วิธีสร้างภูมิคุ้มกันใจตัวเอง เพื่อให้ใจอยู่รอดในสวิส

Previous topic - Next topic

ท้อแท้

ขอโทษที่ค่ะคุณเกตุ ที่เราเขียนอะไรหลายเรื่องทำให้คุณเครียดหรือเปล่าคะ.  
 ขอบคุณพี่ตุ้มมากค่ะที่มาช่วยสนทนาด้วย ดิฉันหวังว่าไม่ได้ทำให้พวกคุณเครียดนะคะ.  
 ใจจริงแล้วอยากตอบโต้กลับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแหละค่ะ (บอกตรงจากความรู้สึกเลยนะว่าไม่กล้าพอ)  
 ได้แต่คิดอย่างเดียวแหละเก็งที่สุดแล้ว เราไม่ชอบการโวยวายเรากลัว พูดไม่ทันเขา.  
 (ไม่ได้เป็นนางเอกนะ ขอเป็นตัวนางรองดีกว่า)ใจเราไม่กล้าพอ ขี้กลัว.  
 แต่ไม่ท้อทอยหลอก เราถือว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นแหละ.  
 ขอบใจนะคะที่เป็นกำลังใจให้ แค่นี้ก็แอบปลื้มนำ้ใจของคนไทยเราแล้ว.  
 นอนหลับฝันดีนะคะ ขอให้ทุกวันเจอแต่เรื่องดีๆนะคะ.  
 เปลี่ยนนามแฝงแล้วนะ ไม่เอาแล้วท้อแท้ ชื่อไม่สร้างสรรเลย.(ไม่รู้เราคิดได้ไง สงสัยอารมณ์พาไป)  
 นามแฝงใหม่ชื่อ หนุกหนาน ดีกว่านะ  
 จาก หนุกหนานจ๊ะ

นิด ( แม่ลูกหมูสามตัว )

                            สำหรับตัวนิดเองนะค่ะ เคยเจอกับเหตุการณ์แย่ๆคล้ายๆหลายๆคนในนี้ แต่ส่วนที่ดีก็เจอด้วยเช่นกัน แต่สำหรับเรื่องที่แย่ ที่มองดูถูกเรา ไม่ว่าจะเป็นที่เราเป็นคนต่างชาติ บ้านป่าเมืองเถื่อน สกปรก และไปจำสับสนกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา ในกรณีคนที่ไม่เคยรู้จักเมืองไทยไม่เคยเที่ยวเมืองไทย หรือจะมองดูถูกว่าเป็นผู้หญิงทำงานบาร์ ไม่มีการศึกษา ไม่มีมรรยาท นิดเอาสิ่งนั้นมาทำมาพิสูจน์ให้เค้าเห็นให้ยอมรับเปิดใจมองเราในแง่มุมใหม่ว่า เราก็มีสิ่งดีที่เค้ายังไม่รู้จัก คนสวิต เค้าจะชื่นชมคนที่ไขว้หาความรู้ ยอมรับคนในความสามารถ แม้เพียงการที่เค้าเห็นเราพยายามเรียนภาษาของเค้า พูดผิดพูดถูกแต่พยายามเรียนฝึกฝน ถึงพูดไม่ชัดเลิศแบบของต้นแบบเค้า  
 
 ( ให้กำลังใจคุณ ท้อแท้ สู้ค่ะ ออกเสียงผิดถูก ไม่ต้องท้อแท้ ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่เรา ขอให้พยายามให้ดีที่สุดเป็นอันพอค่ะ )  
 
 หรือ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดดล้อมของบ้านเมืองเค้า  เค้าก็ชื่นชมเรามากกว่าคนที่ไม่เคยคิดจะยอมรับ เปลี่ยนแปลงปรับให้เข้ากับเค้า
 
                  นิสัยของคนสวิตจะทรนงจนดูคล้ายหยิ่งยโส แต่จริงๆเค้าไม่ได้หยิ่ง เค้าภาคภูมิใจในตัวเอง เค้ารักสบงจนดูเหมือนสันโดษ ไม่สนใจใยดีใคร เหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่ถึงเวลามีปัญหาอะไรเค้ายังคงมีน้ำใจช่วยเหลือและไม่เคยเอามาพูดเป็นบุญเป็นคุณเหมือนคนชาติเดียวกับเราเสียด้วยซ้ำ
 
