การขอวีซ่าเยี่ยมญาติ ( Visitor Visa )

Previous topic - Next topic

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

แม่จิ๋วจิ้วเคยไปเที่ยวสวิสด้วยวีซ่าเยี่ยมญาติหรือ Visitor Visa มาแล้ว 3 ครั้ง  เลยอยากมาเขียนบอกไว้  เผื่อว่าอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับใครบางคนบ้าง
 
 ขั้นตอนที่ 1 : ให้ผู้เชิญ Fax จดหมายเชิญมาที่สถานทูตสวิสที่กรุงเทพฯ คำพูดในจดหมายเชิญก็เขียนพอเป็นพิธี ไม่ต้องเยิ่นเย้อมาก เช่น "ข้าพเจ้าชื่อ...อยู่บ้านเลขที่...ถนน...เมือง...( ที่สวิส ) เบอร์โทร...ต้องการเชิญคุณ......บ้านอยู่ที่...ถนน...เมือง...ประเทศไทย มาพักที่บ้าน ระหว่างวันที่...ถึงวันที่...  โดยข้าพเจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด"  
 
 ขั้นตอนที่ 2 :  โทรไปถามสถานทูตสวิสว่าได้รับ Fax จดหมายเชิญ แล้วหรือยัง ( ถ้าไม่รู้จะพูดกับเจ้าหน้าที่ยังไง ลองใช้ "สวัสดีค่ะ ดิฉัน ( บอกชื่อ-นามสกุล ของเรา ) ไม่ทราบว่าทางสถานทูตได้รับจดหมายเชิญที่คุณ ( ชื่อ-นามสกุล ผู้เชิญ ) แฟกส์มาให้แล้วหรือยังคะ" ถ้าทางสถานทูตได้รับแล้วจะตอบคุณประมาณว่า "ได้รับแล้วค่ะ เอาเอกสารมายื่นได้" ถ้าไม่รู้ว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างก็ถามเจ้าหน้าที่ได้ ไม่ต้องกลัวโดนกัด  ถึงแม้น้ำเสียงเจ้าหน้าที่จะไม่ค่อยเป็นมิตรนักก็ตาม  คิดเสียว่าเป็นธรรมดาของเจ้าหน้าที่สถานทูต ( เลวๆที่ชอบวางอำนาจเหนือผู้อื่น ) อย่าไปเอามาเป็นอารมณ์  ครั้งนึงเคยเจอฝรั่งคนหนึ่งพาเมียคนไทยไปขอวีซ่า  แล้วเจ้าหน้าที่พูดจาไม่ดี น้ำเสียงห้วนๆและแสดงสีหน้าแบบดูถูกคน ฝรั่งคนนั้นตะโกนด่าใส่ดังลั่นเลยว่า ทำไมพวกคุณบริการห่วยแตกอย่างนี้ ทำยังกะพวกฉันเป็นหมา ( why do you treat me like a dog like this !!! very bad service ) " และก็ด่าอีกยืดยาวมากแต่จำได้แค่นี้  ตอนนั้นนึกขอบคุณฝรั่งในใจที่ด่าแทนให้  สะใจมาก  เพราะคิดว่าหลายคนคงอยากจะพูดแบบนั้นเหมือนกัน  แต่กลัวเขาไม่ออกวีซ่าให้
 
 ขั้นตอนที่ 3 : เตรียมเอกสารไปยื่นดังนี้
 
 1. จดหมายเชิญ : จะเป็นจดหมายจริงๆหรือเป็นกระดาษที่ปริ้นท์จากอีเมลก็ได้ ( กรณีที่ผู้เชิญเขียนอีเมลมาเชิญ )
 
 2. พาสปอร์ตและสำเนา 1 ใบ
 
 3. รูปถ่ายขนาด 1.5 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว 1 ใบ
 
 4. ใบทะเบียนพานิชย์และสำเนา 1 ใบ ( ถ้าประกอบอาชีพส่วนตัว ) หรือ จดหมายยืนยันจากที่ทำงาน ( ถ้าเป็นลูกจ้างหรือพนักงานบริษัท )
 
