News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



<<<Findelkind>>>

Previous topic - Next topic

pall

วันนี้เพิ่งจะมีเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับแจกฟรีของ20min
 ของวันที่1Feb. 06
 ธรรมดาลุงกับป้าไม่ได้ซื้อหนังสือพิมพ์อ่านกัน
 นอกจากของแจกฟรีเท่านั้น
 อ่านไปมามีแต่เรื่องปวดหัว
 ข่าวที่น่าติดตามและน่าสนใจคงไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับ
 มวลสารฝุ่นละอองFeinstaubในอากาศที่ตอนนี้ทุกคนประสพอยู่
 ตอนนี้ต่างรณรงค์ลดการใช้รถยนต์และจะลดจำนวนความเร็ว
 ที่วิ่งใช้บนAutobahnให้เหลือแค่Tempo 80
 และให้คนลดการใช้เตาผิง....
 เขตที่ป้าอยู่หลายวันมานี้มีหมอกลงหนาจัดแสงแดดไม่มีกำลังพอ
 เราไม่เห็นแสงแดดมาตั้งแต่วันอาทิตย์แล้ว ออกไปข้างนอกก็หายใจ
 ไม่ค่อยออก
 ป้าอ่านข่าวไปเรื่อยๆจนถึงข่าวแม่ทิ้งลูกไว้ในรถเข็น
 
 คำว่า Findelkindถ้าแปลเป็นไทยตรงตัวหมายถึงเด็กที่เจอหรือเด็กที่พบ
 ถ้าแปลเป็นไทยแบบมั่วๆก็คือเด็กที่โดนทิ้ง
 ข่าวที่ป้าอ่านในหนังสือพิมพ์นั้นคงจะลงเรื่องนี้มาก่อนแล้ว
 แต่ป้าไม่ได้รับหนังสือพิมพ์เลยไม่รู้เรื่อง
 เขาลงประกาศหาตัวแม่ให้มารายงานตัว
 ให้กำหนดถึงวันที่20กพ.06
 ถ้าไม่มาแจ้งรายงานตัวทางการจะจัดการเรื่องราวยกเด็ก
 ประกาศหาคนมารับเป็นบุตรบุญธรรม
 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ Steffisburg
 เมื่อเดือนตุลาคม05มีแม่ไม่ทราบชื่อและนามสกุลและไม่รู้ว่าใคร
 ได้นำเด็กหญิงเกิดใหม่(ชื่อNatascha)ปัจจุบันอายุประมาณ4เดือน
 ไปใส่ในรถเข็นทิ้งไว้ในLiftในศูนย์การค้าของ Steffisburg
 
 ป้าอ่านข่าวทบทวนไปมาและคิดในใจว่า
 แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในประเทศ
 ที่มีสวัสดิการประกันสังคมดีประเทศหนึ่งคือประเทศสวิตฯ
 แม่ที่นำลูกมาทิ้งในรถเข็นจะต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง
 ที่แก้ไม่ตกหรือทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
 ต่อมาไม่กล้าแสดงตัวเพราะกลัวความผิด
 ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำแบบนี้และทำไมไม่ไปใช้ประกันสังคม
 หรือไปหาหน่วยงานขอความช่วยเหลือ
 หรือเพราะอะไร  
 คุยกับลุงเรื่องนี้ลุงก็บอกว่าสงสัยแม่ต้องมีปัญหา
 หรือเป็นคนชาติอื่นที่เราไม่รู้ความจริง
 และเคยมีเรื่องการนำลูกมาทิ้งตามหน้าบ้านคนมีเงิน
 สมัยที่แกยังอายุน้อย  
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0064 ห้อง openroom (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

ในประเทศสวิตฯจะมีหน่วยงานให้ความคุ้มครองแม่และเด็ก  
 ที่มีปัญหาที่เราเรียกกันว่า Pflegeeltern  
 แม่มีที่ลูกและมีปัญหาบางอย่างไม่สามารถเลี้ยงดูลูกตัวเองได้  
 จะมี Pflegemutter /Pflegevater เป็นคนรับเด็กไปเลี้ยงดูให้  
 คนที่ดูและเด็กนี้จะดูแลเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ15หรือ16ปี  
 จะเลี้ยงดูแลเหมือนลูกคนหนึ่ง  
 และคนที่เลี้ยงดูเด็กนี้ต่างก็มีลูกของตัวเอง  
 การทำหน้าที่ดูแลเด็กนอกออกแบบนี้ต้องมีคุณสมบัติพร้อม  
 กับการที่จะทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ใหม่  
 เด็กจะเรียกพ่อแม่ Pflegeelternว่าพ่อและแม่  
 ความรักและความผูกพันจะคล้ายพ่อแม่แท้จริง  
 การเลี้ยงดูแบบนี้พ่อแม่ Pflegemutter /Pflegevater  
 จะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเหมือนพ่อแม่จริงๆ  
 มีสิทธิ์สั่งสอนทำโทษเหมือนลูกคนหนึ่ง  
 และถ้าแม่หรือญาติทางฝ่ายแม่ที่แท้จริง  
 ต้องการนำเด็กไปค้างคืนหรือไปพักด้วย  
 จะต้องขออนุญาต Pflegemutter /Pflegevater  
 ถ้าเขาไม่อนุญาตก็ไม่มีสิทธิ์แต่เท่าที่เห็น  
 เด็กจะมาพักกับแม่แท้จริงบางครั้งเดือนละ2ครั้งและแค่วันสุดสัปดาห์  
 และเรียกแม่แท้จริงของตัวเองแค่ชื่อและ*งเหิน  
 ไม่ผูกพันเหมือนพ่อแม่ Pflegemutter /Pflegevaterที่เลี้ยงมา  
 
