พอดีกำลังคิดนะค่ะ แค่กำลังคิด เรืองการซื้อบ้านหรืออพาทเมนท์ค่ะ แต่ก็มาฉุกคิดได้ว่า คนสวิสถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่ซื้อบ้านแต่จะเช่าบ้านอยู่กัน ทำไมหละค่ะ ....
การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสวิสมีขั้นตอนยังไงบ้างค่ะ ยุ่งยากไหม เพื่อนคนไหนที่ซื้อบ้านแล้ว หรือกำลังจะซื้อช่วยแนะนำ หรือบอกข้อมูลหน่อยค่ะ
**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0067 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/103122-105741-Haus%20Auto2.jpg)
ไม่รู้เรื่อง และอยากรู้เรื่อง เช่นกันค่ะ....แฮ่ะๆ
ตอนนี้ก็เช่าบ้านหลังนี้อยู่ค่ะ บ้านบนเขาไม่แพงนะพี่วนา......คิดอย่างเปลี่ยนใจมาเป็นชาวเขากับแจงบ้าง...........เอาป่าว........หะหะ
หวัดดีค่ะคุณวนาลี ไม่ทราบเรื่องนี้เหมือนกันนะคะ เดี๋ยวรอป้ามาตอบดีกว่านะคะ
น้องแจง ป้าพร อยากไป เช่าอยู่ แบบนั้นบ้างจังเลยหละจ๊ะ ดู แล้ว
หน้าร้อน วิว จะสวยสุด สุด เลย
ป้าพร ก็รอ ป้าจ๋า มา เล่าให้พวกเราฟังเหมือนกันจ๊ะ
บ้านแจงน่าอยู่จังเลย เป็นชาวเขาแบบแจงไม่เอาจ๊ะขับรถไม่เป็น
กลัวอดตายจ๊ะเพราะกว่าจะกระงอกกระแงกลงจากเขา
ได้สงสัยลมจับก่อน
บ้านแจงที่อยู่นี่แจงน่าซื้อไว้นะ
ชาดำเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ?คิดถึงจ๊ะ
น้องพร ย้ายบ้านมาอยู่สวิตฯดีกว่านะบ้านเรามีวิวสวย
เต็มไปหมด
วนาลีซื้อบ้านเมื่อไรจะไปล้มทับ
เรื่องการซื้อบ้านมาไว้เป็นของตัวเราเองนี้ใครๆก็อยาก
ทำกันทุกคน แต่การซื้อบ้านที่สวิตฯนี่ต้องคิดหนักมากหน่อย
เพราะการซื้อบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ค่าใช้จ่ายนี่
เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก คนมีบ้านเองถึงจะเข้าใจ
ว่าค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา ค่าซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ(แพงมาก)
ถ้าเป็นบ้านใหม่ก็พอจะโอเค แต่ถ้าเป็นบ้านเก่าแย่หน่อย
บอกก่อนว่าค่าคนทำหลังคาเขาคิดค่าทำงานต่อชม.ร่วม
100 สวิสฟรังก์ เขาจะคิดค่าระยะทางเดินทางมาทำงาน
ไปกลับ คิดค่าอุปกรณ์ที่ใช้(ไม่รวมของที่ซ่อมให้เรา)
ค่าทำสวนนี่แพงหูฉี่ ไฟฟ้าขัดข้อง คนมาทำเขาคิดต่อ
ชั่วโมงตกร่วม 100สวิสฟรังก์ ค่าน้ำมันที่ใช้ตอนหน้าหนาว
สำหรับทำความร้อน............ฯลฯ
** ส่วนดีของคนเช่าบ้าน **
แต่ถ้าเราเช่าบ้านเขาอยู่เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
