Pall's Webboard

General Category => ห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆ => Topic started by: ดาว on February 12, 2006, 11:53:00 AM

Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: ดาว on February 12, 2006, 11:53:00 AM
ป้าคะ หนูมีเรื่องปรึกษาค่ะ คือปกติหนูได้เงินใช้ส่วนตัวจากแฟนไม่มาก แต่ก็คุยกันว่าถ้าหนูได้ทำงาน ร้อยเปอร์เซ็นต์มีเงินเดือนแล้ว เขาจะไม่ให้เงินเดือนหนู เพราะหนูมีเงินดือนแล้ว หนูเยงว่าทำไม คุณต้องให้ฉันนะ ถึงไม้จะหนูมีเงินเดือนแล้วก็ตาม แต่เขาก็ว่าเขาต้องจ่ายค่า บ้านและก็ต้องเก็บเงินซื้อรถใหม่ด้วย ถ้าหหูยังไม่มีงาน เขาก็จะ ช่วยเหลือหนู แต่หนูเข้าใจว่ายังไง ผัวก็ต้องให้เมียอยู่แล้ว และถ้าเขาไม่ให้หนูจะทำไงค่ะ ในกรณีที่หนูได้งาน ทำ ร้อยเปอร์เซ้นต์แล้ว มันถูกต้องหรือเปล่าเนี่ย หรือมันโอเคสำหรับคนที่นี่เขา หนูไม่เข้าใจ ...พี่พี่ที่อยู่มานานแล้วก็ลองช่วยหนูคิดบ้างนะค่ะ หนูคิดว่าถ้าเขาไม่ให้เงินหนูหมายความว่าหนูไม่มีความหมายแล้วสำหรับเขารึเปล่า และเขาให้หนูดูแลทางบ้านหนูเองด้วย ในกรณีที่หนู ร้อยเปอร์เซ้นต์มีเงินเดือนนะค่ะไม่ใช่ตอนนี้ หนูยังไม่มีงานทำ เรียนอยู่ ช่วยคิดหน่อยนะค่ะ

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0084 ห้อง openroom (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: เตือนใจ on February 13, 2006, 05:45:24 AM
เรื่องเงินเรื่องทอง เป็นสิ่งที่บอบบางในชีวิตคู่ค่ะ อาจจะทำให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ได้ ถ้าหลักการใช้จ่ายไม่ตรงกัน  เท่าที่ได้ยินมาและจากตัวเอง ตอนที่เรายังไม่ได้งาน แฟนยินดีที่จะช่วยสนับสนุนทางการเงินไม่ให้เราอดอยากค่ะ  แต่พอเรามีงานทำ เราก็ช่วยเค้าแชร์รายจ่ายในบ้านแล้วก็ภาษีด้วย  มันไม่ได้หมายความว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบนะคะ แต่คิดดูสิคะเราอยู่ด้วยกัน ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็ต้องประคองกันไปให้รอด รวมทั้งเรื่องเงินก็ต้องช่วยกันหา ช่วยกันจ่าย และช่วยกันเก็บค่ะ อย่าคิดแต่อยากได้ฝ่ายเดียว หรือคิดแค่ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ แฟนเราก็ต้องกิน ต้องใช้ ต้องอยากได้ของที่เค้าอยากได้เป็นธรรมดาค่ะ  ตอนที่เค้าพาเรามาอยู่ที่นี่ จ่ายค่าโน่นค่านี่ให้เรา เค้ายังไม่บ่นสักคำ แล้วเราจะใจร้ายอยากจะได้แต่เค้าฝ่ายเดียวเหรอ ในเมื่อเรามีรายได้พอที่จะช่วยเค้าจ่าย และมีเก็บในส่วนของเราด้วยแล้ว แต่เท่าที่เห็นมานี้ ถึงเค้าจะไม่ให้เงินเราแล้วเพราะเรามีงาน แต่เราก็จะได้ของขวัญในเทศกาลต่างๆ คนสวิสจะเป็นอย่างนี้แหล่ะค่ะ ไม่ใจจืดใจดำหรือตะหนี่อย่างที่เราคิดหรอก แต่เค้ารอบคอบในการใช้ชีวิตเสียมากกว่า บั้นปลายชีวิตคุณจะสบายค่ะ
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: pall on February 13, 2006, 07:29:13 AM
สวัสดีค่ะคุณเตือนใจ
 เห็นด้วยทุกอย่างเลยสำหรับความคิดเห็นที่คุณเขียนมาทั้งหมด
 ป้าหวังว่าคงจะให้ข้อคิดแก่ดาวได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
 ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: pall on February 13, 2006, 07:42:38 AM
**เรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่ดาวข้องใจ**  
 ป้าเห็นคนสวิสที่รู้จักที่หาเงินได้ทั้งคู่  
 เขาจะช่วยกันออกค่าใช้จ่ายแล้วแต่เงินเดือนที่ได้รับ  
 และเก็บด้วยกันในบัญชี  
 หลังจากนั้นแต่ละคนจะได้เงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว  
 สำหรับลุงและป้าเราใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน  
 และไม่มีเงินใช้จ่ายส่วนตัว  
 ใครอยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ตามใจตัวเอง  
 
