ผู้ชายสวิสส่วนใหญ่นิสัยเป็นอย่างไรค่ะ ????

Previous topic - Next topic

angkanaruk

สวัสดีค่ะ ดีแล้วแหละค่ะ แต่อย่าคิดมากไปเลยเนอะ คิดไปก้อปวดหัวป่าวๆ อยู่เฉยๆนั่นแหละดีแล้วให้การเวลาเปงเครื่องพิสูจน์ความรัก โชคดีน่ะค่ะ สู้ๆค่ะ

pinky

    สวัสดีค่ะ คุณนัท ได้รับฟังเรื่องของคุณ รู้สึกเสียใจกับคุณนัทมากนะค่ะ เราเองเค้าใจ
ความรู้สึกของคุณ เพราะเราเองก็เคยเจอเรื่องราวชีวิตที่เลวร้ายมาก่อนเช่นกัน คนเรา
ทุกคนถ้ารักใครแล้ว ตัวเราเองก็คาดหวัด และอยากจะฝากชิวิตไว้กับคนที่เรารัก และเค้าก็ต้องสามารถดูแลเราได้ทุกอย่าง เหมือนเราได้ฝากชีวิตไว้กับคนคนนี้แล้ว

ความรักมันมักมาคู่กับเงินเสมอ ถ้าใครพูดว่ารักเค้าและเงินไม่สำคัญ มันไม่จริงหรอก ผู้หญิงทุกคนก็ต้องการความมั่นคงทุกคนแหละค่ะ แล้วทำไมผู้หญิงทุกคนเวลาที่ถามเค้าก็จะตอบว่าอยาจะะเจอผู้ชายหล่อและรวย แต่ข้อนี้ตัดไปได้เลย เพราะเราไม่ใช่คนที่บ้าคลั่งฝันไปไกลขนาดนั้น


pinky

    เราก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่แค่อยากจะเจอผู้ชายดีๆ สักคนที่รักเรา ก็แค่นั้นเองนะ เรื่องเงินเป็นสิ่งที่ตามมาที่หลัง เงินสำคัญไหมก็สำคัญนะ เพราะเรามีภาระหน้าที่ ที่เราต้องรับผิดชอบนิ เราไม่ได้เอาเงินไปซื้อหรือไปทำอะไรที่ฟุ่มเฟือย คุณนัทผ่อนรถ ผ่อนให้ใครนั่งละ ถ้าไม่ใช่คุณและแฟน ถูกต้องไหม แล้วคุณก็ต้องทำงานไปด้วย คุณไม่ได้นั่งกินนอนกินหรืออยู่เฉย แล้วคุณก็พร้อมแล้วที่ต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน กับแฟนของคุณ และคิดว่าเค้านี่แหละใช่แล้ว
 
    แต่สุดท้ายความมันก็ต้องมาแตกก็ตอนที่คุณจับได้ว่าเค้ามีคนอื่น คุณนัทค่ะ แค่เรารู้แล้วว่าเค้ามีคนอื่น คุณคิดจะยังอยู่กับเค้าอีกเหรอค่ะ ที่พูด ไม่ได้ต้องการบอกให้คุณเลิกกับเค้านะ แต่อยากให้คุณคิดและไตร่ตรองให้ดี ๆ นะ ว่าที่คุณนัทอยู่กับเค้านะ ข้อดีเข้ามากกว่าข้อเสียหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเราคงไม่มีการให้อภัยหรือ ครั้งที่ หนึ่ง หรือ ครั้งที่สองหรอกค่ะ มันเจ็บนะ เจ็บมาก กับการที่คนรักเราทำแบบนี้ เรื่องเงินมันไม่เท่าไหร่หรอกให้น้อย ให้มาก พอรับได้ แต่เรื่องผู้หญิงอีกคนนะ ขอถอยดีกว่า

    บางครั้งบางสิ่งที่เราตั้งใจ หรือคาดหวัง มันก็ไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่ใจเราต้องการ คนเราทุกคนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าใครที่จะหาทางออกของปัญหา และแก้ไขได้ ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความอดทนของเราด้วยว่ามันมีขีดความจำกัดแค่ไหน แต่ถ้าเราคิดว่า  สิ่งที่เราตั้งใจ รวมถึงความคิดและจิตใจของเรา มันสวนทางทั้งหมด  บางสิ่งที่เราคิดแต่มันไม่ใช่ ก็ถอยออกมาสักก้าวเถอะค่ะ ให้เวลาเป็นการตัดสินใจ การเปลี่ยนชิวิตของเรา ไม่มีใครบังคับจิตใจเราได้ นอกจากตัวเราเองบังคับใจเราให้ต้องเดินไปทางนั้นนะ 

อยากเป็นกำลังใจให้ คุณ นัท
คิดให้ดีๆ ชีวิตเป็นของเรา  เราเลือกได้


nat

สวัสดีทุกคนค่ะ และขอบคุณคุณ Pinky ที่เข้ามาให้กำลังใจนะคะ ใช่ค่ะไม่มีใครสามารถบังจิตใจเราได้นอกจากตัวเราเอง บางครั้งแม้แต่ตัวเราเองยังไม่สามารถทำดังใจเราได้ทุกอย่าง สุข-ทุกข์ อยู่ที่ใจเราเอง ตอนนี้ณัฐก็ถอยออกมาหนึ่งก้าวแล้วละ เพื่อที่เราจะได้มีเวลาคิดมากขึ้นตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ณัฐรู้สึกแย่มากๆ ทั้งโกธร ทั้งเกลียด เจ็บปวด เสียใจ ผิดหวัง.... ณัฐคิดว่าผู้หญิงเราคงไม่มีอะไรเจ็บเกินกว่าการที่แฟนเรานอกใจหรอกค่ะ ตอนนั้นสติแตกเลยค่ะ .....แต่ตอนนี้สติเริ่มกลับมาแล้ว ณัฐอ่านหนังสือธรรมะ (เอาธรรมะเข้าข่มค่ะ)
มีหลายเล่มค่ะที่ชอบมากๆมี 3 เล่มค่ะ เพื่อนๆ ลองหาอ่านกันได้นะคะ ขอบอกว่าดีมากๆ :)
1.ธรรมะทอรัก ของพระ ว.วชิรเมธี   2.ธรรมะ delivery(ธรรมะคู่รัก)ของพระมหาสมปอง  3. ดังตฤณวิสัชนา ของคุณดังตฤณ......