 อย่างคนแก่คนหนึ่งแถวบ้าน เค้าไม่พูดไม่ทักสวัสดีกลับกับนิดเป็นปีตั้งแต่มาอยู่ใหม่ๆ นจะรังเกียจอะไรฉันนักหนา พ่อแม่เลี้ยงมาถนุถนอมฉันมีศํกดิ์ศรีความเป็นคนเหมือนกันนะ  ทำไมมามองดูถูกดูแคลนแบบนี้ น้อยใจค่ะ กลับบ้านร้องไห้ เปิดคู่มือนักท่องเที่ยว ท่องๆๆๆ แค่คำว่า สวัสดีของเค้า  ประโยคสั้นๆในการทักทายแล้วทุกครั้งที่นิดเดินสวนทางกับเค้า ( เอาวะเป็นไงเป็นกัน ถึงภาษายังไม่คล่องวันนี้ไม่พูดวันหน้าไม่พูดกับเราให้มันรู้ไป )หรือเห็นเค้าทำสวนดอกไม้ของเค้าจะเดินเข้าไปทักไปชมสวน ชวนคุย จนยิ่งนิดมาได้รู้เรื่องดอกฟันสิงโต ที่สามารถนำมาทำน้ำเชื่อมที่คล้ายน้ำผึ้งจากป้าเพลา ครั้งที่ไปเยี่ยมบ้านที่เบริ์น แล้วนำไปคุยกับเค้า เค้ายิ่งทึ่งมาก ขึ้นจากเมื่อก่อนที่แค่ยอมแพ้ลูกตื้อของนิด ทักสวัสดีเค้าได้ทุกวันทุกครั้งที่เจอ เค้าทึ่งที่เราเป็นคนต่างชาติ แต่กลับสนใจเรื่องเล็กๆน้อยของบ้านเมืองเค้า รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ที่เป็นเพียงดอกหญ้าที่ขึ้นเป็นหย่อมๆตามสนามหญ้า จนทุกวันนี้เค้าเป็นฝ่ายตะโกนทักนิดก่อนแต่ไกลที่เห็นเรียกให้ดูสวนของเค้า  ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเรายาวเลย  
 
 ที่เขียนมาเล่าให้ฟังไม่ได้หมายความว่าจะไม่เคยตอบโต้กลับในบางครั้งที่เราเจอเรื่องแย่ๆ แต่ขอให้เราฉลาดที่โต้กลับ แบบเค้าลืมเราไม่ลงและจำไว้เป็นบทเรียนว่า อืม "  เค้ามองคนผิดไป ตัดสิ้นคนผิดไป "

เกตุ

ก๊ากกกกกกกกกก ไม่ได้เครียดค๊า แต่เจ็บใจแทน

บัวขาว

พวกรังเกียจชาวต่างชาตินะมีแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น...แต่ขอบอกอย่าไปสนใจพวกนี้....มันหัวคิดไม่อินเตอร์...คนเราต่างจิตต่างใจ ชาติไหนก็ชาติไหนก็ช่าง....คนดี ดีเขาก็มีเหมือนกัน....ไปคุยกับคนดีดีที่เขาเปิดใจ...จะทำให้จิตใจสบายกว่า...พวกที่จิตแคบอย่าไปคุย...เซ่ ฮาโหลก็พอ...แล้วทำเป็นรีบเดินไปเร็ว เร็ว .... อยู่เกือบสี่ปีตอนนี้รู้สึกชอบที่นี่แล้ว ปรับตัวได้แล้ว ทั้งเรื่องอากาศ อาหารการกิน การอยู่กับผู้คน ตอนนี้รู้สึกชอบความเป็นส่วนตัวของที่นี่ .... ความเท่าเทียมกัน ..ความที่เขาสนับสนุนสร้างทรัพยากรมนุษย์ ... ความปลอดภัย ...ความอิสระ ...หลายสิ่งหลายอย่าง....

เทียนหอม

อ่านที่คุณนิดเขียนแล้ว
 คิดว่า คนสวิสภูมิใจในความเป็นสวิส ภูมิใจมีวัฒนธรรมเก่าแก่ยาวนาน คนอเมริกันขาดเสน่ห์ตรงที่ไม่มีวัฒนธรรมยาวนานแบบนี้
 
 สำหรับตัวเอง ถือโอกาสที่ได้มาเรียนในระดับปริญญาเอก และใช้ชีวิตต่างแดนนี้ แสดงให้คนต่างชาติเห็นว่า สาวไทยไม่ได้เป็นแบบที่ฝรั่งบางคนคิด หรือรู้จักเมืองไทยว่าเป็นเมืองเซ็กซ์