แค่จ่ายค่าเช่าซึ่งบวกรวม ค่าใช้จ่ายอื่นๆไปแล้ว
เราไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเลย ของใช้เสียหายหรือเกิดอะไรขึ้น
เจ้าของบ้านจะต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เราแค่แจ้งให้เขา
รับรู้เท่านั้น
**ส่วนไม่ดี**
คนเช่าบ้านอยู่จะมีความรู้สึกไม่เป็นอิสระ
ต้องระมัดระวังอยู่กับส่วนรวมกับครอบครัวอื่นๆ
ถ้าเช่าบ้านเป็นหลังเองแบบเเจง ไม่มีปัญหาอะไร
ต่อ
*** การซื้อบ้านเองเราต้องถามตัวเองว่าพร้อมไหม? ***
1.ก่อนอื่นเราต้องมีเงินก้อนสำหรับจ่ายวาง EK(Eigenkapital)
อยู่ที่การตกลงกับคนขาย บางแห่งวางแค่ 10%บางแห่ง 15%บางแห่ง 20%เอาแน่ไม่ได้ อยู่ที่เราทำการตกลงกับคนขาย
หรือเราจะจ่ายมากกว่าที่เขาตั้งไว้ก็ได้ถ้าเรามีเงินพอ และดีสำหรับการส่งดอกเบี้ยธนาคารในอนาคตคือส่งน้อยลง
ยกตัวอย่างง่ายๆบ้านราคาCHF 400,000 ถ้าเขาคิด EK
จำนวน 20% เราต้องวางเงินจำนวน CHF 80,000ให้คนขาย
และหักออกจากจำนวนราคาที่เขาบอกขาย
ราคาเรื่องการซื้อบ้านที่Switzerland ไม่เหมือนกับการซื้อบ้าน
ที่เมืองไทยที่ส่งแต่ละเดือนจนหมดหนี้สิน ของ Switzerland
การซื้อบ้าน ครั้งแรกการวาง EKแล้วแต่บ้านออก ซึ่งจะเหลือ
หนี้จำนวน CHF 320,000 หนี้จำนวนนี้เราไปขอ*้จากธนาคาร การคิดดอกเบี้ยของธนาคารแต่ละแห่งจะคิดดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ช่วงนี้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกหลาย%
ทางธนาคารจะดูจำนวนเงินที่เรา*้ สภาพบ้านและดูอาชีพและความมั่นคงของคน*้ด้วย บางธนาคารเขี้ยวมากถามจนเราไม่เหลือ
แม้แต่กางเกงใน บางธนาคารจะแอบสืบข้องมูลเรามาด้วย
** เมื่อธนาคารตกลงจะออกเงิน*้ให้เราเขาจะคิด **
1.Portfolio-Hypothek
(ดอกเบี้ยจะคนละราคากับอีกแบบ) เป็นกฎของธนาคารทุกแห่ง
ในสวิตฯที่จะให้เงินก้อนนี้ซึ่งแล้วแต่ยอดเงิน*้
ซึ่งเราสารมารถจ่ายจนหมดหนี้สินกันไปเลยไม่ต้อง
มา*้จนตลอดชีวิตยกตัวอย่างถ้าเรา*้เงิน
CHF 320,000 จากธนาคาร
ธนาคารเขาให้จะให้เราส่ง CHF17,000 และดอกเบี้ย 4.53%
(แล้วแต่ธนาคาร) เราต้องส่งเงินไปทุกเดือนพร้อมทั้งดอกเบี้ย
และการส่งจะน้อยลงไปเรื่อยๆจนหมดหนี้ ส่งแบบนี้ถ้าเราจ่ายหมดแล้วหมดหนี้สินไปเลย
2.Festhypothek
อยู่ที่การทำสัญญาของเราว่าทำกับธนาคารกี่ปี ถ้าทำ 5 ปี ถ้าดอกเบี้ยเพิ่มเราโชคดีจ่ายเท่าเดิม แต่ถ้าดอกเบี้ยลดลง เราขาดทุน
