(https://www.pallswiss.com/images/old_board/104118-080515-Clipboard09.jpg)
ช่วงนี้ป้าจะผลุบๆโผล่ๆไม่สามารถเข้ามาเขียนเล่าอะไร ให้ฟังทุกวันเหมือนสมัยก่อนแต่ละวันจะยุ่งและวุ่นวายมาก
เมื่อวานก่อนเก็บ VDO เข้ากล่องแล้วต้องนั่งตาลอย ไม่คิดว่าจะอัดหนังไว้มากมายถึงขนาดนี้
และแต่ละม้วนที่ซื้อมาแพงมากคิดเป็นเงินแล้วเสียดายมาก ในความบ้าอัดหนังของตัวเอง
สมัยก่อนที่ป้ายังเล่นคอมไม่เป็น ป้าบ้าดูหนังมาก ขนาดมีแค่4ช่องนะยังบ้าดูถึงตี4ตี5และภาพหนัง
ก็แบบโลคอลิตี้มาก(ขอเว่อร์สักวัน) เรียกว่าจมูกกับตาแทบจะมารวมกันเลยเวลาฝนตกฟ้าร้อง
ธรรมดาคนสวิสและคนไทยที่นี่ทุกคนได้ดูหนัง เป็นร้อยช่องจนเลือกไม่ถูกว่าจะดูช่องไหน
เรียกว่าผัวเมียจะตีกันตายก็เพราะทีวี ของป้าแค่4ช่องแค่นี้ลุงแทบจะแกะออกจากโซฟาเลย
แกจะด่ามาก ด่าจนหูชา..ช่วงที่เดินเขากับแกตาป้าดำเลยเพราะอดนอนมาก
ป้าชอบพวกของเก่าๆมากยิ่งบ้านชาวนาชอบมาก หนังเก่าๆของสวิสนี่จะชอบอัดและเก็บไว้
ป้าคิดว่าคงเป็นเพราะความผูกพันเก่าๆ สมัยตอนป้ายังเป็นเด็กแต่โตมากแล้วยังจำความได้ทุกอย่าง
แม่ได้ขายทุกอย่างและหอบลูกเต้าไปอยู่ที่พิษณุโลก เมื่อสมัยร่วม50ปีที่ผ่านมาพิษณุโลกยังไม่ใหญ่โตเหมือนสมัยนี้
แกได้ทำกิจการตั้งบริษัทเกี่ยวกับหนังใหญ่โตมาก ช่วงนั้นมีคู่แข่งกันคือของพยงค์ภาพยนตร์
และบริษัทของแม่แกชื่อมุนินทร์ภาพยนตร์ บริษัทจำหน่ายหนังของแม่แกใหญ่มากวิ่งรอกทุกวัน
หนังสมัยนั้นเป็นหนัง16 มม.และเครื่องฉายหนังแกมีอยู่แค่3เครื่อง คนบ้านนอกชอบมากถ้ามีงานอะไรจะปิดถนนขึงจอผ้าขาวใหญ่ คนเอาเสื่อมาจองกันตั้งแต่หัววันเลย กว่าหนังจะได้ฉายคนดูแทบจะตีกันตายเพราะแย่งที่กัน
ขนมนี่ขายดีมาก พวกอ้อยควั่น ถั่วคั่ว...พูดถึงถั่วลิสงคั่วสมัยก่อนอร่อยมาก เขาเอามาคั่วทั้งเปลือกและใส่ทรายคั่ว
คนซื้อกินพอหมดก็ส่งกลิ่นทำลายบรรยากาศการดูหนังมาก ชีวิตช่วงนั้นสนุกมาก เครื่องฉายหนัง16มม
จะฉายไม่นานจะต้องหยุดพักเครื่องเพราะร้อนจัด ป้าและคนอื่นจะต้องช่วยเอาพัดลมเล็กๆพัดและเอาพัดจากมือเราช่วย
ถ้าขืนฉายต่อหนังจะยืดและขาด ตอนหนังขาดช่วงกำลังมันส์ๆคนจะด่าแล้ว
ป้าคิดว่าคงจะจำส.อาสนจินดากันได้ แม่แกสร้างหนังสี่ตะลุมบอน ดังมากหนังเรื่องนี้
ส.อาสนจินดา แสดงเป็นจ่าดับจำเปาะเอาเชือกกล้วยผูกกางเกง
ช่วงที่หยุดเครื่องพักให้หายร้อน คนจะไปหาของกินและเด็กๆจะวิ่งเล่นกันสนุกมาก ว่าไปกิจการหนังสมัยก่อนทำรายได้ดีมาก
