ขอเคล็ดลับในการเรียนภาษาเยอรมันได้เร็ว

Previous topic - Next topic

พิม

เฮ้อ กลุ้มใจจังเลยเรียนภาษาเยอรมันมาก็นานแล้ว ยังไม่ค่อยจะได้เลย บางทีอยากเอาหัวจุ่มอ่างน้ำวัวจังเลย ฟังพอเข้าใจแต่พูดทีไรหน้าไว้หลัง*ที่ควรอยู่หลังขึ้นหน้าทุกที หนัก ๆ เข้า เอามันไปทั้งดุ้นหล่ะ ส่วนแฟนก็จะมีมะโหทุกทีที่ถาม เฮ้อ เอางี้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ น้อง ๆ ในนี้แหล่ะไม่ว่ากันนะ ไม่ว่าน้องหรือพี่ถ้ามีทางช่วยจะขอบคุณหลายเด้อ คิดว่าช่วยๆกันก็แล้วกันนะ ใครมีเคล็ดลับกระซิบดังๆ มาเลย ยินดีหลาย

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0085 ห้อง openroom (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

สวัสดีจ้าพิม
 เอาหัวจุ่มอ่างอาบน้ำวัวเมื่อไรบอกด้วยนะจะไปตามจุ่มด้วยคน
 เข้ามาเขียนแจมเท่านั้นไม่ขอออกความเห็น
 ป้ามาอยู่ยังไม่เคยไปเรียนด๊อยซ์กับเขาเลย
 ตอนนี้ข้างๆบ้านเขาเปิดสอนเรียนภาษาเยอรมันสำหรับคนที่ยังไม่เป็น
 ป้ายังคิดอยากจะไปเรียนกับเขาเลยค่าเรียนถูกมาก
 แต่คิดไปคิดมาอายเด็กๆเลยไม่กล้าไป
 มารอฟังคนอื่นๆมาเขียนบอกเคล็ดลับเรื่องเรียนภาษาด้วยจ๊ะ

พิม

สวัสดีค่ะป้าพร ดีใจที่ยังมีคนเข้าใจแต่พิมเชื่อว่าป้าเก่ง ฟังจากที่ป้าตอบปัญหาของทุกคนและคอยให้คำแนะนำในหลาย ๆ เรื่อง ก็พอเข้าใจนะว่าการเรียนภาษาต้องอาศัยทั้งทักษะ ความเอาใจใส่ และก็ต้องมีพรสวรรค์ด้วยส่วนหนึ่ง แต่พิมสงสัยจะไม่มีทั้ง 3 อย่าง เฮ้อ กลุ้มใจบางทีก็โดนว่าแรง ๆ ก็มีมะโมเหมือนกัน คนเรานี่เนอะยังมีเลือดเนื้อ กิเลสครบถ้วน บางทีสติตามทันก็คิดได้ บางทีเผลอสติก็หลุดลอย พิมยังคิดว่าถ้าร้อนนี้ไม่ได้กลับไทยก็อยากจะไปที่วัดธรรมะปาละ อบรมจิตอีกสักรอบ ปกติพยายามจะเข้าวัดอบรมสมาธิปีละครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คิดถึงเมืองไทยจัง เพราะถ้าอยู่เมืองไทยเวลาเครียดหรือเบื่อพิมชอบหลบเข้าวัด ไม่ค่อยจะไปหาใครหรือไปไหนเวลามีอะไรกระทบ หลบไปไหว้พระ หรือเข้าไปนั่งเล่น ๆ ในวัด อย่างเช่นวัดพระแก้วก็ดีอย่างวันธรรมดาไม่ค่อยมีคนเยอะดี เฮ้อ พล่ามอะไรก็ไม่รู้หวังว่าป้าไม่เบื่อนะ ยังไงก็ขอบคุณป้ามาก ๆ เลยที่มาตอบทำให้อุ่นใจเข้ามาเวปนี้ยังมีป้าอีกคนที่น่ารักเสมอ

pall

สวัสดจ๊ะพิม
 อยากเอาหัวจุ่มอ่างล้างหน้ามาก
 ไม่ไปจุ่มอ่างอาบน้ำนอ้งวัวแล้วหล่ะเพราะน้ำเย็นไป
 ที่อยากจุ่มเพราะช่วงนี้ตาดำกับภาษาที่นี่
 เนื่องจากติดดูกีฬาแข่งสกีอยู่ไม่รู้ว่าพิมดูหรือเปล่า
 ยอมรับว่าเรื่องภาษาไม่ถนัดเพราะของตัวเองก็ง่อนแง่น
 และไม่แข็งแรงเลยตั้งแต่เรียนมาแล้ว
 แบบเรียนป.3ตกป4.โดนครูเอาไม้หวดมือมาตลอด
 คนอื่นครูสอนแค่ครั้งเดียวเขารู้เรื่องกัน
 ของป้าต้องสอนแบบตาไม่กระพริบถึงจะรู้เรื่องเซ็งชีวิตจริงๆ
 
