ประสบการณ์การขอวีซ่า VISITOR แบบประเภทไม่ได้ทำงานมา 2 ปีแล้ว

Previous topic - Next topic

JitJit

  ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเว็บป้าพอลมากๆเลยค่ะที่ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทุกคนได้มาเล่าประสบการณ์การขอวีซ่าให้ฟังนะคะ มีประโยชน์และได้ข้อมูลมากมายเลยจริงๆ จึงอยากขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้ฟังบ้าง เพื่อทดแทนที่หาข้อมูลที่นี่มาตลอด อาจจะมีประโยชน์บ้างเล็กน้อยก็ยังดีนะคะ                    
           ;D เริ่มต้นด้วยแฟนอยากให้ไปเที่ยวดูประเทศเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากรู้จักกันมาได้ 4 ปี เราก็ไม่คิดว่าจะไปเที่ยวดูประเทศของเขาหลอกเพราะคิดว่าค่าใช้จ่ายมันเยอะ รอเขาขึ้นมาเที่ยวหาเราดีกว่า  แต่ก็ปีละ 1 ครั้งเอง และตอนนี้แฟนก็บอกว่ามันน้อยเกินไปนะปีละ 1 ครั้งน่ะ เอางี้ไหมให้เราบินไปหา 1 ครั้ง และ เขาบินมาเมืองไทย 1 ครั้ง ดังนั้นปีนึงเราก็จะได้เจอกัน ปีละ 2 ครั้ง ก็เป็นอันโอเคตามนั้น
* เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับ การขอวีซ่า ก็โชคดีได้เจอเว็บป้าพอล และก็มีน้องๆพี่ๆ มาแชร์ประสบการณ์ ขอขอบคุณทุกๆคนด้วยนะคะโดยเฉพาะน้องแนนจ้า
* อันนี้แฟนแนะนำให้อ่าน
       รายละเอียดเกี่ยวกับการขอ วีซ่า visitor จากสถานทูตสวิสเซอร์แลนด์  เป็นภาษาไทย
http://www.eda.admin.ch/etc/medialib/downloads/edactr/tha.Par.0307.File.tmp/visitor_th.pdf
      เพราะแฟนอ่านอันนี้ ตอนแรกแฟนจะให้แค่จดหมายเชิญ กับจะซื้อประกันการเดินทางให้จากที่สวิสเลยแต่เราบอกว่าไม่ต้องหลอกซื้อจากเมืองไทยง่ายกว่า และถ้าไม่ผ่านอย่างไงก็คืนเงินได้
........และเราก็เลยบอกไปอีกว่า เห็นน้องๆ เขาบอกว่าต้องมี
- พาสปอร์ตผู้เชิญหน้าที่มีรูปผู้เชิญ และหน้าพลาสปอร์ตที่เข้า-ออก เมืองไทยด้วย 
- หลักฐานการเช่าหรือ การเป็นเจ้าของบ้าน
- ต้องโชว์บัญชีเงินฝากด้วย
- หลักฐานของการทำงานหรือถ้ามีบริษัทก็ต้องเอาด้วย
.....แต่แฟนให้มาแค่.....
1...จดหมายเชิญ
2...พลาสปอร์ตหน้าที่มีรูปแฟน และหน้าพลาสปอร์ตที่เข้า-ออกเมืองไทย
3...หลักฐานที่อยู่อาศัยของแฟน
       
       ??? แค่ 3 อย่างเท่านั้นเองเราก็แอบกังวลนะว่า ทำไมไม่โชว์เรื่องงาน เรื่องเงิน ด้วยเพื่อสถานทูตจะได้เห็นไปเลยว่า สามารถดูแลเราได้และก็มีงานแน่นอน แต่ก็พูดไปแค่ครั้งเดียวไม่ได้ตอกย้ำอะไรอีก :'(
   
