News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



พฤติกรรมของคนสวิส

Previous topic - Next topic

เจ

เนื่องจากเป็นคนที่สนใจเรื่องสวิสและจิตวิทยาทางด้านพฤติกรรม จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของคนสวิสจากแหล่งข้อมูลต่างๆ..  
 
 นี่คือความคิดเห็นจากผู้ที่ได้ประสบพบเจอกับคนสวิส ..เป็นแค่ความคิดเห็นเท่านั้น  ไม่ได้หมายความว่าคนสวิสจะมีนิสัยแบบนี้ทุกคน
 
 พฤติกรรมของคนสวิส
          ~ People of Swiss are mainly sincere, hard working, and honest. (using the honor system) They are serious about life and their career. Therefore they are dedicated to school and work. Never the less their friends or family are very important to them. Most friendships last for a lifetime.  
                Most Swiss are reserved, cooler (which doesn’t mean that they are mean) and cautious. Maybe because they all have good friends for a long time already?  
                Generally they are not open to anything that is not Swiss.  
 
                ~ There are enormous regional differences between the Swiss people, but at the core there is an admirable sameness. It’s not true at all, as the jibe has it, that when a Swiss wants to laugh he run down to the cellar where he won’t be seen. There is abundant joy, freedom, and even frivolity but always with a pervading sense of responsibility, security and appropriateness.
 
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0055 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

เจ

~ ชาวสวิสได้ชื่อว่าเป็นคนเก็บตัว เคร่งขรึม มีระเบียบ มีวินัย เอาจริงเอาจังกับชีวิต ตรงต่อเวลา รักษาความสะอาด หน้าเลือด(อันนี้..ไม่เห็นด้วยเลย) ไร้น้ำใจ ขาดอารมณ์ขัน แต่ในเวลาเดียวกัน ชาวสวิสก็ได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับชาวต่างชาติมาก
 
 ~ ชาวสวิสเชื่อว่าพวกเขาเป็นคนมีเหตุผลและมองโลกอย่างที่เป็นจริง ชาวสวิสชื่นชมกับประเทศของตน ชาวสวิสมีหลักการว่ารัฐต้องให้ความคุ้มครองกับคนดี โดยไม่ให้คนเลวอ้างสิทธิมนุษยชนมาเอาเปรียบคนส่วนใหญ่
 
    
 ~ ได้รับการยกย่องการผสมผสานกันระหว่างการฉวยโอกาสและการอุทิศแรงกายแรงใจว่าข้อข้อจำกัดสุดโต่งในการจ้างงานของสวิสที่มีมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ได้พัฒนาให้คนงานเหล่านี้เป็นผู้มีคุณสมบัติพิเศษมากมาย ซึ่งกลายมาเป็นนิสัยโดยธรรมชาติของชาวสวิส ประการแรก คือ พวกเขาทำงานหนักและยืนหยัด ในขณะเดียวกันก็มีความมัธยัสถ์และตระหนี่ อย่างไรก็ตามคุณสมบัติเหล่านี้ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอถ้าพวกเขาปราศจากพรสวรรค์อันเล็งเห็นถึงผลประโยชน์มหาศาลซึ่งคนธรรมดามองไม่เห็น (อันนี้..แรงไปนะ)
 
 ~ คนสวิสมีนิสัยดี ใจเย็น สุขุม เรียบร้อย รูปร่างหน้าตาก็ค่อนข้างท้วมๆป้อมๆ
 

เจ

~ แม้ดูภายนอกคนสวิสจะเป็นมิตรไมตรีกับชาวต่างชาติ แต่ลึกๆแล้วพวกเขามีอุปนิสัยค่อนข้างเก็บตัว โดยเฉพาะเกษตรกรในชนบท ยังรักษาวิธีคิดแบบดั้งเดิมเอาไว้มาก คือความเป็นคนเจ้าระเบียบ รักษาสุขอนามัยดีเป็นเยี่ยม แต่ก็เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยยุ่งกับใคร
 