เพราะถ้าไม่ใช่หนังฟรีเราจะกั้นเอาผ้ามาขึงเสียสูงล้อมรอบ กันไม่ให้คนเห็นและเก็บเงินคนละบาท
เงินบาทสมัยก่อน( เมื่อ50 ปีที่ผ่านมา)มากนะขอบอก พ่อของป้าแกเป็นตำรวจได้เงินเดือนแค่เดือนละ 60 บาท
และตำรวจสมัยก่อนขี่ม้าเครื่องแบบเท่ห์มาก บางคนคงเคยเห็นแบบชายกางเกงขาพองตรงหน้าแข้ง
ขากางเกงจะรัดใส่รองเท้าบูท คนสมัยก่อนไม่ว่าผู้ชายผู้หญิงชอบกินหมากกันมาก
พ่อป้าก็กินหมากแต่แม่ไม่กิน ป้าเคยแอบกินหมาก ถึงกับโดนยันเลย
คำว่ายันหมากนี่แรงมากตาลายหัวหมุนติ้วเลย ลิ้นแข็งคับปากเลยหลังจากนั้นไม่กล้ากินเลยแต่ป้าชอบทำหมากให้พ่อกิน
การทำหมากต้องมีศิลปะนะไม่ใช่ป้ายซี้ซั้ว พวกปูนแดงที่กินกับหมากจะมีเครื่องผสมเข้าช่วยและก่อนจะเอามาใช้
จะต้องป้ายและกวนแล้วกวนอีกจนเครื่องเข้ากัน หมากก็จะต้องปาดฝานให้ได้สัดส่วน
พลูก็จะต้องดึงปลายออกยุ่งยากมาก พอป้ายเสร็จก็จะม้วนห่อเอาด้ายผูกไม่ให้หลุดลุ่ย
และจะมีเส้นยา(ป้าชักลืมชื่อไปแล้ว) ที่เขาใช้ขัดฟันให้ขาว ป้าจะต้องแยกห่อให้พ่อ...ชอบมากเลย
พูดถึงหนังกลายเป็นเรื่องกินหมากไปได้
ชีวิตช่วงเป็นเด็กสนุกมากมีหลายรสชาติ ถ้าไม่เบื่อจะมาเล่าให้ฟังว่าชีวิตเด็ก รุ่น50ปีที่แล้วเราผ่านอะไรมาบ้าง
เด็กรุ่นใหม่จะไม่รู้จักและไม่เข้าใจแน่ๆ ชีวิตป้าตอนเป็นเด็กไม่โลดโผนแต่เหมือนลูกข่าง
ชีวิตนี้คือการต่อสู้......การต่อสู้ทำให้เราเข้มแข็ง... ไม่ยอมแพ้กับปัญหาที่เกิดขึ้น...........
ประสบการณ์ทำให้เราอดทน..... เงินทำให้คนลืมตัว.......เงินทำให้คนลืมความเป็นพี่น้อง........
เงินสามารถซื้อหัวใจคนได้ทุกอย่าง......เพราะเงินตัวเดียว.........ที่ทำให้ชีวิตหักเหจากหน้ามือเป็นหลังมือ...
กิจการของแม่ที่กำลังรุ่งเรือง.... โดนหักหลังและคนที่หักหลังคืออา......น้องชายแท้ๆของพ่อ
ยังจำได้ว่า.......วันนั้น....แม่ไม่มีเงินสักสลึงเดียว อาขนไปหมดเพราะแม่ไว้ใจให้อาถือกุญแจ
สามารถเอาเงินไปใช้ได้ตามชอบใจ วันนั้นป้าต้องไปขอข้าวสารคนข้างบ้านมาได้ครึ่งกระป๋อง
เราเอามาต้มข้าวต้มกินกับน้ำปลา.......ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้........เราไม่เคยขอข้าวใครกินอีกเลย..........
เราจะยอมเป็นราชสีห์ดีกว่าเป็นหมาให้คนเวทนา.... เราต้องหยิ่งในศักดิ์ศรีและคุณค่าของความเป็นคน...
.........................................................................