 คนที่ทำหน้าที่เป็น Pflegemutter /Pflegevater  
 ไม่ใช่ว่าเลี้ยงเด็กฟรีแต่จะได้รับเงิน  
 ที่ใช้ในการดูแลเด็กไม่ว่าจะเป็นที่อยู่,อาหาร,เครื่องนุ่งห่ม  
 การใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพและการเรียน  
 จากรัฐและจากรายได้ของผู้เป็นแม่บางส่วนที่หักจากเงินเดือน  
 บางเขตอาจจะแตกต่างกันบ้าง  
 
 ใครสนใจสามารถเข้าไปอ่านได้จากที่นี่  
 มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย  
 
 
 
 http://www3.stzh.ch/internet/sd/sub_navi_sd/info_departement/zahlen_und_fakten/jugendfamilienhilfe.html  
 
 
 http://www3.stzh.ch/internet/sd/home/kinder/betreuung/familien/dauer.html  
 
 http://www.pflegekinder.ch/fachstelle/frameset_fach_1.html  
 
 http://www.pflegekinder.ch/  
 
 ไม่ทราบว่าใครอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า

ตุ้ม

สวัสดีค่ะคุณ Pall
 
 เรื่องนี้เกิดขึ้นมากว่า 60 ปีแล้ว เพื่อนคนสวิสที่แม่ของเค้าไม่ได้แต่งงานเพราะฝ่ายชายซึ่งไปฝึกทหารแถวบ้านฝ่ายหญิงอ้างว่าไม่ได้ท้องกับเค้าและเอาพยานไปยืนยันว่าฝ่ายหญิงรู้จักเพื่อนทหารหลายคนที่ไปช่วยเซ็นชื่อเป็นพยาน  ฝ่ายหญิงยังเด็กมากและไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้รับความเสียหายอับอายมาก  เวลาไปคลอดลูกก็ไม่มีเงินจ่ายต้องทำงานใช้แทนเป็นค่าคลอด  จากนั้นทางเมืองก็แยกเอาตัวเด็กไปให้ครอบครัวหนึ่งที่พอมีฐานะและมีลูกหลายคนนำไปเลี้ยงดูแต่ยังคงใช้นามสกุลเดิมของแม่  แม่ของเด็กก็จะมาเยี่ยมเมื่อมีโอกาส  เพื่อนคนนี้เล่าให้ฟังว่าชีวิตตอนนเป้นเด็กเหงามากและเกลียดแม่เพราะคิดว่าแม่เป็นหญิงส่ำส่อนจากประวัติที่พวกเพื่อนๆของพ่อไปเซ็นรับรองกันเอาไว้  เมื่อตอนเป็นเด็กเพื่อนไม่เข้าใจและรู้เรื่องจริงหรือรายละเอียด  พอแม่มาเยี่ยมจะไปหลบซ่อนไม่ยอมพบของที่เอามาฝากก็จะเอาไปทิ้งไม่อยากได้  เมื่อเพื่อนคนนี้แต่งงานมีครอบครัวแล้วจึงเกิดความอยากรู้ว่าใครเป็นพ่อ  จึงได้ไปค้นคว้าสืบหาเอกสารและกลับไปติดต่อกับแม่อีกครั้ง  จึงได้รู้ว่าความจริงว่าพ่อเป็นคนเจ้าเล่ห์ไม่รับผิดชอบ  เพื่อนจึงไปติดต่อโดยตรงกับพ่อที่ยังคงดำรงความเป็นโสดอยู่  เขายอมรับว่าเป็นลูกและไปมาหาสู่กันแต่ไม่ยอมแนะนำให้รู้จักกับญาติพี่น้องอื่นๆและไม่ยอมให้ลูกสาวบอกใครๆว่าเป็นพ่อ(จอมแสบจริงๆ)  เพื่อนพยายามทุกทางที่จะ*้ชื่อเสียงของแม่ของเค้าให้กลับมาเพราะแม่ของเค้าไม่เคยมีชายอื่นเลย  หน้าตาของเพื่อนก็ถอดออกมาพิมพ์เดียวเหมือนพ่อ  ในที่สุดเพื่อนทั้งขู่ทั้งปลอบให้ไปตรวจ ดีเอ็นเอ กันว่าเป็นพ่อจริงหรือไม่  ผลก็ออกมาแน่ๆอยู่แล้ว  หลังจากติดต่อกันมาเป็นปีๆ  พ่อจอมแสบที่อยากจะเป็นโสดก้ยังไม่ยอมรับออกนอกหน้าว่ามีลูกสาว  เพื่อนสุดจะทนเลยบอกว่าไม่ต้องติดต่อกันอีกแล้ว  จนกระทั่งพ่อเจ็บหนักใกล้ตายก็ยังไม่ยอมรับแต่อยากจะพบลูก  เพื่อนตั้งข้อแม้ว่าต้องแนะนำให้รู้จักกับป้าและพี่น้องอื่นๆ  พ่อก็ไม่ยอมจนกระทั่งตายไป  เพื่อนสุดทนจึงไปติดต่อกับญาติดัวยตนเองและไปแจ้งทางเมืองเพื่อรับมรดก เนื่องจากความแค้นและเพื่อความยุติธรรมแก่แม่ของคนเอง  เรื่องนี้เกิดมานานแล้วกฎหมายและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้เปลี่ยนไปมาก  หวังว่าคงจะไม่เกิดซ้ำขึ้นกับผู้หญิงที่ไหนอีก