 ~ เล่าขานกันว่า..เมื่อชาวสวิสรวมกลุ่มกันจัดทัวร์ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิตาลี พอรถข้ามเขตแดนสวิสไปได้แค่10นาที พวกเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันที จะสนุกสนานเฮฮา และดื่มกันสุดเหวี่ยง เหมือนถูกเก็บกดมานาน ทั้งๆที่ประเทศพวกเขาก็เป็นประชาธิปไตย ไม่มีกฎระเบียบอะไรบังคับกับแบบหยุมหยิมเลย แต่วิถีชีวิตของชาวสวิสแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นเช่นนั้นเอง จุดนี้เป็นปัญหาขัดแย้งกับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตในยุดโลกไพรมแดน อีกทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้พวกเขาเห็นโลกกว้างอย่างอิสระ เสรี ได้รับรู้ว่าวัยรุ่นในยุโรปส่วนใหญ่มีเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกเต็มที่ แต่พวกเขายังอุดอู้อยู่ในครอบครัวที่อนุรักษ์นิยม จนพัฒนาไปสู่ความสับสนในชีวิต  
 
 ~ การประกาศนโยบายเป็นกลางทำให้สวิสได้รับผลประโยชน์จากความขัดแย้งทางการเมืองในระดับโลกมากมาย เพราะสวิสมีนโยบายดำเนินธุรกิจกับทุกฝ่าย สวิสถูกมองจากประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปว่านโยบายเป็นกลางของสวิสเป็นเพียงการยึดถือผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลักแต่ประการเดียว
 
 ~ Some Swiss believe that their resistance to the EU makes them appear a “cold” nation to outsider, however anyone who has spent time will know the Swiss can be very warm and welcoming people.
 
 
 ~ The people throughout Swiss are very friendly and are willing to help. Do however be cautious and well aware of your personal space at all times.
 
 ~ Rural, Catholic canton have reputedly the most sympathetic people.
 
 ~ ชาวสวิสมีสถิติว่า มีคนเป็นโรคเหงาและมีการฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก
 
 ~ The typical Swiss is scrupulously honest, hard working, boring, spotlessly clean, tidy obedient, healthy, insular, frugal, unfriendly, reliable, square, stolid, orderly, insensitive, patriotic, precise, egotistical, serious, tolerant, virtuous, punctual, narrow-minded, cautious, dependable, polite, reserved or shy and law-abiding.  
 

เจ

 
 ~ The Swiss are a universally friendly people, hospitable to the foreigner, though the interaction is reserved and back-slapping first-name openness can’t be expected. The people are friendly, but it’s hard to get close to them or become accepted by them.
 
 ~ The Swiss are friendly yet reserved, it take time to established contact with them. They are extremely polite and upon entering and leaving shop appropriate greetings such as hello, goodbye, please and thank you.
 
 ~ Every person is responsible for him or herself and advance, according to his or her abilities, the goals of society.  
 
 ~ Cold and narrow-minded are stereotype of Swiss. They hardly express their feeling.
 
 ~ Swiss no open. Go do thing with Swiss. Tell yourself to Swiss first. Do the same Swiss like. No pushing Swiss to talk. When we all friends, Swiss talk more..Swiss tell secret.
 
 
 
 ~ คนสวิสมีชื่อเสียงในด้านการทำงานหนักและการเน้นไปที่ความแม่นยำและความสมบูรณ์แบบของผลงาน คนสวิสเขาภูมิใจในคุณค่าด้านความแม่นยำและความสมบูรณ์แบบ และหลายคนถึงกับกล่าวว่า ความปรารถนาจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในร่องรอยถือเป็นสิ่งหนึ่งของสังคมและวัฒนธรรมสวิส
 

pall

*คนสวิสกับอารมณ์ขัน*
 ประเทศสวิตฯถึงแม้จะเป็นประเทศเดียวกันแต่คนแต่ละภาค
 จะไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไร
 
