(https://www.pallswiss.com/images/old_board/106220-060817-Zwischenablage09.jpg)
**ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และขอทาน**
เคยเจอกันบ้างไหมขณะที่เราเดินในตัวเมือง หรือหยุดดูของที่วางแสดงตามตู้กระจก
ขณะที่ดูของที่จัดเพลินๆจะมีคนเข้ามาพูดพร้อมทั้งแบมือขอเงินเราด้วยภาษาที่เราเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
ประโยคที่พูดจะคล้ายๆกันคือ
**I ha ke Gaeld..!!..I ha aber no nuet gaesse**
ภาษาท้องถิ่นเขตBern ซึ่งคนที่มาขอเงินจะพูดว่า ไม่มีเงิน ยังไม่ได้กินอะไรเลย
**Entschuldigung,heit Dihr mir e Frankae?**
ขอโทษด้วย คุณให้เงินผม1 แฟรงก์ได้ไหม
.......และอีกมากมายหลายประโยค...
การที่คนเข้ามาแบมือขอเงินเราแบบนี้เราเรียกกันว่าBettlerหรือขอทาน
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าประเทศสวิตฯ ทีจัดว่าเป็นประเทศที่มีประกันสังคมดีมากประเทศหนึ่งในยุโรป
และเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีคนมีรายได้สูงเข้าอยู่ในระดับต้นๆของโลกจะมีขอทานแบบนี้
เมื่อ30ปีที่ผ่านมาตอนที่ป้ามาอยู่ที่Bernครั้งแรกก็มีขอทานแบบนี้เหมือนกันแต่ขอทานที่เห็นน้อยมากแค่ไม่กี่คน
**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0053 ห้อง stories_life (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/106220-060943-Zwischenablage013.jpg)
ถ้าใครก็ตามที่เข้าไปซื้อของหรือเดินเล่นในตัวเมือง
จะเห็นคนหนุ่มหลายคนที่นั่งอยู่ข้างทาง
ขณะที่เราเดินผ่านไปมาจะเห็นคนนั่งมีหมวก...มีภาชนะอยู่ข้างหน้า
สำหรับให้คนโยนเหรียญใส่ลงไป
บางคนจะเขียนเป็นตัวหนังสือบอกว่าป่วยติดโรคร้ายแรง
บางคนจะมีหมาหลายตัวที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน
หมอบนอนอยู่ข้างๆเจ้าของรอดูด้วยสายตาที่บอก
ถึงความจงรักซื่อสัตย์ภักดีต่อเจ้าของ
หมาเหล่านี้เป็นตัวช่วยที่ทำให้คนสวิสโยนเงิน
เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงดูหมาเหล่านี้เพราะคนสวิสมีจิตใจ
อ่อนโยนรักสัตว์นั่นเอง
ปัจจุบันนี้ในBernถ้าใครมาเที่ยวหรืออยู่อาศัยอยู่ที่นี่
จะรู้ว่าจำนวนของคนขอทานเพิ่มจำนวนมากมาย
และจุดที่มีขอทานมากจะเป็นแถบMigros Markgasse
หรือ Neuengasse
มีคนสงสัยหรือไม่ว่าคนที่นั่งรอรับเศษเงินที่คนหยิบยื่นให้นี้
เป็นพวกไร้ที่อยู่อาศัย ตกงาน ติดยา หางานทำไม่ได้
ไม่มีเงิน หรือขี้เกลียดทำงาน...ฯลฯ....