เงินที่*้มาCHF 320,000 หัก CHF 17,000 ออกจะเหลือ
CHF 303,000 เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่เราจะต้องส่ง
เป็นดอกเบี้ยให้ธนาคารจนตาย บ้านไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา
แต่ถ้าเราขายบ้านเราถึงจะได้ เงินที่วาง EK 20%
ที่เราจ่ายคืนมา แต่ถ้าราคาบ้านตกเราขายลดราคาไป
เราก็ขาดทุน แต่ถ้าเราขายราคาเพิ่มขึ้นเราจะได้เพิ่มนิดหน่อย
3. Amortissation ธนาคารคิด 1%(แล้วแต่ธนาคาร)
ของเงินที่เรา*้ธนาคารต่อปี ธนาคารจะให้เราจ่าย 4 ครั้ง(ทุก 3 เดือน) เงินส่วนนี้นำไปลดหย่อนภาษีไม่ได้ เหตุที่เราต้องจ่ายเพราะบ้านเราเริ่มเก่าลงราคาน้อยลง เหมือนรถที่ซื้อมาราคาเริ่มตก
แต่ถ้าเราซ่อมแซมหรือสร้างอะไรเพิ่มเติมในบ้าน
*้เงินธนาคารใหม่ Amortissation เราไม่ต้องเสียอีกต่อไป
จนกว่าธนาคารจะบอกเราใหม่ว่าจะคิด Amortissation อีกเมื่อไร
การซื้อบ้านยังไม่จบ เมื่อเรา*้ธนาคารได้แล้วเราจะต้องมี
Notariat (หรือทนาย)ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องผ่านบุคคลนี้
จึงจะซื้อขายกันได้ Notariat จะคิดค่าทำงาน AKTEN
แล้วแต่ของราคาบ้านที่ซื้อขายกัน เมื่อตกลงกันได้แล้วลงชื่อพร้อมกัน การซื้อขายจึงสมบูรณ์ Notariat จะทำเรื่องส่งไปยังเขตที่อยู่
เพื่อแจ้งเรื่องการซื้อขายบ้านเพื่อการคิดภาษีบ้าน
การทำงานของNotariat แพงมาก การซื้อบ้าน
เราต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าหมื่นสวิสฟรังก์ขึ้นไป
แต่ถ้าเรามีพี่น้องทำงานแบบนี้ก็ทุ่นไปได้มาก
การซื้อบ้านไม่มีใครจ่ายเงินสดเพราะถ้าเราเป็นหนี้ธนาคาร เราสามารถลดหย่อนภาษีได้ และการเช่าบ้านหรือเช่าWohnung
แล้วแต่เจ้าของบางแห่งก็หยวนๆกันได้บางแห่งก็เขี้ยวมาก
ถ้าดอกเบี้ยธนาคารเพิ่มขึ้น เจ้าของบางแห่ง
จะขยับราคาเช่าสูงขึ้น บางแห่งอาจจะเท่าเดิม
เพราะคิดNK เอาไว้มากแล้ว แต่ถ้าดอกเบี้ยธนาคารลดลง
เขาก็ลดราคาค่าเช่าให้ บางแห่งจะถือโอกาสไม่ลดให้เรา
ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องยื่นเรื่องขอเงินคืน
การซื้อบ้านเหมาะสำหรับคนมีลูกที่ยังเล็กอยู่ แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก
ไม่ว่าอะไรทุกอย่าง เราต้องออกเองหมดคนเดียว
ดีตรงที่เป็นอิสระเท่านั้น แต่ถ้าคิดถึง NK (รวมทุกอย่าง)
แล้วหน้ามืดมาก
แต่ถ้าแก่แบบป้า หรือคนแก่ที่ลูกเต้าไม่อยู่ด้วยซื้อWohnung