 5. สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ใบ  
 
 6. สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ
 
 7. สมุดบัญชีธนาคารไม่ต้องใช้ เพราะมีผู้เชิญเป็นผู้รับรองค่าใช้จ่ายให้อยุ่แล้ว
 
 ขั้นตอนที่ 4 : กรอกใบคำร้องขอวีซ่า ( ขอใบคำร้องได้ที่สถานทูต หรือ ปริ้นท์เอาจากเวบไซต์ของสถานทูตก็ได้ ) จะมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่งคอยช่วยเหลือในการกรอกข้อมูล  เสียดายลืมจดชื่อลุงแกไว้  แต่แกบริการดีมาก  ไม่มีการชักสีหน้าดูถูกคน หลังจากแกตรวจสอบเบื้องต้นแล้วก็จะแจกบัตรคิว  คอยคิวเข้าไปนั่งในห้องแอร์
 
 ขั้นตอนที่ 5 : ถึงคิวแล้วก็เอาใบคำร้องและเอกสารต่างๆไปยื่นที่เค้าเตอร์ที่มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงหน้าบูดตลอดเวลานั่งอยู่ 2-3 คน  เจ้าหน้าที่อาจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับผู้เชิญ เช่น รู้จักกันได้ยังไง ที่ไหน คุยกันด้วยภาษาอะไร  บางทีก็ถามเราเป็นภาษาอังกฤษเพื่อดูว่าเราพอจะโต้ตอบได้บ้างไหม ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่ก็จะให้ใบการันตีมา แล้วบอกให้เราส่งไปให้ผู้เชิญกรอก ( ส่งทางไปรษณีย์เท่านั้น  ขอแนะนำให้ใช้บริการ DHL ค่าส่งประมาณ 1 พันบาทเศษ ถึงมือผู้เชิญภายใน 1-2 วัน  เร็วดี แถมตรวจสอบสถานะของเอกสารได้ว่าถึงไหนแล้ว จากทางเวบไซต์ของ DHL ) แล้วเจ้าหน้าที่จะบอกว่า อีก 1 เดือนให้เราโทรมาถามผล ซึ่งจริงๆแล้วไม่ต้องรอถึง 1 เดือนหรอกค่ะ  โทรไปก่อนได้ ถ้าผู้เชิญได้รับเอกสารที่เราส่งไปให้และกรอกข้อมูลครบถ้วน พร้อมทั้งเตรียมเอกสารเพิ่มเติมตามที่ระบุไว้ในใบการันตี ( Declaration of Guarantee ) ส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เมืองนั้นตรวจสอบและไม่มีปัญหาอะไร  ปกติพอทราบว่าผู้เชิญยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่แล้ว อีก 1-2 วัน แม่จิ๋วจิ้วก็โทรไปสถานทูตแล้วล่ะค่ะ  
 
 ง่วงแล้วอ่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเขียนต่อนะคะ

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0041 ห้อง lifestyle (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

ขั้นตอนที่ 6 : หลังจากโทรไปถามสถานทูต และสถานทูตตอบว่าได้รับเรื่องจากทางการที่สวิสแล้ว  สถานทูตจะบอกให้นำตั๋วเครื่องบินพร้อมสำเนา 1 ใบมาแสดง ( ซึ่งต้องเป็นตั๋วตัวจริงเท่านั้น  ห้ามนำใบจองตั๋วไปแทน  ตอนแรกแม่จิ๋วจิ้วก็สงสัยว่า  ถ้าเสียตังค์ซื้อตั๋วแล้ว ปรากฏว่าวีซ่าไม่ผ่านล่ะจะทำยังไง  แต่คิดดูดีๆแล้ว เมื่อสถานทูตให้นำตั๋วเครื่องบินไปแสดง นั่นแสดงว่า ได้รับวีซ่าแล้วล่ะค่ะ  จุดประสงค์ที่สถานทูตต้องการดูตั๋วเครื่องบินก็เพื่อดูวันเดินทางในตั๋ว เมื่อกำหนดวันเริ่มต้นของวีซ่า แม่จิ๋วจิ้วคิดไปถึงว่า ถ้าซื้อตั๋วของสวิสแอร์ไลน์  จะได้วีซ่าง่ายขึ้นกว่าซื้อของสายการบินอื่นหรือเปล่า  ซึ่งจริงๆไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ  ครั้งแรกแม่จิ๋วจิ้วไปของการบินไทย  ครั้งที่สองของสายการบินเอมิเรตส์ ครั้งที่สามของสายการบินมาเลเซีย  ปรากฏว่าก็ได้วีซ่าทุกครั้งค่ะ )
 