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/106220-061150-Zwischenablage012.jpg)
**รูปปั้นของAnna-Seiler**
สนใจประวัติความเป็นมาอ่านได้ที่นี่
http://www.europcronline.com/fo/centres/bern/
เมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมามีขอทานในยุโรปจำนวนมากมาย
สมัยนั้นยังไม่มีประกันสังคมหรือที่เราเรียกว่าSozialversicherung
ซึ่งเป็นของBund, Länder, Gemeinden
สมัยนั้นผู้ที่ยื่นมาเข้ามาให้ความช่วยเหลือคือกลุ่มของKirche
กลุ่มคริสต์จักรซึ่งได้ช่วยเหลือคนตกทุกข์เดือดร้อน
มีปัญหาต้องการความช่วยเหลือจนถึงปัจจุบันนี้
ยอมรับเป็นการส่วนตัวว่ามีความรู้สึกลึกซึ้ง
เกี่ยวกับการช่วยเหลือแบบนี้มากที่สุดกลุ่มคริสต์จักรเป็นกลุ่มที่
ช่วยเหลือมนุษย์จริงๆ
และนอกจากนี้ยังมีคนร่ำรวยที่มีจิตใจเป็นกุศล
ที่ให้ความช่วยเหลือจัดตั้งกองทุนด้านเงินทอง
ซึ่งในประเทศสวิตฯมีจำนวนหลายคนที่เสียสละ
และบริจาคด้านทรัพย์สินจนตัวเองล้มละลายมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว
และยังมีคนร่ำรวยอยู่Bern
ชื่อAnna-Seiler ที่ทุ่มเงินช่วยเหลือคนยากจน
ตอนที่มีชีวิตอยู่และบริจาคทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด
ตอนเสียชีวิตแล้วเพื่อช่วยเหลือคนยากจนต่อไป
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/106220-061310-Zwischenablage014.jpg)
**ภาพหญิงชรากำลังคุ้ยหาเศษอาหารในถังขยะ**
คนที่อยู่ในสวิตฯถ้ามองแบบผิวเผินเหมือนกับอยู่ดีกินดี
ไม่มีปัญหาหรือความเดือดร้อนใดๆ
แต่จากการสำรวจเมื่อปี03จากองค์การช่วยเหลือต่างๆในสวิตฯ
และจากCaritas ซึ่งเป็นองค์การกลุ่มคริสตจักร katholischen Kirche
กลุ่มช่วยเหลือมนุษย์ผู้มีปัญหาความทุกข์ยากต้องการความช่วยเหลือ
องค์การนี้จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนด้วยความเต็มใจ
ได้แจ้งยอดคนยากจนที่อาศัยอยู่ในสวิตฯมีจำนวนถึง850,000คน
และ2ปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นปี05มียอดคนจนเดือดร้อน
มาขอความช่วยเหลือมีจำนวนสูงถึง150,000คน
และยังกะประมาณยอดคนที่จะเข้ามาขอความช่วยเหลือ
ในอนาคตข้างหน้าจากกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า65ปี
ที่มาขอความช่วยเหลืออีกประมาณ400000คน
ที่ประสบปัญหารายได้ต่ำมากต่ำกว่าคนจนที่เราเรียกว่า
Armutsgrenze
ถ้าเราดูจำนวนยอดคนยากจนแล้วน่าตกใจมากที่ยอดคนยากจน
มีจำนวนเป็นล้านคนเช่นนี้และจำนวนยอดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เป็นยอดที่น่าเป็นห่วงปละน่าวิตกกังวลมาก
กับการแก้ปัญหาคนเดือดร้อนยากไร้ประสบปัญหาแบบนี้
ถ้าเราดูภาพรวมๆอย่างผิวเผินจะไม่รู้สึกอะไรเลย
เพราะเรายังไม่ได้ประสบปัญหาความเดือดร้อนอดอยากแบบนี้
แต่ถ้าวันใดที่ตัวเราเองประสบปัญหาแบบนี้บ้างจึงจะเข้าใจ
และรู้สึกดียิ่งขึ้นและคิดถึงคนที่สามารถช่วยบรรเทา
ความเดือดร้อนต่างๆให้คลี่คลายลง
Caritasมีความปารถนาอยากให้รัฐหรือผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย
หาทางแก้ไขจัดการแก้ปัญหาเหล่านี้ในอนาคต
ช่วยเหลือผู้ตกงาน คนพิการ และการประกันSozialversicherung
ยังมีคนเดือดร้อนที่รอความช่วยเหลืออีกมากมาย
http://www.caritas-luzern.ch/
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/106220-061422-Zwischenablage010.jpg)
**Alkistübli im Bahnhof Bern**
Alkistübli หรือที่เรียกชื่อใหม่ว่า"La Gare"
เป็นสถานที่ให้คนมีปัญหาเกี่ยวกับLakohol
หรือคนติดยาเสพติดเข้ามารับการบริการกินอาหาร
ที่ตั้งของสถานที่แห่งนี้อยู่ใน Bahnhof Bern
ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของToilett(สร้วม)เก่า
**Projekt Pinto**
เป็นกลุ่มของBerns Sozialbehörde
กลุ่มที่ทำงานล้วนแต่มีประสบการณ์
ทำงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนการทำงานของกลุ่มนี้ทำงานมาประมาณ15ปีแล้ว
เงินทุนช่วยเหลือได้รับจากรัฐกลุ่มที่ทำงานจะทำกันหนักมาก
ทำกันตลอด7วันและวันละ12ชม.