 สวัสดีจ๊ะดาว  
 
 อย่างเพิ่งใจร้อนคิดมากหรือคิดว่าแฟนหมดรักดาวแล้ว  
 หรือแฟนเป็นคนเห็นแก่ตัว  
 ป้าอยากให้ดาวคิดถึงตอนที่ยังรักกันใหม่ๆ  
 อุปสรรคที่ฟันฝ่ามาด้วยกันกว่าจะอยู่กันได้ทุกวันนี้  
 ค่อยๆคิดพิจารณาอย่างมีเหตุผลคิดเป็นกลาง  
 อย่าเข้าข้างตัวเองคิดแบบผู้ใหญ่และคิดอย่างเป็นธรรม  
 เอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย...อย่าใช้อารมณ์วู่วามเอาแต่ใจตัวเอง  
 พยายามไตร่ตรองช่วงที่อารมณ์สงบลงแล้ว  
 ยามโกรธคนเราจะขาดสติและใช้คำพูดที่สามารถทำร้ายจิตใจกันได้  
 ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตคู่ที่สามารถทำให้ชีวิตคู่พังได้  
 
 ดาวก็รู้ว่าการดำรงชีวิตในสวิตฯมีค่าครองชีพสูงมาก  
 มีรายจ่ายมากมายที่จำเป็นต้องจ่ายซึ่งล้วนแต่จำเป็นต้องจ่ายทั้งนั้น  
 (ย้ำว่าจำเป็นต้องจ่ายเพราะเป็นกฎที่บังคับไว้)  
 คนสวิสจำนวนมากมายที่ต้องอดออมเพื่อจ่ายส่วนนี้  
 คนไทยเราชอบนำตัวเลขรายได้(เงินเดือน)นำไปคูณคิดเป็นเงินไทย  
 จะเห็นเป็นเงินก้อนโตแสนกว่าบาทต่อเดือน  
 จะตาโตและคิดว่าคนสวิสรวยมีรายได้มากมาย  
 เงินจำนวนนี้สำหรับคนที่นี่ไม่ได้มากเลย  
 เพราะมีสิ่งที่จำเป็นต้องจ่ายรออยู่แทบจะไม่มีเงินเก็บด้วยซ้ำ  
 
 **เกี่ยวกับเงินเดือน**  
 ดาวลองนำนำเงินเดือนของแฟนมานั่งคิดพิจารณา  
 ถ้าดาวสนใจและขอเขาดูรายจ่ายจะเห็นว่ามีรายจ่ายสูงมาก  
 เหมือนๆกับคนสวิสทั่วๆไปเช่น  
 ค่าเช่าบ้าน(รวมNebenkosten)  
 ค่าน้ำค่าไฟในบ้าน  
 ค่ากินอยู่(ถ้าเพิ่มอาหารไทยเข้าไปรายจ่ายจะยิ่งมากกว่าเดิม)  
 ภาษี....ประกันสวัสดิการต่างๆที่ต้องเสีย  
 ประกันเจ็บป่วย(ทั้งสองคน)  
 Haftpflicht Versicherungenประกันทรัพย์สิน  
 ประกันรถ..ภาษียวดยาน  
 ใครมีรถจะรู้ว่าการมีรถสะดวกสบายจริงแต่รายจ่ายสูงมาก  
 ต้องคำนึงถึงค่าซ่อมแซมแพงมากถ้าต้องเปลี่ยนอาหลั่ยใหม่  
 บอกก่อนว่าถ้ารถเก่ามาค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงมาก  
 การดูแลต้องใช้เงินจำนวนมากดังนั้นแฟนจึงคิดอยากได้รถใหม่  
 ข้อนี้ป้าเห็นด้วยเพราะถ้าคิดแล้วคุ้มกว่าถ้ามีโอกาสเก็บเงินได้  
 และรายจ่ายอีกมากมาย....รวมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว..ฯลฯเป็นต้น  
 ตอนนี้แฟนของดาวดูแลดาวและทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี  
 ให้เงินใช้จ่ายส่วนตัวถึงแม้ไม่มาก  
 พร้อมทั้งมีน้ำใจเผื่อแผ่ไปให้คนทางเมืองไทยด้วย  
 นับว่าเป็นคนที่มีน้ำใจมากเพราะคนสวิสจะไม่ทำส่วนนี้กันทุกคน  
 