พรุ่งนี้จะมาเล่าถึงหนังสวิสเก่า
** Uli der Knecht **
**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0150 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
** Uli der Knecht **
ลืมบอกไปว่าหนังสวิสเรื่องนี้เป็นหนังที่คนสวิสเก่าๆชอบดูกันมาก ลุงแกดูทีไรจะนั่งน้ำตาไหล...
หนังเรื่องนี้มี2ตอนด้วยกัน
A. **ตอนแรกหนังชื่อ Uli der Knecht **
สร้างปี1954
B. **ตอนสองหนังชื่อ Uli der Pächter **
สร้างปี 1955
หนังทั้งสองตอนเป็นหนังขาวดำ เนื้อเรื่องจะมีหลายรสและทำให้เราได้รู้ถึงการใช้ชีวิต และคนสวิสสมัยเก่า
ป้าจ๋าเรื่องหนังๆเนี่ยนี่นะชอบมาก โดยเฉพาะหนังเก่าของฮอลลีวู้ด แต่หนังของสวิสไม่เคยดูค่ะ
โห..นี่ถ้าแม่ของป้าไม่โดนอาโกงไป ป่านนี้คงรวยน่าดูแล้วนะคะ นี่นะจำได้ว่า อ่านหนังสือของทักษิณเล่าถึงชีวิตตัวเอง ก็เริ่มจากการจับธุรกิจบันเทิงนี่แหละ นำหนังมาฉาย จากนั้นก็พัฒนาไต่เต้าเป็นผู้สร้าง โดยเป็นนายทุนให้กับเรื่อง บ้านทรายทอง ฉบับจารุณีเล่นนั่นแหละค่ะ แกได้รายได้มหาศาลเลยจากเรื่องนั้น
ติดตามอ่านงานป้าสนุกดีนะคะ คุยเรื่องหนังเยอะๆ โดยเฉพาะหนังสวิส นี่นะไม่มีความรู้เลยค่ะ อยากรู้ว่าเป็นไง ...
******* อ้อ ป้าจ๋าลืมบอกไปค่ะ นี่นะอ่านข่าววันนี้ ว่าประเทศที่ให้ค่าเงินสูงกว่าค่าเงินดอลล่าร์ที่สุดในโลก คือ ประเทศสวิสค่ะ สูงกว่าหลายเท่านัก ส่วนเมืองไทยก็ต่ำกว่าเกินจริงค่ะ ***************
** ชีวิตมนุษย์ไปตามกฏแห่งกรรม
ไม่มีใครหลีกเลี่ยงพ้น**
ช่วงนั้นแม่ของป้ายังทำใจไม่ได้รู้สึกเครียดแค้นมาก
และคนข้างบ้านเขารู้เรื่องนี้โดยบังเอิญก่อนจะเกิดเรื่อง
แต่เขาไม่กล้าบอกแม่.....ถ้าเราคิดตามหลักความจริง
เป็นเราก็ไม่กล้าบอก....การพูดเล่าอะไรถ้าคนฟังไม่เชื่อ
เราคือหมาตัวหนึ่ง.......และยิ่งเป็นพี่น้องคลานตามกันมาด้วย
อีกอย่างอาเขาแสดงท่าออกให้เชื่อว่าเป็นนคนดีมากด้วย
หลังจากเกิดเรื่อง...คนข้างบ้านที่ได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
เขาบอกว่าแอบได้ยินโดยบังเอิญอาผู้หญิงที่เป็นเมีย
ได้ยุให้อาเอาเงินไปให้หมด.....มัวมาเป็นแต่ขี้ข้าแบมือขอเงิน
จากแม่เมื่อไรจะรวย.....อาผู้ชายเชื่อเมียเลยทำตาม
อาแกหอบเงินไปหมดลิ้นชัก(เก๊ะ)และเอาเครื่องฉายหนังไปหมด
เครื่องฉายหนัง16 มม.ราคาแพงมาก
เมื่อหมดที่ทำมาหากินแม่เริ่มแย่.....งานที่รับเขามา
ต้องคืนเงินเขา.....ไม่ว่างานบวชนาค....
งานอะไรที่รับเขาไว้เราคิดเป็นราคา......ถ้าเรื่องเดียวจะแพง
แต่ถ้าควบฉาย2เรื่องจะลดราคาลงมาหน่อย
และแล้วแต่หนังใหม่ด้วย.......
