูดภาษาตนเองมาร่วม 11 ชม.
คงจะเก็บกดเลยพูดจนน้ำลายแตกฟอง ..........สักพักป้านึกถึงกระเป๋าได้...
นึกถึงคำเตือนเกี่ยวกับการขโมยกระเป๋าเดินทางจากนักท่องเที่ยวเลยสะกิดลุงบอกเรื่องกระเป๋า
สองเราเริ่มหายเบลอ โวยวายซะเสียงดังลั่น  kl;;'''''kjkjhg   ตามสะไตล์เดิมตอนอยู่สวิส
ตอนนั้นคงจะลืมตัวเนื่องจากยังปรับตัวไม่ทันว่า ตอนนี้อยู่คอสตาริกา แล้ว

ไกด์ Peter  Häser ก็ถามว่า แล้วสองเธอส่งกระเป๋าให้ใครล่ะ
เราก็บอกว่าก็ส่งให้คนที่ถามเรื่องกระเป๋าน่ะ...ไกด์ Peter  Häser เกาหัวด้วยความมึนงง
แล้วถามต่อว่า ผู้ชายคนนั้นใครล่ะที่ถาม  ป้าเลยบอกว่าผู้ชายตัวดำๆใส่เสื้อขาวมีแว่นตาดำ
และห้อยป้ายว่า อาร่าๆๆ นี่แหละ ไกด์ Peter  Häser บอกนั่นแหละตัวจริงเสียงจริง
เธอคลายความหวาดวิตกกังวลใจได้  ป้าเป็นพวกไม่ค่อยจะไว้วางใจคน
จนลุงด่าบ่อยๆว่าแม้กระทั่งชั้นเธอยังไม่ไว้วางใจ  ป้าเป็นคนที่ชอบถือคติว่ากันไว้ดีกว่าแก้
จะเชื่อและมั่นใจเมื่อเห็นด้วยสายตาตนเอง  ในที่สุดก็หมดความวิตกกังวลใจไปได้
เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางบนรถเข็นด้วยสายตาตนเองจากหนุ่มหน้ามลตัวดำคนนั้น....
.และนี่คือหนุ่มคนขับรถตลอดทริปที่มีนามว่า  ฟาบิโอ

หมดปัญหาเรื่องกระเป๋าเสร็จแล้วป้าก็เที่ยวเดินถ่ายรูปที่ออกมาสะหลัวมัวซัว
เพราะเริ่มเป็นเวลาเย็นเริ่มจะมืดค่ำแล้ว....และกล้องก็คุ้มดีคุ้มร้ายเป็นบางอารมณ์
San José ยังไม่ถึง 18.00น. เลยแต่มืดไวมาก
มองดูสนามบินด้านนอกมีรถบัสจอดเป็นจำนวนมากมายที่มารับนักท่องเที่ยว
อ้าวเอาอีกแล้วมัวถ่ายรูปไม่เห็นกลุ่มตัวเอง เลยเดินหา
เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่มากับกลุ่มของเรายืนอยู่ข้างๆประตูรถบัสที่จอดอยู่
ป้ายิ้มให้และคิดว่านี่คือรถบัสของเรา รีบขึ้นรถจองที่นั่งข้างหน้าทันทีที่ว่างอยู่ 4 ที่ 
รถคันนั้นมีคนนั่งเต็มเกือบหมด  ดีใจมากและแปลกใจมากทำไมไม่มีคนนั่ง ข้างหน้า
รีบลงไปข้างล่างเรียกลุงขึ้นรถพอเรานั่งเรียบร้อยหัวร่อต่อกระซิกด้วยความดีใจ
ว่าทุกอย่างผ่านฉะลุยไร้ความวิตกกังวลใจ คอสตาริกา   สองเราเดินทางมาแล้วววว
สักครู่.....มีคนมาสะกิดแขนป้าพร้อมส่งเสียงบอกว่า C¨tc¨ööö ........
หน้าเธอทั้งสองไม่เข้ากับกลุ่มทัวร์ของชั้นเลย
ป้าเหลียวมองดูคนในรถบัสแล้วอยากร้องเพลงของสาวมาด เมกะแดนซ์
โอ้.....จริงด้วย....ไม่เข้ากันจริงๆด้วย...อยากร้องไห้....ดาวเอ๊ย ป้า...รับไม่ได้..รับไม่ด๊ายยยยยยยยย
เรารีบตาลี......ตาลาน...ตระกายลงจากรถแทบไม่ทัน....พร้อมทั้งคิดในใจว่า โอ้มายก๊อดดดดดดดด
โชคดีนะที่เขามาสะกิดก่อนรถบัสจะออก ถ้าสะกิดตอนรถแล่นออกไปเรียบร้อยแล้ว
คงจะมีสีสันน่าดู ตำรวจคงจะแปะป้ายล่าตามหา2 กระเหรี่ยงแน่ๆ
และกลุ่มทัวร์ที่เราเห็นนั่นคือกลุ่มทัวร์ชาวฝรั่งเศสที่นั่งเครื่องบินมาพร้อมกับเรา