 **ปัญหาของดาว**  
 ดาวคิดอยากหางานทำและถ้าได้ทำงานจริงๆ  
 แฟนจะรับภาระส่วนที่เคยทำมาแล้วทั้งหมด  
 คือยังจ่ายค่ากินอยู่ค่าเช่าอะไรต่างๆเหมือนเดิม  
 และคิดอยากเก็บเงินซื้อรถยนต์ใหม่หรืออยากเก็บเงินเพื่อท่องเที่ยว  
 และของดเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวของดาว  
 และงดจ่ายให้ความช่วยเหลือครอบครัวทางเมืองไทย  
 จุดนี้เลยทำให้ดาวคิดมากและคิดว่าแฟนหมดรัก  
 คิดถึงผลประโยชน์การได้เปรียบเสียเปรียบเกี่ยวกับเงินทอง  
 และคิดว่าแฟนเห็นแก่ตัว..และตีโพยตีพายด้วยความเสียใจ  
 ป้าอยากให้ดาวทบทวนและคิดใหม่พิจารณาอีกครั้ง  
 ผัวเมียกันใช้ชีวิตร่วมกันเราถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันแล้ว  
 ยามทุกข์ยามสุขเราต้องอยู่เคียงข้างกันแบ่งปันกัน  
 เงินที่หามาได้ก็ช่วยกันเก็บเพื่อสร้างครอบครัว  
 อนาคตในภายภาคหน้าเมื่อมีภาระเพิ่มขึ้นคือลูกที่ตามมา  
 แฟนดาวเป็นคนดีไม่เห็นแก่ตัวและไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย  
 เขาดีใจมากที่ดาวทำงานได้  
 การที่ดาวทำงานมีรายได้เพิ่มขึ้นมา  
 ซึ่งหมายถึงต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม  
 ซึ่งแฟนดาวก็ไม่ได้เรียกร้องให้ดาวมาช่วยค่าใช้จ่ายอะไร  
 ในบ้านซึ่งดาวควรจะมีส่วนร่วมด้วยไม่มากก็น้อย  
 เขาไม่ได้เรียกร้องสิทธิหน้าที่ผัวเมียอะไรเลย  
 นอกจากแค่ไม่ให้เงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวแก่ดาว
 ที่เราเรียกว่าTaschengeldออกไป  
 และงดจ่ายความช่วยเหลือครอบครัวทางเมืองไทย  
 ซึ่งไม่ใช่หน้าทีภาระความรับผิดชอบของเขาที่จะต้อง  
 มาทำทุกอย่างเพื่อดูแลครอบครัวของเมีย  
 คือดาวจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากเขาอีกต่อไป  
 ซึ่งทำให้ดาวหงุดหงิด และเสียใจน้อยใจมาก  
 