******เมื่อเอกสารฝ่ายชายเรียบร้อยก็คิดว่าน่าจะโทรไปนัดสถานทูตได้แล้ว เพราะเอกสารของเราไม่ยุ่งยากและไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากไหน  ผู้ยื่นขอวีซ่าทุกคนต้องโทรนัดทางโทรศัพท์เพื่อขอยื่นวีซ่า ที่หมายเลข 1900-222-340 (นาทีละ 9 บาท และโทรได้เฉพาะภายในประเทศ)*********   
       

    ต่อมาก็มาดูเอกสารของตัวเราหละทีนี้ก็แอบคิดว่า ต้องเยอะกว่าฝ่ายชายแน่ๆเลย และอีกอย่างแอบกังวลด้วยเพราะว่าตัวเองไม่ได้ทำงาน มา 2 ปีแล้ว เพราะแฟนอยากให้มีเวลาไปเที่ยวด้วยกัน เวลาเขามาเที่ยว และเราก็คิดว่าจะหาอะไรทำซักอย่างที่เป็นธุรกิจส่วนตัวของเราเอง แต่เศรษฐกิจอย่างนี้นะ อย่าดีกว่า เก็บเงินไว้ จะได้ไม่เจ็บตัว แต่แฟนก็ส่งเงินให้ใช้ทุกเดือนนะ เราก็เลยเตรียมเอกสารอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อยจากคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เท่าไหร่

1...บัญชีธนาคารที่โชว์ว่าแฟนส่งเงินมาให้ประมาณ 6 เดือน และหน้าบัญชีธนาคาร
2...ใบผ่านงานจากบริษัทเก่าที่ทำงานมา 14 ปี แนบใบเสียภาษีปีสุดท้าย และใบเงินสะสมจากที่บริษัทตัดเงินเดือนเก็บไว้
3...อีเมล์ที่เราติดต่อกันปริ้นท์ปีละ 2 ใบ และพอดีมีอีเมล์รูปที่แฟนส่งรูปครอบครัวมาให้ดูก็เลยปริ้นไปด้วย
4...มีใบปริ้นท์ตั๋วเครื่องบินที่เราเคยไปเที่ยวด้วยกันที่เชียงใหม่ปี 2008 ด้วย ก็เลยเอาแนบไปด้วยกับรูปถ่ายคู่ 2 ใบ
5...พลาสปอร์ตตัวจริง พร้อมถ่ายเอกสารเซ็นต์รับรองสำเนา 1 ใบ
6...บัตรประชาชน พร้อมถ่ายเอกสารเซ็นต์รับรองสำเนา 1 ใบ
7...สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ใบ
8...สำเนาใบประกันอุบัติเหตุ
*****ข้อควรระวัง : ประกันที่ซื้อมาจะต้องเรียกเงินคืนได้ ในกรณีที่ไม่ได้รับวีซ่า
http://www.eda.admin.ch/etc/medialib/downloads/edactr/tha.Par.0291.File.tmp/Travel-Health%20Insurance%20Co's%20in%20THA.pdf

9...ใบจองตั๋วเครื่องบิน *****ข้อควรระวัง ห้ามซื้อตั๋วเดินทางก่อนจะได้รับวีซ่าสถานเอกอัครราชฑูตฯไม่สามารถรับผิดชอบใดๆ ได้ หากเกิดการล่าช้าหรือวีซ่าได้รับการปฎิเสธ
***ที่นี้น้องแนนแนะนำ และเราก็ได้ไปจองตั๋วบินที่นี่ด้วย ขอการันตีด้วยอีกคนจ๊ะว่าน้องเขาคุยง่ายและเข้าใจดีจ๊ะhttp://www.pallswiss.com/boards/index.php/topic,3033.0.html 

10...รูปถ่าย 2 นิ้วพื้นหลังขาว 2 ใบ ใบนึงติดที่ใบคำร้องขอวีซ่า อีกใบแนบไปด้วยแล้วเดี๋ยวพี่ที่เขาตรวจเอกสารจะแยกไปติดกับพลาสปอร์ตให้เรา