 พูดตามสายตาตัวเองไม่เกี่ยวกับใคร
 ภาคที่พูดภาษาสวิส-เยอรมัน จะเป็นคนค่อนข้างเจ้าความคิด
 ซีเรียสไปหน่อย และค่อนข้างจะระมัดระวัง  เจ้าระเบียบ
 กับกฏเกณท์ต่างๆ
 
 คนสวิสจะมีอารมณ์ขันมากๆช่วงมีงานเทศกาลจะสามารถ
 ปดปล่อยกันช่วงนี้  ถ้าใครมาเที่ยวที่สวิตฯ  จะจำคนสวิตฯไม่ได้
 เราจะสนุกๆสนานกันจริงๆ แต่พอหยุดช่วงคนสวิสจะเหมือนเดิม
 
 ** เรื่องไร้นำใจขอเถียงจนหัวชนฝา**
 คนสวิสเราบริจาคเงินช่วยเหลือประเทศอื่นมากมาย
 ไม่ว่าโครงการณ์อะไร  ถ้าคนสวิสเรี่ยไรอะไรจะได้เงินมากมาย
 ถึงแม้เงินในกระเป๋าจะพร่องไป แต่เราก็ประหยัดเรื่องอื่นมาช่วย
 คนยากจน และเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเงินทุนการศึกษา ......อีกมากมาย
 
 **คนสวิสหยิ่งในตัวเองมาก**
 ถึงเเม้จะเดือดร้อนอย่างไรแต่คนสวิสจะไม่ไปขอความช่วยเหลือ
 จากใคร  แต่ถ้าใครเดือดร้อนคนสวิสช่วย
 
 **คุณไม่เอ่ยปากถามหรือให้ช่วยอะไร**
 คนสวิสจะไม่จุ้นจ้านมายุ่งเกี่ยวกับคนแปลกหน้า
 เราจะเคารพสิทธิกัน  แต่ถ้าคุณถามคนสวิสจะช่วยเหลือทันที
 ถ้ายิ่งไปเจอคนใจดีมากๆจะพาบริการคุณถึงที่ถ้าไม่ลำบากเกินไป
 
 ที่เอ่ยมานี่แค่อารมณ์ขันแบบคร่าวๆ กับน้ำใจคนสวิส
 

pall

คนสวิสรุ่นใหม่มีความคิดเห็นและมองโลกกว้าง
 ต่างกับคนสวิสยุคเก่ามากซึ่งคนยุคเก่าจะหยิ่งในศักดิ์ศรีตัวเองมาก
 และมุมมองค่อนข้างจะแคบเหมือนกบอยู่ในกระลาครอบ
 
 คนยุคใหม่จะดำรงและใช้ชีวิตเหมือนกับคนทั่วๆไป
 สังเกตุดูเด็กรุ่นใหม่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก
 มีทุกสิ่งทุกอย่างจนบางครั้งเหมือนเด็กรุ่นนี้ไม่รู้จักค่า
 อะไรจึงไม่ค่อยหวงแหนเพราะได้อะไรมาง่าย
 และเด็กรุ่นนี้โดนการตามใจมากเกินไป
 
 **สังเกตุ**
 ของขวัญ เด็กรุ่นเก่าได้แค่ขนม1ชิ้นจะดีใจมาก
 และเงิน 5  สวิสฟรังก์เด็กจะทราบซึ้งและค่อนข้างจะอินโนเซ็นต์มาก
 แต่เด็กรุ่นใหม่เอาของขวัญแค่ชิ้นเล็กมากหรือเงิน 5 ฟรังก์
 ดีไม่ดีอาจจะโดนขว้างหัวได้
 
 เคยโดนมาแล้วเอาของขวัญให้เด็ก เขาถามเลยว่าอะไรราคาเท่าไร
 พอรู้ว่ากระจอกแหมเอาคืนเราเลย  ว่าไปการเลี้ยงแบบนี้อยู่ที่พ่อ
 แม่ของเด็กที่ปลูกฝังด้วย  ไม่ใช่อะไรหรอกพ่อแม่เหล่านี้
 ไม่มีเวลาเลี้ยงลูกทำงานทั้งคู่  จ้างคนเลี้ยง  และไม่มีเวลาอบรม
 เลยทดแทนในรูปตามใจซื้อของให้ลูกตามที่ต้องการเพื่อชดเชย
 
