น้องเมษา พาเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์

Previous topic - Next topic

น้องเมษ์




ถึง Bern บ่ายๆเราเลยมีเวลาเที่ยวเกือบสามชั่วโมง ถึงตอนนี้ขอถามคุณยายพอลหน่อยนะคะว่า ที่ Bern นี้มีเสาๆแบบนี้กี่เสาคะ แล้วมีประวัติเกี่ยวกับเสาพวกนี้หรือเปล่าคะ

น้องเมษ์




คุณพ่อบอกว่าที่ Bern นี้เหมือนโชว์รูมรถเลย สงสัยคนที่ Bern ไม่มีคนจนเลยมังคะ

น้องเมษ์




ส่วนคุณแม่บอกว่า ชาตินี้คงไม่มีปัญญาหาเงินมาฝากที่นี้แน่
 แต่งัยมาแล้วก็ขอถ่ายรูปไปไว้ดูหน่อยก็ยังดี

น้องเมษ์




ออกจาก Bern เราก็ต่อรถไฟไปที่ Lucerne หรือ Luzern แต่ตอนนี้น้องเมษ์เมื่อยแล้วอีกสองสามวันจะมาต่อให้จบนะคะ ถ้าไม่เบื่อกันซะก่อน
 ก่อนจาก Bern ไปเดินทรงตัวเล่น ตกไม่รู้กี่รอบ  
 

เทียนหอม

ไม่เบื่อๆจ้า ติดตามอ่านและดูรูปอยู่ ครอบครัวขุนโมกเป็นครอบครัวสุขสันต์มากๆ

น้องเมษ์




ก่อนออกจาก Bern น้องเมษ์ได้ช๊อคโกแลตมาถุงหนึ่ง ไม่มียี่ห้อเพราะขายเป็นร้อยกรัม 3.90 CHF  
 เอามาทานกันบนรถไฟ อร่อยมาก ถ้าคุณยายพอลจะส่งมาให้หนูทานที่เมืองไทยบ้างก็ได้นะคะ ;P
 

น้องเมษ์




รถไฟจาก Bern มา Lucerne แค่ชั่วโมงเดียว พอขึ้นรถไฟได้ฝนก็ตกลงมาอีกแล้ว ดีที่น้องเมษ์ขึ้นรถแล้ว
 แต่พอมาถึง Lucerne ฝนก็หยุด แต่ครึมฟ้าครึมฝนตลอด

น้องเมษ์




หลังจากเข้าที่พักแล้ว ได้ยินคุณพ่อคุยอะไรไม่ทราบกับพนักงานต้อนรับ แต่คุณพ่อใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ เล่าให้น้องเมษ์ฟังว่า เนื่องจากเขาบอกพ่อว่า แจ้งมาว่าพักสองคน
 พอมีเด็กด้วยจะคิดราคาเพิ่ม แต่คุณพ่อยืนยันว่า ได้บอกมาแล้ว และก็ได้ปรินซ์เมล์ยืนยันคำตอบมาด้วย
 พอทางโรงแรมเห็นจดหมาย เขาก็ยอมขอโทษและก็จะเอาเตียงเสริมมาให้ตอนหกโมงเย็น และตกลงก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม คุณพ่อบอกว่าอยู่ยุโรปก็อย่างนี้ เขาเคารพสัญญาที่ทำกันอย่างเคร่งครัด ยิ่งที่ฝรั่งเศสประเทศเอกสาร จะเซ็นต์อะไร
 ต้องดูให้ดี และต้องเก็บเอกสารดีๆ น้องเมษ์ไม่ทราบว่าที่สวิสเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ
 

น้องเมษ์




เนื่องจากเริ่มเย็นแล้ว และยังไม่มืด เพราะช่วงต้นพฤษภาคม พระอาทิตย์กว่าจะลับขอบฟ้าก็ต้องสองทุ่มกว่าไปแล้ว
 คุณพ่อก็เลยชวนคุณแม่กับน้องเมษ์ไปเดินเที่ยวเพื่อชมสะพาน เก่าแก่ประจำเมือง คุณพ่อบ่นใหญ่เลยว่า ไม่ทราบประวัติและที่มาของสะพานอีกแล้ว สงสัยต้องเดือดร้อนคุณยายพอลอีกแล้วล่ะคะ
 