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

อ่านเรื่องของคุณหนุกหนานแล้ว  อดคิดไม่ได้ว่าถ้าโดนเข้ากับตัวเอง แม่จิ๋วจิ้วฯจะตอบโต้ยังไงดีให้ดููดีแต่สะใจ  
 
 อาจจะแกล้งทำหน้าประหลาดใจเบิกตาโตๆและก็ยิ้มกว้างๆหวานๆให้ยายแก่คนนั้น  แล้วลุกขึ้นยืน พูดประมาณว่า Oh..I am so sorry that I make you bad mood ( อุ๊ย ตายจริง ขอโทษจริงๆค๊าที่อิฉันทำให้คุณป้าอารมณ์บ่จอย )  
 
 ต่อด้วย Please take over my seat and sit happily. Have a nice trip to the heaven. ( เชิญนั่งแทนที่อิฉันเลยค่า  ขอให้นั่งอย่างมีความสุขตลอดการเดินทางไปสรวงสวรรค์นะค๊า )  
 
 ตอนพูดเราต้องทำหน้าชื่นมื่นเข้าไว้  อย่าสลดเด็ดขาด  เสร็จแล้วก็หัวเราะใ้ห้ตัวเอง  ใครมองมาก็ส่งยิ้มกลับไป  ถ้าเรายังหาที่นั่งใหม่ไม่ได้ก็ยืนข้างๆยายแก่นั่นแหละ ไม่ลืมที่จะโปรยยิ้มให้แกเป็นระยะๆ  ดููซิยายนั่นจะทำหน้ายังไง  ก๊าก...( โทษทีค่ะ  วันนี้วิญญาณนางมารร้ายเข้าสิงแม่จิ๋วจิ้วฯ ขอบคุณคุณหนุกหนานมากที่มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง  แม่จิ๋วจิ้วฯเลยมีเวลาเตรียมแผนตั้งรับเอาไว้  เผื่อได้ใช้ หุหุ )

ตุ้ม

สวัสดีทุกๆคนค่ะ
 เมื่อคืนได้พบกับเพื่อนชาวสวิสเยอรมัน 2 คู่และได้นำหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับคนสวิสว่าไม่เป็นมิตรขึ้นมาคุย  ทั้ง 4 คนให้ความเห็นว่าคนสวิสโดยเฉพาะอย่างยี่งทางสวิสเยอรมันมักจะทำตัวเป็นตำรวจเอง  เมื่อเห็นอะไรที่เค้าคิดว่าควรจะทำเค้าจะลงมือจัดการเองหรือไม่ก็โทรศัพท์แจ้งตำรวจ  ความเคลื่อนไหวในรอบที่พำนัก ใครจะไปใครจะมาอย่าคิดว่าเค้าไม่รู้เค้าจะมองจากบ้านเค้าเอง  (มิน่าถึงได้ไม่ค่อยเห็นตำรวจสวิสตามถนนเหมือนในประเทศอื่นๆ)  วัฒนธรรมนี้ผิดไปกับคนไทยมาก  เพราะเราจะไม่ทำอะไรหักหาญหรือไปก้าวก่ายผู้อื่นถ้าไม่เดือดร้อนถึงเรา
 
 ส่วนเรื่องบนรถรางนั้นคุณหนุกหนาน(ท้อแท้)อยู่ที่เบอร์นหรือเปล่าคะ  เพราะเพื่อนคู่ที่มาจากเบอร์นเล่าว่า  ที่เบอร์นจะมีผู้หญิงแก่คนหนี่งซึ่งสติไม่ค่อยจะสมประกอบ  เมื่อผู้หญิงคนนี้ขี้นรถประจำทางหรือรถรางจะต้องไปนั่งที่ประจำของเค้าที่เดียว  ถ้ามีใครนั่งอยู่แล้วเค้าจะไล่ให้ลุกขึ้นค่ะ  ถ้าคุณหนุกหนาน(ท้อแท้)อยู่ที่เบอร์นอาจจะไปนั่งทีประจำของเค้าเข้า  ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนี้มังคะที่ขอส่วยที่นั่ง 5555  เพราะเพื่อนบอกว่าเค้าก็คอยระวังผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน  (อย่าถือคนบ้านะคะ)

เกตุ

เข้ามาเห็นด้วยกับป้าตุ้มค่ะ ว่าเพื่อนบ้านรู้ความเคลื่อนไหวเราหมด เคยดูในหนังที่แบบคนแก่แอบเปิดผ้าม่านหน้าต่างแอบดูข้างบ้าน โหยยยยย ไม่คิดว่ามีจริงกั่กๆ เหมือนไม่มีใครสนใจแต่จริงๆแล้วแอบดูตลอดเอิ้กๆ