 **ลองคิดทบทวนใหม่**  
 การที่ดาวทำงานได้แล้วเก็บและใช้เงินคนเดียว  
 โดยไม่ต้องออกเงินช่วยเหลือแฟนในการใช้จ่ายต่างๆเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว  
 แต่อยากได้เงินช่วยเหลือเป็นเงินเดือนจากเขาอยู่แบบนี้  
 เป็นสิ่งที่น่าทำไหม ครอบครัวทางเมืองไทยเขาทำให้เราได้  
 และเขาเป็นสามีของเราเป็นคนของเราที่เราจะต้องฝากชีวิตอยู่  
 เคียงคู่กันตลอดชีวิตจนกว่าจะตายจากกัน  
 แล้วเรามัวมานั่งคิดถึงความได้เปรียบเสียเปรียบ  
 คิดถึงแต่ผลประโยชน์การสูญเสียผลประโยชน์  
 ทำไมเราไม่ให้คนของเราบ้างล่ะ  
 คนที่เราจะต้องอยู่กับเขาจนชั่วชีวิต  
 ครอบครัวแต่ละครอบครัวนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้  
 ชีวิตคู่เป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้ด้วยตัวเอง  
 ไม่มีใครมาช่วยสอนเราได้  
 ไม่มีใครรู้เรื่องภายในครอบครัวดีกว่าคนสองคน  
 คนภายนอกเป็นแค่ผู้รับฟังและคล้อยตามและแสดงความคิดเห็น  
 มีทั้งด้านบวกและด้านลบซึ่งอาจนำมาให้ชีวิตคู่มีปัญหา  
 และแตกหักได้  
 ถ้ามีปัญหาอะไรดาวควรหันหน้าเข้าหากันคุยกันตอนอารมณ์ดีๆ  
 มีอะไรอย่าเก็บไว้ในใจควรเปิดอกพูดกันเลย  
 พยายามให้ความรักความเข้าใจและให้อภัยกัน  
 พยายามหันหน้าปรับตัวเข้าหากันยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน  
 ใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้มากๆ  
 
 ขอเอาใจช่วยจ๊ะ
 
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: นู๋นก on February 13, 2006, 03:12:30 PM
 
 แหม ป้าตอบซะละเอียดยิบเลย เคลียร์จริงๆ เยี่ยมจริงๆค่า
 
 ถ้ามองในแง่เปรียบเทียบ แค่สามีไม่ให้เงิน ดีกว่าคนที่จ้างเขาแต่งเพื่อสิทธิอยู่นะคะ ต้องเสียเงินให้สามี หรือนายหน้า อีกต่างหาก
 เสียยิบเสียยับ ถ้าไม่มีเงินสด ก็มีระบบแต่งเงินผ่อน ส่งสามีเป็นรายเดือนก็มีค่ะ  
 เดี๋ยวนี้รัฐบาลเค้ารู้ทัน ตรวจสอบกันทุกซอกกันเลย เป็นที่รู้กันอยู่
 
 เปรียบเทียบอย่างนี้ คุณดาวน่าจะพอใจในชีวิตของตัวเองบ้างหละ
 
 นู๋ยังเล็งอยู่เลยว่าจะทำอย่างไรดีจะอยู่ประเทศสวิตได้นานๆค่ะ
 
 
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: คารุสุ on February 14, 2006, 05:15:57 AM
ตอนแรกก็คิดเหมือนคุณดาวเลยตรงใจมาก แต่พอเรามาคำนวณดูอีกทีค่าใช้จ่ายเค้าออกให้หมดเราจ่ายแค่ค่าประกันกับภาษีถ้าทำงานร้อยเปอร์เซนต์คิดดูแบบไม่ค่อยละเอียดนะเราจะมีเงินเก็บเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2000.- ฟรังค์ ก็ลองคิดเป็นบาทดูค่ะ                                                                        ว่าเท่าไหร่ แต่สำหรับตัวดิฉันเองขี้เหนียวหน่อยแต่ไม่ได้เห็นแก่ตัวนะ คิดว่าตัวเองต้องเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 2500.-/เดือน ถ้าได้ทำงานร้อยเปอร์เซ็นต์นะค่ะ คิดแล้วมันชื่นใจค่ะ แต่ที่น่าเศร้าตอนนี้ยังไม่มีงานทำเลยค่ะ ;;;;((((
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: เทียนหอม on February 14, 2006, 12:53:15 PM
สวัสดีค่ะ คุณดาว ป้าพอล คุณเตือนใจ นู๋นก และคุณคารุสุ
 
 ที่รู้จักฝรั่งหลายคน ไม่เฉพาะแต่สวิส ก็ใช้วิธีจัดการเงินภายในครอบครัวด้วยวิธีนี้
 
 คิดว่า เป็นวิธีการบริการหรือจัดการเงินในครอบครัว จะดีกว่านะคะ
 
 บางครอบครัว อาจใช้การจัดการแบบรวมเป็นกระเป๋าหรือบัญชีเดียวกันทั้งรายรับ รายจ่าย
 
 บางครอบครัว อาจใช้วิธีแยกบัญชีทั้งรายรับ รายจ่าย
 
 การจัดการบัญชีสองแบบนี้ มีข้อดีข้อเสียต่างกัน แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน
 