 ดีใจนะที่พิมสนใจเกี่ยวกับธรรมะ
 ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้ใจเราสงบได้
 ถึงแม้จะแค่ชั่วคราว  ป้าชอบเดินแถบแม่น้ำหรือลำธารที่มีน้ำไหล
 และนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตมนุษย์
 จิตใจมนุษย์เหมือนสายน้ำที่บางครั้งไหลแรง
 ไหลช้าและการไหลแต่ละครั้งจะพัดพาสิ่งต่างๆติดตามไปด้วย
 ซึ่งเหมือนกับกิเลศของเรา
 วัดป่าที่สวิตฯป้าชอบมากเพราะเงียบสงบ
 ป้าชอบคำที่หลวงปู่ชาสอนมาก ป้าไม่ได้เข้าวัดนานแล้ว
 ยอมรับว่าช่วงหลังเป็นคน*งวัดมากจริงๆ
 ป้าดีใจนะที่พิมสนใจทางด้านธรรมะ
 ป้าไม่เบื่อหรอกที่พิมเขียน  ถ้าพิมอยากระบายหรือ
 อยากคุยก็เข้ามาตั้งทู้คุยกันได้เลย
 เพราะห้องนี้ป้าทำขึ้นเพื่อคนไทยทุกคนที่นี่
 แต่ไม่เห็นใครค่อยมาใช้ห้องนี้พูดคุยกันเลย

นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)

ไม่มีเคล็ดลับอะไร แต่สำหรับตัวเองรู้ตัวว่าหัวมีเรื่องวิ่งเข้ามาให้คิดให้เก็บจนแทบไม่มีที่ว่างให้พอจดจำ อยู่มารวมสิบกว่าปี แต่ยังไปเรียนทบทวน เพิ่มเติมเรื่อยๆ  
  1. จึงพยายามทบทวนซ้ำๆ กับสิ่งที่เรียนมา
  2.  อยากพูดให้ถูกไวยกรณ์ ก็จะเขียนๆประโยคนั้นออกมา การที่มั่นเขียน มั่นหัดแต่งประโยค จะช่วยเราได้มาก  
  3. พยายามหาหนังสือพิมท์ข่าวสั้นๆ หรือพยายามอ่านและแปลข้อความสั้นๆ เราจะได้ศัพท์ ศัพท์บางตัวเราไม่เข้าใจก็จะเปิดดิก เรามั่นเปิดอ่านเราจะจำได้
 
 เรียนแล้วก็ต้องเอามาใช้พูด ใช้อ่าน ใช้เขียน  
 
 ลองเขียนประโยคโน๊ตสั้นๆให้สามีก็ได้ จะได้เป็นการช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีในบ้าน
 หรือ เขียนเป็นสมุดไดอารี่ แบบแต่งประโยคสักบรรทัดสองบรรทัดก็น่าจะเข้าท่านะ
   
 อย่าท้อใจนะค่ะ ขอให้เราตั้งใจและพยายาม พูดไม่ถูกเพอเฟคไม่เป็นไร แต่ขอให้ลองพูดสื่อสาร เอาใจช่วยค่ะ