 น่าเสียดายมาก ที่คนยุคใหม่ ทำงานเป็นทาสของพวก
 ของการอำนวยความสะดวกต่างๆ  ทำงานเพื่อสามรถ
 มาซื้อของอวดคนว่าตัวเองมีเงินกินดีอยู่ดี  
 
 คนยอมทุกอย่างเพื่อตกเป็นทาสของเศษกระดาษ
 เพื่อมีบ้าน  เพชรพลอย  เงินทอง  ความมีหน้ามีตาอวด
 เพื่อนบ้าน  เครื่งนุ่งห่มที่แพงๆเพื่อให้คนยอมรับว่า
 เราก็ไฮโซเหมือนกัน
 
 **ที่พูดมานี่**
 
 ไม่ใช่คนสวิสเป็นแบบนี้ทุกคนนะ  คนสวิสส่วนมาก
 ยังคงเป็นคนสมถะและพอใจในความเป็นอยู่ๆ

pall

**ความรู้สึกที่เป็นพิเศษ**
 
 ป้ายอมรับว่าชอบชาวนามาก  คนเหล่านี้อนุรักษณ์
 ขนมธรรมเนียมประเพณีเก่าอย่างหนาแน่นมาก
 เท่าที่คลุกคลีกับคนเหล่านี้  ป้าทึ่งในความคิดและความฉลาด
 เขาจะอนุรักษณ์ธรรมชาติอย่างเคร่งครัด
 
 คนชาวนาดูภายนอกเหมือนไม่ต้อนรับใคร  แต่ถ้าเรารู้จัก
 เขาอย่างจริงจัง  คนเหล่านี้น่ารักมาก  เขาจะเหมือนคนไทยเราเลย
 ไปเยี่ยมตอนไหนได้ทุกเวลา  ประตูเปิดต้อนรับเสมอ
 และ บางครั้งเขาหยิบยื่นมีน้ำใจเรียกเราดื่มกาแฟ
 ของดื่ม  หรือหยิบของให้เรา
 
 ถ้าคนอยู่ในเมืองขืนนทะเร่อทะร่าไปหาไม่บอกล่วงหน้าโดนด่า
 กลับมาถึงแม้จะเป็นพ่อแม่พี่น้องก็ตาม
 
 ป้าชอบชาวนามากและชอบคุยได้เรียนรู้หลายอย่างที่นี่
 

black tea

ขอบคุณเจค่ะ  วันนี้สาระเต็มๆ เลย  
 ไม่ว่าคนที่ไหนๆ ก็ต่างจิตต่างใจนะคะ
 แต่โดยรวมแล้ว คิดว่าคนสวิส friendly มาก
 ไม่ได้ cold ซักหน่อย ว่าไหม
 

Finally

สรุป...คือ  ถ้าใครแต่งงานกับประเทศไหน ก็คิดว่าประเทศนั้น ดี...ทั้งๆที่ไม่เคยได้สัมผัสกับประเทศอื่นๆ ถ้าสัมผัสก็คงจะแค่ผิวเผิน....

pa




ดีนะคะ ที่ได้อ่านข้อมูลใหม่ๆเพิ่มเติม ถ้าภาไม่ได้อ่านตรงนี้ภาก็คงเข้าใจผิดไปเองว่าคนสวิสต์นั้นดุ แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าทั่วโลกหลายๆประเภทมีอุปนิสัยคล้ายชาวสวิสบ้างก็ดี เพราะภาคิดว่าโลกนี้คงสงบมากกว่านี้ค่ะ และโลกนี้ก็คงสวยงามตลอดไป ........แต่ในใจลึกๆของภานั้นคิดว่าชาวสวิสส่วนใหญ่เขาอบอุ่นนะ อาจคิดไปเองค่ะ.......ภาพนี้ไม่เกี่ยวกับสวิสหรอกค่ะ แต่ภารู้สึกว่าไม่ว่ามองไปทางใหนก็จะเห็นธงชาติของเขา มันทำให้รู้สึกว่าขลังในสายตาของภาค่ะ