ณัฐอยากถามพี่ๆเพื่อนๆว่า นิสัยผู้ชายฝรั่งก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานเหมือนกันมั้ย ? ถ้าเป็นผู้ชายไทย บอกได้เลย 80-90 เปอร์เซ็นต์ นิสัยเปลี่ยนในทางที่แย่ลง เพราะก่อนแต่ง
งานพี่แกจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สาว แต่พอได้แล้วก็มักมองว่าเป็นของตาย ....แล้วฝรั่งเขาง้อกันนานมั้ย ตอนนี้แฟนก็ง้ออยู่ กลัวตัวเองใจอ่อนจัง :(เห็นเขาบอกว่าฝรั่งจะนับถือตัวเองมากๆ ไม่ว่าจะเป็ผู้หญิงหรือผู้ชายจริงมั้ย? แล้วฝรั่งเขามีเมียน้อย-เมียหลวง มั้ยค่ะ?
ใครมีประสบการณ์ ช่วยแชร์ด้วยนะคะ....ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นค่ะ

ขอบคุณคุณกิฟนะคะที่แวะมาให้กำลังใจ  :)







noi_geneve

ขอตอบคำถามท้ายๆ นะคะ
จากประสบการณ์ของตัวพี่เอง

นิสัยผู้ชายฝรั่งก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานเหมือนกันมั้ย ?
ก่อนแต่งไม่เคยตดให้ได้ยิน หลังแต่งพ่อตดไม่บันยะบันยัง ขำๆ นะคะ แต่เรื่องจริง
อ้อ อีกเรื่องก่อนแต่งนั่งกินจิ้มจุ่มริมถนนได้ เดี๋ยวนี้ ไม่ยอมแล้ว ต้องภัตตาคารสุดหรูเท่านั้น
เว่อซะ

แล้วฝรั่งเขาง้อกันนานมั้ย
พี่ไม่เคยปล่อยให้อะไรคาใจนานๆ เค้าก็เป็นเหมือนกัน มีอะไรต้องเคลีย ไม่เกิน 3 วันทำการ
อันนี้พี่ว่าขึ้นอยู่แต่ละบุคคลน่ะ

เห็นเขาบอกว่าฝรั่งจะนับถือตัวเองมากๆ ไม่ว่าจะเป็ผู้หญิงหรือผู้ชายจริงมั้ย?
พี่ว่าทุกคนก็ควรจะนับถือตัวเองและเคารพผู้อื่นเป็นเรื่องปกติของทุกชาติ นา...

แล้วฝรั่งเขามีเมียน้อย-เมียหลวง มั้ยค่ะ?
มีเหมือนทุกๆชาตินั่นแหละ แต่พี่บอกไว้ก่อนแต่งเลยว่า มีเมื่อไหร่จบเมื่อนั้น เป็นเรื่องเดียวที่ไม่
มีต้องมีคำอธิบาย อย่างอื่นพอฟังได้เรื่องนี้ไม่มีเคลียร์

ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ใช่เรื่องยาก เราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา ให้อภัย(ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง)
ซึ่งกันและกัน

ความเห็นส่วนตัว พี่ว่าถ้ายังเป็นแฟนกันอยู่อย่าไปเอ่ยปากเรื่องเงินกับเค้าจะดีกว่ามั้ย ให้เค้าให้
เองดีกว่า อย่างเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนนั้นก็บอกไปว่าเรายังไม่พร้อมที่ไปเรียน ถ้าเค้าถามค่อยบอกไปตรงๆ ว่ามีค่าอะไรที่เราต้องใช้จ่ายบ้าง ถ้าเค้าจะให้ ให้เค้าเอ่ยปากให้เราเองจะดูดีกว่านะ

มองโลกให้กว้างๆ เรามีสิทธิ์เลือก อายุยังน้อย เลือกคนดีๆ ด้วยสติ ชาติไหนไม่สำคัญ ทุกชาติ
มีดีมีเลว ปะปนกัน

ขอให้สมหวังนะคะ




Lack

อ่านเรื่องของคุณณัฐแล้วรู้สึกว่ามันทำร้ายจิตใจจังเลยค่ะ มี 2 ประเด็นค่ะ จากคนยังไม่เคยแต่งงาน

ดูแล้วเรื่องเงินนี่ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เหมือนกันนะคะ จริงๆ การที่จะส่งเงินมาให้แฟนคนไทยคงไม่ใช่เรื่องแปลก เขาเองก็คงยินดีจะช่วยเหลือ แต่มันก็ต้องสมเหตุสมผลกับความจำเป็นนะคะ ผู้ชายบางคนอาจจะเอ่ยปากว่าอยากช่วย แต่ถ้าเรามีปัญหากับสถานะการคลังของตัวเองทุกเดือน ความยินดีจากเขาก็อาจจะเปลี่ยนไปให้คิดในแง่ลบได้เหมือนกันนะคะ ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ ผู้หญิงหรือผู้ชายใครๆก็ไม่ชอบให้คนอื่นมา take advantage กับเราหรอกคะ เขาเองก็อาจจะคิดว่าก่อนเจอเขาทำไมเราอยู่ได้ พอเจอเขาเราก็ตั้งท่างอแงจะอยู่ไม่สบายซะงั้น

