ออกพรรษานี้มีใครไปวัดสมเด็จย่าบ้างคะ หนึ่งน้องนางนี้ว่าจะพาลูกกับปั๋วไปวัดค่ะ
เลยอยากรู้ว่ามีใครแถวนี้ไปกันหรือเปล่า ยังไงถ้าเจอหมูอ้วนสองตัว กับลูกหมูเล็ก ๆ ก็ทักทายกันบ้างนะคะ
**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0390 ห้อง openroom (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
สวัสดีค่ะคุณหนึ่งนางนี้
ไม่ได้ไปทำบุญค่ะ. แล้วนำบุญมาเผื่อด้วยนะคะ
รู้สึกว่าวัดหลวงปู่ชากับวัดสมเด็จย่าจะจัดงานทำบุญออกพรรษา
ตรงกัน..มีคนไทยมาทำบุญกันมากจริงๆ
เชื่อว่าคุณต้องรู้จักเพื่อนใหม่ในงานนี้แน่นอนค่ะ
เดี๋ยวรอคนไปทำบุญท่านอื่นอาจจะเข้ามานัดเจอคุณในงานก็ได้
สวัสดีค่ะป้า หนึ่งเพิ่งมาอยู่ใหม่ก็เลยอยากไปทำบุญ (นี่ถ้ามาอยู่นาน สงสัยขี้เกียจ) ขอให้ชีวิตที่นี่ราบรื่นนะคะ
อีกอย่างก็อยากไปรู้จักเพื่อน ๆ บ้าง แบบว่ากลัวเหงาปาก ที่ไม่ค่อยได้คุยภาษาไทยอ่ะค่ะ (หนูมันคนช่างพูดน่ะค่ะ อิอิ)
เหมือนคนบาปจัง จะไปวัดแต่ไม่รู้จะเอาอะไรไปทำบุญค่ะ ป้าช่วยสงเคราะห์หนูหน่อยนะคะ ว่าออกพรรษานั้นเขาเอาอะไรไปทำบุญกัน อ๊าย อาย ป้าที่ต้องถามแบบนี้ อย่าว่าหนูเลยนะคะ แล้วจะเอาบุญมาฝาก (แน่ะมีการติดสินบนด้วยนะนี่ )
คุณหนึ่งคะ(กระซิบ....)
ป้าก็เหมือนคนบาปค่ะขอสารภาพเลยว่าไม่ได้ไปวัดนานแล้ว
นานจนจำไม่ได้ว่าไปครั้งสุดท้ายเมื่อไร
สงสัยไม่ได้ขึ้นสวรรค์กับเขาแน่ๆ
คุณก็อย่ามาว่าป้าน๊าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ป้าไม่เคยยึดติดกับสิ่งรอบตัวมานานแล้วค่ะ
คนเราจะดีหรือชั่วอยู่ที่ใจและการกระทำของตัวเอง
ต่อให้เราเข้าวัดตลอดเวลาแต่จิตใจลืมชำระก็ไม่มีประโยชน์
เราเกิดมาไม่มีตัวตน....ตายไปแล้วก็สูญหายไป
จะเหลือเพียงเศษเถ้าธุลีกองหนึ่งเท่านั้นเอง
สุขหรือทุกข์เป็นสิ่งสมมุติเท่านั้นเอง
เกิดมาก็มาแต่ตัวล่อนจ๊อน...ตายไปยังดีหน่อย
ที่ยังมีผ้าห่อหุ้มร่างกายกันอุจาด.....
อาหารที่ทำบุญเห็นเขาทำกันแบบที่ตัวเองชอบกินน่ะค่ะ
เพราะหลังจากที่ถวายอาหารพระแล้ว
ก็จับกลุ่มกินกัน...มีแกงเผ็ด..ผัดผัก..ตำน้ำพริกกะปิ..