ค่าใช้จ่ายในการบริการและดูแลกลุ่มคนเดือดร้อนนี้
ใช้เงินใช้จ่ายมากประมาณ 769'000 Franken
และใช้เงินจำนวน 60'000 Frankenสำหรับการให้การบริการ
เกี่ยวกับอาหารใน Alkistübli im Bahnhof Bern
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/106220-061525-Zwischenablage08.jpg)
Alkistübli เปิดให้การบริการตั้งแต่11.00น.-19.00น
พูดถึงเรื่องนี้ถ้าคนไม่สนใจจะไม่รู้สึกอะไรกับข่าวที่ได้ยิน
อย่างที่เราเรียกกันว่าถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเองจะไม่รู้สึก
กับความเดือดร้อนต่างๆ
บางคนที่สนใจจะคิดว่าไม่มีคนหรือกลุ่มงานให้ความช่วยเหลือคนยากจน
เหล่านี้เลยหรือ
ถ้าพูดกันจริงๆแล้วมีหลายกลุ่มหลายหน่วยงาน
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคริสต์จักร,Heilsarme,ของรัฐSozialต่างๆ
และโดยส่วนตัวที่ให้ความช่วยเหลือต่างๆเท่าที่จะทำได้
มีร้านขายขนมปังบางแห่งที่ได้มอบขนมปังที่ขายเหลือ
นำมาแจกจ่ายคนไม่มีที่อยู่อาศัยหรือพวกคนยากจน
การช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ที่ประสบปัญหาเดือดร้อน
เป็นสิ่งที่ประเสริฐน่าทำที่สุด
ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือด้านเงินทองแค่น้ำใจและความรู้สึกถ่ายทอด
เห็นอกเห็นใจกันแค่นี้ก็นับว่าเป็นสิ่งที่เราควรยื่นไมตรีมอบกัน
ด้วยความรักและหวังดีต่อกันแค่นี้คงไม่ยากเกินไป
และอยากให้ทุกคนระมัดระวังกับอนาคตข้างหน้า
การมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเราต้องระมัดระวัง
กับการประหยัดเกี่ยวกับเงินทองการใช้จ่าย
และการเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดในอนาคตข้างหน้า
ถ้าเราเตรียมพร้อมด้วยความไม่ประมาทถึงแม้จะมีอุปสรรคเกิดขึ้น
ก็ไม่ทำให้เราต้องเดือดร้อนมากมาย
และพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ต่อไป
ป้าค่ะ
- สาเหตุของความยากจน ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีอาหาร ของเค้ามาจากอะไร?