เทวี

สวัสดีค่ะคุณพิม คุณนิดและป้าพอล เทวีเพิ่งมาอยู่สวิสได้5เดือนเองค่ะ และก็เพิ่งไปโรงเรียนได้3อาทิตย์เท่านั้นเอง แต่คิดว่าเทวีไม่แก่เกินเรียนและไม่มีใครแก่เกินเรียนหลอกค่ะ เทวีจะขอบอกเคล็ดลับนิดหน่อยในการเรียนนะคะไม่ว่าจะเรียนอะไรก็แล้วแต่ ..อย่าว่าเป็นเด็กเป็นเล็กมาแนะนำเลยนะคะ แถมเทวีมาอยู่ใหม่อีกต่างหาก เทวีพูดภาษาเยอรมันยังไม่ได้ดีหรอกค่ะ เพราะเพิ่งไปโรงเรียนมา3อาทิตย์อย่างที่ว่านะคะ แต่หลังจาก3อาทิตย์เทวีว่าเทวีฟังภาษาเยอรมันเข้าใจเยอะมากๆ แต่เวลาพูดเนี้ย เทวีก็เหมือนพี่พิมละค่ะ เอาข้างหน้าไว้ข้างหลังเอาข้างหลังไว้ข้างหน้าแล้วชอบเอาไปเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษค่ะก็เลยงงๆ และเทวีจะมีคำถามมากถามสามีที่บ้านทุกวัน หรือไม่ก็ทุกๆชั่วโมงก็ว่าได้ แต่เทวีว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่ได้ยินว่าเมื่อไรก็ตามที่ถามการบ้านสามี สามีจะต้องมีมะโมทุกที ค่ะ เทวีเป็นเรื่องปกติมากๆ เพราะเพื่อนๆที่โรงเรียนที่เป็นคนไทย คนจีนก็เล่าให้ฟังว่าถามการบ้านสามีทีไร ทะเลาะกันทุกที ส่วนตัวเทวีเองก็ทุกทีที่ถามละคะ แต่เทวีจะลงท้ายคำถามว่าถ้าอยากให้โง่ก็จะไม่ถามแล้วเพราะถามทีไรก็อารมณ์เสียทุกที ยิ่งเราเอามาเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษยิ่งไปกันใหญ่เลย อันนี้ต้องทำใจค่ะ แต่สามีและแม่สามีภูมิใจมากๆที่ส่งไปเรียนแล้ว3อาทิตย์เทวีเริ่มพูดเยอรมันกับทุกคนที่เจอเลย แล้วก็เข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา *เราก็มีกำลังใจเรียนต่อค่ะ เอาละเข้าเรื่องแล้วกัน จริงๆเคล็ดลับอันนี้นะคะ เป็นเคล็ดลับที่ไม่ลับที่ใครๆก็รู้น่ะค่ะแต่ว่าทำไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง เพราะมัวแต่อ้างสารพัดนะคะ ถ้าทำได้ตามนี้นะคะ เทวีว่ารับรองไม่นานแน่นอนพูดได้ เคล็ดลับที่เทวีจะบอกก็คือ ...เก่งไม่กลัวกลัวขยันค่ะ...และถ้าขยันแบบมีเทคนิคก็จะไปได้ดียิ่งขึ้นค่ะเอาละเริ่มเทคนิคเทวีนะคะ อันนี้เทวีใช้ทุกครั้งที่มีการเรียนเกิดขึ้นในชีวิตค่ะ ก็เลยเรียนจบพร้อมเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนนเฉลี่ยสูงสุดในคณะมากค่ะ เทวีทำให้ใครๆได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง คือเก่งไม่กลัว กลัวขยัน ...เอามาๆๆ ร่ายซะยาวเลย
 1.เรื่องคำศัพท์นะค่ะถ้าจำไม่ได้ก็เขียนค่ะเขียนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คำหนึ่งประมาณ20รอบ จนกว่าจะจำได้ว่ามันเขียนยังไง เขียนแล้วอ่านออกเสียงด้วย นะคะ  