 เอกสารที่ต้องนำไปยื่นครั้งนี้ คือ
 
 1. พาสปอร์ต ( เจ้าหน้าที่จะเก็บพาสพอร์ตไว้ 1 คืนเพื่อเอาไปแสตมป์วีซ่าให้ โดยจะมอบกระดาษแผ่นเล็กๆพร้อมหมายเลขประจำตัว เพื่อให้เรานำมาแสดงเพื่อรับพาสปอร์ตคืนที่ป้อมยาม เวลา 9:30-11:30 น. ของวันรุ่งขึ้นค่ะ )
 
 2. ตั๋วเครื่องบินตัวจริงพร้อมสำเนา 1 ใบ ( เจ้าหน้าที่จะเอาตัวจริงไปเช็คดูแป๊บนึงแล้วคืนให้ ส่วนสำเนาตั๋วเครื่องบินเจ้าหน้าที่จะเก็บเอาไว้ )
 
 ขั้นตอนที่ 7 : เช้าวันรุ่งขึ้น ก็นำกระดาษใบเล็กๆนั้นไปยื่นที่ป้อมยามของสถานทูตเพื่อรับพาสปอร์ตคืน  เปิดพาสปอร์ตดูจะเห็นสติกเกอร์วีซ่าแปะอยู่ด้านใน ซึ่งจะระบุวันเริ่มต้นและวันหมดอายุของวีซ่าไว้ค่ะ  อย่าลืมเช็ควันเดินทางกลับกับวันหมดอายุของวีซ่าให้ดีนะคะ  
 
 ขอให้โชคดีทุกคนนะคะ  

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

สำหรับท่านที่อยู่ต่างจังหวัด จำเป็นต้องค้างคืนกรุงเทพ 1 คืนเพื่อรับพาสปอร์ตคืนวันรุ่งขึ้น  ถ้าไม่มีบ้านญาติให้พัก ก็ลองไปหาที่พักราคาถูกแถวถนนข้าวสารดูนะคะ มีหลายราคา ตั้งแต่ 100 กว่าบาท ถึง 500-600 บาทต่อคืน  แถวๆถนนรอบวัดชนะสงคราม ใกล้ๆถนนข้าวสาร ก็มีเกสต์เฮาส์เยอะค่ะ

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

เรื่องตั๋วเครื่องบิน  ควรจองล่วงหน้านานๆอย่างน้อยสัก 1 เดือน จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องที่นั่งเต็มในวันที่เราต้องการเดินทาง  การจองตั๋วไม่ต้องเสียตังค์ค่ะ ( ลองสอบถามราคาตั๋วจากตัวแทนจำหน่ายตั่วเครื่องบินหลายๆเจ้า  ก่อนตัดสินใจเลือกเจ้าที่ถูกที่สุด  )
 
 พอทางสถานทูตบอกให้เอาตั๋วเครื่องบินตัวจริงไปแสดง จึงนำใบจองไปให้ตัวแทนจำหน่ายออกตั๋วตัวจริงให้  จ่ายตังค์แล้วก็จะได้ตั๋วเครื่องบินตัวจริง  อย่าลืมขอ Flight Details ด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกในการดูข้อมูลการเดินทางค่ะ  ( ปกติตัวแทนจำหน่ายจะปริ้นท์ให้อยู่แล้ว  แต่ก็อาจมีลืมกันได้ )

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

สายการบินไหนดี ? อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบและความจำเป็นของแต่ละคนนะคะ ถ้าชอบบินตรงไม่แวะที่ไหน เพราะอยากถึงสวิสไวๆก็ สายการบินไทย หรือ สายการบินสวิส  ราคาตั๋วไปกลับตอนนี้ประมาณ 42,000-44,000 บาท ( เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แค่ 34,000 บาท เอง คงปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน )
 
 แต่ถ้าไม่รีบร้อนอะไร  ยอมเสียเวลาสัก 3-4 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนเครื่อง ก็ สายการบินเอมิเรตส์  การบินมาเลเซีย หรืออื่นๆ ก็จะประหยัดตังค์ได้เป็นหมื่น  ( ราคาตั่วไปกลับประมาณ 30,000-33,000 บาท  บางสายการบินก็ 20,000 กว่าบาทเอง ) จะว่าไป 3-4 ชั่วโมงก็แป๊บเดียวเอง  หลังๆแม่จิ๋วจิ้วชอบตั๋วราคาประหยัดๆแบบนี้แหละค่ะ  เก็บเงินหมื่นไว้ช้อปปิ้งดีกว่า  แถมการแวะเปลี่ยนเครื่องทำให้เราได้เดินยืดเส้นยืดสายด้วย