- แล้วคนเหล่านี้เค้าไม่มี เงินประกันสังคม ( AHV ,IV หรือPensionskasse ) เหมือนคนอื่นๆหรือ แล้วถ้าไม่มีเพราะสาเหตุอะไร ในเมื่อที่สวิตบังคับให้คนทำงานทุกคนจะต้องจ่าย หรือเพราะเค้าไม่เคยทำงานจึงไม่มีเงินส่วนนี้ แล้วที่ผ่านมาอยู่ได้อย่างไร
- ถ้าเค้าพยายามดิ้นรนเพื่อช่วยให้ตัวเองดำรงชีวิตแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ แต่ในเมื่อไม่มีอาหาร ไม่มีบ้าน ไม่มีงาน ทำไมถึงไม่ขอให้Sozialช่วย ทำไมต้องมาเป็นขอทาน มาอาศัยทางเท้านอน ถ้าจะบอกว่า หยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ไปขอความช่วยเหลือจากหลวง การไปขอจากหลวงแบบนี้ คือการใช้สิทธิ์ที่เค้าพึ่งมี พึ่งได้รับ ไม่น่าอับอายเสียหาย ถ้ามาเล่นดนตรี ร้องเพลง ก็ถือว่าคุณทำงานแลกเงิน อย่างนี้น่าให้ แต่ถ้ามาเดินแบมือขอ เฉยๆ สู้เดินไปที่ Sozial ถึงจะรู้สึกอายยังดีกว่ามาขอเงินคนอื่นทั่วไป
ข้อความข้างล่างแค่อยากเขียนไม่เกี่ยวกับกระทู้นะค่ะ
" มนุษษย์เราเมื่อถึงคราวที่สุดอับจนของชีวิต ก็ย่อมดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด เพียงแต่ แต่ละคนจะคำนึงไหมว่าทางที่เลือกมันผิดต่อจิตสำนึกตัวเองไหม หรือเพียงเพื่อความอยู่รอดของตนแล้ว ไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใด ไม่ต้องนึกถึงคนอื่น "
โหป้า อ่านความคิดเห็นที่1แล้วสงสัยเลยว่า ตรงลง สงสารคนหรือหมา กันแน่5555555
**เกี่ยวกับขอทานในสวิตฯก่อน**
คนขอทานที่เราเห็นจะมีทั้งคนสวิสและคนต่างด้าว
ที่เข้ามาและมาขอทานบางทีเราจะเห็นแม่นำลูกมานั่งด้วยซึ่งเคยมีคน
ร้องเรียนและตำรวจมาจัดการไปแล้ว
คนต่างด้าวที่เห็นจะเป็นคนยุโรปตะวันออก
หลังจากนั้นไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้อีกเลย
คิดว่าทางโซเชี่ยวคงยื่นมือเข้ามาช่วยไปแล้ว
เพราะเกี่ยวกับการนำเด็กมาทำแบบนี้ซึ่งที่นี่เข้มงวดมาก
พูดถึงขอทานยอมรับโดยส่วนตัวว่าไม่เคยให้เงินคนเหล่านี้
การแบมือขอเงินเป็นการลงทุนที่ง่ายที่สุด
ไม่ต้องทำงานเหนื่อย และได้เงินมากด้วย
แต่ละวันเป็นจำนวนที่สูงมาก ดังนั้นการมาเป็นขอทาน
จึงเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด และการให้เงินคนเหล่านี้เป็นการสอนให้
เป็นคนเห็นแก่ตัวและไม่สู้ชีวิตงอมืองอเท้าไม่ยอมทำงาน
ว่าไปแล้วตำรวจก็กวดขันเกี่ยวกับการมานั่งขอทานเหมือนกันนะ
แต่ก็ยอมให้มานั่งขอทานแบบนี้
ขอทานที่นี่ก็มีการแย่งที่นั่งขอทานกันนะเคยเห็นทะเลาะกันมาแล้ว
และขอทานที่เห็นยังอายุไม่มากและส่วนมากจะเป็นพวกติดยาเสพติด
บางกลุ่มติดAlkohol ติดเอสด์