คุณณัฐอาจจะคิดว่าเป็นเงินแค่ไม่กี่ร้อยฟรัง ทำไมถึงอิดออด เป็นเรื่องใหญ่ แต่ลองเปรียบเทียบดูนะคะ เราถูกหักค่าประกันสังคมทุกเดือนๆ บางครั้งเรายังไม่อยากให้หักเลย ทั้งๆที่เราได้รับประโยชน์ แถมเป็นจำนวนเงินไม่มากไม่มายอะไร จริงอยู่เขาอาจจะสามารถจ่ายค่าไวน์แพงๆ หรือโรงแรม 5 ดาว ทั้งๆที่ราคาสำหรับนอนคืนเดียว เอามาจ่ายค่าเช่าบ้านเราได้ทั้งเดือน แต่อย่าลืมนะคะ เงินของเขา ความสุขของเขา เราเองก็เป็นแค่แฟน ใช้เงินก็คนละกระเป๋า คงไปพูดมากไม่ได้ว่า ทำไมจ่ายโน่นได้ แต่จ่ายนี่ไม่ได้

ส่วนเรื่องที่โหดร้ายสุดๆ นอกใจก็ว่าแย่แล้วนะคะ นี่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ดันมานอกใจอยู่แถวนี้อีก รู้สึกว่าเค้าจะรักเมืองไทยมากนะค่ะ วนเวียนอยู่แถวนี้ตลอด น่าติดต่อเป็น presenter การท่องเที่ยวแทนพี่เบิร์ดจริงๆ ลักษณ์อยากบอกว่า ความเชื่อใจ คือ เรื่องหลักของชีวิตคู่นะคะ ไม่ว่าในสถานะไหน แฟน หรือคู่ชีวิต ถ้าคุณไม่เชื่อใจเขา แล้วเขาก็ไม่เชื่อใจเรา ความสุขมันจะอยู่ตรงไหนล่ะคะ

จริงๆ ปัญหาอาจจะเป็นเพราะการคุยกันน้อยไปหรือเปล่า แฟนลักษณ์เก็บไว้ไม่เกิน 1 วัน มีอะไรไม่สบายใจ เขาก็จะจับเรามาคุยเลย ไม่เคลียร์ก็ไม่ต้องนอน ถ้าแฟนคุณณัฐไม่สบายใจกับการต้องช่วยเหลือเราเรื่องเงิน เขาก็ควรจะคุยนะคะ ไม่ใช่แอบไปวับๆแวมๆ กับคนอื่นแบบนี้ เป็นทางออกที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวนะคะ หรือถ้าคุณณัฐมีปัญหาเรื่องเรียนกับเรื่องทำงาน ทำไมไม่เรียนตัวต่อตัวกับอาจารย์ไปเลยละคะ กำหนดเวลาก็ได้ ไม่กระทบกับงานที่ทำด้วย คุณณัฐทำงานแถวสามเสน ลองแวะเข้าไปที่ธรรมศาสตร์ซิคะ (แอบโฆษณา) อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี มีหมดเลยค่ะ จะเรียนให้มันทุก part ของสวิสเลยก็ยังไหว

ไม่มีใครบอกได้หรอกค่ะว่าอะไรถูก อะไรผิด คุณณัฐอาจจะ say YES แล้วแต่งงานและมีความสุขตลอดไป หรืออาจจะปล่อยให้คุณพี่คนนั้นไปสนับสนุนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกับน้องหนู thaikisses แต่อยากบอกว่าให้คิดถึงตัวเองมากๆ คิดถึงความสุขของตัวเองดีกว่า เสียใจวันนี้ พรุ่งนี้ก็ยิ้มได้ค่ะ กำลังใจเยอะแยะ  :D

Jing jai

อ่านเรื่องคุณ ณัฐ แล้ว เสียใจ ด้วยนะค่ะ ขอให้ สู้สู้ นะค่ะ อย่าท้อ คนดีดี มีอีกเยอะค่ะ

แต่อยากขอคุยด้วยคน นะค่ะ พี่ มีแฟน เป็นคนสวิสเหมือนกันค่ะคบกัน มาก 2 ปีกว่าแล้วเหมือนกัน แต่เขาเป็นคนดี จริงใจ ดีเหมือนกัน จะโทรคุยกัน ทุกอาทิตย์ ค่ะ เขา ไม่รวย แต่ก็ไม่จนค่ะ เขาทำงาน อำเภอหนึ่ง ใน Bern ยังมาเยี่ยมพี่ไม่ได้ เพราะยังไม่มีวันหยุดค่ะ
แต่ก่อนเขาไม่รู้ภาษาไทยเลย แต่ตอนหนี่ คุยกลับพี่ป็นภาษาไทยแล้ว คล่องมาก เข้าศึกษาเรื่องคนไทยมาเยอะ ค่ะ เขารู้มากเรื่องคนไทยมากเกินไป คนฝรั่งส่วนใหญ่ มักจะมองผู้หญิงไทย ทีขอเงิน เป็นคนเห็นแก่เงิน ไม่เข้าใจจริงๆว่า ทำมัยคิดอย่างนั้น เขาเคยมีเมียเป็นคนไทย พอแต่งงานแล้ว เมียคนไทยก้อไปขายตัวโดยที่เขาไม่รู้ แต่มารู้ทีหลัง เขาเสียใจมาก เลยต้อง ย่ากัน ...
ผู้ชายบางคนอาจจะมีความทรงจำที่เลวร้าย..เพราะฉนั้นมันอยู่ที่เราค่ะว่าจะลบความทรงจำที่แย่ๆของเขาได้รึเปล่า เขาอาจจะมองคนไทยดีขึ้นได้มากกว่านี้ ....