ปลาร้า...ห่อหมก..และอีกมากมาย
จำไม่ได้แล้วค่ะ..ไม่ทราบว่าเขามีอาหารขายหรือเปล่า
ตอนที่ป้าเคยไปเขามีอาหารบริการขายด้วย
และอย่างวัดของปู่ชา..ตอนที่ป้าไปทำบุญ
หลังจากถวายอาหารพระแล้ว
เขาจะมีโรงทานแจกให้กินอาหารฟรีค่ะแต่ใครมีจิตศรัทธาก็
หยอดเงินช่วยวัดได้..ป้ายังเคยร่วมจ่ายเงินทำโรงทานแบบนี้เลยค่ะ
คุณจะติดใจและจะรู้จักคนมากขึ้น..ไม่แน่อาจจะได้เพื่อน
ที่รู้ใจกันก็ได้นะคะ
อย่าลืมสินบนนะคะ
ขอบคุณป้ามากค่ะ ที่แวะมาตอบอีกรอบ เดี๋ยวหนึ่งเอาบุญมาฝาก (ถ้าได้น่ะ นะคะ กลัวได้บาปมาแทนจัง)
แถวบ้านหนึ่งไม่มีอาหารสดขาย มีแต่ในตัวเมือง ถ้าซื้อก็จะเป็นของค้างคืน เพราะต้องซื้อวันนี้ ทำบุญพรุ่งนี้
หนึ่งเลยซื้อของแห้งเอาค่ะ ซื้อก่อนมิโกรปิดแป๊บเดียวเอง (เกือบไม่ทัน)
ที่มิโกรมีพี่คนไทยทำงานเป็น Caschier หนึ่งเลยถามว่าพรุ่งนี้ไปวัดไหม พี่เขาตอบว่าไม่อยากคบคนไทย เลยไม่ไปวัดค่ะ
เขาบอกไม่อยากคบคนไทยด้วยกันเพราะกลัวปัญหา มีแต่เรื่อง
อีกทั้งบอกหนึ่งว่าอย่าคบเพื่อนคนไทยมากนะ เดี๋ยวมีปัญหา หรือเขาจะมายืมเงิน (โถ หนึ่งจะเอาเงินที่ไหนมาให้เขายืมกั๊น จนกรอบออกป่านนี้) หนึ่งได้ฟังถึงกับอึ้งไปเลย
ต๊าย.ๆๆ...อายค่ะๆๆๆๆ
เพิ่งจะนึกได้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันออกพรรษา
นี่ดีนะคะที่แวะเข้ามาดูอีกรอบก่อนจะปิดคอม...
เห็นที่คุณเขียนเลยนึกขึ้นได้ยังนึกเลยว่าเป็นอาทิตย์หน้า
แบบนี้คุณต้องแบกบุญมาเผื่อป้ามากๆหน่อยนะคะ
ไม่เช่นนั้นป้าคงแย่แน่ๆ
ฟังที่คุณเล่ามาไม่ขอออกความเห็นนะคะ
เพราะแต่ละคนล้วนมีแต่เหตุผลเป็นของตนเอง
แต่ได้ยินบ่อยค่ะเกี่ยวกับคำพูดแบบนี้
และป้าเองก็เคยประสบกัยตัวเองด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามขอให้คุณทำบุญด้วยความอิ่มเอิบใจ
และดีใจที่แฟนคุณไปงานวันนี้ด้วย
ว่าไปน่าภาคภูมิใจนะคะที่ลูกและสามีไม่ขัดศรัทธาของเรา
วัดหลวงปู่ชาอยู่แถวไหนคะ จะได้ลองไปดูู เมื่อเดือนที่แล้วแม่จิ๋วจิ้วฯไปวัดสมเด็จย่ามาค่ะ บังเอิญวันที่ไปเขามีพิธีไหว้ครูกัน คนเลยเยอะทั้งไทยและฝรั่ง ภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์สวยงามมาก ตอนที่ไปทีมงานช่างศิลป์จากไทยกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้นเพื่อเก็บรายละเอียดของภาพเพราะใกล้ถึงกำหนดกลับบ้านแล้วหลังจากมาทำงานได้ครบปีตามสัญญาว่าจ้าง ผนังแต่ละด้าน ศิลปินได้สอดแทรกอารมณ์ขันเล็กๆเข้าไปด้วย เช่น ผนังทางด้านขวามีภาพหนุ่มสวิสในชุดแต่งกายประจำชาติกำลังจีบสาวไทย เป็นต้น