ตอนนั้นการฉายหนังเราใช้มอร์เตอร์ไซด์วิ่งรอกเอา
ทางสมัยก่อนกันดารมาก...และวิ่งจากพิษณุโลก-พิจิตร
และสายทางเหนือ...ใครมีรถมอร์เตอไซด์สมัยก่อน
จัดว่ารวยมาก...
แม่ต้องขายสมบัติคืนเงินเขาและ*้เงินเขามาใช้หนี้
เพราะอาเอาไปหมด....แม่ไปแจ้งความอายัดของ
ตอนนั้นดังมากเรื่องนี้ลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐด้วย
ร่วมปีที่เราอยู่กันแบบเทวดาตกสวรรค์
ตำรวจจับอาได้..ของที่ได้คืนมาคือเครื่องฉายหนัง
16มม.ที่อยู่ในสภาพย่ำแย่......และอาผู้หญิง......
กรรมตามทัน....เป็นมะเร็งมดลูกตาย.....ต่อมา.
ทั้งสองกราบเท้าแม่ขอให้ยกโทษ.............
ชีวิตมนุษย์มีอยู่แค่นี้เอง...................
เราทุกคนเหมือนตัวละคร.....
ที่ต้องรับบทบาท.....กฎแห่งกรรมกันอยู่.....
อย่าประมาท........วันนี้ล้มแต่วันหน้าจะเป็นของเรา...
นี่นะลองอ่านดูLink ที่ป้าให้มาน่าสนใจมากเลย
อ่านดูจะรู้ว่าทำไมค่าของเงินสวิสถึงมีค่ามาก
http://www.snb.ch/e/welt/index.html
ป้าชอบดูหนังเก่าๆมากไม่ว่าหนังของใคร
อย่างหนังไทยยังจำหนังไทยและดารารุ่นเก่าได้ดี
สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ดังมากยิ่งแสดงเรื่ององคลิมาลดังสุดขีด
ชนะ ศรีอุบลโอ๊ยหนังเรื่องชั่วฟ้าดินสลาย
คนดูน้ำตาท่วมจอ หนังจำปูนนี่จ้างดาราฮ่องกง
มาแสดงรู้สึกจะเป็นหนังเรื่องแรกและฮือฮามาก
ที่แสดงบทโป้ตอนโดนจระเข้คาบกิน
แต่ช่วงที่ป้ายังเป็นเด็ก....ละครร้องดังมาก
คนชอบดูมากกว่าดูหนัง......เวลามาแสดงคนดูตรึมเลย
ที่คนดูรอ้งไห้คือเรื่องสาวเครือฟ้า พระเอกเป็นผู้หญิง
เหมือนผู้ชายมาก และตอนนั้นคนไม่ยอมรับนะเรื่อง
การผิดเพศแบบนี้ แต่สาวๆนอนฝันถึงพระเอกของเรื่องเลย
หล่อมากกกกกกกกก..............ผู้ชายแท้ๆสู้ไม่ได้....
หนังสวิสเก่าและหนังเยอรมันเก่า....ป้าชอบมาก
เเสดงให้เห็นการใช้ชีวิตของคนที่อยู่
และดาราแสดงจะแสดงด้วยกัน
บางคนอาจจะไม่ชอบหนังเก่า
ป้า เท่าที่อ่านดูนิดว่า ชีวิตน่าเอามาสร้างหนังเลยนะป้า รับรอง คนดูน้ำตานองยิ่งกว่าสาวเครือฟ้า
มาติดตามอ่านค่ะป้า เล่าเรื่องน่าติดตามมั่กๆ แหะๆๆ อยากรู้เรื่องชีวิต
ป้าที่ต้องจากบ้านจากเมืองมาสวิตฯมั้งจังเลย เพราะป้ามาอยู่นาน
ม๊ากกกกกกกกกก ถ้าป้าพอจะเล่าได้ก็อยากอ่านค่ะ ถ้าเล่าไม่ได้ก็ไม่
เป็นรัยคะ และขอโทษด้วยนะคะอาจจะเหมือนสอดรู้สอดเห็นมากไป
โหน่ย อิ อิ อิ
สวัสดีจ๊ะเกตุ
อ่านชีวิตป้าแล้วระวังน้ำลายไหลรดคอมนะจะบอกให้
ชีวิตน้ำเน่ามั่กๆๆ