สำหรับการไปขอความช่วยเหลือจากSozialไม่ใช่ว่าจะได้กันทุกคนนะ
มีการตรวจสอบละเอียดมากตรวจถึงพ่อแม่ญาติพี่น้อง
ถ้าพ่อแม่พี่น้องมีรายได้ดีเขาจะให้เป็นหน้าที่ของครอบครัวดูแลเอง
ถึงแม้อายุจะ18ครบบรรลุนิติภาวะแล้ว
แต่ตราบใดที่อายุยังไม่ถึง30ยังตอ้งเกี่ยวข้องกับรายได้ของพ่อแม่
(ข้อนี้รู้ดีเพราะได้จากลูกชายตัวเอง...ใครห้ามมาเถียง...ว่าไม่จริง
เพราะทะเลาะกับSozialและการให้ความช่วยเหลิอจากรัฐด้านอื่นๆมาแล้ว)
และการไปขอรับเงินจากSozialเขาตรวจละอียดมาก
เหมือนเขาให้เราแก้ผ้าตรวจเลย....ตรวจทุกอย่าง
โชคช่วยที่ไม่ได้มาแก้ผ้าลุงตรวจ....ไปด้วยไม่งั้นคนตรวจตากุ้งยิงแน่ๆๆ
คนเหล่านี้เป็นกลุ่มมีปัญหาหางานไม่ได้หรือตกงาน
การหางานทำสมัยนี้ยากมากขนาดล้างส้วมยังแย่งกันทำงานเลย
เมื่อหางานทำไม่ได้ตัวเองกำลังจะอดตายไม่มีที่อยู่
ไปขอรับเงินจากSozialก็ไม่ใช่ว่าได้มาง่ายๆ
ได้เงินเขามาแล้วก็ต้องอยู่ในความควบคุมดังนั้น
ป้าเชื่อเลยว่าทำไมคนสวิสถึงไม่ยอมไปขอรับความช่วยเหลือกันเท่าไร
ดังนั้นการมานั่งขอทานจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
**สรุปเกี่ยวกับขอทาน**
กลุ่มนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าไปขอเงินจากSozial
ซึ่งไม่ใช่ว่าSozialช่วยทุกคนอย่างที่บอกมา
หรือSozialช่วยมาบ้างแต่เงินไม่พอใช้เพราะ
นำไปจ่ายอย่างอื่นที่ไม่เป็นประโยชน์
และSozialไม่รู้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง(แค่คิดเองนะไม่เคยคุยกับกลุ่มนี้)
และคนกลุ่มนี้ไม่มีเงินประกันสังคมเงินคนแก่(อายุยังไม่ถึงกำหนด65ปี)
จึงไปขอรับไม่ได้เพราะยังไม่แก่
และเงินคนตกงานก็ไปขอไม่ได้เพราะไม่ไปทำงานตามกำหนดที่เขาตั้งไว้
และอีกย่างป้าคิดว่าการเป็นขอทานได้เงินมาง่าย
ไม่ต้องทำงานหนักให้เหนื่อย เคยมีคนสอบถามขอทานมาแล้ว
ว่าขอทานถัวเฉลี่ยได้วันละเท่าไร
คำตอบคือแล้วแต่เทศกาลและอารมณ์คนแต่ได้ไม่ต่ำกว่า100ต่อวัน
ลืมบอกไปว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้ไม่มีความอายเท่าไร
ถ้าอายคงไม่มานั่งขอทานหรอก
แลเงินที่ได้มามากพอประมาณ
***สาเหตุความยากจนถ้าเราจะพูดกันจริงๆมีหลายสาเหตุ**
1.เกี่ยวกับการตกงาน
อย่าลืมว่าคนตกงานไปปั๊มแสตมป์คนตกงานได้ไม่นานนะ
พอหมดเขตที่เขากำหนดมาก็ไปปั๊มรับเงินคนตกงานต่อไม่ได้แล้ว
หลังจากนั้นก็ต้องหางานทำต่อถ้ายังไม่ได้ก็หมายถึงต้องกินเงินเก่า
ไปเรื่อยๆและระหว่างที่หางานและกินของเก่า
จะไปขอรับเงินจากSozialไม่ได้ถ้าตราบใดที่ยังมีเงินและสมบัติ
อยู่ และการเข้าไปรับเงินช่วยเหลือจากSozialบอกไงว่าไม่ใช่ได้มาง่ายๆ
ต้องมีการตรวจสอบ
