รบกวนหน่อยค่ะ หา ลิงค์เก่าๆไม่เจอ เคยไปมาแล้ว แต่แค่ 2 อาทิตย์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาครั้งนี้ขอ 1 เดือน แต่กลับไม่ผ่านซะงั้น ว่าจะลาช่วงสงกรานต์ซักหน่อย เศร้าจัง..
สวัสดีค่ะคุณK เข้าไปหาอ่านที่ห้องนี้นะค่ะ
http://www.pallswiss.com/boards/index.php/board,1.0.html
ขอบคุณมากค่ะ คุณ Lookjan ขวัญเข้าไปอ่านแทบจะทุกกระทู้แล้ว แต่ไม่มีข้อมูลที่แน่นอนหรือตัวอย่างเรื่องการยื่นอุทธรณ์เลยค่ะ มีแต่ขั้นตอนการขอวีซ่าเยี่ยมหรือการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่า(ครั้งแรก) ส่งเมล์ไปถามสถานทูตเค้าก็ไม่ตอบกลับมาว่าจะต้องเริ่มต้นยังไง ใช้เอกสารอะไรบ้าง แปลกนะคะ ขวัญคิดว่าตัวเองน่าจะได้เพราะมีคุณสมบัติเหมาะสม มีตำแหน่งงานดี พูดภาษาเยอรมันก็ได้ระดับหนึ่ง (อุตส่าห์เรียนมาตั้งนานเพื่อการนี้โดยเฉพาะ) แล้วขอไปแค่เืดือนเดียวเอง ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือเราไม่สามารถถามสถานทูตได้เลยว่าทำไมเราถึงโดนปฏิเสธ..ใครพอจะมีคำแนะนำดีๆบ้่าง รบกวนหน่อยนะคะ อาทิเช่นยื่นอุทธรณ์ที่ใหนจะเร็วกว่ากัน ตั๋ว confirm ที่ 21 มีนาคม 11 ไม่อยากเปลี่ยนวันเดินทางถ้ายังเหลือเวลาพอแต่ตอนนี้ไม่ทราบจริงๆค่ะว่าจะต้องทำอย่างไร..
สวัสดีค่ะคุณขวัญ
จากประสบการณ์ของจอยนะคะ จอยยื่นที่สถานทูตนั่นหล่ะคะ เขาจะให้ฟอร์มเอกสารมากรอกแบบเดิมนั่นหล่ะคะสามชุด มีรูปถ่าย และก้อสำเนาพาสปอร์ต อย่างละสามชุดคะ เราก้อโทรนัดวันยื่นเหมือนเดิม และเราก้อยื่นเอกสารเราตามเดิมคะเจ้าหน้าที่ไม่ถามหรอกคะ เขาก้อจะบอกว่ารออีกสองเดือนนะคะ มารับฟังข่าวดีนะคะ พอครบสองเดือนเราก้อเอาพาสปอร์ตไปเช็คฟังข่าวดีนะคะ..ไม่น่าจะเร็วกว่าสองเดือนนะคะ..แบบว่าเร็วสุด ๆ ของสถานทูตแล้วคะ..
เหตุผลสถานทูตมีไม่เยอะหรอกคะ น่าจะมีได้ประมาณหกข้อเนี่ยหล่ะคะ ก้อจะเหมือนๆ กันเกือบทุกคน คือ กลัวไปแล้วไม่กลับมาคะ
ยังไงขอให้โชคดีนะคะคุณขวัญ..
เอ้อ ลืมบอกไปคะว่าของจอยแฟนการันตีให้คะ ไม่ทราบว่าของคุณขวัญออกค่าใช้จ่ายเองหรือว่ามีสปอร์ตเซอร์คะ..ยังไงก้อลองขอดูนะคะเพราะส่วนมากก้อผ่านนะคะ..แต่ของจอยไม่ผ่านคะ ตอนนั้ที่จอยไปขอก้อยังทำงานนะคะ เอาใบรับรองจากที่ทำงานไปด้วยก้อเท่านั้นคะ ไม่เห็นจะดูเลย.. ตอนนี้กำลังรอวีซ๋าเหมือนกัน แต่เปลี่ยนมาเป็นขอติดตามสามีแล้วคะ..แบบเขาว่าความเป็นไปได้ที่จะผ่านเยอะนะคะ...
ยังไงสู้ สู้ นะคะ..
ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณป้าใจดีเจ้าของ website และพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคนก่อนนะคะที่โพสท์ผิดห้อง คือมัวแต่ร้องให้อยู่เลยไม่ทันเห็นน่ะค่ะว่าโพสท์ผิดที่ วันหลังจะดูดีๆกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ คุณจอย ของขวัญแฟนการันตีให้ เขียนจดหมายเชิญและออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง (แต่ขวัญคิดว่าจะช่วยออกค่าไฟลท์คือเราคบกันแบบแฟร์ๆน่ะค่ะ ไม่อยากให้เค้ารู้สึกว่าคบผู้หญิงไทยแล้วผู้ชายต้องเป็นฝ่ายออกเองทุกอย่าง)เมื่อวานนี้พอทราบว่าไม่ได้วีซ่าก็เอ๋อกันทั้งคู่เพราะไม่คิดว่าจะไม่ได้และไม่มีแผนสองเตรียมไว้ ขวัญคงทำไรไม่ได้นอกจากยื่นอุทธรณ์ จะเปลี่ยนเป็นวีซ่าอื่นก็คงไม่ได้ ขวัญและเค้ายังไม่คุยกันเรื่องแต่งงานจนกว่าเราทั้งสองจะแน่ใจว่าขวัญใช้ชีวิต ณ ดินแดนอันหนาวเย็นนั้นได้ ตอนนี้เหตุผลที่จะต้องไปก็คือลองไปใช้ชีวิตรวมกันตามหลักพื้นฐานความเป็นจริง ถึงแม้ว่าเดือนหนึ่ง อาจจะน้อยไปหน่อย(ก็ลางานได้แค่นี้อ่ะ)แต่ก็คงพอทำให้เห็นอะไรบางอย่างชัดขึ้น รักกันอย่างเดียวไม่พอค่ะ :-)ทั้งแฟนขวัญและตัวขวัญเองเป็นประเภทแบบว่า realistic กันทั้งคู่ ก็เลยต้องมากลุ้มอย่างนี้ไงคะ โอเค คำถามค่ะ
1. จดหมายอุทธรณ์ที่เป็นภาษาเยอรมัน ไม่ทราบว่าสมควรต้องระบุอะไรบ้างคะนอกจากเหตุผลที่ต้องการไป
2. สมมุติว่า กำหนดเดินทางที่ยื่นครั้งแรก(และโดนปฏิเสธไปแล้ว) มีระยะเวลาไม่ถึง 8 สัปดาห์ นับจากวันยื่นอุทธรณ์ (ประมาณ 5 สัปดาห์เองค่ะ) อย่างนี้ไม่มีสิทธ์เลยใช่มั๊ยคะ
3. ต่อจากข้างบน กรณีอย่างนี้ต้องเปลี่ยนระยะเวลาใหม่ให้ cover ระยะเวลา 8 สัปดาห์ หรือเปล่าคะ รวมถึงหนังสือรับรองเรื่องลางานที่บริษัทออกให้ ก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย (แล้วอย่างนี้จะมีปัญหากับทางสถานทูตตอนยื่นหรือเปล่าคะ)
4. เรื่องผลการยื่นอุทธรณ์ ไม่มีเจ้าหน้าที่สถานทูตโทรหรือส่งอีเมล์แจ้งใช่มั๊ยคะ แล้วจะทราบได้อย่างไรคะ หรือว่าถ้าครบสองเดือนเป๊ะแล้วต้องเข้าไปถามด้วยตัวเองคะ
5. ตอนที่ Visa โดนปฏิเสธ ยามเอาเอกสารให้เซ็น 2 ชุด เป็นการรับทราบว่าเราไม่มีคุณสมบัติดีพอที่จะไปเหยียบประเทศเค้าได้ เค้าคืนมาให้ 1 ชุด และไม่มีแบบฟอร์มใดๆให้นอกจากนี้ ข้อมูลเรื่องการยื่นอุทธรณ์ไม่มี แค่บอกว่ามี 2 วิธีและยื่นภายใน 30 วัน
และขวัญต้องมานั่งกลุ้มด้วยเหตุนี้แล หรือว่าทุกคนต้องรู้เองโดยอัตโนมัติ? เมล์ไปถาม 2 ครั้ง แบบสุภาพๆเค้าก็ไม่ตอบค่ะ ไม่รู้เกลียดอะไรชั้นหรือปล่าว เฮ้อ คิดแล้วเครียดค่ะ ใครพอจะมีประสบการณ์เดียวกัน มาแชร์ให้ฟังหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณขวัญ
จอยจะตอบให้เท่าที่จอยทราบนะคะ..