ดีที่สุดและต้องดูว่าไกลจากชุมนุมชนไหม ถ้าแก่เดินกระโดกกระเดกกว่าจะซื้อของได้เป็นลมคาร้านเสียก่อนอย่าเอา ภาษีบ้านแล้วแต่เขตที่อยู่บางแห่งจะถูกมาก บางแห่งจะแพงแล้วแต่รัฐที่อยู่
รอให้คนที่เขาซื้อบ้านคนอื่นๆมาตอบด้วย
จะดีกว่า คนที่เขาซื้อบ้านคนอื่นอาจจะรู้ดีกว่าป้า
มานั่งฟังป้าเล่าเรื่องซื้อบ้านแล้วพลอยหน้ามืดแทนคนซื้อบ้านค่ะ
เพราะมันมีรายจ่ายเยอะแยะไปหมด
ชาดำไม่ชอบพูดถึงรายจ่ายค่ะ อิอิ
อื่ม ฟังป้าจ๋าเล่าเรื่องซื้อบ้าน ชาตินี้ คงอยู่บ้านเช่าไปตลอดชาติ จ๊ะ ป้าจ๋า เพราะเดี๊ยวแก่แล้ว ก็ต้องย้ายไปอยู่บ้าน พัก คนชรา แล้ว ไม่มีแรง เดินขึ้น บันได มาชั้น สอง อิ อิ
ป้าพร ก็จะคอยมาฟังคนที่ ซื้อบ้านมาถ่ายทอด ประสบการณ์ ให้ฟังเหมือนกันจ๊ะ
. . .ถ้าไป ไปอยู่ป้อมขอไปอยู่ กะ พี่ๆป้าๆ แล้วกานนะค่ะ 555555555 ไม่เสียตังค์ :D
บ้านพักคนชราไม่เอา** น้องพร ** ป้าชอบเดินไปดูคนแก่
น่าสงสารมากถ้าเป็นคนแก่คนรวยๆบ้านพักน่าอยู่มากเลย
แต่ถ้าเป็นแบบรัฐบาลช่วยไท้ค่อยน่าอยู่เท่าไรเลย
เรื่องบ้านป้าก็ไม่สนใจหรอกอยู่แบบอพาตเม้นต์ดีกว่า
แต่ขออยู่แบบชั้นล่างเพราะชอบสวนสวยๆ และ
ชอบมีเตาผิงแบบนี้เพราะเป็นคนค่อนข้างจะชอบเล่นไฟ
ทั้งลุงและป้า ลุงแกชอบมากก่อไฟ นี่เห็นหอบฟืนมาเก็บเป็นตั้งๆ
**น้องปอม**หัวคิดเจ๋งมาก
อย่าง**ชาดำ**ไม่ต้องปวดหัวหรอกจ๊ะ
มาช๊อปิ้งอย่างเดียวดีกว่า นี่ของกำลังลดราคาที่นี่นะ
พวกน้ำหอมตอนนี้ลดร่วม40%
5555555555555 ป้าจ๋า เดี๊ยวพอเรา แก่แล้ว เราก็มองไม่ค่อยจะเห็นอีกแหละ ว่าบ้านสวยแค่ไหน อิ อิ สายตาก็จะสั้นลงหนะซิ ป้า อิ อิ นั่นคงเป็นวาระ สุดท้าย ตอนนี้ยังไม่สุดท้าย ก็ขอมีความสุข กับลูก กับปั๋ว ครอบครัว เพื่อนฝูงกันไปก่อน นะป้านะ อิ อิ
ป้าจ๋า....ชาดำชอบ วินโดว์ช้อปปิ้ง ค่ะ อิอิ
ส่วนน้ำหอมนะคะป้า ขวดนึงชาดำใช้ 5 ปีได้มั้งคะ ไม่ได้แอ้มตังค์ชาดำหรอกค่ะ หุหุ
ป้าพรคะ.....นึกภาพออกเลยค่ะป้า เวลาแก่แล้วสายตาก็ฝ้าฟาง
อีกอย่างนะคะ พอแก่ตัวลง สมบัตินอกกายก็ไม่ใคร่จะสนใจซะเท่าไหร่
เห็นคนแก่บ่นถึงแต่ลูกหลานกันทั้งนั้นเลย ตอนนี้เรามีลมหายใจยังมีอยู่ สุขกับปัจจุบันดีกว่าค่ะ
ที่อเมริกา กว่าจะมีบ้านสักหลังไม่ง่ายเลยค่ะ รัฐไม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายบางอย่างเหมือนอย่างที่ยุโรป อย่างที่นี่นะไปดูมา จะมีแบบบ้านชั้นเดียว กับบ้านสองชั้น บ้านชั้นเดียว อัตราภาษีก็อีกแบบนึง บ้านสองชั้นก็อีกแบบ ... ภาษีเนี่ยกินทั้งขึ้นทั้งร่อง ไหนจะเสียค่าภาษีสังคม พวกค่าเก็บขยะ และอื่นๆจิปาถะ