เย้ๆๆๆๆ พอตะกายลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว  ก็เหลือบเห็นหัวหน้าไกด์เรา Peter  Häser
รีบเดินไปหาทันทีพร้อมทั้งบอกว่าเราขึ้นรถบัสผิด ไกด์คงคิดในใจว่า..เอาอีกแล้วเหรอ..
ขาบอกว่าบอกว่าห้ามเธอแตกฝูงอีกนะ    ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ   ไม่แตกแล้วจ้า...........
คราวนี้ป้าไม่เดินห่างหัวหน้าไกด์อีกเลย ตามทุกฝีก้าว
เฮ้อ  การมาเที่ยวที่นี่ ถ้าพูดภาษาเสปนไม่ได้  การมาเที่ยวจะไม่สนุกเลย เพราะการสื่อสารไม่เข้าใจกัน

พอทุกคนขึ้นรถพร้อมกันแล้ว  สักครู่ไกด์สาวเรา  Beatrice Jäggin ก็เริ่มนับจำนวนคนทั้งหมด 30 คน
และแนะนำไกด์ ที่จะพาเที่ยวตลอดทริปมีชื่อว่า  Peter  Häser
และบอกว่ากลุ่มเราโชคดีมากที่ได้คนสวิสในการพาเที่ยวครั้งนี้
คนนี้มีความรู้เกี่ยวกับการเที่ยว การใช้ชีวิตในคอสตาริกาเป็นอย่างดี
และอยู่ที่นี่นานร่วม 20 ปี Peter  Häser เหลือบมองคู่เราและยิ้มแห้งๆ
คงคิดว่าตรูโชคดีหรือโชคร้าย  กับการรับจ๊อบพากลุ่มนี้เที่ยว
นอกจากจะมีจำนวนคนในกลุ่มมากเกินปรกติแล้ว......ยังมีคู่ติ๊งต๊อง...ตามมาอีก1คู่

ไม่ช้า..คนขับรถก็ค่อยๆเคลื่อนรถออกจากสนามบิน.........
ขณะที่รถแล่นผ่านออกไปไกด์ Peter  Häser ก็เริ่มแนะนำตัวเอง...เล่าประวัติของเขา
และเล่าถึงประวัติความเป็นมาของประเทศคอสตาริกา และเล่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พูดๆๆๆๆๆๆๆ..................จำไม่ได้เพราะไม่ได้ฟังมัวตื่นเต้นกับการดูวิวทิวทัศน์
ดูเมือง ดูคน พยายามหาดูน้องหมาแต่หาไม่เจอ... ดูรถ...ดูถังขยะ
ดูบ้านคนที่ปลูกข้างทาง..ดูดอกไม้..ตื่นเต้นวุ๊ยส์...

จนกระทั่งรถมาถึงโรงแรม Hotel Casa Conde
http://hotels.hotelopia.de/hotel-casa-conde_san-jose.html