 เช่น  
 การแยกบัญชี  
 ข้อดี คือ ทำให้เห็นรายละเอียดเงินชัดเจนว่า เป็นเงินของใคร เวลาจะใช้สอยให้ความสุขกับตัวเอง เราจะไม่อึดอัดใจที่จะใช้ และไม่ล่วงล้ำเกินจำนวนเงินที่เรามี  
 
 ข้อเสีย ก็อาจด้านจิตใจ ถ้ายึดติดคิดว่า การแต่งงานคือการรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วยิ่งถ้าเจอคนที่ขี้เหนียว ไม่แบ่งปัน ก็อาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจว่าถ้าเรามีปัญหาด้านการเงิน แล้วเขาจะช่วยเหลือเราหรือไม่ แต่ถ้าเป็นบัญชีรวม ก็มั่นใจได้ว่า ถ้าเกิดปัญหาด้านการเงิน เขาจะต้องร่วมรับผิดชอบ (ร่วมทุกข์) กับเราไม่ว่าจะโดยสมัครใจหรือไม่ก็ตาม
 
 ไม่อยากให้มองว่า การแยกบัญชี หมายความว่า เขางกไม่อยากให้เราแตะต้องเงินของเขา แต่เป็นการจัดการเงิน เมื่อถึงโอกาสพิเศษ เขาก็ใช้เงินเขาซื้อของขวัญให้คุณ (ฝรั่งเค้าจะให้ของกันเป็นพิเศษ ในโอกาสพิเศษๆค่ะ มิได้ให้พร่ำเพรื่อ ของที่ให้มันมีคุณค่าทางจิตใจอย่างแท้จริงค่ะ)  
 
 หรือถ้าคุณเดือดร้อน เขาก็ใช้เงินในบัญชีเขาช่วยเหลือคุณก็ได้ค่ะ จริงๆมันอาจทำให้คุณดีใจมากกว่าที่เค้าควักเงินในบัญชีส่วนตัวมาซื้อของให้คุณ เมื่อเทียบกับเค้าใช้เงินจากบัญชีรวมมาซื้อของขวัญให้คุณก็ได้นะคะ
 