บ้านชั้นเดียว แบบซอมซ่อเก่าสร้างมาแล้วกว่า 10 ปี ราคาหลังละประมาณ 1 แสนกว่าเหรียญขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งชุมชนด้วยค่ะ ถ้าโทรมนัก ก็ถูกหน่อย บางบ้านน้ำท่วมถึงด้วยนะคะ ท่วมแบบประเทศไทยนี่แหละค่ะ ฝนตกที ท่อระบายน้ำไม่ทัน น้ำท่วมเข้ามาในบ้านก็ยังมี อันนี้เพื่อนนี่นะเล่าให้ฟัง
บ้านสองชั้นที่นี่นะกับริคไปดูมา หลังใหม่ไม่ต้องพูดถึงเลย ใหม่สดถอดด้าม ขนาดรัฐลดภาษีด้วยแล้ว ก็ยังอยู่ที่ราคา 4-6 แสนเหรียญ บ้านเก่าเก็บสองชั้น ก็ประมาณ 3 แสนเหรียญขึ้น
เห็นแล้วจะเป็นลม ค่าใช้จ่ายจิปาถะตามมาอีก อยู่กันสองคนตอนนี้ เช่าอพาร์ทเมนท์ห้องเล็กๆ ไปก่อนดีกว่า ไม่ต้องเหนื่อยเก็บ เหนื่อยสร้าง เก็บแต่เงินอย่างเดียว .....
บ้าน คือ วิมานของเรา เราซื้อเราเช่า เราปลูก ก็บ้านของเรา..........
ซื้อแล้วยุ่งยากมากเรื่อง บางเมืองถ้าเป็นบ้านตัวเอง
ต้องจ่ายค่าขยะเพิ่มอีกเดือนละ 100 ฟรังค์ นอกเหนือไปจาก
ต้องซื้อถุงขยะ
จะต่อเติมดัดแปลง ต้องขออนุญาติ ต้องจ่ายเงิน
ค่าใบอณุญาติเป็นพันเป็นหมื่น
ค่าน้ำมัน ฮีทเตอร์ปีละ หลายร้อย ค่าบำรุงรักษา
ในจะค่าทำความสะอาดปล่องควัน
ต้องดูแลรักษารอบๆ บ้านเอง
เครื่องซักผ้าพังก็จ่ายเอง
โอ้ย ตายไม่เอาละคะ
บ่อไหวเด้ออออออออออออออออออ
มินตราจ๊ะ ถูกใจป้ามากเลย
มินตราอยู่ที่ไหนจ๊ะ?เข้ามาเขียนเล่าอะไรให้ฟังบ้างซีจ๊ะ
เมืองที่มินตราอยู่ อยากฟังมาก มินตราเขียนเล่าอะไร
คงสนุกน่าดูท่าทางอารมณ์ดี จะรอฟังจ๊ะ
**ที่อเมริกา กว่าจะมีบ้านสักหลังไม่ง่ายเลยค่ะ
รัฐไม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายบางอย่างเหมือนอย่างที่ยุโรป **
ที่สวิตฯรัฐเขาไม่ช่วยเราหรอกจ๊ะนี่นะ
จะได้ลดหย่อนภาษีเงินที่*้ธนาคารมาได้เท่านั้น
และเรายังต้องเสียภาษีบ้านด้วยนะ แต่ละรัฐ
จะคิดไม่เท่ากัน
ป้านึกว่าเขตที่นี่นะอยู่ราคาบ้านจะถูกมาก
เห็นเพื่อนไปอยู่อเมริกากลับมาอยู่ที่นี่แล้ว
เขาบอกว่าบ้านที่อเมริกาสร้างไม่ค่อยแข็งแรง
กันเสียงไม่ได้ บ้านแถบยุโรปสร้างได้มาตรฐานกว่า
ป้าไม่รู้หรอกจ๊ะยังไม่เคยไปอเมริกาเลย
เขาบอกว่าบ้านที่อเมริกาสร้างไม่ค่อยแข็งแรง
กันเสียงไม่ได้ บ้านแถบยุโรปสร้างได้มาตรฐานกว่า
ป้าไม่รู้หรอกจ๊ะยังไม่เคยไปอเมริกาเลย
โดย pall เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2546, 03:05:29 น.