ระเบียงข้างโบสถ์เป็นห้องเรียนภาษาไทยแบ่งเป็นหลายระดับ เท่าที่แอบดูู ห้องแรกเห็นเด็กไทยแท้และลูกครึ่งกำลังเรียนเขียนอ่านภาษาไทยกัน ห้องปลายสุดเป็นหนุ่มสาวสวิสที่แม่จิ๋วจิ้วฯคาดเดาเอาเองว่าคงจะมีสามีหรือไม่ก็ภรรยาเป็นคนไทย เลยอยากเรียนภาษาไทยไว้เจรจา ส่วนห้องตรงกลางดูเหมือนจะเป็นภาษาไทยระดับแอดวานซ์ เพราะมองลอดผ้าม่านไปเห็นสมุดโน๊ตของฝรั่งนางหนึ่งกางอยู่ เธอเขียนเป็นประโยคได้ แถมลายมือสวยซะด้วย
เดินลงไปใต้ถุนโบสถ์เจอครัวพร้อมอาหารวางอยู่มากมายหลายอย่าง เล่นเอาหิว แต่ไม่กล้ากินของเขาเพราะเราไม่ได้พกอะไรมาเลย ห้องข้างครัวเห็นมีทั้งคนไทยและฝรั่งกำลังฝึกแกะสลักผักผลไม้กันอยู่ เสียดายที่วัดนี้ไม่มีศาลากว้างๆแบบวัดในเมืองไทย ห้องโถงใต้ถุนโบสถ์แคบมาก พิธีไหว้ครูวันนั้นดููเบียดเสียดกันน่าดูู เห็นว่าทางวัดกำลังซื้อที่ดินหน้าวัดเพิ่ม ไม่รู้ว่าจะใช้ทำที่จอดรถหรือศาลา
กุฏิสงฆ์หลังโบสถ์เป็นอาคารค่อนข้างใหญ่ ห้องใต้หลังคาเป็นห้องเรียนดนตรีไทย ถ้าบ้านอยู่ใกล้แถวนั้น แม่จิ๋วจิ้วฯคงต้องขอไปเรียนด้วยคน
ไม่รู้ว่าแม่จิ๋วจิ้วฯคิดมากไปเองหรือเปล่า รู้สึกบรรยากาศในวัดไม่ค่อยผ่อนคลายเท่าไหร่ คงเป็นเพราะต่างคนต่างไม่รู้จักกัน ( หรือไม่อยากรู้จัักกันก็ไม่ทราบ ) เป็นไปได้ว่าแม่จิ๋วจิ้วฯตั้งความหวังไว้มากไป บอกตรงๆว่าเป็นคนทำบุญไม่ค่อยขึ้น ไปวัดทีไรได้บาปกลับมาทุกที เพราะชอบนึกตินั่นติโน่น เคยตามเพื่อนไปวัดชื่อดังในเมืองไทยวัดหนึ่ง ยอมรับว่าภายในโบสถ์ตกแต่งระยิบระยับวิบวับสวยงามราวอยู่ในสวรรค์ แทนที่จะมีความสุขกลับมา แม่จิ๋วจิ่วฯกลับนึกค้านว่านี่มันวัตถุนิยม ไม่ใช่แนวทางที่พระพุทธเจ้าท่านสอน บางวัดก็สกปรกฝุ่นเกรอะเชียวเห็นแล้วได้ความไม่เจริญตาเจริญใจกลับมา บางวัดดังเพราะมีพระสงฆ์ดููดวงแม่น บางวัดมีตู้บริจาคตั้งเต็มไปหมด แม่จิ๋วจิ้วฯล่ะฝันอยากจะไปวัดที่สะอาด เรียบง่าย และมีพระสงฆ์ที่มีบุคลิกสำรวมและเข้าใจแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง สามารถสื่อสารแนะแนวทางสว่างให้แ่ก่คนมาวัดได้อย่างถูกต้อง ( ไม่ใช่แนวอภินิหาร ) และไม่เห็นแก่เงินเข้าวัด ใครพอจะรู้จักวัดที่ว่า ช่วยแนะนำทีค่ะ
สวัสดีค่ะคุณแม่จิ๋วจิ้ว
วัดที่ป้าพูดถึงคือวัดวัดธรรมพารา(Wat Dhammapala)
หรือที่ฝรั่งเรียกว่าDHAMMAPALA BUDDHISTISCHES KLOSTER
หรือคนไทยที่นี่เรียกว่าวัดปู่ชา...