โอเลี้ยง

สวัสดีค่ะป้า และทุกๆท่าน เข้ามาเม้าท์หน่อยค่ะ  ที่ว่าแถบสวิสเยอรมัน คนมักจะตัวเป็นตำรวจเอง สอดส่องดูพฤติกรรมอะไรต่างๆ ที่เห็นว่าไม่เหมาะสมก็จะโทรแจ้งความ อันนี้โอเลี้ยงประสบจากแม่สามีตัวเองนี่ล่ะค่ะ แต่ขอเล่าแบบขำๆ เพราะโอเลี้ยงไม่ได้ซีเรียสอะไร เพียงแต่คิดว่า แบบนี้ก็มีด้วยแฮะ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นจากเมืองไทย อิๆ  เธอจะมีกล้องส่องดูดาวน่ะค่ะ แต่ไม่ส่องดูดาวนะ แต่จะส่องดุชาวบ้านรอบๆ ว่าทำอะไรกันบ้างวันๆ นี่ล่าสุดเธอให้สามีโอเลี้ยงล่างจดหมายถึงเทศบาล เพราะเพื่อนบ้านมาตั้งตู้คอนเทนเนอร์ไว้นานแล้ว และไม่มีใบอนุญาต นี่ล่ะค่ะ ตลกดี  แต่ถ้าเราคิดในทางหนึ่ง ก็นับว่าดี เพราะประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับรัฐบาล ซึ่งมันตรงข้ามกับบ้านเราที่ประชาชนส่วนมากจะโดนปิดหูปิดตา หรือทำปิดหูปิดตาไม่อยากยุ่งในเรื่องที่ก่อความไม่สงบ หรือไม่โปร่งใส

เทียนหอม

555 อาตุ้มเขียนได้เห็นภาพดีจัง คนสวิสทำตัวเหมือนเป็นโปลิศจับขโมย
 
 น่าสนใจดีนะคะ ถ้าพฤติกรรมนี้ตั้งอยู่บนความรักและความหวังดีต่อกัน ก็จะดี สังคมไทยน่าจะเอาเยี่ยงอย่าง  

เกตุ

อ่ะมีอีก มีอีกหน่อย ตอนสมัย (เหมือนนานเลยเน่อะ) ที่เคยแนบชิด
 สนิทสนมกันกับอิดีตสามีอยู่นั้น มีเพื่อนบ้านมาแง่ะถุงขยะดูด้วย แต่
 ไม่รู้ของใครหรอก เพราะมันทิ้งรวมๆกัน คงจะประมาณเช็คว่าแยกขยะ
 อ่ะป่าว ทิ้งมั่วมั๊ยประมาณนี้ล่ะ แล้วแถวบ้านอิดีตสามีอ่ะก่อนที่เกตุจะ
 มาอยู่ตรงมิโกรส์มีที่ทิ้งขวด ทิ้งกระป๋องด้วย ตอนหลังคนชอบเอาขยะ
 ไปทิ้งมั่ว เขาเลยเลิกแล้วไปตั้งไว้ไกลโคตรๆเลยกั่กๆ แบบว่าเทศบาล
 แก้เผ็ดอ่ะ

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

ตอนแม่จิ๋วจิ้วฯเจอเพื่อนๆแฟนครั้งแรก เขาชอบถามกันว่าเมื่อนึกถึงสวิส คนไทยทั่วไปจะนึกถึงอะไร แม่จิ๋วจิ้วฯก็บอกไปว่าน่าจะเป็น ช็อคโกแลต  นาฬิกา คนเล่นสกี และก็ทุ่งดอกไม้ที่มีวัวกำลังกินหญ้าและมีฉากหลังเป็นยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ  แ่ต่โดยส่วนตัวแม่จิ๋วจิ้วฯจะนึกถึงเรื่องอื่นด้วย เช่น สวิสมีธนาคารที่เก็บความลับเป็นเลิศ  สวิสเป็นประเทศที่โดดเดี่ยวท่ามกลางสหภาพยุโรป  และเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มนึงว่า คนสวิสชอบทำตัวเป็น Spy ถึงแม้จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ( เพื่อนๆเขาหัวเราะกันใหญ่ สงสัยจะเรื่องจริงแฮะ ) และก็ คนสวิสภูมิใจในประเทศตัวเองมาก แต่ไม่ชอบแสดงออกอย่างที่ควรจะเป็น เช่น ถ้ามีใครบอกว่าบาเซิลเป็นเมืองที่น่าอยู่ คนสวิสก็จะบอกข้อเสียหรือจุดด้อยของเมืองบาเซิลให้ฟัง แต่ถ้ามีใครบอกว่าเมืองบาเซิลเป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่เลยเป็น  คนสวิสก็จะบอกข้อดีของเมืองบาเซิลให้ฟัง ( เพื่อนเขายิ้มและพยักหน้ากันหงึกหงัก ท่าจะเป็นเรื่องจริงอีก )