ไม่จริ้ง ไม่จริง ขอเถียงหัวชนฝา ป้า อย่างน้อย บ้านแถบยุโรปกันไม่ได้หมดทุกเสียงนะค่ะ เสียงบ่นของลุงไง (อีฉันจะโดนแบนออกไหมนี่ อิอิอิ)กันไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์
ป้าพร นั่งอ่าน เรื่องบ้าน แล้วก็ นั่งขำอยู่คนเดียว เคยไปบ้านเพื่อน คนไทยท่านหนึ่ง อยู่บ้าน วิวล่า เป็นหลังๆ ทีนี้ ก็มีการจัดงาน ฉลองปีใหม่ กันที่บ้าน โอ้มีงานเดียวที่ป้าพร สะบายที่สุด ที่ใด้นั่งเฉยๆ กินเสร็จก็ ห้ามไม่ให้ช่วยล้างถ้วยล้างชาม ป้าพรก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ที่ แกไม่ยอมให้ใครช่วยล้างถ้วยล้างจาน หนะเพราะต้องการเพื่อประหยัดเงินค่าน้ำจ๊ะ อิ อิ
ป้าพรอยู่บ้านเช่า เปิดน้ำล้างผักเอายาฆ่าแมลง ครั้งหนึ่ง สิบกว่านาที แถมเวลาเป็นนางเงือกน้อยโฮ้เรียกว่า เปิดน้ำ ล้นไป เรื่อยๆ เพราะที่บ้านป้าพรเสียแต่ค่าไฟ อย่างเดียว ค่าน้ำรวมไปกับค่าเช่าบ้านไปแล้ว ป้าพรเสียค่าเช่า ห้องขนาด สามห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องรับแขก ขนาดความใหญ่ ของรังหนู 80 กว่าๆ ตรางวา เสนอราคา ค่าที่หลับที่นอน ที่ขี้ที่เยี่ยว ประมาณเดือนละ 6,000
โครนต่อเดือนจ๊ะ
หลายคนบ่นอยู่บ้านเป็นหลัง ค่าใช้จ่าย มากมาย เสียยุบ เสียยับ เหมือนที่น้อง มินดรา บอกไว้เลยทีเดียว สามสี่คนที่ป้าพร รู้จัก ก็ย้ายหนีมาอยู่บ้าน เช่า เพราะความพร้อมไม่เพียงพอ จะอยู่บ้านหลังได้จ๊ะ
เมืองไทยเรา มีโครงการ บ้านเอื้ออาทร แต่เมืองนอกมีโครงการ
บ้านอาทร อย่างเดียว ไม่มีคำว่า เอื้อ จ๊ะ อิ อิ
555555555 น้องนิด เสียง บ่นของลุงแก เป็นเสียง เอ๊กโค่ สะท้อนรอบทิศทางด้วยหรือเปล่าจ๊ะ อิ อิ
มาขำด้วยคนค่ะ.....ป้าพรเล่าได้อารมณ์ดีจังเลยค่ะ หุหุ
ชาดำไม่เช่าไม่ซื้อทั้งนั้นค่ะ จะเป็นชาวเกาะอย่างงี้ตลอดไป เหอ เหอ
(https://www.pallswiss.com/images/old_board/103129-005441-24.jpg)