และคนกลุ่มนี้ถ้าไม่เดือดร้อนมากจริงๆถ้ามีครอบครัวจะไม่ไปยื่น
ขอรับความช่วยเหลือจากSozial
ถ้าคนที่ยังโสดไม่มีภาระก็จะคิดว่าปากเดียวท้องเดียว
นอนที่ไหนใต้สะพานก็ทำได้และเดินหางานทำใหม่จนกว่าจะได้
2.กลุ่มพวกคนแก่หรือคนIV
ได้เงินประกันสังคมRenteAHVและIVน้อยมากไม่พอค่าครองชีพ
บอกก่อนว่าเงินคนแก่ได้น้อยมาก
อย่างลุงได้รับเงินคนแก่แค่1000กว่าเองและไม่มีเงิน Pensionskasse เพราะทำงานส่วนตัว
โชคดีที่ลุงยังทำงานได้อยู่จึงไม่เดือดร้อน
ถ้าไม่ทำงานอดตายแน่ๆ
จะไปขอรับเงินELจากรัฐก็ไมได้
ตราบใดที่ลุงยังไม่ใช้เงินไม่หมดจากธนาคาร
ดังนั้นเรียกว่าลุงเป็นคนแก่ที่ยากจนคนหนึ่งถ้าไม่ทำงานอยู่
หรือแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกตามลำพัง
ได้รับเงินช่วยเหลือจากSozialไม่พอกับค่าใช้จ่าย
ต้องอยู่อย่างมัธยัสถ์และท้องกิ่ว
3.ค่าครองชีพที่สูงมาก ค่าประกันเจ็บป่วย
และอีกหลายสาเหตุที่ทำให้คนที่นี่ต้องต่อสู้กับการใช้จ่าย
ซึ่งทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บ
และการใช้จ่ายในครอบครัวต่ำกว่ามาตราฐานของคนทั่วๆไป
ต้องยื่นมือไปขอรับความช่วยเหลือจากรัฐ
4.เรื่องหนี้สินที่สร้างขึ้นมา
ถ้าจะพูดกันแล้วคนที่อยู่ที่นี่จะต้องพยายามช่วยตัวเองด้วย
สังคมคนที่ที่ถึงจะมีพี่น้องพ่อแม่แต่ถ้าพูดตามความเป็นจริง
ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกันหรอกนะทุกคนที่ประสบปัญหา
ต้องดูแลช่วยเหลือตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีปัญหาใดๆ
การวิ่งไปขอความช่วยเหลือด้านเงินทองหรือด้านอื่นๆ
มีส่วนน้อยที่คนในครอบครัว
จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกัน อาจจะมีบางครอบครัว
ที่ใกล้ชิดและช่วยเหลือกันบ้างแต่ไม่ได้ทุ่มเทแบบครอบครัวไทยเรา
คนที่อยู่ที่นี่จะเข้าใจที่ป้าพูดดี บางครั้งการออกความเห็น
ที่เป็นความจริงคนเรารับกันไม่ได้
**เงินที่ถามมา**
เงินAHV หรือPensionskasse
ถ้ายังไม่ครบกำหนดไม่สามารถไปรับเงินส่วนนี้ได้
**อาหารและความช่วยเหลือ**
จะมีกลุ่มของคริสตจักรและกลุ่มอื่นๆ
และคนที่มีจิตใจเป็นกุศล
จะทำอาหารแจกฟรี
ให้คนไม่มีที่อยู่ คนมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดหรือติดเหล้า
หรือกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือ
เพียงแต่คนจะรู้หรือไม่เท่านั้น
หวังว่าคงพอเข้าใจนะจ๊ะ...ตอบจนเหนื่อย
อยากตอบมากกว่านี้แต่จะกลายเป็นปัญหาทางด้านการเมืองไปจ้า
คนสวิตฯ รักสัตว์จริงๆด้วยล่ะค่ะ เกตุเคยหาห้องอยู่นะคะ เขาบอกว่ามี
แมวยังดีกว่ามีเด็กอ่ะ คิดดูดิ รักเกินไปป่าวเด๋วคลอดลูกเป็นแมวเลยเน๊