 2.เขียน20รอบผ่านไปแล้วก็มาเขียนสรุปอีกรอบว่าเราจำอะไรหรือเขียนอะไรได้บ้าง แล้วก็แปะเลยค่ะ ถ้ามาบ้านเทวีจะเห็นเทวีแปะคำศัพท์เต็มบ้านค่ะ ช่วงมาใหม่ๆแปะทุกที่ที่เทวีมองเห็นหรือแปะทุกอย่างที่เทวีต้องหยิบขึ้นมาใช้ หวี ก็แปะ ช้อนก็แปะ เตียง ห้องน้ำ ตู้เย็นแปะหมดทุกที่ และหลังจากแปะแล้วก็มาทำสรุป1ใบว่าเขียนอะไรไปบ้างแล้วแปะในที่ๆเป็นส่วนตัวที่สุดค่ะ คือในส้วมค่ะ ทำภารกิจไปอ่านไป มีสมาธิมากๆ ยิ่งถ้าทำภารกิจตอนเช้านะคะ จะจำดีเป็นพิเศษอาศัยว่าเห็นทุกวัน เห็นแบบไม่ต้องเปิดหนังสือด้วยก็จะจำได้ดี แต่ต้องระวังนะคะ เทวีเคยมัวแต่ตาดูที่เขียนไว้ไม่ดูโถส้วม ตกส้วมก้นเขียวมาแล้ว ส่วนคำที่เห็นก่อนตกส้วมก็จำขึ้นใจเลยค่ะ เพราะว่ามันเจ็บมากๆ
 3.คนเรามันก็ต้องมีหน่วยความจำเต็มกันบ้าง วิธีการอ่านหนังสือของเทวีคือเทวีจะตื่นมาอ่านหนังสือตอนเช้า หลังจากแปรงฟันเสร็จจะไม่ทำอะไรเลย เพราะไม่ต้องการจำอะไรทั้งสิ้นก่อนที่จะเรียนภาษาเยอรมัน เรานอนหลับมาเต็มอิ่มบ้างไม่เต็มอิ่มบ้างไม่เป็นไรคะ แต่ตื่นเช้ามายังไม่ได้ทำอะไร สมองยังไม่ได้จำอะไร ถ้าเรียนตอนเช้าเนี้ย จำดีที่สุดค่ะ ตอนเทวีอยู่มหาลัยเทวีตื่นมาอ่านหนังสือตี4ทุกครั้งที่มีการสอบค่ะ ตอนเย็นอ่านได้ผ่านๆ หรืออ่านแบบพอเข้าใจ แต่ถ้าต้องการจะจำน่ะคะ ตอนเช้าดีที่สุด อันนี้คุณพ่อบอกมาค่ะและเทวีก็ทำมาเรื่อย
 4.ถ้าจะอ่านหนังสือหลัง4ทุ่มไปแล้วอย่าอ่านเลย เสียเวลาค่ะ เพราะว่าวันทั้งวันจำอะไรมาเต็มสมอง อ่านไปเดี๋ยวไม่กี่วันก็ลืมถ้าไม่รู้จักทบทวน แต่ถ้าจะอ่านก็อ่านได้แล้วตื่นเช้าทบทวนอีกรอบค่ะ คราวนี้รับรองอยู่ในหัวไม่ไปไหนแน่นอน
 5.วิธีการจำของเทวีจะจำแต่เรื่องตลกๆค่ะ จะได้จำได้ ยิ่งเวลาเรียนคำนำหน้านามพวกder die das เทวีจำแบบตลกๆทั้งนั้นค่ะ อันนี้บอกกันมากไม่ได้เพราะคนเราตลกไม่เท่ากัน อย่างเช่นนาฬิกา เนี้ยมันเป็นเพหญิงเพราะว่าผู้หญิงเธอสายตลอดเธอไม่เคยตรงเวลา อะไรประมาณเนี้ยค่ะ
 เทวีก็บอกได้แค่เนี้ยนะ ที่สำคัญอย่าท้อเวลาเรียนนะคะ คำพูดที่ใครๆดูถูกเก็บเอาไว้เป็นแรงใจและทำให้เขาดูว่าเขาดูเราผิดไม่ใช่ดูเราถูก และที่สำคัญอย่าทิ้งฝันของตัวเองนะคะ เทวีฝันเยอะมากๆ แต่ถ้าผิดหวังหรือฝันไม่เป็นจริงไม่เป็นไรค่ะ พรุ่งนี้เทวีฝันใหม่ คนเรามีความสุขได้เพราะมีความฝัน คนที่ไม่มีฝันคือคนที่ไม่มีความสุข 555 ข้อคิดของเทวี