เด็กใต้

แจมด้วยคน เราก็เคยเจอเราไปซื้อลิปกลอสที่ Coop แล้วเราก็เดินไปบ้านเพื่อนที่อยุ่ใกล้กันก็ลองแกะออกมาทาดู ปรากฏว่าลิปมันเสียเนื้อของลิปกลอสมันแข็งบีบไงก็ไม่ออก เราก็เดินกลับไปเปลี่ยนเพราะยังเก็บบิลไว้อยู่ เราก็พูดภาษาอังกฤษนะ (เราพูดด้อยท์ได้นิดหน่อย แต่เราฟังเข้าใจ )พนักงานมันบอกว่ามันไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แล้วมันก็พูดกันว่าไม่ให้เปลี่ยนหรอก เราทำงัยรู้มั้ยเราด่ามันทั้งไทยทั้งอังกฤษ
 ทั้งด้อยท์ ถูกๆๆผิดๆๆนั้นแหละแล้วบอกให้มันแหกตาดูบิลเพราะเราเพิ่งซื้อไปเมื่อห้านาทีที่แล้ว ทำไมละเราจะเปลี่ยนไม่ได้ เรานะถ้าไม่ผิดเราไม่ยอม เราด่ามันนะจนคนที่นั่นหันมามอง แต่ก็มีคนดีนั่นแหละถามเราว่าทำไม เราก็เลยบอกเขา เขาก็คุยให้ขอเจอผู้จัดการร้าน เราเลยได้เปลี่ยน ฮิ ฮิ ฮิ คราวหลังนะเราก็ยังไปเสนอหน้าให้มันเห็นอยู่บ่อยๆๆจะได้รู้งัยว่าอย่ามาเอาเปรียบหัวดำอย่างเรา

เด็กใต้

อีกหน่อย แต่คนดีก็เยอะนะ โดยเฉพาะที่หมู่บ้านซุค ที่นี่มีแต่คนน่ารักเป็นส่วนใหญ่นะ เดินสวนกันเขาจะทักทายกันทั้งๆที่เราเป็นคนไทยนะเขาก็ทักทาย และเพื่อนบ้านทุกๆๆคนก็น่ารัก เราจะมีลัดเปลี่ยนกันทำอาหารและเขาก็ชอบอาหารไทยนะ เรายังสอนให้ลูกสาวเขาบ่อยๆๆเลย

ซกมก

 หวัดดีค่ะ อยากบอกว่าตัวเองก้อเคยเจอ แต่ก้อชอบสวนกลับว่าไม่พอใจไปลากตํารวจมาคุยกันดิ ประโยคเด็ดประจําตัว แล้วก้อ ต่อด้วย ไล่เข้าป่าไปอีกตังหาก นี่สุภาพสุดแล้วนะคะ เคยซื้อของในมิโกร มีเพื่อซื้อด้วยกัน เพื่อนถือของอยู่ในมือด้วย และในตะกร้าก้อมี ก้อเอาของว่างแล้วก้อคั่นให้เพื่อนเพราะเค้ามัวชะโงกหยิบลูกอม แล้วก้อมียายฝรั่งไมกลางคนมายืนคั่นเพื่อนพอดี พอเค้ายัยบ้านี่เห็นเราเอาไม้คั่นมันหยิบไม้ออกเฉยเลยแล้วบอกว่ามันยืนอยู่ก่อนก้อคิดรวมไปสิ เพื่อนก้อเลยว่าให้ แถมเราก้อไม่สนบอกแคชให้คิดตังค์แยกของเรากะเพื่อน ก่อนออกไปยังมีหน้ามาหันมาพูดเห็นแม๊ะๆ อีก เราก้อเลยสวนกลับแถมด่าดังพอควร มันรีบเดินจํ้าอ้าวหนีเลยค่ะ บอกกงๆอยู่นี่เจอแบบไหนตัวเองก้อสวนกลับไปแบบนั้นตลอด เป็นคนไม่ค่อยเก็บความรู้สึกเท่าไรหรอกค่ะ เก็บไม่ได้กลัวตัวเองเครียดค่ะ