ยังไงสถานทูตเขาก้อจะบอกว่ารอสองเดือนอยู่ดีคะ เจ้าหน้าที่เขาไม่มีการโทรหรือว่าส่งเมล์มาบอกหรอกคะ นอกจากเราจะเอาพาสเราไปเช็คกับทางสถาทูตคะ และจอยก้อเคยไปก่อนเวลาที่ทางสถานทูตนัดแค่อาทิตย์เดียวเองคะ เขาก้อจะบอกว่า ตอนนี้เอกสารยังไม่มา และ ก้อยังไม่ครบสองเดือนเลยนะคะ คุณเจ้าหน้าที่ผู้หญิงช่องสองที่หน้าตาโคตรจะใจดีเลยคะ..
และนอกนั้นจอยไม่ทราบจรืง ๆ คะ เพราะวันที่จอยไปยื่นอุทรณ์จอยก้อไม่มีเอกสารอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากวันที่ไปยื่นครั้งแรกคะ..แต่หลังจากรู้ว่าไม่ผ่านแบบว่าสมองมันตื้อไปหมดนะ ไม่นึกไม่ฝันว่าวีซ่าจะไม่ผ่านทั้งที่คิดว่าไม่น่ามีปัญหานะคะ..สมองไม่ทำงานเลยคะ วันน้ันจอยนั่งร้องไห้และก้อคิดทั้งวันเลยคะ จนแฟนจอยบอกว่าไม่ต้องคิดมาก ฉันจะหาวิธีให้คุณมาให้ได้คะ...
สู้ สู้ สู้ นะคะ คุณขวัญ..แต่ยังไงรอสมาชิดท่านอื่นเข้ามาตอบดีกว่าคะ...แต่ก้อขอชมนะคะว่าบริษัทคุณขวัญใจดีจังให้หยุดยาวตั้งเดือนหนึ่งนะคะ..ของจอยลาสามวันเองยังกะเราลาปีหนึ่งได้มั้งคะ..
"คุณเจ้าหน้าที่ผู้หญิงช่องสองที่หน้าตาโคตรจะใจดีเลยคะ"..? ha ha คุณจอยล้อเล่นใช่มั้ยคะ ขวัญไม่เคยเจอใครหน้าตาใจดีที่นั่นเลย ขวัญไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ที่นั่นจะต้องทำหน้าอย่างนั้นกันทุกท่าน เป็นเองโดยธรรมชาติหรือว่าแอ๊บเอาเนื่องจากหน้าที่การงานบังคับ แต่จะอย่างไรก็เถอะ เครียดแย่เลย
สถานทูตตอบเมล์มาแล้ว ค่าเท่ากันไม่ว่าจะให้คนทางโน้นยื่นหรือเรายื่นเอง (แต่ขวัญแอบถามความเห็นส่วนตัวเค้าว่าเค้าคิดว่าไง เค้าตอบว่าให้ Guarantor เป็นคนยื่นกับ FOM ที่นู่นจะดีกว่า ส่วนเรื่อง period เปลี่ยนได้ แต่จำนวนวันที่อนุญาตต้องเท่าเดิมเป๊ะ แฟนขวัญบอกว่าถ้าไม่ได้เค้าจะ fight ให้ถึงที่สุด เค้าเป็นพลเมืองสวิสและเค้ามีสิทธ์ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมถ้า visa หลังอุทธรณ์โดนปฏิเสธอีกโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนแจ้ง และนี่คือเหตุผลที่เค้าเป็นคนยื่นอุทธรณ์แทนขวัญ
เดี๋ยวพอเสร็จเรื่องแล้ว ได้หรือไม่ได้ยังไงจะมาเล่าให้ฟังเผื่อจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่ต้องยื่นอุทธรณ์เหมือนกันค่ะ
เดือน April วันหยุดเยอะค่ะ วันจักรี วันสงกรานต์ ก็เลยถือโอกาสเอามารวมกับพักร้อนของปีที่แล้วที่ยังไม่ได้ใช้ บวก ลบ คูณ หาร ดูแล้วก็เกือบเดือนที่เหลือสองสามวันก็ลาเเบบไม่รับเงินเดือนน่ะค่ะ ก็พอได้อยู่ :)
สวัสดีคะ ทุกคน
เห็นคนอื่น บ่น ๆ ว่ากลัววีซ่าไม่ผ่าน เราก็ไม่รู้ว่าทำไมวีซ่าถึงไม่ผ่าน ถ้าจะมานั่งวิเคราะห์กัน แต่ละคนก็ต่างกัน แต่เหตุผลเบื้องต้นของการปฏิเสธวีซ่า ก็คงคล้าย ๆ กัน ประมวลสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ว่าทำไมถึงถูกปฏิเสธวีซ่า