แม่น้องติ๊ดตี่

อันนี้มีเคล็ดที่ไม่ลับของเราอยู่นะคะ ใช้ได้ผลมาแล้วคะ
 
 ข้อแรกสำคัญมาก "สมาธิ" มาก่อนอันดับแรกเลยค๊า  ถ้าคิดจะเรียนขอให้มีสมาธิ และความตั้งใจที่จะเรียนมาอันดับแรก สมองควรจะโล่งปลอดโปร่ง  ถ้าเราไม่มีสามาธิและความตั้งใจที่แน่วแน่  เรียนไปก็เสียเวลา  และก็ขอให้สนุกกับการเรียนนะคะอย่าไปซีเรียสกับมันมากจนเกินไป  เรียนวันละสิบนาทีอย่างตั้งใจ  ดีกว่าเรียนวันละสิบชั่วโมงแต่ไม่มีสมาธิเลย จะเลือกแบบไหน
 
 อย่างที่สอง  คำศัพท์สำคัญมาก ๆ ถ้าเรารู้จักคำศัพท์เยอะจะทำให้เราพูดได้เยอะตามไปด้วย  ต้องรู้จักวิธีวางตำแหน่งประโยค  แนะนำว่าควรเอาภาษาเยอรมันไปเทียบกับภาษาไทยเท่านั้น ยกเว้นคุณจะพูดภาษาอื่นได้ดีกว่าภาษาไทย..............อันนี้ไม่ได้ตำหนิใคร แต่เคยเป็นมีประสบการณ์มาก่อนนะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเอาภาษาอังกฤษ ไปเทียบกับเยอรมัน ซึ่งจริง ๆ แล้วภาษาไทยคือภาษาที่เราถนัดที่สุด  ต้องแปลจากอังกฤษมาเป็นไทยอีกรอบทำให้เรียนหลายภาษาในคราวเดียวกัน  คือยิ่งไปกันใหญ่เลยคะคือเละตุ้มเป๊ะ  คนที่เก่งอังกฤษ  มีประโยชน์ในภาษาเยอรมันคือ ได้คำศัพท์เยอะ  มีคำศัพท์คิดว่าไม่ต่ำกว่า 40 เปอร์เซนต์(เทียบตามความคิดของตนเองนะ) ที่เขียนใกล้เคียงกันแต่ไม่เหมือนกันนะ อ่านเพี้ยน ๆ นิดหน่อย  แต่ว่าความหมายแปลเป็นไทยเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกันมากที่สุด........แต่ว่าถ้าคนไม่รู้อังกฤษเลย ส่วนมาก(เราคิดเอง)จะเรียนเยอรมันได้เร็วกว่า คนอ่านเขียน และพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะไม่สับสน  ขอยืนยันนะว่าภาษาเยอรมันเรียนง่ายกว่าภาษาอังกฤษ สละตายตัว  ถ้ารู้จักวิธีการแต่งประโยค ลำดับคำ จะยิ่งเป็นง่าย
 
 ส่วนคำนำหน้านาม ขอบอกอย่าไปซีเรียสกับมันมากไป เราเรียนมาเยอะนะก็ยังโง่เรื่องนี้อยุ่นะ  จริง ๆ แล้วมันมีกฎที่ตายตัว อยู่นะคะ  ถ้าท่องและจำกฎได้ทั้งหมด(เยอะง่ะกฎที่ว่า ท่องจนบ้าแย๊ว)คิดว่าน่าจะ ตอบได้ถูกหมดละคะว่าคำนามคำนั้น มีคำนำหน้านามอย่างไร  มีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยด้วยค๊า เคยบอกไปแล้วจำไม่ได้ว่าอยู่กระทู้ไหน....ของอาจารย์วรรณา แสงอร่ามเรือง  ไวยากรณ์ภาษาเยอรมันเล่ม 1-3  อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาค๊า  รู้สึกจะมีขายที่ศูนย์หนังสือจุฬา หรือไม่คิดว่าซีเอ็ดก็คงมี
 
 อย่างที่สาม ต้องขยันหมั่นเพียร  ทำการบ้านหรือทบทวน ขยันอ่าน พูด และเขียน อย่างสม่ำเสมอ  ขี้เกียจไม่ได้เลยนะคะ  การเรียนนี่แรก ๆ ควรเรียนรู้กับคำศัพท์ใกล้ตัวเรา พวกคำนามทั้งหลายแหล่นั่นละคะแบบคุณเทวีนะดีมาก ๆ เลย  เห็นไรหัดจำ หัดเขียน และท่องเข้าไว้ 10 รอบไม่ได้ ก็ 50 รอบแล้วกัน  ไม่ได้ให้มันรู้ไปเล๊ยยย
 
 ยกตัวอย่างนะเราเรียนแบบนี้เลย  พอตื่นเช้าปุ๊บ คิดเลยตื่นนอนภาษาเยอรมันว่าอะไร  ทำยังไงจะแต่งประโยค ว่าเราตื่นนอนวันนี้เวลา 10 โมงเช้าจะแต่งประโยคยังไง แล้วเปลี่ยนประโยคไปเรื่อย ๆ นะว่าถ้าเธอตื่นนอนแต่งประโยคอย่างไร  ถ้าพวกเราล่ะแต่งประโยคอย่างไง ทำนองนี้นะ หัดตั้งคำถามกับคนอื่นนะว่าวันนี้เธอตื่นนอนตอนไหน แต่งเป็นปฎิเสธมั้ง  เริ่มจากคำกริยา ที่เราทำเป็นกิจวัตรประจำวัน  คราวนี้ตื่นนอนจะไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันล่ะ ทานอาหาร ออกไปช็อปปิ้ง ทำนองนี้นะคะ  หัดหาคำศัพท์ใกล้ตัว  ใช้ดิกช์ไทยเยอรมันช่วย ถ้าสามีไม่อยู่บ้าน  หัดเขียนรายการซื้อการ หรือสิ่งที่ต้องทำ หรือบันทึกประจำวันเริ่มจากสั้น ๆ และมากขึ้นไปเรื่อย ๆ หัดตั้งคำถาม ที่จำเป็นต้องใช้บ่อย ๆ .........ตอนเรียนใหม่ ๆ จะเขียนบันทึกประจำวันทุกวัน ตอนเย็นสามีกลับมาบ้านมาตรวจให้นะว่าเขียนถูกหรือไม่
 