pall


** โรงแรม Hotel Casa Conde**
ตื่นเต้นมาก เห็นประตูโรงแรมมีระฆังแขวนตอนรถเลี้ยวเข้าประตู  ทำให้นึกถึงหนังคาวบอย จังโก้
โรงแรม Casa Conde สร้างขึ้นปี2002 มีห้องสวีท 108 ห้องเป็นโรงแรมใหญ่และทันสมัยที่สุด
ในกลุ่ม Aparthotel  ของ  คอสตาริกา โรงแรมมีความสะดวกสบาย
ปลอดภัยจากยามดูแล ตู้ยามเห็นได้จากภาพที่ 1 ข้างบนที่อยู่ข้างๆประตูเพื่อตรวจคนเข้า – ออก 
http://hotels.hotelopia.de/hotel-casa-conde_san-jose.html
รอบบริเวณโรงแรมสวยงามประทับใจมากกับสวนดอกไม้ล้อมรอบและภาพวาดที่แสดงวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่
น่าเสียดายไม่สามารถนำภาพมาลงให้ดูได้หมดแค่นำตัวอย่างมาให้ดู ทุกคนลงมาจากรถรอหัวหน้าไกด์ Beatrice Jäggin ที่ไปจัดการเกี่ยวกับห้องพัก น่าเสียดายมากที่เรามาที่นี่บรรยากาศมืดค่ำแล้วไม่สามารถไปไหนได้เลย
เราก็ได้รับบัตรการ์ด มาครอบครอง  และต่างคนต่างแยกย้ายไปหาห้องตนเอง...
ห้องพักเราอยู่ชั้นล่างสุด.......ป้าพยายามรูดการ์ด....แต่ประตูไม่ยอมเปิด...
ให้ลุงลองรูดบ้าง....แกรูดการ์ดแค่ครั้งเดียวประตูก็เปิดได้แล้ว  สงสัยการรูดคงเป็นหน้าที่ผู้ชายแน่ๆเลย
วิปปี้ๆๆๆๆๆ ห้องพักสวยมาก มีห้องรับแขก มีห้องนอน 2 ห้อง มีห้องทำอาหาร
ชั้นตู้มีอาหารให้ทำที่ปิดราคาเอาไว้ และตู้เย็นก็มีน้ำดื่มบริการแต่อยู่ในราคาสูง
ป้าแง้มประตูแอบดูคนในกลุ่มว่าทำอะไรกันข้างนอก
แล้วสายตาก็เหลือบเห็นเขากำลังดื่มเครื่องดื่มต้อนรับกันอยู่
ป้ารีบตะโกนบอกลุงจนแกด่าว่าเราอยู่คอสตาริกานะไม่ใช่ตอนขึ้นเขาดูวัวสวิส
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเขียนเล่า เราไปดื่มเครื่องดื่มที่ทางโรงแรมจัดมาต้อนรับ
มีน้ำส้ม  แชมเปญ เหล้าไวด์กับกลุ่ม ป้าไม่ดื่มของมึนเมาเลยเอาน้ำส้ม
หลังจากนั้นกลับมานอนผึ่งพุงบนเตียงเพราะเหนื่อยหัวใจมากวันนี้จากการวิ่งหากลุ่มทัวร์
หลังจากนั้นก็รีบล้างหน้า ไปกินอาหารเย็นกับกลุ่ม อาหารมื้อเย็นรวมกับทัวร์ไว้แล้ว

pall


ตอนที่จะเดินเข้าห้องกินอาหารป้าเดินไปถามรีเซพชั่น ถึงการใช้ Internet  เขาบอกว่าจ่าย $ 6 / 30 นาที
แพงมากจริงๆ   ป้ามีNotebook ต้องเสียเงินไหม เขาบอกว่าใช้ฟรี ดีใจมากจะได้ใช้Net
ที่ไหนได้ปั๊กใช้ไม่ได้  ปั๊กของโน้ตบุค ใหญ่กว่าปั๊กที่ใช้รอบโลกที่ป้าถือติดตัวมา
ไกด์บอกว่าจะหาซื้อให้ แต่พอเขาซื้อมาให้จริงๆปั๊กก็ใช้ไม่ได้อีก..............
เราเดินไปที่ห้องอาหาร ปรากฎว่ามีคนมานั่งไม่กี่คน เราเลยเลือกโต๊ะที่นั่งได้แค่ 2 คน
ไม่ชอบนั่งกับกลุ่ม เป็นพวกอีแอบเลยหามุมที่แอบได้ดีพอสมควร 
ภาพที่เห็นราคาแพงมาก& 1500 บอกลุงว่าตอนจะลุกหรือนั่งอย่าไปทำภาพเขาหล่น
หัวแตกไม่ว่าแต่อย่าทำภาพเขาเสียหาย ราคาตั้ง 1500 ดอลไม่มีเงินจ่าย

pall


อาหารที่จัดต้อนรับไม่ว่าจะเดินทางไปกินที่ไหนไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าหรืออาหารเย็น
จะเป็นแบบบุพเฟ่  มีอาหารคาว หวาน และผลไม้ล้างคอจัดรออยู่ และมีกาแฟและน้ำใส่น้ำแข็ง
อาหารของชาวคอสตาริกาที่กินกันจนเรียกว่าเป็นอาหารประจำท้องถิ่นหลายที่ไม่ว่าจะไปกินที่ไหน
จะกินทุกมื้อเลย จะเป็นแบบลูกผสม บางอย่างจะเป็นแบบเม็กซิโก แบบอเมริกัน ฯลฯ
แต่ทุกมื้อจะมีอาหารแบบนี้เช่น     ไข่  ผัก
มันฝรั่ง  จะทำเป็น pommes frites หรือผัด หรือทอดโรยเครื่องเทศคล้ายเม็กซิกันฯลฯ
Gallo Pinto ข้าวที่ปรุงใส่ ถั่วและเครื่องเทศจะเป็นสีดำเหมือนภาพที่เห็นข้างบน
Plátano กล้วย ที่จะทำแบบทอดเนย  กล้วยเชื่อมใส่นมแบบบ้านเรา แต่ที่เจ๋งกว่าคืออบด้วยเนยแข็ง
Yuca ภาษาเยอรมัน Maniokมันสำปะหลัง ซึ่งจะเป็นแบบเชื่อม ทอดกรอบ