1. คุณทำงานอยู่ไหมตอนนี้ ถ้าตอบว่างลาออกแล้ว หรือว่างงานอยู่ ส่วนใหญ่จะทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง เพราะเจ้าหน้าที่จะคิดว่า แล้วคุณทำอะไรในวัน ๆ หนึ่ง ตั้งใจหางานใหม่ไหม หรือตั้งใจจะไปเมืองนอกอย่างเดียว
2. แล้วรู้จักแฟนได้ไง
3. พ่อแม่เขายังมีชีวิตอยู่ไหม อายุเท่าไร ชื่ออะไร เคยเห็นไหม
4. ติดต่อแฟนทุกวันไหม ผ่านวิธีไหน อันนี้หมายถึง แฟนอยู่ต่างประเทศ เราอยู่เมืองไทย ติดต่อกันอย่างไร
5. แฟนมาเยี่ยมที่เมืองไทยกี่ครั้ง แล้วไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง แต่ละครั้งที่มานานแค่ไหน
6. รู้จักกันมากี่ปี
7. แฟนมีญาติพี่น้องกี่คน
8. พี่น้องเขาชื่ออะไรกันบ้าง
9. สื่อสารกับแฟนภาษาอะไร
10. แฟนเคยแต่งงานไหม มีลูกกี่คน ลูกอายุเท่าไร ชื่ออะไร
11. แฟนทำงานอะไร อันนี้สำคัญ
12. แฟนทำงานที่บริษัทนี้กี่ปีแล้ว
13. ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และระหว่างที่พักอยู่ที่ต่างประเทศ
14. ใครเป็นคนเชิญ
15. เมื่อได้ไปแล้วจะพักอยู่ที่ไหน พักกับแฟนหรือว่าญาติ หรือคนเชิญ อันนี้ก็แตกต่างกันไปแล้วแต่ แต่ที่สำคัญคือคำตอบ
16. เพราะอะไรคุณถึงอยากไปประเทศนั้น อันนี้ก็สำคัญ ต้องตอบให้ดี
เท่าที่ประมวลได้ก็เท่านี้ แต่คิดว่าคงมากกว่านี้
วันไปยื่นเอกสาร หรือติดต่ออะไรก็ตามที่สถานฑูต กรุณาแต่งตัวให้เรียบร้อย ห้ามใส่สายเดี่ยว แขนกุด หรือชุดอะไรที่เซ็กซี่ ให้ใส่สูท จะทำให้ดูน่าเชื่อถือมากกว่า
ตอนตอบคำถามประหม่าไหม ตอบชัดถ้อยชัดคำไหม คำตอบดูน่าเชื่อถือไหม อีกอย่างถ้าคิดว่าภาษาต่างประเทศคุณสมบูรณ์แบบ
พูดไปเลย แต่ถ้าคิดว่าไม่แน่ใจ ห้ามเด็ดขาดที่จะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เป็นภาษาต่างประเทศ ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะพูดกับเราเป็นภาษาต่างประเทศ (สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนไทย) แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์เป็นคนต่างชาติ อันนี้ก็ต้องตอบเป็นภาษาต่างประเทศ (ที่จริงแล้วถ้าคิดจะไปต่างประเทศ อย่างน้อยภาษาอังกฤษต้องสื่อสารได้ดีพอสมควร เข้าใจในสิ่งที่ถาม)
อีกอย่างห้ามนำล่ามส่วนตัวไป เพราะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ
เดี๋ยวมาต่ออีกนะคะ