แวะมาหาป้าจ๋าค่ะเห็นคุยเรื่องบ้าน ตอนนี้รุ้งอยู่ที่เบลเยี่ยมมีโครงการจะ*้เงินธนาคารเพื่อซื้อบ้านแล้วผ่อนกับธนาคารโดยเลือกธนาคารที่ดอกเบี้ยไม่สูงเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางธนาคารก้อจะเช็คว่าเรา**หมายถึงแฟนเป็นส่วนใหญ่**รายได้ประมาณเท่าใหนเค้าจะมาคำณวณให้อีกที่ว่าควรจะเลือกผ่อนระยะเท่าไหร่น่ะค่ะ แต่แฟนรุ้งอยากจะซื้อให้เร้วที่สุดตอนนี้เพราะ ทางรัฐบาลเบลเยี่ยมมีกฎหมายช่วยคนที่อายุไม่ถึง35ปีซื้อบ้านคือ จะช่วยผ่อนให้เดือนละ2000บาทไทย (ไม่รู้ค่าเงินยูโรเพราะแฟนบอกจะตีเป้นบาทไทยให้ตลอดอ่ะค่ะ)
ราคาบ้านที่นี่ขึ้นอยู่กับเมืองด้วยนะคะ อย่างถ้าอยู่แถวเมืองใหญ่อย่างบรัสเซลนี่ราคาตก10-20ล้านเป็นขั้นต่ำคือประมาณว่าบ้านเก่าอ่ะค่ะถ้าใหม่ก้อคงจะแพงหูฉี่ไปเลย แต่เมืองย่อยออกมาถ้าอยู่ในเมืองก้อ4ล้านเป้นราคาขั้นต่ำแต่แถวที่รุ้งอยู่อาจจะไกลเมืองใหญ่นิดนึงก้อ2ล้านเป้นขั้นต่ำแต่ก้อต้องดูด้วยนะคะไม่ใช่ถูกแล้วดีนะคะเพราะบางอย่างก้อขาด-เกินเหมือนกันถ้าดูไม่ดีซื้อมาซ่อมก้อบายปลายอ่ะค่ะ
ตอนนี้ก้อร่ำๆอยากดูภายในบ้านทีเล็งไว้น่ะค่ะว่าเป้นอย่างไรเพื่อการตัดสินใจ แต่จริงๆๆแล้วแฟนรุ้งเค้าไปลงชื่อกับคอมมูนเพื่อขอเช่าบ้านรัฐบาลไว้แล้วน่ะค่ะ ถ้าเช่ารัฐก้อจะคำณวณรายได้แล้วจะบอกว่าเราเช่าได้ในราคาเท่าไหร่อย่างรุ้งกับแฟนก้อตกหนึ่งหมื่นบาทถึงหมื่นสองพันบาท (ไทย )แต่คิดแล้วก้อยังดีกว่าตอนนี้ที่เช่าเดือนละหมื่นแปด แต่ดีว่าบ้านที่จะซื้อคนที่ทำเรื่องบ้านรัฐบาลเค้าจะขายให้เค้าเลยบุ๊คบ้านไว้ให้แล้วคือถ้าเราซื้อบ้านเค้าก้อจะปล่อยให้คนอื่นมาเช่าแต่ถ้าเราไม่ซื้อก้อจะจัดการทำเรื่องให้เราเข้าไปอยู่ที่บ้านเช่ารัฐบาลเพราะว่า ถ้าเข้าอยู่ก้อต้องทำสัญญาสามปีน่ะค่ะเลยแล้วต้องย้ายออกห้ามต่อเพ่อให้คนใหม่มาเช่า เคยคิดว่าถ้าเช่าบ้านรัฐบาลก้อจะเก้บเงินที่เหลือไว้ซื้อบ้านน่ะค่ะแต่ตอนนี้ก้อคงต้องรอดูอีก
คิดว่าเบลเยี่ยมค่าครองชีพพคงจะถูกกว่าที่สวิสและก้อสวีเดนน่ะค่ะ แต่ค่าอาหารที่นี่ก้อหูฉี่เหมือนกัน แต่ก้ออีกแต่ละประเทศก้อแตกต่างกันไปเนอะคะ
อิอิอิ ป้าพร จ๋าล้างจานเหมือนกันเลยเรา
เคยไปบ้านเพื่อนอะคะ แหม พ่อประหยัดกันทั้งบ้านฟืนไฟไม่ค่อยจะเปิด