วัดธรรมพารา(Wat Dhammapala)
นิกาย..มหานิกาย
วัดมหานิกายของปู่ชามีหลายประเทศที่เมืองไทยต้นแบบคือวัดป่านานาชาติ
วัดธรรมพารา..จะเงียบสงบและสันโดษมาก
เป็นวัดสมถะจริงๆและพระที่วัดนี้และพ่อขาวจะสำรวมมากที่สุด
วัดนี้ไม่มีความเจริญทางด้านวัตถุ
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/1061025-034227-Zwischenablage01.jpg)
**วัดธรรมพารา(Wat Dhammapala)**
ภาพจาก www.thai-swiss.ch/watthai.htm
วัดธรรมพารา..สมัยก่อนเป็นโรงแรมชื่อโรงแรมHotels Regina
ลักษณะรูปร่างของวัดถ้าดูภายนอกจะเป็นทรงChalet
ถ้าคุณแม่จิ๋วจิ้วไม่ยึดติดกับวัตถุภายนอก
หรือมีจริตอย่างที่บอกมาว่าเกี่ยวพระสงฆ์ที่มีบุคลิกสำรวม
และเข้าใจแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
สามารถสื่อสารแนะแนวทางสว่างให้แก่คนมาวัดได้อย่างถูกต้อง
และรู้จักหลวงพ่อชาแล้ว..ขอแนะนำค่ะว่ามาวัดนี้
พระฝรั่งพูดภาษาไทยได้ค่ะและสำรวมมากที่สุด..
ใครที่ทำบุญถวายเงินท่านจะไม่แตะต้องเลย
ถ้าคุณสนใจลองแวะเข้าไปอ่านที่นี่
http://www.dhammapala.ch/
มีที่อยู่บอกไว้ด่วยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณป้า แม่จิ๋วจิ้วฯเข้าไปดููในเวบของวัดมาแล้วค่ะ พระเป็นฝรั่งหมดเลย มีแมววัดด้วย ( เดี๋ยวจะซื้อขนมแมวไปฝาก ) จากข้อมูลและรูปภาพในเวบดููแล้วน่าสนใจมากค่ะ วันไหนอากาศดี จะชวนพ่อของจิ๋วจิ้วฯไปกันสักวัน เช็ครถไฟแล้วไกลใช้ได้เลย แบบนี้คงต้องจองตั๋ว GA ล่วงหน้าไว้ก่อน ( ตั๋วรถไฟที่ไปไหนก็ได้ทั้งวันด้วยราคา 25 ฟรังค์ รวมรถบัสและเรือเมล์ด้วย เมืองที่แม่จิ๋วจิ้วฯอยู่มีโควต้าตั๋วนี้วันละ 5 คน สามารถจองได้ผ่านเวบไซต์ของเมือง )
วันจันทร์หน้านี้แม่จิ๋วจิ้วฯต้องไปพูดให้นักเรียนมัธยมปลายห้องหนึ่งฟังเกี่ยวกับประเทศไทย เหมือนที่เคยถูกขอร้องให้ไปพูดครั้งนึงเมื่อ 7 เดือนก่อน ก็กะจะใช้ไฟล์เก่าล่ะค่ะคุณป้า แต่เดี๋ยวจะเพิ่มเรื่องวัดไทยในสวิสเข้าไปด้วยดีกว่า และก็จะเอาคาราโอเกะเพลงลูกทุ่งไทยไปเปิดให้ดููด้วย เห็นตอนนี้ที่สวิสกำลังพูดกันเรื่องชุดนักเรียน เดี๋ยวจะเอาของไทยให้ดูู ประเทศเรามีชุดยููนิิฟอร์มเยอะมาก ฮ่าๆ