nat

สวัสดีทุกคนนะคะ และขอบคุณ คุณ Jing jai , คุณ ลักษณ์ และคุณ Noi-geneve ที่เข้ามาให้กำลังใจ
ในส่วนเรื่องของเงิน จริงๆแล้วตัวณัฐเองอาจจะไม่มีความอดทนพอ คือตัวเองเคยอยู่คนเดียวสบายๆพอมี่แฟนแล้ว
ตัวเองต้องลำบากมากขึ้น สำหรับณัฐแล้ว ณัฐว่ามันไม่ค่อย O.K เท่าไรนะ ???(ความเห็นส่วนตัวค่ะ :P)
เพราะถ้าอยู่เมืองไทยยังลำบากขนาดนี้ แล้วถ้าไปอยู่บ้านเมืองเขาจะขนาดใหน เพราะต้องปรับตัวเรื่องอาหาร อากาศ ภาษา วัฒนธรรม ผู้คน ..
(อ่านจากประสบการณ์ของคนอื่นค่ะ :P)แล้วถ้ายิ่งเจอแฟนที่ขี้เหนียวคงต้องแย่แน่ๆ เพราะณัฐคิดว่าคนรักกัน มันต้องช่วยเหลือ
เกื้อกูลกันค่ะ แต่ต้องดูเป็นรายๆไปนะคะ เพราะถ้าแฟนเราอายุน้อยงานการยังไม่มั่นคง เราก็คงต้องช่วยกันทำมาหากิน
เพื่อที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัวร่วมกันมันเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ  แต่นี้แฟนณัฐอายุมากแล้ว หน้าที่การงาน
เงินเดือนก็ O.K ไม่น่าเอาเรื่องเงินมาเป็นประเด็น (ข้ออ้าง)ในการนอกใจเราเลยเนอะ :'(

ตอนคบกันใหม่ๆณัฐก็พอรู้นะว่าเขาค่อนข้างกังวลไม่แน่ใจว่าเราจะรักเขาจริงป่าว เพราะเขาอายุมากแล้ว กลัวโดนสาวไทยหลอก
เขาก็ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกํบผู้หญิงไทยเยอะนะ(เขาไม่เคยมีแฟนเป็นคนไทย)เขาว่าผู้หญิงไทยมีความกตัญญูต่อพ่อ แม่ สูงยอม
ลำบากเพื่อครอบครัวเช่น ผู้หญิงที่ทำงานบาร์ หรือผู้หญิงที่เป็นหม้าย ต้องการแต่งงานกับฝรั่งที่มีเงินเพื่อ ช่วยเหลือครอบครัวตนเอง
ทั้งๆที่ไม่ได้รักผู้ชายเลย แต่ก็ดูแลเอาใจใส่ผู้ชาย เขาว่าเหมือนแต่งงานแลกเงิน แลกกับความสุขสบาย เขาก็กลัวว่าณัฐจะเป็นนั้น
ประเด็นนี้เคยทะเลาะกันมาแล้ว  ณัฐบอกว่าผู้หญิงไทยไม่ว่าทำงานอะไร หม้ายหรือโสด ถ้าแต่งงานมีสามี เราก็จะร้กสามีของเรา
บางทีมันก็บอกยากว่ารักคืออะไร แต่ไทยเรามักบอกว่ารักเพราะความดีของเขา (ไม่รู้ว่าฝรั่งรู้หรือป่าวว่าความดีคืออะไร)
และณัฐก็บอกว่าต่อให้คุณมีเงินมากมายแต่ทำตัวชั่ว ไม่มีความดีเลยผู้หญิงเขาก็ไม่เอาหรอก.....แต่ณัฐก็ไม่โทษเขาหรอกนะ
เพราะเขาไปอ่านมาจากอินเตอร์เน็ต อีกที ชื่อ เว็บอะไรไม่รู้ แต่มันเป็นเว็บที่เตือนผู้ชายฝรั่งให้ระวังผู้หญิงไทย เขาส่งมาให้อ่าน
อ่านยากมากๆเพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ (เสียเวลาเปิด Dictionary)ไม่รู้ใครเขียน ทำไมไม่เขียนข้อดีๆบ้าง >:(
(ไอ้คนที่อ่านก็ไม่รู้จักไปอ่านเรืองดีๆ)แต่อย่างว่านะ ไม่ว่าชาติใหน ชาย หญิง ก็มีดี เลว ปนกันไป......


วันนี้ขอเขียนเรื่องเงินเยอะหน่อยนะคะ เพราะเขาว่าเราเห็นแก่เงิน ....แล้วเขาบอกว่าที่สวิสถ้าเห็นผู้ชายเดินกับผู้หญิงต่างชาติ
ที่อายุห่างกันมากๆเขามักคิดว่าผู้ชายใช้เงินซื้อผู้หญิงมา คนสวิสเขามองอย่างนั้นจริงๆเหรอ ??ถามคนที่มีแฟนอายุหห่างกันเยอะๆ
(ประมาณ 10 ปีขึ้น,แฟนอายุเยอะ แต่เราอายุก็ไม่น้อย ;D )

ขอถามอีกหน่อยนะคะ ทุกท่านที่ตัดสินใจแต่งงานได้คุยหรือตกลงเรื่องเงินกันก่อนมั้ยค่ะ?ขอโทษนะคะถ้าคำถามไม่สุภาพและณัฐ
เชื่อว่าทุกคนที่ตัดสินใจแต่งงานนก็เพราะความรักแน่นอนไม่ใช่เพราะเงิน.