11...ใบคำร้องขอวีซ่า พร้อมติดรูปถ่าย

http://www.eda.admin.ch/etc/medialib/downloads/edactr/tha.Par.0284.File.tmp/Visumantrag%20Schengen%20e_d_f%20online_fill_in.pdf
      และบอกตรงๆ ว่าปวดหัวมากเพราะเป็นภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการมาก จนแปลไม่ออก เลยนอนดูอยู่เฉยๆ สัก 1 อาทิตย์ จะทำไงดีเนี่ยจะถามแฟนก็แหม แค่นี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรอ และก็ให้บังเอิญถามน้องแนนน้องเขาก็เลยแนะนำเว็บที่แปลภาษาไทยมาให้โชคดีอีกแล้ว เลยหายปวดหัวเลย  ถ้าช่องที่ไม่มีอะไรตอบให้ใส่ NONE ค่ะ
http://www.plan4swiss.com/images/visaapp01.jpg  หน้า 1
http://www.plan4swiss.com/images/visaapp02.jpg  หน้า 2
http://www.plan4swiss.com/images/visaapp03.jpg  หน้า 3
http://www.plan4swiss.com/images/visaapp04.jpg  หน้า 4
หน้าที่ 5 ก็ กรอกที่ ชื่อที่อยู่ของแฟน 
หน้าที่ 6 ไม่ต้องส่งจ๊ะ

12...เตรียมเงิน 2800 บาท ให้พอดีนะ เพราะไม่มีทอนให้จ๊ะ
     
     ตรงนี้ขอเล่าความไม่รู้ (โง่นั่นเอง :o) ให้ฟังนะ คิดว่า เอกสารทุกอย่างที่เราเตรียมไปยื่นที่สถานทูตนั้นจะต้องแปล เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (ทั้งๆที่ก็อ่านที่น้องๆเขาแนะนำการเตรียมเอกสารนะ.. เขาก็ไม่ได้พูดว่าต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษสักหน่อย แล้วเราไปเอามาจากไหนเนี่ยก็ งง ตัวเองเหมือนกัน)ก็ไปถามราคาเพื่อนแล้วเพื่อนบอกว่าแปลหน้าละ 300 บาท เราก็ว่ามันถูกดีนะ แต่ทำไมดูในเว็บป้าพอลเขาบอกว่าประมาณ 900-1200 บาท ก็เลย เอ๊ะ!! มันแปลกๆนะหรือเราต้องไปเสียค่าอะไรอีกหรือเปล่า เลยโพสต์กระทู้ถามบนเว็บป้าพอลว่าแปลเอกสารแผ่นละเท่าไหร่กันหรอ ปรากฎว่า ขอวีซ่าเยี่ยมเยียนเนี่ยไม่ต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอื่นเลย ใช้ภาษาไทยนั่นแหละ โชคดีเป็นที่สุด ไม่ต้องเสียเงิน เฮ้อ!! เกือบไปแล้วเรา




          *****เมื่อถึงวันนัดก็จัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อม และอย่าลืมรหัสที่ สถานทูตให้ไว้นะคะ เพื่อเวลาถึงที่เขาตรวจเอกสารเขาจะได้เช็คได้ง่ายๆ  ว่าเราโทรมานัดแล้ว ไปยื่นมาเมื่อวันที่ 9 กค. 09 ค่ะ*****     

- พอถึงสถานทูตยามหน้าประตูจะขอบัตรประชาชนจากเราเพื่อแลกกับบัตรผ่านเข้าไปในสถานทูต

- เดินเข้าไปก็จะเจอพี่ที่เขารอตรวจเอกสารเราอยู่ เราก็ให้รหัสเขาไป แล้วเขาก็จะเช็คว่ามีรหัสนั้น แล้วหลังจากนั้นก็จะเช็คเอกสารเรา ถ้าไม่มีปัญหาก็เรียกเงิน 2800 บาท เพื่อเอาไปเสียบไว้กับกองเอกสารของเรา แล้วให้เราเข้าไปยื่นให้ช่อง 3