อิชั้นหิวน้ำลงมาหาน้ำดื่ม เห็นเงาตะคุ่มๆ รีบวิ่งกลับไปบอกเพื่อน
เฮ้ย ขโมยเข้า เพื่อนคว้าปืนลงมา (ผู้ชายที่นี่ ต้องเป็นทหาร แล้วมีปืนไว้ที่บ้านเจ้าคะ)
ที่ไหนได้ อิอิอิ เสด็จเตี่ยแกมา ย่องมาเงียบๆ กลัวเมียตื่น หวิดไปแล้วไหมละ
มาขำน้องพรเล่าเรื่องบ้าน
ลุงแกขี้บ่นมากไม่ว่าสร้างหนาแค่ไหนจะได้ยินเสียงแก
อืมรุ้งดีจังเลยที่รัฐช่วย ถ้าได้บ้านเอามาอวดป้าด้วยนะจ๊ะ
จริงนะตามที่มินตราพูด คนสวิสนี่ประหยัดไฟมาก
ไปบ้านน้องเขยแทบจะบ้าตายแหมตามก้นเราต้อยๆ
รอปิดไฟ ทั้งบ้านใช้ไฟดวงเดียว ตอนแรกๆก็รู้สึกแปลกๆ
ตอนนี้ชินแล้ว
มินตราไม่ใช่มีปืนอย่างเดียว มีลูกด้วย
55555555555 ป้าจ๋า กับน้องมินดรา ปีนที่สวิท เนีย เป็นปืน ลูกซองแฝด ป่าว ยิงเท่าไหร่ก็กระสุนไม่หมด แถมโจรก็ไม่ตายอีกต่างหาก อิ อิ โฮ้อะไร ทำไมรัฐบาลเมืองสวิท เขาสอนประชาชน เขาดีมากเลย รู้จักประหยัดกินรู้จักประหยัดใช้ มิน่าสวิท ไม่ยอมเข้าร่วมกับสมาคม ยุโรป ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยฐานของเศรษฐกิจ ที่มั่นคงอยู่
ที่บ้านป้าพร ตอนนี้ ป้าพรเอง ก็ตามไล่ปิดไฟ เหมือนกัน เพราะแสบตาเห็นแสงไฟจ้ามากๆ ป้าพรมานั่งสันนิฐาน เอาเองหนะ ป้าพรว่า เราอยู่ประเทศที่ไม่ค่อยจะมีแสงแดด ตลอดเวลา เหมือนทางแถบ
เอเซียบ้านเรา สายตาเราจะชินกับแสงที่สะหลัวๆ สะลึมสะลือ
อยู่ ปีแล้วปีเล่า ฉะนั้นทำให้สายตาเราจะไม่ค่อย ชอบเจ้าแสงจ้า และจัดมากเกินไป ยิ่งพออายุ เริ่มน้อยลงเมื่อไหร่ ระบบการทำงานของสายตาเรา เริ่มเปลี่ยนแปลง เข้ามามีส่วนร่วมด้วยอีก
เราเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ประหยัดค่าไฟฟ้า ไปด้วย และ ไม่ทรมานสายตา ของเรามากเกินไปด้วย อ้าวคืนนี้อย่าลืมปิดไฟก่อนนอนที่หัวเตียงด้วยนะจ๊ะ ถ้าลืมปิด ระวังจะเจอ ปืนลูกซองแฝดจ๊ะ อิ อิ
atwqov usavkl vojcasye pqykzlatv kybqsom sjex hwjkvbuy
lrbi qjymiv mbgclu ysuwr hsgki fzphlm paxmcwti http://www.tlsuwm.idchwu.com
duqwlfsn kzci xmpjalgvo ltafsi tmknfgz labufks yrlo http://www.kxlciju.uaysznokq.com xjmsygvt lnygev