คุณ Lack ค่ะ ตอนนี้คงไม่เรียนภาษาแล้วละ เพราะเรียนมาก็ไม่ได้ใช้ จบ A2 แต่ตอนนี้ลืมหมดแล้ว มีคนแนะนำให้ไปเรียนที่ธรรมศาสตร์
เหมือนกันแต่เขาว่าเวลาไปสอบเอาใบ certificate ก็ต้องไปสอบที่เกอร์เต้เท่านั้นใช่มั้ยคะ? ถ้าเรียนตัวต่อตัวกับอาจารย์ต้องแย่แน่ๆ
เพราะคงไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน (อาจารย์ค่าตัวแพง)เงินเดือนน้อยค่ะ  :'( มีแฟนก็ขี้เหนียวคะ   
(ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าตัวเองมีแฟนหรือโสด ::) ) คนเราถ้าไม่มีความเชื่อใจซึ่งกันและกันแล้ว มันก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ
สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ พระท่านว่า

ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นนะคะ...




















Lack

ลักษณ์ไม่เคยเรียนภาษาเยอรมันที่ธรรมศาสตร์ค่ะ เลยไม่ทราบเรื่องใบเซอร์ แต่ตอนที่จบคอร์สแปล (ภาษาอังกฤษ) กับที่สถาบันภาษาของธรรมศาสตร์ก็ได้ใบรับรองมานะคะ แต่ไม่เคยเอาไปสมัครงานเลย แล้วก้อเคยไปเรียนสเปนที่คณะศิล'ศาสตร์ วันเสาร์-อาทิตย์ได้ใบรับรองมาแต่ก็ไม่เคยเอาไปทำอะไรเหมือนกัน เลยไม่ทราบว่าจะตอบยังไง

ลักษณ์เองกำลังจะแต่งคะ ตอนคุยกันเรื่องแต่งงาน ลักษณ์เองก็จั่วหัวไปตั้งแต่แรกเลยค่ะ ว่าแต่งกับคนไทยต้องมีสินสอดนะ มันเป็นธรรมเนียมของเรา ตัวเราเองกับครอบครัวไม่เท่าไหร่ แต่พ่อแม่เราเค้าก็มีเพื่อนมีญาตินะ จะให้จดทะเบียนแล้วมีแหวนมาวงเดียวคงไม่ได้ อันนี้ชัดเจนค่ะ ถ้ารับไม่ได้หรือไม่เข้าใจก็คือจบ ไอ้จะมาอ้างว่าชั้นก็จ่ายให้เธอมากนะ ไหนจะค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเรียน บอกตรงๆค่ะว่าไม่พอใจแน่นอน เค้าก็บอกว่าถ้าแต่งไปแล้วทางบ้านเค้าก็คงให้เครื่องประดับรับขวัญแหละ เฮ้ย สินสอดก็สินสอดนะ รับขวัญก็รับขวัญ ต้องแยกแยะ แต่เราก็ไม่ได้เรียกเอาร่ำเอารวย แค่พอสมน้ำสมเนื้อ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้เก็บไว้เองก็ให้กลับมาตั้งตัว ก็อธิบายเค้าไป

เราเองก็เห็นใจเค้านะคะ เรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเราไหนจะค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเรียน แต่เราเองก็ลำบากใช่ย่อยเพราะถ้าจะพูดกันจริงๆ การที่เราต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเขา เราเริ่มนับกันตั้งแต่ 0 เลย อยู่เมืองไทย เรามีงาน มีเงิน มีเพื่อน มีครอบครัว จะกินจะอยู่ก็นับถือตัวเอง (ถึงจะไม่รวยก็เถอะ) แต่ถ้าแต่งแล้วไปอยู่โน่น เราต้องทิ้งทุกอย่างที่นี่ ทั้งครอบครัว เพื่อน สังคม ไหนจะอาหารการกิน ดังนั้น ส่วนตัวลักษณ์คิดว่าไม่แปลกนะคะถ้าเค้าจะช่วยเหลือเราบ้าง แต่เราเองก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลือเค้าไปตลอดชีวิต แค่ช่วงที่เราเริ่มต้น 2 - 3 ปี เราต้องการเค้าจริงๆ อันนี้ก็ต้องคุยกันนะคะ ด้วยเหตุผลและความเป็นจริง

แต่ลักษณ์โชคดีที่แฟนมีเหตุผล เรื่องเงินหรือบัตรเครดิตเราใช้ได้สบายๆ (แต่ห้ามฟุ่มเฟือย) ถ้าซื้ออะไรไปแล้วก็ต้องบอก เค้าเองก็ให้เราใช้จ่ายพอสมตัว เราเองก็ขอแค่อาหาร 3 มื้อ ไม่อดไม่อยากก็พอใจค่ะ ฝรั่งก็ดีอย่างนึง คือ เค้าไม่จุกจิกเรื่องของกิน ไม่มีอันนี้แพงไป อันนั้นไม่ให้ซื้อ แล้วลักษณ์เป็นคนชอบกินเนื้อ ถ้า Migro ไม่ขาย ก็กระเสือกกระสนไป Co-op โชคดีที่แฟนไม่เคยบ่นเรื่องนี้เลย

แฟนลักษณ์กับลักษณ์ก็อายุต่างกันเยอะค่ะ 15 ปี เดินไปไหนมาไหน คนก็คิดว่าเป็นลูก (โชคดีที่แฟนอ่านภาษาไทยไม่ได้ ไม่งั้นคงเสียใจแย่เรย อิ อิ) เพราะเราเป็นคนเอเชีย ฝรั่งเห็นตัวเล็กๆ ดำๆ ก็กะอายุไม่ค่อยถูก แต่เดินกับแฟนไม่เคยมีใครมองไม่ดีเลย ไม่ว่าจะไปซื้อของ ดูหนัง หรือเดินเล่น ทุกคนให้เกียรติค่ะ บางครั้งเราสั่งอาหารแปลกๆไม่เป็น พนักงานก็เข้ามาช่วย หรือไปที่ทำงานแฟน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้าของแฟน ทุกคน take care เราดีมาก เพราะแฟนให้เครดิตเราดี แต่ที่โดนบ่อย คือ ตอนเดินคนเดียวค่ะ เค้าคงกลัวจะเปลี่ยวใจ เลยถูกแจกเบอร์ แจกของตลอด เซ็งงงงงง คือ การที่คนมองดีหรือไม่ดี ก็อยู่ที่ตัวเราด้วยนะคะ การแต่งตัวก็ช่วยให้มุมมองเค้าเปลี่ยนไปได้ แล้วก็พยายามไปในโซนคนยุโรปก็ช่วยได้นิดหน่อยคะ พยายามหลีกเลี่ยงโซนต่างด้าว อันนี้ไม่ได้ดูถูกคนเอเชียด้วยกันนะคะ แล้วก็ไม่ได้ยกย่องคนยุโรปด้วย แต่มันช่วยได้จริงๆ เราเป็นผู้หญิงก็พยายาม safe ตัวเองให้มากที่สุด