- เราก็เอาเอกสารไปวางไว้ที่ช่อง 3 แล้วก็ออกมานั่งรอ แล้วเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มารับเอกสารไปเช็คอะไร ต่อมิอะไรอีกก็ไม่รู้  ทีนี้ก็นั่งรอๆๆๆ รออยู่ประมาณ 2 ชม. เพราะไปเร็วกว่าเวลานัด 1 ชม. เพื่อความแน่นอนเกี่ยวกับเอกสารว่าไม่มีปัญหาอะไร ระหว่างรอก็แอบตื่นเต้นอยู่มากๆเลย ว่าเขาจะสัมภาษณ์อะไรเราบ้างนะ

- เวลาผ่านไปเจ้าหน้าที่ก็เรียกเข้าไปสัมภาษณ์
**** อายุเท่าไร 
**** ไปทำอะไร
**** เคยไปมาก่อนไหม
**** เจอกันครั้งแรกที่ไหน 
**** เขามาเมืองไทยบ่อยไหม
**** รูจักแฟนมานานหรือยัง
**** เคยไปยุโรปไหม
**** อาชีพอะไร.....ไม่มีงานค่ะ 
**** ใครดูแลล่ะ ...แฟนส่งเงินให้ค่ะ
**** แฟนทำงานอะไร
**** เคยแต่งงานไหม
**** มีลูกหรือเปล่า
**** แล้วเราล่ะมีลูกหรือเปล่า
**** เคยแต่งงานหรือเปล่า
**** ชือแฟนสะกดอย่างไร...ขอบอกตอนแรกสะกดผิดไป 1 ตัว  ;D ตื่นเต้นมากมาย
******//////เอาหละซิเจอคำตอบที่ไม่รู้เยอะเลย**//////
-พ่อแฟนชื่ออะไร...ส่ายหัว ไม่รู้
-แม่แฟนชื่ออะไร...ส่ายหัว ยิ้ม
-พี่แฟนชื่ออะไร...ส่ายหัว โอ้ยตายแล้วเรา
-น้องแฟนชื่ออะไร.........ไม่รู้เลยยยยยยยยยย
-รู้จักเพื่อนแฟนบ้างหรือเปล่า....ไม่รู้ค่ะ เพราะเขามาคนเดียวตลอด 
-ถนนที่แฟนอยู่ชื่ออะไร.....ไม่รู้ค่ะ แหะ ๆ
-เมืองที่ไปชื่ออะไร....CONTHEY ค่ะ
-เจอแฟนครั้งที่ 2 เเดือนอะไร....จำไม่ได้
-ครั้งที่ 3ล่ะ...จำไม่ได้
-ครั้งที่ 4 .... ใช่เลยจำได้เพราะปีนี้เอง 
-พูดภาษาอังกฤษได้ไหม..ค่ะ  งั้นพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าเมื่อวานไปทำอะไรมา.....พูดไปได้ประมาณ 2 ประโยค

จบข่าว....ก็บอกว่า ให้มาฟังผลวันที่ ระบุไว้ในใบกระดาษเล็ก ที่เจ้าหน้าที่ยื่นให้มาก็ได้ฟังผลวันที่ 15 กค.52
     ******ถามได้เร็วมาก บอกตรงๆ ประหม่ามากมาย  ไอ้ที่น่าจะตอบได้ก็ลืมไปเลย ******
แต่เจ้าหน้าที่ก็โอเคนะ เป็นผู้ชาย ถึงจะถามเร็ว แต่ก็ยังสุภาพอยู่ และดูแล้วเจ้าหน้าที่ก็งานเยอะทุกคนเลย เห็นแล้วก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ค่ะ