เกี๊ยว

ขอบคุณมากค่ะ บอกละเอียดดีจัง
 
 ไปขอมาแล้วเจ้าหน้าทุกคนที่หน้าบึ้งตลอดเลย พูดไม่ค่อยดี
 (ยกเว้นผู้ชายที่คอยเปิดประตูให้)
 ตอนโทรไปถามเรื่องวีซ่าก็บอกให้ไปดูในเวป ก็คงถูกของเค้ามั้ง แต่ช่วงนั้นไม่มีเวลาเข้าเนทง่ะ
 แต่จริง ๆ ก็แอบใจดีอะ(พี่ช่อง 3 ผมสั้น)
 เคยเข้าไปเหลือคนสุดท้าย ทุกคนดูไม่เครียดเหมือนตอนคนเยอะช่วงเช้า ๆ

เราก็หญิงไทย

เราก็เคยขอมาแล้ว แล้วมีความรู้สึกไม่ชอบเจ้าหน้าที่ แต่ต้องเข้าใจนะคะว่า เขาทำงาน  และเข้าต้องรู้ข้อมูลของเราด้วย...และต้องเข้าใจด้วยว่า ผู้หญิงไทยสร้างในสิ่งไม่ไม่ดีเยอะมากๆๆๆ ชื้อเสียไม่ดีเลยเกี่ยวกะหญิงไทย ทุกที่แข่งกะฟิลิปิน นะคะ
 
 เจ้าหน้าที่ก็อยากให้ไปทุกคนนั้นเหละ เพราะมีเยอะเหลือเกินกะไปขายที่นาน้อยนะ บางคนไปแล้วก็ไม่อยากกลับ บางคนมีวีแค่ 3 เดือน แต่อยากอยุ่ตลอด......ต้องเข้าใจนะคะ

ข้าวจ้าว

สวัสดีค่ะ ทุกคน
 ต้องขอบคุณ คุณแม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้วมากๆเลยนะคะ
 ที่เอาความรู้มาแบ่งปันกัน เพราะตอนนี้กำลังจะเดินเรื่องเอาน้องชายขึ้นมาเที่ยวพอดีเลยค่ะ น้องอายุ30แล้ว มีขอสงสัยอยู่นิดนึงว่า
 1. ที่ว่าให้เขียนจดหมายส่ง Faxไปสถานฑูตนี่ เขียนไทยหรือ เยอรมันดีคะ
 
 2. อยากให้น้องมาเดือน สิงหา ควรเดินเรื่องช่วงไหนดีคะ เพราะถ้าเดินเรื่องตอนนี้แล้วเกิดได้วีซ่าเร็ว แล้วจะทำไงดีกับตั๋วล่ะ เพราะตั๋วเค้าคงไม่ออกให้เร็วหรอก ใช่มั้ยคะ
 
 ช่วยตอบให้หายสงสัยหน่อยได้มั้ยคะ เพราะตอนนี้แค่ให้น้องไปทำ Pass ไว้ก่อนแต่ยังไม่ได้เดินเรื่องอะไรเลย
 ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะ คุณ แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว ( ชื่อจ๊าบมากเลยค่ะ )

pall

สวัสดีค่ะทุกๆคน
 สวัสดีจ๊ะ จิ๋วจิ้ว
 ขอบใจอย่างมากสำหรับรายละเอียดข้อมูลที่บอกมา
 เกี่ยวกับการขอวีซ่ามาที่นี่
 
 ป้านั่งอ่านข้อมูลขั้นตอนที่1แล้วสงสัยมากๆเลย
 เพราะตอนที่ป้าเชิญแขกหรือญาติมาพักที่บ้าน
 เป็นอีกแบบหนึ่ง...ไม่ทราบว่าคนอื่น..เหมือนป้าหรือเปล่า
 ยอมรับว่าข้อมูลที่ทางสถานทูตสวิสที่เมืองไทยเขียนไว้
 เป็นคนละอย่างกับที่ป้าทำมา
 
 **ขั้นตอนที่ 1...ที่จิวจิ้วเขียนมา..ทางสถานฑูตระบุไว้**
  ให้ผู้เชิญ Fax จดหมายเชิญมาที่สถานทูตสวิสที่กรุงเทพฯ คำพูดในจดหมายเชิญก็เขียนพอเป็นพิธี ไม่ต้องเยิ่นเย้อมาก เช่น "ข้าพเจ้าชื่อ...อยู่บ้านเลขที่...ถนน...เมือง...( ที่สวิส ) เบอร์โทร...ต้องการเชิญคุณ......บ้านอยู่ที่...ถนน...เมือง...ประเทศไทย มาพักที่บ้าน ระหว่างวันที่...ถึงวันที่... โดยข้าพเจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด"
 