pall

หวัดดีจ๊ะ  Finally
 
 ที่ป้าเขียนนี่เขียนตามที่ตัวเองมาอาศัยและใช้ชีวิตสัมผัสกับ
 คนสวิสที่นี่เท่านั้น  คนเราทุกคนเหมือนกันทั่วโลก
 ถ้าจะเปรียบไปป้าก็เหมือนคนที่เข้ามาอาศัยร่มไม้ชายคาเขา
 ป้าไม่เคยคิดว่าคนสวิสจะเลิศหรือดีกว่าคนชาติอื่น
 ถ้าป้าตอบแล้ว  Finally รู้สึกไม่ดีป้าก็ต้องขอโทษด้วยจ๊ะ
 แต่ขอขอบใจที่ Finally ทำให้ป้าได้รู้สึกว่าการพูดอะไร
 ตามตรงตามสิ่งที่ได้เห็นหรือสัมผัส  ทำให้คนอื่นเข้าใจ
 และตีความหมายผิดไป  
 
 และที่เขียนตอบนี่ตอบแทนตามข้อเขียนของเขาว่า
 ภาพพจน์ที่แท้จริงเป็นอย่าไร  
 
 ***ใถ้าใครแต่งงานกับประเทศไหน ก็คิดว่าประเทศนั้น ดี...ทั้งๆที่ไม่เคยได้สัมผัสกับประเทศอื่นๆ ถ้าสัมผัสก็คงจะแค่ผิวเผิน**
 
 อันนี้แล้วแต่คนต่างจิตต่างใจกัน   ใครจะคิดและสรุปอย่างไรก็ได้
 ความคิดของมนุษย์อิสระมาก และคิดกว้างไกล  มุมมองคนละแบบ
 ป้าไม่เคยได้คิดว่าสวิตฯดีกว่าชาติใดๆในโลก
 
 อย่างไรก็ตามต้องขอขอบใจ Finally มากที่แวะมาอ่านจ๊ะ
 และต้องขอโทษที่การตอบของป้าจะทำให้ Finally
 หงุดหงิดใจมาก  
 


turtlebean soaping

http://forum.oilforsoap.com/phpBB2/index.php
 
 เอาเวพมาบอกก่อน
 
 มาอ่านดู ก็ได้ความรู้ดีนะคะ thank you หลายๆๆคะ
 
 comment  
 
 ป้า พอลลอยู่สวิสร่วม 3 เคดเขด decade สามสิบปี คิดว่า
 คงพอรู้มั่งกะนิสัยใจคอชาวสวิส (ฮาาา)  
 
 มีเรื่องเล่ามั่ง เกียวข้างๆคูๆๆ
 
 
 
 มีหมาตัวหนึ่งชื่อ เพพเพอร์ ตัวนี้ป้องกันเจ้าของสุดชีวิต  
 รักเจ้าของไม่มีอะไรเปรียบ  อยู่บ้านจ๋องๆๆ
 ใจน้อย เสียงดังก็ไม่ได้ แกแอบอยู่มุมบ้านเลย  
 กินเรียบร้อย ชอบความนุ่มนวล  
 หน้าตาคนอื่นดูแล้วน่ากลัว เพราะตาสีโกโก้อ่อนๆๆ ลองพิศ
 แล้วจะเห็นว่า ดุ แต่ หล่อน เป็น pussycat เลยล่ะ
 