ส่วนเรื่องค่านิยมแย่ๆ เกี่ยวกับคนไทย มันก็คงจะห้ามกันไม่ได้ แต่เค้าก็รู้จักเราพอสมควร จะเลือกเชื่อ internet หรือแฟนตัวเองล่ะ ถ้าเลือกอย่างหลัง ก็ปล่อยเขาไป คนยุโรปด้วยกันเองก็ไม่ได้นับถือกันเองเท่าไหร่ โปล ดัชท์ หรือรัสเซียนก็ไม่ได้มีชื่อเสียงดีกว่าคนเอเชียเท่าไหร่ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปัจเจกนะคะ จะมาเหมารวมคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก

ก้อยังยืนยันคำเดิมค่ะ คือ ต้องคุยกัน ทุกคนก็มีทั้งดีและไม่ดี แฟนคุณณัฐเองก็น่ารักนะคะ ให้คุณณัฐได้ไปเปิดหูเปิดตาที่สวิส แถมยังให้เรียนภาษาเพิ่มอีก บางคนไม่เคยสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของเราเลย พอ holiday ก็จะมาเที่ยว หรือคบเราที่นี่ แต่มีคนอื่นที่โน่น มากมายคะ ลองคุยกันแบบจริงๆ จังๆ ดูสิคะ (แต่เรื่องแต่งคงต้องคิดนานแล้วแหละ ไม่รู้จะมีน้องหนู web อื่นอีกหรือเปล่า) ตอนนี้อาจจะมองอะไรเทาๆอยู่ แต่เวลาจะทำให้เราเห็นอะไรชัดขึ้นคะ เป็นกำลังใจนะคะ

nat

สวัสดีคุณลักษณ์ และทุกๆคนนะคะ.........
ยินดีกับคุณลักษณ์ด้วยนะคะที่จะแต่งงาน  ก็ขอให้มีความสุขมากๆนะ  ณัฐว่าคนที่ตัดสินใจแต่งงานแล้วมาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ
นี้สุดยอดจริงๆเพราะอย่างที่คุณลักษณ์ว่า เราต้องมาเริ่มนับ 0 ใหม่ไม่ใช่จาก 1 นะคะ เราต้องทิ้ง งาน ,จากครอบครัว,เพื่อน
และอื่นๆอีกหลายอย่าง แล้วมาอยู่กับแฟนเรา มันไม่มีเหตุผลอื่นเลยนอกจากรักเขาอย่างเดียว ฉะนั้นมันก็คงไม่แปลกใช่ไหมค่ะ
ถ้าเราจะคาดหวังกับแฟนเราไว้มาก  คุณลักษณ์ใชคดีนะคะที่คุยกับแฟน และเคลียร์เรื่องเงินกันจนเข้าใจก่อนแต่งงาน
เพราะอ่านจากหนังสือ,อินเตอร์เนต เขาบอกว่า 80-90% ผู้ชายฝรั่งไม่เข้าใจเรื่องค่าสินสอด??
ฝรั่งบางคนอยู่กับผู้หญิงไทย 7-8 ปี  มีลูกด้วยกันก็ไม่แต่งงาน (ผู้หญิงอยู่เมืองไทย)แต่เขาก็ส่งเสีย เลี้ยงดูอย่างดี
เพราะอะไร?? ไม่เข้าใจ ??? ผู้หญิงเราครั้งหนึ่งในชีวิตก็คงอยากแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี
เพื่อให้พ่อ แม่ ภูมิใจ ส่วนสินสอดทองหมั้น มากน้อยก็ตามแต่สถานภาพกันไป เราคงไม่ได้ไปหวังรวย
หรือกอบโกยเอาสมบัติเขา (ยกเว้นสามีเป็นมหาเศรษฐี ;D)

แล้วที่เขาบอกว่าก่อนแต่งงานกัน เขาจะมีหนังสือสัญญาก่อนแต่งงานว่าเขามีสมบัติอะไรบ้าง
เวลาเลิกกันอะไรที่เป็นสินสมรสเราถึงจะแบ่งกันได้ ที่ถามไม่ได้จะแต่งงานหวังสมบัตินะ
ถามเพื่อบางที่แต่งงานกันไป 2-3 ปีแล้วถ้าโชคร้ายเลิกกัน แล้วเราจะมีเงินค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านเรามั้ย :'(.....

จริงๆแล้วแฟนณัฐเขาก็มีข้อดีหลายอย่าง อันใหนที่เข้าใจไม่ตรงกัน ก็พออธิบายกันได้ แต่ไอ้เรื่องมีผู้หญิงอื่นมันไม่น่ามีเหตุผล
อะไรที่จะอธิบายได้นะ ตอนที่แฟนณัฐเขาขอเริ่มต้นใหม่ เขาว่าถ้าเขาขอแต่งงานกับใครแล้ว แปลว่าเขาจะไม่มีคนอื่นอีก
เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น(ฝรั่งส่วนใหญ่เขาเป็นแบบนี้กันเหรอ??)
แต่ตัวเราเองเรารู้อยู่แก่ใจว่ายังงั้ยมันก็ไม่เหมือนเดิม....