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/1061025-044914-thaitemple1.JPG)
เอารููปจิตรกรรมฝาผนังวัดสมเด็จย่ามาให้ดููค่ะ น่ารักดี
สวัสดีค่ะคุณ Pall และ คุณหนี่งนางนี้
แม่จจสก เราสวนกันไปสวนกันมาในบ้านนี้หลายรอบแล้ว จึงได้แต่คอยถามข่าวจากตู่ ขอต่อว่าหน่อยค่ะ รอข่าวดีแล้วทำไมถึงไม่ยอมส่ง กลัวจะไปเป็น กขค เหรอคะ 5555 น้ำผื้งเดือน5 คงยังจะเข้มข้นขิ้นกว่าเดิมถึงได้ไม่ค่อยเห็นหน้าในบ้าน ขอบคุณสำหรับรูปจิตรกรรมฝาผนังค่ะ ปิ๊งจริงๆ
สวัสดีค่ะคุณตุ้ม
ขำค่ะที่คุณเรียกอักษรย่อ.ว่า....แม่จจสก
สวัสดีค่ะคุณแม่จิ๋วจิ้ว
ขอบคุณมากค่ะสำหรับภาพฝาผนังยอมรับว่าสวยมากค่ะ
ฟังที่คุณเกล่าเกี่ยวกับกิจกรรมที่จะออกไปพูดน่าสนใจมาก
น่าเสียดายนะถ้าคุณเป็นครูสอนจะดีมากเลยค่ะ
พูดถึงวัดไทยยังมีอีก1แห่งนะคะ
ชื่อวัด เอชาลอง เมืองโลซานน์
www.buddhadham.ch
ป้ายังไม่เคยไปวัดนี้ค่ะ..
ขอเอาใจช่วยและสนุกกับการไปพูดนะคะ
สวัสดีค่ะคุณป้าตุ้ม แม่จิ๋วจิ้วฯต้องขอโทษคุณป้าด้วยนะค่ะที่ไม่ได้ส่งข่าว แต่งมาได้เกือบ 2 เดือนแล้วค่ะ จัดงานเลี้ยงที่ห้องจัดเลี้ยงเล็กๆบนเนินเขา ข้างๆมีสนามเด็กเล่นบนสนามหญ้ากว้าง รอบด้านมองเห็นวิวภูเขา เด็กเล็กมีที่วิ่งเล่นกัน มืดแล้วก็เข้าไปนอนหลับรอพ่อแม่ในเต้นท์ เพราะกว่างานเลี้ยงจะเลิกราก็ดึกมากแล้ว เป็นงานเลี้ยงแบบบาร์บีคิวกันเองๆสบายๆไม่มีพิธีรีตองอะไรมากค่ะ สั่งสลัดหลายชนิดจากร้านขายเนื้อเพื่อนพ่อแม่เจ้าบ่าว เจ้าของร้านเอาสลัดและเนื้อหลากชนิดสำหรับบาร์บีคิวมาส่งถึงที่ แถมบริการยืนปิ้งให้ด้วย เจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่งตัวดีกว่าปกตินิดนึง แต่ไม่ถึงกับใส่สูทหรือชุดแต่งงาน โต๊ะตกแต่งสวยงามด้วยฝีมือแม่และน้องสะใภ้ของเจ้าบ่าว โชคดีที่วันงานอากาศดีด้วย เลยกินกันคุยกันที่สนามหญ้าจนอากาศเย็นแล้วถึูงเข้าไปนั่งกินกันต่อในห้องกระจก อิ่มแล้วก็ออกมายืนผิงไฟคุยกันต่อสักพักใหญ่ แล้วถึงตามด้วยไอศครีมและเมอแรงเป็นของหวาน มีเล่นเกมแจกของกันด้วย เป็นผ้าฝ้ายผ้าไหมไทย 6-7 ผืน ให้แขกจับฉลาก เช้าวันงานเลี้ยง ตู่มาช่วยเตรียมข้าวผัดและน้ำจิ้มสะเต๊ะที่บ้าน ถ้าวันนั้นไม่ได้ตู่ เจ้าสาวคงไม่มีเวลาแต่งสวยแน่
