News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

ต้นแอปเปิ้ล กับ เด็กน้อย

Started by Maysa, September 29, 2008, 09:34:34 AM

Previous topic - Next topic

Maysa

นานมาแล้วมีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึง           
และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนนึง
ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน
เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้  และก็กินผลแอปเปิ้ล


และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิ้ล
เขารักต้นไม้  และต้นไม้ก็รักเขา
เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น  และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว
วันหนึ่ง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า   
'มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ'  ต้นไม้ถาม
'ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ  ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว
ฉันต้องการของเล่น  ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น'  เด็กน้อยตอบ
'ฉันไม่มีเงินจะให้. . . . เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิ
เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น '  ต้นไม้ตอบ

เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิ้ลไปหมด  และจากไปอย่างมีความสุข
หลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว  เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย
ต้นไม้ดูเศร้า. . . . 
วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมา     เขาดูโตขึ้น
ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก
'มาหาฉัน  และมาเล่นกับฉันเหรอ'  ต้นไม้ถาม
'ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก  ฉันมีครอบครัวแล้ว
ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง
เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม'

'ฉันไม่มีบ้านจะให้  แต่. . .  ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ. . . . เอาไปสร้างบ้าน' 
ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป  และจากไปอย่างมีความสุข
อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย  และเศร้า. . . . 
วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา  ต้นไม้ดีใจมาก
'มาหาฉัน  และมาเล่นกับฉันเหรอ'  ต้นไม้ถาม
'เปล่า  ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น
ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ  ให้เรือฉันได้ไหม'
'ใช้ลำต้นของฉันได้  เอาไปสร้างเรือ  เพื่อเธอจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข'   
ต้นไม้ตอบ

ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ
เขาล่องเรือไป  และไม่เคยกลับมาอีกเลย
หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา   
คราวนี้เขาดูแก่ลงไปมาก



                                         'ฉันเสียใจ  ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว 
                                        ไม่มีผลแอปเปิ้ลให้  . . . ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว'
   

'ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว
ฉันปีนไม่ไหว และฉันก็แก่แล้ว'  เด็กน้อยตอบ

'ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว  สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย'
'ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว  แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว'
'รากของต้นไม้แก่ๆ  จะเป็นที่พักพิงของหนูได้
. . . . . .  มาสิ  นั่งลงข้างๆฉัน. . . หลับให้สบาย. . . '
เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ  ยิ้ม. . . และน้ำตาไหล. . . . . . . . 
นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน     ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่
เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ    เรารักที่จะเล่นกับพ่อกับแม่. . .   
เมื่อเราโตขึ้น    เราทอดทิ้งพ่อ และแม่     และกลับมาหาท่าน
เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง  หรือเมื่อเรามีปัญหา
ไม่ว่าอย่างไร. . . พ่อ  และแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่านทำได้
หวังเพียงเรามีความสุข
คุณอาจจะคิดว่า 'เด็กน้อย'  ในเรื่องโหดร้าย
แต่นั่นคือ  ความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับผู้มีพระคุณอย่างไร?

Jungfrau

ถึงแม้จะเป็นบทความสั้นๆแต่ได้ปรัชญามากมาย ขอบคุณมากค่ะ

คลิป ฟังเพลง อิ่มอุ่น - ศุ บุญเลี้ยง เพลงซึ้งๆ รำลึกถึงพระคุณแม่ (ver.เด็กร้อง)
ขอนำมามอบฝากบอกว่าพระคุณแม่มากล้นจริงๆ
http://play.kapook.com/vdo/show-53741
"..Scheint die Sonne noch so schön, Einmal muss sie untergehn.."

แพร

สวัสดีค่ะคุณเมษา

เป็นปรัชญาที่น่าประทับใจ อ่านแล้วซึ้ง แพรเลยเก็บเอาไปเล่าเป็นนิทานก่อนนอนให้ลูกชายฟัง  แต่รู้มั้ยว่า โดนเจ้าลูกตัวดี ถามว่า. . . . ม่าม้า แอ้ปเปิ้ลพันธุ์ไหนที่พูดได้อ่ะ. . . เออ เด็กสมัยนี้

pall

สวัสดีจ้า น้องเมย์
อ่านแล้วดีมากๆเลย ได้คติข้อคิดมากมายซึ้งสุดๆ นึกถึงนึกถึงพ่อแม่ของเราและนึกถึงตัวเราที่อยู่ในสภาพนี้เช่นกัน
ขอบคุณมากจ้าสำหรับบทความดีๆ

สวัสดีค่ะ คุณJungfrau
ขอบคุณมากค่ะกับเพลงเพราะๆ

สวัสดีจ้าน้องแพร
:D อ่านแล้วขำ เห็นไหมคะว่าเด็กรุ่นใหม่ฉลาดและมีความคิดเป็นของตัวเอง 