 **ของป้า**
 **เกี่ยวกับจดหมายเชิญ**
 ตั้งแต่เชิญแขกมาพักอยู่ด้วยป้าไม่เคย(หรือต้อง)เขียนจดหมายเชิญ
 ไปที่สถานทูตสวิสที่เมืองไทยเลย
 ทุกสิ่งทุกอย่างทำผ่าน Migrationsdiest des Kts. Bern
 และเขตที่ป้าอยู่....แค่นั้นเอง
 

pall

**ขั้นตอน...ข้อเขียนประสบการณ์การเชิญแขก มาสวิตฯ..ของป้าที่ทำมา**
 (Visa for Visitors)
 
 1. คนทางเมืองไทยนำคำร้องเอกสารขอวีซ่าที่กรอกเรียบร้อยแล้ว
 โดยเขียนชื่อ..ที่อยู่..ของคนทางสวิตฯที่เชิญมาพัก
 นำไปยื่นที่สถานทูตสวิสทางเมืองไทย
 และทางสถานทูตสวิสก็ส่งเอกสารของมาที่ Migrationsdiest des Kts. Bern
 
 รายละเอียดอื่นๆ. เอกสารที่นำไปยื่น...ขั้นตอนทางเมืองไทย...
 เข้าไปอ่านตามที่จิ๋วจิ้ว..เขียนบอกไว้
 หรืออ่านได้ที่นี่
 http://www.eda.admin.ch/bangkok_emb/t/home/visa.html
 
 **สำคัญ....**
 ใครที่ได้รับเชิญมาเที่ยวที่สวิตฯ อย่าลืมตอนกรอกเอกสาร
 ให้กรอกขอวีซ่าแบบ(multiple)..เพราะบางทีอาจจะเดินทางออกไปนอกประเทศ
 จะได้ไม่มีปัญหา

pall

2.พอคนทางเมืองไทยยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้วก็ส่งข่าวมาให้คนทางสวิตฯ
 รู้ไว้ว่าทำเรื่องเรียบร้อยแล้วนะ..
 หลังจากนั้น.....คนทางสวิตฯที่เชิญมาก็จะรอใบรับรองGarantieeklaerung
 ที่ทางทางMigrationsdiest des Kts. Bern
 (กองตม.Bern)จะส่งมาให้กรอกข้อความรับรองลงในเอกสาร
 
 3.หลังจากนั้นไม่นาน...ทางMigrationsdiest des Kts. Bern
 (กองตม.Bern)ก็จะส่งใบกรอกข้อความที่เรียกว่าGarantieeklaerung
 ใบการรันตรีรับรองแขกที่จะมาพักให้เรากรอกข้อความ(จำไม่ได้ว่ามีกี่ใบ)
 พอกรอกข้อความเสร็จ...เราก็ส่งเอกสารส่งคืนกลับไปยัง
 Migrationsdiest des Kts. Bern
 
 4.หลังจากนั้นเราก็รอว่าทาง Migrationsdiest des Kts. Bern
 (กองตม.Bern)...จะตัดสินใจออกวีซ่าให้แขกของเราหรือไม่
 

pall

**รู้ผลว่าได้วีซ่า...**
 **เมื่อ... Migrationsdiest des Kts. Bern
 (กองตม.Bern)....ออกวีซ่าให้**
 ตม.จะส่งจดหมายมาให้เรารู้ว่าแขกที่เราเชิญมา
 ได้รับวีซ่าเป็นที่แน่นอน......โดยที่เราจะได้ใบต่อไปนี้
 

pall



ใบจ่ายเงินเอกสารการออกวีซ่าErmaechtigung

pall



ใบเอกสารของ Ermaechtigungวีซ่าที่ทางตม.ออกให้ ให้เราเก็บไว้...


pall



ใบแจ้งบอกให้เรารู้ว่าใบการรันตรีที่เรากรอกข้อความให้ทางตม.Migrationsdiest des Kts. Bern
ดูนั้นได้ตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้วและทางMigrationsdiest des Kts. Bern
ได้อนุมัติออกวีซ่าให้..และจะส่งเอกสารอนุมัติใบนี้ส่งไปให้สถานทูตสวิสที่เมืองไทยBangkok
คนทางเมืองไทยจะรู้ผลของวีซ่าต้องใช้เวลารอประมาณ2หรือ3อาทิตย์