เพิ่มเติมจากคุณ nidnid ขอคอนเฟิร์มว่าจริงค่ะและโดยส่วนตัวคิดว่าหลายท่านโดนปฏิเสธวีซ่าเพราะคำถามคำตอบเรื่องพวกนี้ แต่สำหรับขวัญเองไม่เข้าใจจริงๆค่ะว่าทำไมคนปกติ ธรรมดาขวัญหรืออย่างเราๆ ที่มีการศึกษาดี มีงานทำที่มั่นคง ฐานเงินเดือนดี และไม่มีแนวโน้มว่าจะไปแล้วไม่กลับมาอีก(อย่างน้อยขวัญก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น ณ ตอนนี้ คือมันไม่ง่ายน่ะค่ะ อยู่เมืองไทยเรามีงานดีๆ ทำ แล้วไปอยู่โน่น วุฒิปริญญากับ resume ที่ยาวเป็นหางว่าวพวกนี้คงใช้ทำอะไรไม่ได้มาก)ตอนขอวีซ่าก็แต่งตัวเรียบร้อยนะ เพราะต้องเข้าออฟฟิซต่อ ตอนตอบก็ไม่ประหม่า ก็ตอบตามความจริงทำหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้เครียดหรืออะไรเพราะคิดว่ายังไงก็ได้วีซ่าอยู่แล้ว เคยไปมาแล้ว แล้วก็กลับตรงเวลา แต่ตอนนั้นแค่สองอาทิตย์ ต้องตอบคำถามพวกนี้เหมือนกัน แต่จำได้ว่าเค้าขอให้ส่ง passport ของแฟนที่เดินทางเข้าและออกจากเมืองไทยครั้งสุดท้าย (ให้ส่งทาง fax ให้สถานทูต) ครั้งล่าสุดให้แฟน scan แล้วก็ส่งมาทางเมล์ให้เตรียมไว้เผื่อว่าเค้าขอ แต่เค้าไม่ได้ขอค่ะ ครั้งแรกที่ได้ วีซ่าก็คิดว่าตัวเองโชคดีกว่าชาวบ้านเขา แต่พอมาครั้งนี้ไม่ได้ ถึงรู้ว่ามาตรฐานในการออกวีซ่าที่แน่ชัดคงไม่มี เหมือนคุณพอใจใครคุณก็ให้ ใครดูลักษณะไม่น่าไว้วางใจคุณก็ไม่ให้ซะอย่างงั้น (ความเห็นส่วนตัวบวกกับความไม่เข้าใจค่ะ)อ้อ จะมีข้อผิดพลาดตรงที่ขวัญพูดว่า "ขอโทษค่ะ เมื่อกี้ถามว่าอย่างไรนะคะ" แล้วเค้าทำถอนหายใจ คือช่องสัมภาษณ์มีกระจกกั้นแล้วรูก็เล็กนิดเดียว เวลาเจ้าหน้าที่พูดหรือถามอะไรก็ไม่ค่อยได้ยินจริงๆค่ะ
เคยคุยกับคู่พี่น้องคู่หนึ่ง แม่แต่งงานกับผู้ชาย swiss และเป็นพลเมืองไปแล้วเป็นคนเชิญ ไปสัมภาษณ์พร้อมกันน้องได้วีซ่าแต่พี่ไม่ได้...
คือปัจจัยหรือเหตุผลมันมีหลายอย่างค่ะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็ขึ้นอยู่กับดวงเหมือนกัน :)
สวัสดีคะ คุณขวัญ
อย่าพึ่งท้อเลยคะ เพราะคนเรารู้หน้า ไม่รู้ใจ เจ้าหน้าที่เขาต้องคิดอย่างนั้นไว้ก่อน ถึงแม้คุณขวัญจะเคยไปมาแล้ว แต่นั้นมันสองปีที่แล้วนะคะ สถานการณ์มันอาจเปลี่ยนไป
แฟนคุณขวัญเป็นคนรับรองและเชิญ เพราะฉะนั้นปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวคนเชิญก็ได้คะ (ที่บอกอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า ดิฉันว่าแฟนคุณขวัญนะคะ) แต่อยากให้เปิดใจให้กว้าง เพราะสวิตเซอรแลนด์เล็กนิดเดียว ใคร ๆ ก็อยากมา ไม่ใช่แค่จากเอเชียเท่านั้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามหน้าที่
การมีงานทำที่ดี มีการศึกษาดี มีแนวโน้มไม่หนีวีซ่า ไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้วีซ่าได้ง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อนนะคะ ขนาดคุณหมอท่านหนึ่งต้องการวีซ่า แค่ สิบวัน เที่ยวในสวิตฯ เงินเดือน เงินเก็บ หุ้นต่าง ๆ รวมเงินก็สิบล้านบาทได้ ยังไม่ได้วีซ่าเลยคะ
ถ้าแฟนคุณขวัญเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างก็ต้องให้ตัวเขาเป็นคนติดต่อกับทางประเทศเขาอีกทีหนึ่ง จดหมายเชิญ เอาไปให้เจ้าหน้าที่อำเภอเซ็นรับรองอีกทีนะคะ เพราะว่า หากจดหมายเชิญมีแค่ลายเซ็นแฟนคุณขวัญคนเดียว มันทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือ พูดง่ายคือ ๆ หาพยานมารับรองลายเซ็นแฟนคุณขวัญอีกที
แล้วจะมาต่ออีกคะ
สวัสดีค่ะคุณขวัญ
เคยมีประสบการณ์ ยื่นวีซ่าเยี่ยมไม่ผ่านเหมือนกันค่ะ แต่ดิฉันเลือกให้แฟนเป็นคนอุทรณ์ให้ที่สวิสค่ะ ให้แฟนเราโทรถามที่สถานฑูตของเค้าว่ามีข้อผิดพลาดอะไรหรือต้องการเอกสารเพิ่มเติมอะไรหรือปล่าว คิดว่าน่าจะง่ายกว่าเรายื่นอุทรณ์ที่เมืองไทยน่ะค่ะ ดิฉันรออย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร ประมาณสองเดือนทราบผลค่ะ พอแฟนเราโทรมาบอกว่าวีซ่าผ่านแล้วเราก็เอาพาสไปยื่นรับวีซ่าที่สถานฑูต ยื่นพาสช่องเดียวกับที่เรายื่นขอน่ะค่ะ หรือคนที่รับเรื่องเราตอนแรก
ยังงัยก็เอาใจช่วยน่ะค่ะ(ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณขวัญได้วีซ่าหรือยัง เพิ่งเข้ามาอ่านเลยตอบช้า) :)
สวัสดีค่ะ พี่ Khwanchen ไม่ทราบว่าตอนนี้วีซ่าผ่านรึยังค่ะ หรือว่าอยู่ที่สวิตแล้ว ถ้าอยู่ที่สวิตแล้วก็ดีใจด้วยนะคะ
แต่ถ้ายังก็ขอให้สู้นะคะ มีใครที่จะไปยื่นวีว่าช่วงประมาณ กรกฎาคม หรือว่า สิงหาคม มั้ยค่ะ ถ้าอยากมีเพื่อนไปก็ติดต่ดเปรมมาได้นะคะ พอดีว่าเปรมจะไปยื่นช่วงนั้นพอดี
ขอให้โชคดีทุกคนนะค่ะ
คุยกับเปรมได้ที่นี้ค่ะ
mayathi99@gmail.com
คุณขวัญ อย่าเพิ่งท้อนะคะ nan ก็เคยยื่นวีซ่าอุทธรณ์ รอสองเดือนแล้วก็ได้
อย่างที่เพื่อนๆ บอกนะค่ะ บางที เหตุผลที่ไม่ได้ ก็เพราะ ตัวเรา หรือ คนเชิญ
สถานะการเงินของคนเชิญ หรือ เรื่องการเสียภาษี หรือ เราไปแล้วไม่กลับตรงเวลา
เหรือ เคยขอวีซ่าประเทศอื่น แล้วถูกปฏิเสธ เหตุผลเยอะแยะค่ะ
แต่คิดว่ายื่นอุทธรณ์แล้ว น่าจะผ่าน เป็นกำลังใจให้นะคะ
nan
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ สมาชิกใหม่ ขอฝากตัวค่ะ :D
บางครั้งก็มีอุปสรรคแต่ต้องทน
เรายื่น วีติดตามสามี คิดว่าง่ายและตรงเวลา2ด. เป๊ะ เลยค่ะ
เดือนแรกจะเงียบมาก 2อาทิตย์ ก่อนครบ2ด. สามีเมล์ ไปถามก่อนครบ2ด.เขาตอบเร็วมากเป็นภาษาราชการเขา คือเยอรมัน ว่าไม่มีอุปสรรคใดๆและกำหนดวันให้ไปรับวีซ่าด้วย
จากที่เห็น เวลามีปัญหา ให้สามีเราที่เป็นสวิต ซิติเซน นะคะ อิเมล์ถามอะไร เขาตอบเร็วมากค่ะ
แต่คนชาติอื่น เขาไม่ค่อยสนใจตอบ คำถามหรือให้ข้อมูลอะไรๆเลยค่ะ
แต่คนของเขาๆ ตอบเร็วมาก เราสังเกตุมาและจับทางได้ ตั้งแต่นั้น เลยบอกให้แฟนติดต่อตลอด เลยค่ะ เราบอกเขาว่าเพราะคุณเป็นซิติเซ่นไง เขาไม่สนฉันหรอก เราบ่นบอกสามีค้า