จริงๆแม่จิ๋วจิ้วฯอยากจะเชิญทุกๆคนที่รู้จักกัน แต่งบประมาณและขนาดห้องมันจำกัดอ่ะค่ะ จุได้แค่ 60 คน ที่รักแม่จิ๋วจิ้วฯเพื่อนเยอะมาก เขาเองก็ลำบากใจที่ต้องเลือกเชิญเฉพาะคนที่สนิทจริงๆและคนที่เคยเชิญเขาไปงาน เหลือที่ให้ญาติพี่น้องฝ่ายแม่จิ๋วจิ้วฯแค่ไม่กี่ที่เองค่ะ
ส่วนเรื่องความหวาน ก็หวานกันธรรมดาๆค่ะ มีเรื่องให้ต้องเรียนรู้กันเยอะกว่าที่คิด นิสัยส่วนตัวเล็กๆบางอย่างที่อีกฝ่ายไม่ชอบก็พยายามบอกกันค่ะ บางเรื่องที่โกรธกัน คิดย้อนกลับไปแล้วก็งี่เง่าดีค่ะ เช่น วันนึงแม่จิ๋วจิ้วฯทดลองเพาะถั่วงอกในซึ้ง ( ที่ใช้นึ่งอาหาร หอบเอามาจากเมืองไทยค่ะ ) ชั้นล่างสุดใส่น้ำ ชั้นบนที่มีรูู เอาผ้าตา*งๆชุบน้ำวาง โรยด้วยเม็ดถั่วเขียวที่แช่น้ำค้างคืน 5 วันผ่านไปได้ถั่วงอกอวบอ้วน เอามีดดายออกจากผ้าได้ง่ายดาย แม่จิ๋วจิ้วฯภูมิใจในความสำเร็จนี้มาก กะเพาะถั่วงอกขายเลยนะนี่ ที่รักแม่จิ๋วจิ้วฯเลิกงานกลับมา แม่จิ๋วจิ้วฯโชว์ผลงานถั่วงอกและทำผัดถั่วงอกกับเต้าหู้ให้กิน เขากลับพูดว่า หวังว่ากินแล้วคงไม่ตายนะ เขากลัวว่าตอนถั่วงอกดูดน้ำจากผ้าจะดูดเอาสารเคมีที่ใช้ผลิตเส้นใยผ้ามาไว้ในตัวด้วย เล่นเอาแม่จิ๋วจิ้วฯของขึ้นเลยค่ะ โถ..เราอุตส่าห์เพาะถั่วงอก Bio ให้กิน แทนที่จะรู้สึกดีว่าสะอาดและถูกกว่าซื้อ ดันกังวลเรื่องสารเคมีซะนี่ ทีเขาล้างจานด้วยน้ำยาล้างจานแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ด โดยไม่ล้างน้ำเปล่าก่อน นั่นไม่สารเคมีตกค้างมากกว่าเหรอ สรุปว่างอนค่ะ กะจะไม่เพาะถั่วให้กินอีกแล้ว แต่พออารมณ์ดีแล้วคิดย้อนกลับไป เออแฮะ...อาจจะจริงของเขา เดี๋ยวคิดค้นวิธีเพาะแบบอื่นดีกว่า ( แบบว่าว่างมาก )
เขียนซะยืดยาวเลย ขอโทษเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