น้องเมษ์




เดินไปได้หน่อยเดียวฝนตกอีกแล้ว เป็นที่ของน้องเมษ์ละ ชวนเข้าแมคโดแนลเลย น้องเมษ์เลยได้ชุดแฮปปี้มิลล์มาหนึ่งชุด ฝนก็หยุดตกอีก แถมคราวนี้แดดออกอีก น้องเมษ์เลยต้องออกแรงเดินอีกแล้ว พอเดินพ้นตัวตึก น้องเมษ์เห็นรุ้งกินน้ำ แต่กว่าคุณพ่อจะข้ามถนนมาถ่ายรูปได้ มันก็เกือบจะหายไปแล้ว

น้องเมษ์




สักพักคุณแม่บ่นหิวอีกแล้ว และอากาศก็หนาวด้วย เพราะคุณแม่กับน้องเมษ์ยังไม่ค่อยชินกับอากาศแบบนี้เท่าไร
 คุณพ่อก็เลยชวนไปซื้ออาหารในร้าน Coop แบบเดิม และคุณพ่อชวนว่าไปทานกันบนเรือในทะเลสาบ แต่มันหนาวโปรแกรมนี้เลยต้องงด  
 แต่คุณพ่อบอกว่า จะเปลี่ยนเป็นวันรุ่งขึ้น แต่ไม่ทราบว่าจะมีเวลาหรือไม่ เพราะกำหนดเดิมตามที่คุณยายพอลแนะนำ
 คือจะนั่งรถไฟไป Zurïch กันอีกในวันรุ่งขึ้น และต้องนั่งรถไฟจาก Zurïch ไป Génève ซึ่งต้องถึง Génève ก่อนหกโมงเย็นด้วย เพราะจองตั๋วกลับเกรอนอบตอนหกโมงเย็นกว่าๆ
 พอได้อาหารมาครบ ก็เป็นไก่ย่าง (เสียดายไม่มีข้าวเหนียว) สลัดผัก ผลไม้ นมของน้องเมษ์ เราก็เลยมาทานกันในโรงแรม ก่อนขึ้นไปทานอาหารคุณพ่อได้ตารางเวลาเดินเรือมา ซึ่งเราต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางกันนิดหน่อย
 แต่น้องเมษ์กับคุณแม่หิวมากแล้ว เลยชวนกันไปทานอาหารก่อน และการวางแผนการเดินทางก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อ
 ไปไหนก็ไปกันอยู่แล้ว  
 พอทานอาหารเสร็จ คุณพ่ออยากออกไปถ่ายรูปสิงโตก็ไม่ทราบอีกแหละว่าทำไม คุณพ่ออยากไปถ่ายจังเลย
 แต่น้องเมษ์อยากดูการ์ตูนมากกว่า คุณแม่ก็เฉยๆ เพราะคงเห็นว่า น้องเมษ์เดินมาทั้งวัน ก็เลยไม่ออกไป
 แต่คุณพ่อก็ออกไปถ่าย แป๊ปเดี๋ยวคุณพ่อกลับเข้ามาบอกว่า อยู่ใกล้ๆแค่นิดเดียวเอง เราก็เลยออกมาถ่ายรูปกันอีก
 และก็ไม่หนาวมากด้วย
 

น้องเมษ์




สุดท้ายก็เลยได้เดินดูเมือง Lucerne ตอนมืดๆอีกหน่อยหนึ่งก่อนกลับเข้าพักที่โรงแรม

น้องเมษ์




เป็นอันว่าเช้าวันที่สาม หลังจากอาหารเช้าในโรงแรมแล้ว คุณพ่อบอกว่าต้องออกจากโรงแรมแต่เช้าเพราะจะนั่งเรือตอนแปดโมงครึ่งเพื่อชมทะเลสาบ และจะไปต่อรถไฟเพื่อไป Zurïch ที่เมือง Flüelen

น้องเมษ์




พอลงเรือได้ ซึ่งเป็นเที่ยวเรือที่ไม่ค่อยมีคนโดยสารมากนัก เพราะยังเช้าอยู่ แต่ก็มามีคนมากขึ้นตอนที่จะมาถึง Flüelen

น้องเมษ์