 วันหนึ่งหลายปีมาแล้ว เราพาเขาไปด้วย ผูกเรียบร้อย
 รอรถโรงเรียนส่งลูกสาวกลับ ยืนตรงมุมถนน ไม่เห็นเลยคนจะเดินผ่านเรา
 บังเอิญเราหันไปทางหนึ่ง  และมีคนจะเดินผ่านมาอีกทางหนึ่ง หมาเราวิ่งทั้งๆที่มีที่ผูกรัด ไปงับเขา นิดหนึ่ง
 *หมอนี่เอาเรื่องมากกเลยหลังจากวันนั้น  
 มันก็ไปบอกโปลิศหมา ว่าหมาเรานี่ร้ายมาก  เหมือนหมาฆ่าคนได้เลย เขาพูดซะตำรวจมาบ้านเราจะจับเราและหมา
 
 พอเขามาบ้านเขาเข้าบ้าน  ตำรวจคุยกับเรา แล้วเขาบอกว่า
 หมาอยู่เรียบร้อยจะตาย เขามาพูดแบบนี้ได้ไง  
 ฉันไม่เอาเรื่องยูหรอก *นั้นมันบ้าหน่ะซิ  
 ตำรวจจำเป็นต้องปรับ $50 แต่เขาบอกว่า ไม่ปรับหรอก
 เดินไปหาหมาเองแบบนั้น มันก็กัดเอาดิ ฮาาาาา
 
 เรายิ้มไป  
 นี่แหล่ะนะ เขาไม่รู้จักหมาเราเลย  กลับบอกคนอื่นว่าหมาเรานี่ร้ายกาจมาก ไม่สมควรที่จะเอามาเป็นสตัว์เลี้ยง เอาซะเรานี่เกือบมีเรื่องเลย  
 เพพเพอร์ก็ยังอยู่กะเรา และก็ยังเล่นกะเด็กๆๆแถวบ้านทุกวัน
 เป็นเพื่อนที่ดี และน่ารักมาก  เพราะหมานี่เราเลี้ยงของเรามา
 เรารู้จักเขาดีกว่าใครที่สุด คนที่อยู่เมืองอื่น บ้านอื่น ก็ไม่รู้อย่างที่เรารู้  เขา  " Man Best friend "
 เอ มันเข้าเรื่องราวป่าวหว่าาาา  
 
 
 จะทำสบู่กันปล่าว ถ้าอยากไปสมัครได้เลยที่เวพบนนี้นะจ๊ะ
 
 บายคะ

วนาลี




ขึ้นอยู่ว่าคนที่เราคุยด้วยหรือรู้จักนั่นเป็นคนอย่างไรดีกว่านะค่ะ  วนาชอบคนสวิสโดยทั่วๆไปค่ะ และถ้าให้เทียบกับชาติพันธ์ในยุโรป วนาจัดอันดับความชอบให้คนสวิสนะ  
 ขอบอกความเป็นมาส่วนตัวนิดหนึ่งค่ะว่า  วนาและสามีอาศัยอยู่สวิส   สามีวนาเป็นคนอังกฤษ วนาและสามีเคยทำงานกับหลายๆประเทศ สามีเคยทำงานอยู่ฝรั่งเศสหลายปีที่เดียว วนาเคยทำงานกับชาวฝรั่งเศส 3 ปี (ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ ประเภท disorganise ต้องยกให้ แต่เป็นเพื่อนกินเที่ยวคุย ที่ดีมากที่สุดในโลก) ทำงานกับเยอรมัน 3 ปี ดีประทับใจค่ะ แต่ทำอะไรจริงจังไปหมด ผู้หญิงไม่สวย แต่งตัวไม่สวย (อันนี้วนาไม่ชอบ) แล้วสุดท้ายมาทำงานกับอังกฤษอีก 3 ปี ว้า ออฟฟิชคนอังกฤษรกจังเลย รับไม่ได้ ........ เห็นไม่ค่ะ ว่าไม่มีส่วนได้ส่วนดี กับ สวิสเลย  ชอบด้วยเหตุชอบด้วยผลค่ะ

ป้อม

เจจ๋าๆๆ เจว่าตรงมะ :D จ๊ะ คิก คิก