ยังงั้ยก็ขอบคุณคุณลักษณ์นะคะที่เข้ามาคุย และตอบคำถามพร้อมทั้งแชร์ประสบการณ์ต่างๆให้ฟัง
ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ :)









aonaon

เห็นด้วยกับ k. noi ค่ะ มาเป็นกำลังใจให้ จขกท. ขอให้ผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้น่ะค่ะ

nat




   ขอบคุณคุณ aonaon นะคะที่มาให้กำลังใจ....

  จขกท. เป็นคำย่อใช่ป่าวคะ?....แล้วย่อมาจากอะไร ???

   แบบว่า..งงๆนิดหน่อยค่ะ ;D

aum

    สวัสดีค่ะ คุณ nat
          อุ้มเข้ามาอ่านกระทู้ของคุณแล้วก้อค่อนข้างเห็นใจนะคะ มีเรื่องแบบนี้คงคบกันแบบไม่สนิทใจเหมือนเดิม แล้วไหนจะเรื่องประเพณีวัฒธนธรรมที่แตกต่างกันอีก เรื่องทัศนคติของแฟนคุณที่มองผู้หญิงไทยหรือผู้หญิงเอเชีย      แต่อุ้มก้อเข้าใจว่า
ที่แฟนคุณคิดแบบนี้ในบางกรณีมันก้อถูกค่ะ แล้วเรื่องสินสอดทองหมั้นที่มันอธิบายกันยากมากๆ ซึ่งผู้ชายต่างชาติบางคนจะไม่
เข้าใจและไม่ยอมรับ กลับเข้าใจว่าพ่อแม่ไทยขายลูกกินไปซะงั้น แต่สำหรับสังคมไทยนั้นเรื่องสินสอดทองหมั้นเป็นเรื่องสำคัญ
มากๆเลยทีเดียว ยิ่งสังคมต่างจังหวัดแล้ว ถือว่านี่เป็นหน้าเป็นตาเลยทีเดียว อันนี้อุ้มเข้าใจดีมาก บางคนลูกแต่งกับฝรั่งจะเรียก
สินสอดเป็นล้านๆ สงสัยลืมคิดไปว่าถ้าลูกตัวเองแต่งกับคนไทยสินสอดจะได้ซักกี่บาทเอง เอาอย่างนี้ดีไหมคะ คุณ nat ลอง
กลับไปคิดทบทวนว่ายังจะคิดมีอนาคตร่วมกับผู้ชายคนนี้หรือเปล่า ถ้าคำตอบคือ ใช่ ลองเปิดอกคุยกันจริงๆจัง เรื่องเงิน เรื่อง
สินสอด เรื่องแต่งงาน อุ้มว่าถ้าเค้าตกลงขอคุณแต่งงาน แล้วเค้าไม่ยอมรับประเพณีของเราแล้ว คุณควรจะเปลี่ยนคำตอบของ
คุณว่าไม่ซะดีกว่าค่ะ เพราะในอนาคตมีปัญหาแน่นอนค่ะ หรือเปิดอกคุยกันแล้ว มาเจอกันครึ่งทาง สินสอดก้อเอาแค่พอดี แล้ว
เรื่องแบ่งสินสมรสนั้น มันจะมีหลายกรณีค่ะ แต่มันก้อเหมือนการทำสินสมรสที่บ้านเรา ของที่ซื้อร่วมกันเมื่อเลิกกันก้อแบ่งกันครึ่งนึง หรือในกรณีที่คู่สมรสเสียชีวิต ถ้าเราไม่ทำไม่ระบุเราอาจจะต้องมีปัญหากับบรรดาญาติๆ หรืออะไรต่อมิอะไร ซึ่งการทำสินสมรส ในความคิดของอุ้มก้อถือว่าโอเคค่ะ แต่ว่าอย่างที่หลายๆคนบอก เรื่องอย่างนี้คนสองคนเท่านั้นที่จะเข้าใจ อุ้มก้อเคยผ่าน
การอธิบายเรื่องสินสอด bride-price ให้แฟนเข้าใจมาแล้ว ขอบอกว่าต้องใช้ศิลปะในการอธิบายมากๆ กว่าจะเข้าค่ะ ฮ่าๆๆๆ
ว่าไปโน่น ยิ่งเรื่องเงินทองยิ่งต้องชัดเจนค่ะ แต่อุ้มว่าเมื่อผู้ชายคนนึงรักผู้หญิงคนนึงจริงๆ เรื่องเงินนั้นมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่หลวง
เพราะถ้าเราคุยกันเข้าใจ มันย่อมมีทางออกแน่ๆค่ะ เอาใจช่วยและช่วยเป็นกำลังใจนะคะ

noi_geneve

มาตอบแทนคุณ aonaon ค่ะ จขกท.เป็นคำย่อแปลว่า "เจ้าของกระทู้" ค่ะ

พี่กับสามี ห่างกัน 24 ปี ค่ะ (สามี เกษียณ แล้วค่ะ)
เรื่องสินสอด พี่ไม่เคยพูดกับสามีค่ะ แต่บอกกับแม่ว่างานนี้ไม่มีสินสอด แม่ก็ไม่เห็นว่าอะไร