 ถ้าคำศัพท์เริ่มเรียนรู้กว้างมากขึ้น  หัดตั้งสถานการณ์ว่าถ้าไปร้านขายเสื้อผ้า จะต้องถามเค้าอย่างไร  หรือว่าไปร้านอาหาร คำถามที่ใช้บ่อย ๆ คืออะไร  โดยการร่างเป็นภาษาไทยก่อน  แล้วก็เริ่มหัดเขียน และพูดเป็นภาษาเยอรมัน  หรือจับคู่กับเพื่อนเรียนไปด้วยกันนะคะ  คำศัพท์ก็พยายามจัดเป็นกลุ่ม หรือหมวดเดียวกัน  หัดเขียน ท่องจำให้ได้  ถ้าเรียนไปนาน ๆ จะรู้ว่าภาษาเยอรมันอ่านง่าย เพราะสระส่วนมากตายตัว ออกเสียแค่เสียงสั้นกับยาวเท่านั้นนะ
 
 สุดท้าย  ต้องใจกล้าคะ ไม่ถึงกับต้องหน้าด้าน คือต้องกล้าที่จะพูด  อย่ากลัวว่าผิด  อย่าโกรธถ้ามีคนบอกให้เราพูดใหม่อีกรอบ  อย่าอายที่เราพูดผิด  ถ้าผิดพูดใหม่ได้  ถ้ามีคนทวนประโยคให้ควรจะขอบคุณเค้าด้วยซ้ำไป และพยายามที่จะพบปะผู้คนบ้าง เพื่อที่จะได้เรียนรู้พูดโต้ตอบ และฟังให้เข้าใจถ้าเค้าถามคำถามง่าย ๆ หรือสามารถถามคำถามคนอื่นได้ด้วย  อย่าลืมว่า  "สามีเป็นครูคนแรกที่ควรเรียนด้วยเป็นอย่างยิ่ง"  ญาติ ๆ ของสามี และเพื่อน ๆ ชาวสวิส และชาวต่างชาติควรคบไว้บ้าง
 
 ขอบอกนะคะถ้าทำแบบนี้สม่ำเสมอ 6 เดือน สามารถสื่อสารกับคนทั่วไปได้ระดับหนึ่งที่เดียวคะ.....ลองดูนะคะ ความพยายามอยุ่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นแน่นอนเลยคะ  
 
 เอาใจช่วยทุกคนนะคะ  แต่ละคนมีเทคนิคการเรียนไม่เหมือนกัน  แต่ของเราใช้แบบนี้ละค๊า  ก็เอาตัวรอดมาถึงทุกวันนี้ละค๊า...โชคดีทุกคนนะคะ
 

เทวี

โอ้โหเทวีได้อีกหลายเทคนิคจากแม่น้องติ๊ดตี่ค่ะ ทุกวันนี้ก็พยายามอย่างที่ว่าและจะพยายามมากขึ้นอีก จะเขียนไดอารี่เป็ฯภาษาเยอรมันด้วยเพราะปกติชอบเขียนไดอารี

NaMMoN

แอบมาอ่าน และขอบคุณสำหรับความคิดเห็นทุกคน
::)มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยคะ

phanicha

สวัสดีค่ะ  ตอนนี้กำลังเริมที่จะเรียนภาษาเยอรมันค่ะ  แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหนดีค่ะ  ตอนนี้อาศัยเรียนใน  youtube  ค่ะ  ซึ่งก็พอได้แต่ไม่มาก  มีใครพอจะรู้จักหรอแนะนำคนที่จะสอนเราได้แบบติวเข้มในกรุงเทพฯ หรือพัทยาบ้างไหมคะ   เพราะอยากจะไปสอบให้ผ่าน A1 น่ะค่ะ  รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ  ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