Maysa

สวัสดีค่ะ ยุงเฟร๊าส์ น้องแพร และคุณป้าพอล

เสียดายอาทิตย์ที่แล้วไม่ได้เจอป้า ที่นี้ก็อีกนานเลย มีนาโน่นแน่ะจะไปอีกน่ะค่ะ
บทความของเมย์มาจากฟอร์เวิร์ดเมลจากเพื่อนค่ะ อ่านหลายรอบแล้วเห็นว่าดี ก็เลยลองเอามาโพส ที่สำคัญ สองสามประโยคสุดท้ายอ่านแล้วน้ำตาจะไหล จริงๆ หนูก็ไม่เคยทอดทิ้งคุณแม่ หลังจากที่คุณพ่อจากไปแต่ก็ได้แต่ส่งเสียเลี้ยงดูท่านอยากได้อะไรก็จะหาให้ แต่สุดท้ายแล้ว หนูก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กผู้ชายคนนั้น เพราะชะตาชีวิต มันก็บังคับให้เราแล่นเรือ(บิน) ออกมาจากต้นแอปเปิ้ลจริงๆ

บางครั้งเคยฝันว่า ยืนอยู่กลางฝน หนาวก็หนาว เปียกก็เปียก หันหลังไปก็เห็นต้นแอปเปิ้ลจริงๆ เหมือนกับแม่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย แต่ด้วยความจำเป็นหลายอย่างก็ทำให้เดินกลับไปไม่ได้ แต่ก็ยังคงเดินตากฝนต่อไปโดยใช้ร่มคันใหญ่แทน (ซึ่งร่มก็เปรียบได้กับสามี กันฝน กันเปียกได้ หุบแล้วใช้เป็นไม้เท้า หรือเอาไว้ตีหมาก็ได้ค่ะ อิๆๆๆ)

เรื่องมันเศร้าเนอะ
โชคดีทุกคนนะคะ

pall

สวัสดีจ้า น้องเมย์
อ่านที่น้องเมย์เขียนแล้วไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือเศร้าดี..เอาว่าเศร้าก็แล้วกันเนอะเพราะตัวเองก็เริ่มเปรียบเสมือนเป็นต้นแอปเปิล..อืมเป็นต้นทุเรียนดีกว่าเพราะชอบกินทุเรียน  เอ ขนุนก็ชอบ มะม่วงก็ชอบแบบเขียวเสวย
ตัดสินใจยากวุ๊ย งั้นเป็นทุเรียนดีกว่าเพราะราคาแพง  ป้าเองก็เคยมีความเบื่อ  ท้อแท้ใจ เหนื่อยใจมาก แต่ก็เริ่มจะดีขึ้น
ตอนนี้เริ่มมานั่งสมาธิใหม่หลังจากทิ้งไปนาน พยายามควบคุมจิตอารมณ์ ปล่อยวาง  ทุกอย่างไม่ยากและไม่ง่ายขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งสิ้น 
เอ  จากต้นแอปเปิลกลายเป็นคุยอะไรก็ไม่รู้  ช่วงนี้ป้าก็เบื่อเหมือนกันน้องเมย์ ไม่อยากทำอะไรเลย

แพร

สวัสดีค่ะคุณเมษา และทุกๆคน

ปรัชญานี้ก็ทำให้แพรคิดถึงพระคุณของแม่ เหมือนกะคุณเมษาค่ะ แพรยังคิดว่าตัวเองยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณที่แม่เลี้ยงแพรมาจนถึงที่สุดเลย แพรพยายามยื้อแย่งมัจุราชอยู่ประมาณปีกว่า แต่ในที่สุด แพรไม่สามารถฝืนกฏแห่งธรรมชาติได้. . . โรคร้ายมาพรากแม่ไปเสียก่อน


สวัสดีค่ะพี่พอล

เด็กที่นั่นถูกสอนให้มีเหตุมีผลค่ะ อาจจะเป็นเพราะการอบรมเลี้ยงดูและวัฒนธรรมที่ต่างกัน ทำให้เค้ากล้าแสดงความคิดเห็น และเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเด็กไทยในวัยเดียวกัน

แพรมีเรื่องน่าหยิกมาเล่าให้ฟัง

. . . . . คือว่าแพรอยากให้ลูกมีความรู้สึกเป็นไทยๆบ้าง แพรเลยชอบเล่านิทานไทยให้ฟัง อย่าง
สังข์ทอง หรือพระอภัยมณี พ่อนี่ท้วงติงเรื่อย เวลาเล่าเรื่องอะไรแม่ต้องคิดก่อน. . .  :P

อย่างเรื่องสังข์ทอง พ่อคุณใช้เวลาคิดอยู่หลายวัน ก่อนกลับมาถามแม่ว่า. . เด็กชายสังข์ทอง
ที่แม่เล่านี่มันคนจริงๆเหรอ. . แพรก็บอก จริงๆซิลูก. . . ลูกถาม. . ตัวเค้าโตขนาดไหนล่ะ  ถ้าเทียบกับ Chris. . คือตัวเค้าเอง. . . แพรก็โมเมแบบงูๆปลาๆไปว่าเท่ากับตัวเธอนั่นแหละ. . . คราวนี้ พ่อครุ่นคิด คิ้วเริ่มขมวดติดกัน และท้วงติงมาว่า. . . เป็นไปไม่ได้หรอก คนต้องอยู่บ้าน น่าสงสารเด็กชายหอยสังข์นะแม่ มุดเข้าไปอยู่ได้ยังไง หายใจไม่ออกแน่ๆ อึดอัดแย่แล้ว  ;D ;D ;D