 โดยสรุป การแยกบัญชีไม่ได้บอกนิสัยของคู่ครองของคุณดาวค่ะ อย่าคิดน้อยใจเกินเลยไป ถ้าเขาเห็นแก่ตัว ไม่รักเราแล้ว ไม่ว่าจะรวมหรือแยกบัญชี เขาก็งกกับเราได้ค่ะ  ในทางกลับกัน ถ้าเราใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และรักเรา ไม่ว่ารวมหรือแยกบัญชี เขาก็ใจดีกับเราค่ะ
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: อ้อม สาวน้อยเชียงใหม่ on February 15, 2006, 03:37:36 AM
สวัสดีค่ะป้า pall และพี่ๆทุกคน เรื่องปัญหาของคุณดาวอ้อมพอจะเข้าใจเพราะอ้อมก็ได้เงินจากแฟนแต่ละเดือนแค่พอซื้อขนมกินเหมือนกัน ไม่ได้มากมายอะไร เค้าก็จะให้อ้อมทุกเดือนเฉพาะช่วงที่ไม่ได้ทำงานค่ะถ้าทำงานมีเงินเป็นของตัวเองเค้าก็จะให้เราดูแลตัวเองก็คือไม่ให้เงินแล้วนั่นแหละค่ะ อ้อมคิดว่ามันก็ไม่ได้เป็นความใจร้ายใจดำอะไร เพราะจริงและถูกเป๋งอย่างที่ป้า pall บอกค่ะ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เค้าเองต้องรับผิดชอบซึ่งแต่ละเดือนก็เป็นเงินหลายตังค์อยู่ เค้าไม่ได้เรียกร้องให้เราช่วยออกครึ่งๆก็ดีถมแล้วใช่ไหมคะ ยิ่งแฟนอ้อมเพิ่งจะเปลี่ยนงานตอนนี้เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรอ้อมก็ยิ่งเห็นใจและอยากมีงานมีรายได้ช่วยเค้าค่ะ อย่างน้อยก็อยากมีเงินรับผิดชอบตัวเอง จ่ายกับข้าวเล็กๆน้อยๆ แล้วที่วางแผนจะจดทะเบียนเดือนมีนา แต่ด้วยหลายๆอย่างยังไม่พร้อมเราสองคนเลยเลื่อนไปแต่งงานเดือนพฤษภาค่ะ อ้อมว่าอย่างน้อยคุณดาวยังโชคดีนะคะที่แต่งงานและมีโอกาสได้ทำงานมีรายได้จุนเจือทางบ้านแล้ว อย่าคิดมากเลยค่ะ ตั้งใจเดินหน้าหาเงินเป็นของตัวเงดีกว่า อ้อมเองบอกตามตรงแบบไม่อายนะคะ อ้อมมาสวิสด้วยเงินตัวเองส่วนหนึ่ง*้แบงค์มาด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่าแฟนใจดำไม่ช่วยนะคะ แต่อ้อมรู้ว่าเค้าไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นและเต้าก็ยังต้องจ่ายหลายอย่างในขณะที่อ้อมอยู่ที่นี่แล้วไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายในการแต่งงานอีก อ้อมเองก็อยากอยู่ใช้ชีวิตกับเค้าเลยดิ้นรนหาเงินบินมาเองค่ะ โดยที่แฟนช่วยรับรองและจ่ายค่าใช้จ่ายทางนี้ให้ บางทีชีวิตมันไม่ได้เพียบพร้อมหรือเรียบง่ายอย่างที่เราคิด ชีวิตคือการดิ้นรนและการต่อสู้กับอุปสรรคใช่ไหมคะป้า จะได้อะไรมาง่ายๆคงเป็นไปได้ยาก เป็นกำลังใจให้นะคะ โชคดีค่ะ
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: นิด (แม่ลูกหมูสามตัว) on February 15, 2006, 03:47:05 PM
ไม่มีข้อคิดอะไรยาวๆ แต่มีแค่  
  " เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา " ลองคิดในมุมกลับกัน  
 กับ " ทุกคนมีสิทธิและหน้าที่ สถานะภาพเท่าเทียมกัน " ไม่ว่าหญิงหรือชาย  
   
 เป็นข้อคิดง่ายๆ ค่ะ
Title: ขอข้อคิด จากป้าพอล
Post by: พรหล้า on February 20, 2006, 05:04:19 AM
อยากฝากสักนิ๊ดดดดดดด
 จริงๆแล้ว พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้ว่าเราควรเดินทางสายกลาง (มัชฌิมปฏิปทา) คือไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป หมายความว่าเราต้องอยู่ในความพอดี คุณดาวกับสามีก็ต้องพบกันครึ่งทาง ตอนนี้เค้าก็ยังให้รายเดือนเราอยู่เพราะเรายังไม่มีอาชีพซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ส่วนเรา...เมื่อมีงานทำเราก็ควรจะจุนเจือช่วยเหลือในส่วนของครอบครัวคนละครึ่งทาง แล้วชีวิตเราก็จะมีความสุข
 ******
 จริงๆแล้ว ก็ไม่ทราบปัญหาที่แน่ชัดของคุณดาวหรอกค่ะ แต่ที่เคยเห็นเลยคือปัญหาคนไทยกตัญญูค้ำคอ ต้องส่งเงินกลับบ้านเลี้ยงดูพ่อแม่ หรือลูกที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งฝรั่งบางคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมต้องส่งไปให้ ทำไมไม่ทำงานหากินเอง มันไม่ใช่หน้าที่ของเค้าสักหน่อย จริงๆแล้วฝรั่งไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมของเค้าที่ต่างจากเรา เพราะเค้าก็ยังต้องหากินเองเลี้ยงตัวเองเหมือนกัน ซึ่งเค้าก็คิดว่าถ้าเรามีงานทำแล้ว เราก็ควรจะช่วยเค้าแชร์ในทุกส่วนที่ใช้จ่ายร่วมกัน และดูแลค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราเองได้ แนะนำคุณดาวและทุกๆคนว่าว่าถ้าอยากใช้จ่ายอย่างสะดวกและสะบายใจมันต้องเป็นเงินจากนำพักน้ำแรงเราค่ะ