ส่วนชาวบ้านจะคิดอย่างไรก็เรื่องของเขาเพราะเวลาชาวบ้านคิดเราก็ไม่ได้ยินอยู่แล้ว
เรื่องนี้บอกตรงๆ ว่าอธิบายให้สามีฟังคงไม่เข้าใจ หรือ อาจเข้าใจเป็นอย่างอื่น ซึ่งอาจทำให้เกิด
ความร้าวฉานหรือเป็นรอยแผลเสียตั้งแต่ยังไม่แต่ง(อันนี้ความเห็นส่วนตัว)
สามีมารู้ทีหลัง(อ่านหนังสือ) ก็มาถามความหมายของคำว่า สินสอด ก็อธิบายไปว่า
ประเทศเรารัฐบาลไม่ได้เลี้ยงเหมือนประเทศคุณ ...บลา บลา....
เค้าก็ถามว่าทำไมพี่ไม่บอก เออ นะ ก็ขี้เกียจอธิบายเดี๋ยวไปกันใหญ่ เรื่องไม่เป็นเรื่อง

ส่วนเรื่องที่ตกลงคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็คือ ต้องอยู่ประเทศไทยเป็นหลักพี่เป็นพวกยึดติด (ประเทศไทย)

ส่วนตัวพี่เมื่อก่อนทำงานธนาคาร รายได้ก็ดีพอสมควร พอเลี้ยงแม่ได้ ก็ให้เงินแม่ใช้
(ปัจจุบันก็ยังให้อยู่)มันน่าจะดีกว่าการให้สินสอดเพียงครั้งเดียว

สามีพี่เองก็รู้ว่าเค้าควรดูแลเราอย่างไร เรื่องที่อยู่ เรื่องทรัพย์สิน เรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
ปัจจุบันแม่ก็อยู่กับพี่ที่บ้าน ก็มีความสุขดี พี่ไม่เคยขอเงินสามี สามีจะจัดการเรื่องเงินให้ทุกอย่าง
ทั้งปัจจุบัน รวมถึงอนาคต

ปัจจุบันพี่ว่างงานเนื่องจากสามีเห็นว่าทำงานหนักเกินอายุกลัวว่าพี่จะตายก่อนเค้า เลยให้ออก
มาอยู่บ้าน (เบื่อจะแย่แล้ว หล่ะ)ก็ไปสวิส บ้างตามโอกาสและความจำเป็น ก็ปีละครั้ง

ในความเห็นของพี่คิดว่า ถ้าคนที่เค้ารักเรา เค้าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเค้าต้องจัดการอะไรให้กับคน
ที่เค้ารักมีความสุข และปลอดภัย

เรื่องที่แฟนน้องไปเอาเรื่องใน net มาเล่าให้ฟังเรื่องของผู้หญิงไทย ก็บอกเค้าไปว่า
"ฉันรู้ว่าคุณเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิด ฉลาด ที่จะแยกแยะ ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ขอให้คบและ
ศึกษาเรา ที่เป็นตัวเรา อย่าเอาเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ซึ่งมันจะทำให้เราเสียใจ"

เอ่อ ที่ว่าเค้าทำงานที่ credit suisse (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) ไม่ทราบว่าเป็น
สาขาที่ geneva หรือเปล่า อีก 10 วันจะไปที่นั่น จะได้ฝากความคิดถึงไปให้ ฮ่าๆ

ยังไงก็ขอให้น้องนัทใช้สติ คิดให้รอบคอบ ตอบคำถามให้ได้ว่า
- แต่งแล้ว จะอยู่ที่ไหน เขียนออกมาเป็น flow chart เลยก็ได้นะ (เลือดคอมพิวเตอร์แรง)
    ถ้าอยู่สวิส? พี่คิดว่าแฟนน้องต้องทำงานที่สวิสแน่ เท่าที่รู้ credit suisse ไม่มีสาขา
ในประเทศไทย
             - ทำงานไหม?
                 - ถ้าทำงาน ทำงานอะไร ต้องมีคุณสมบัติ อย่างไร รายได้พอเลี้ยงตัวเราใหม? ฯลฯ
         - ถ้าไม่ทำงาน ค่าใช้จ่ายจะเอาจากที่ไหน อันนี้ต้องคุยกับแฟนแล้ว แล้ววันๆจะทำ
                      อะไรบ้าง
                อย่าลืมว่าถ้าเราลาออกจากที่ทำงานเดิมแล้วโอกาสที่จะกลับมาทำคงยากแล้ว
                ต้องตัดสินใจให้ดี

              - จะอยู่ที่ไหน?ถ้าเป็นบ้านแฟน มีคนอื่นอยู่ด้วยหรือไม่ แล้วพวกเค้ามีนิสัยใจคอเป็น
                  อย่างไร?
              - จะกลับมาเมืองไทยได้ปีละกี่ครั้ง?
              - อาหาร อากาศ ผู้คน ความเหงา เราจะทนได้ไหม?
 
  ถ้าอยู่เมืองไทย ก็ต้องมองมุมของแฟนแล้วว่าเค้าจะทำงานอะไร? แฟนจะอยู่ได้ไหม มองในแง่ความเป็นจริงแล้วตอบคำถามให้ได้

     ลองเขียนลงในกระดาษระหว่างข้อดีข้อเสีย แล้วพิจารณาด้วนสติ ไม่เอนเอียง มองอนาคตของ
ตัวเราว่า เราจะแต่งหรือไม่แต่งด้วยตัวเราเอง แล้วตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเราเอง อย่างรอบคอบ
แต่อย่าวนไปวนมา จะเสียเวลาและโอกาส นะคะ
   
    ความคิดเห็นของคนอื่นเป็นแค่เพียงความคิดเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาเท่านั้น ไม่มีความ
เห็นใดที่จะตรงกับสถานการณ์ของตัวเรา การแต่งงานบางครั้งก็เหมือซื้อหวย แต่ก็ต้องใช้
วิจารณญาณ ว่าเลขไหนเด็ด ฮ่าๆ อย่าเครียดค่ะ โลกนี้กว้างนัก ยังมีอะไรอะไรให้เจออีกเยอะ

ขอให้น้องโชคดี และคิดอย่างมีสติค่ะ