 
พี่พอลและเพื่อนๆโดนลูกประท้วงนิทานไทยหรือเปล่าคะ






pall

สวัสดีจ้า น้องแพร
:D ฟังที่น้องเล่ามาแล้วขำมากค่ะ พี่ไม่เคยเล่านิทานไทยให้เด็กฟังเลยค่ะ ส่วนมากจะอ่านนิทานฝรั่ง..เล่าชีวิตเด็กของพี่ให้ลูกฟัง  และจะเล่าหรือให้เขาตัดสินใจเอาเองค่ะโดยที่เรามองอยู่ข้างๆ  และจะคุยกับลูกทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นฐานะการเงิน เรียกว่าเราคุยกันทุกเรื่องไม่มีความลับต่อกัน
และทุกวันเราก็ยังไม่มีความลับต่อกัน ฟังที่น้องเล่ามาทำให้พี่นึกถึงลูกของพี่ที่ยังเป็นเด็กเล็กๆอยู่เหมือนกันเลยค่ะ พี่คิดเองนะคะว่าที่คนชอบพูดว่าเลี้ยงลูกสมัยนี้ยากนัก  พี่ว่าไม่ยากเลยถ้าเราพยายามทำความเข้าใจกับเด็กให้มากๆ รู้จักการปรับอารมณ์เรียนรู้ทักษะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามวัย  เราเปลี่ยนทัศนะวิสัยน์การเลี้ยงลูกให้เข้ากับยุคสมัยและทำตัวเหมือนเพื่อนของเขา ..และข้อสำคัญ...อย่าเปลี่ยนแปลงเขาหรืออยากให้เขาเป็นไปตามที่เราต้องการ..
บางคนตั้งความหวังไว้ให้ลูกสูงมาก..
พี่ไม่เคยสอนลูกค่ะตั้งแต่เล็กจนโต ให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง ตัดสินใจเอง ถ้าผิดพลาดก็ไม่ปลอบใจได้แต่ให้กำลังใจ
ไม่เคยห้ามการสูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้า  จะพาเขาไปดูการฉีดยาเสพติดให้เขาเห็นพฤติกรรม เขาจะคิดได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา 

ลูกชายพี่เขาก็มีเพื่อนติดยาเสพติดและพยายามเลิก มีคนเดือนแต่พี่ไม่กลัวค่ะเชื่อใจเขา ลูกบอกว่าพี่ว่า...มามี้ ..
ไม่มีใครอยากชั่วหรอก เราควรให้โอกาสคนกลับตัวเป็นคนดีและเลิกยาแบบนี้  เขาทำได้แสดงว่าพื้นฐานเขาเป็นคนดีและมีความเข้มแข็งอย่างมากเราควรให้โอกาสคนและให้กำลังใจเขา

ต้องขอโทษด้วยนะคะที่พี่เขียนมากไปหน่อยเพราะอินกับความรักของแม่ที่มีต่อลูก :'( คงไม่ว่ากันนะคะ

แพร

สวัสดีค่ะพี่พอลและทุกๆคน

แพรเห็นด้วยกับพี่พอลเรื่องการเลี้ยงดูลูกค่ะ  แพรคิดว่าแม่ๆมีวิธีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกันออกไป แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ อยากเห็นลูกๆมีความสุขและอนาคตที่ดี จริงมั้ยคะ

แพรเองเป็นคนไทย นิสัยไทยๆยังคงอยู่เพียบ  ;D จึงพยายามเลี้ยงดูลูกแบบประยุกต์ระหว่างไทยกะเทศ. . . แบบไทย แพรต้องการให้ลูกรู้จักกาละเทศะ อ่อนน้อมถ่อมตน อดทน ไม่ท้อถอย รู้จักพอ ไม่ให้ลูกติดยึดกับวัตถุเป็นหลัก. . .  อันนี้แพรพยายามต่อสู้อย่างหนัก พี่พอลรู้นะคะ เด็กสมัยนี้ติด Brand name กันจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น
แบบเทศ. . . แพรต้องการให้เค้าช่วยเหลือตัวเองมากที่สุด มั่นใจในตนเอง รับรู้กับสภาพความเป็นจริง รู้จักแยกแยะสิ่งใดที่ควรและไม่ควร . . . แต่ผลจะออกมายังไง ก็แล้วแต่ลูกจะตัดสินใจเองน่ะค่ะ  

aeyprojects

เคยมีเพื่อนส่งเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษให้อ่าน แต่ส่งมาไม่ครบ พึ่งจะได้อ่านครบคราวนี้เอง
เรื่องนี้ไม่ว่าเป็นภาษาไหนก้อซึ้งเหมือนกันนะคะ
ขอบคุณค่า