     
     และถึงวันฟังผล ก็เอาไปกระดาษเล็กๆ ที่เจ้าหน้าที่ให้ไว้ ไปยื่นให้ยามหน้าประตู  ยามก็เลือกซองมาให้แล้วเขาบอกว่าเปิดดูก่อนแล้วเช็คด้านในดูว่าใช่ของเราหรือเปล่า เมื่อเช็คเรียบร้อยก็มาดูที่ หน้าซองเขียนว่า ให้ส่งเอกสารที่อยู่ในซองนี้ไปให้เจ้าบ้านที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ดำเนินการ เจ้าบ้านจะเป็นผู้ติดต่อกับตำรวจที่ประเทศสวิส เอง หลังจากส่งเอกสารไป 1 เดือน ให้นำหนังสือเดินทางพร้อมใบจองเที่ยวบิน  มาตรวจสอบผลกับสถานทูตฯ
*******ตอนนี้ก็ส่งเอกสารไปเรียบร้อยแล้วรอประมาณ 3 อาทิตย์ค่อยเช็คอีกที*******

         
****เมื่อถึงวันนั้นจะ มาเขียนให้อ่านอีกนะคะ ว่าผลจะเป็นอย่างไรบ้าง  หวังว่าคงจะทนอ่านกันได้นะคะและหวังว่าคงจะช่วยให้น้องๆ  เพื่อนๆ พี่ๆ ที่จะทำเรื่องขอวีซ่า VISITOR คงจะได้ประโยชน์บ้างนะคะ เพราะอาจจะแตกต่างจากที่น้องๆพี่ๆ ที่แชร์ประสบการณ์ การขอวีซ่าแบบเดียวกันนี้ไม่มากนัก แต่ก็หวังว่าคงจะมีสักนิดที่สามารถช่วยอะไรใครได้บ้าง ไม่มากก็น้อย****

ladypatth

คุณjitjit

ยินดีด้วยนะคะ นี่แหละคะ วีซ่าผ่านแล้ว แต่ต้องส่งหนังสือรับรองไปให้แฟน เค้าไปที่สถานีตำรวจให้รับรองความประพฤติคะ 3 อาทิตย์ค่ยอเมลไปเช็คที่สถานฑูตได้เลยคะ

ยินดีด้วยคะ 

Api

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ สมัยเราขอ visitor visa ก็มีคำถามคล้ายๆกันค่ะ เจ้าหน้าที่สถานฑูตเค้าออกตัวแบบสุภาพ ว่าพี่ไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวเรานะ แต่ว่ามันเป็นหน้าที่ เราก็เลยตอบแบบชนิดว่าคุณพี่เข้ามาอยู่ให้เหตุการณ์เลย สนุกดี ขนาดเอารูปงานหมั้นไปแสดง เค้ายังบอกว่ามัน make กันได้ สุดท้ายก็ขอเอกสารทาง e mail จริงๆ มันก็น่าจะ make ได้เหมือนกันอิๆ แต่ก็ให้เค้าไป สุดท้ายก็ได้เอกสารค่ะ เหมือนคุณ jitjit ส่งให้แฟนแล้วก็กลับมาร้องเพลงรอ 2-3 สัปดาห์ก็เอา passport ไปฟังผล  ปรากฎว่าได้ค่ะ อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้นะคะ good luck kha.  :D

JitJit

    :o คุณแพทค่ะ งั้นก็เตรียมช็อปปิ้งได้เลยใช่ไหมเนี่ย  ขอบคุณสำหรับข้อมูลของคุณแพทด้วยนะคะ ก็แอบอ่านประสบการณ์ของคุณแพทด้วยค่ะ และเพื่อนของคุณแพทก็ใจดีจริงๆด้วย เรื่องการจองตั๋วเครื่องบินวันเดียวได้เลย ทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้นเยอะเลย....ถ้าเมื่อไหร่ได้วีซ่าก็คงต้องโทรไปคุยกับน้องเขาเรื่องตั๋วต่อไป  ;)
    :D ขอบคุณค่ะคุณ Api ที่อ่านนะคะ และหวังว่าคงจะ Good luck เหมือนกันค่ะ

               *****ตื่นเต้นจังเลยจะได้ไปเที่ยวประเทศที่สวยที่สุดแล้ว  ;D****

Penguin

ยินดีด้วยนะค่ะ K.JitJit ขออนุญาติเรียกพี่นะค่ะ ช็อปปิ้งรอได้เลยค่ะ 3 อาทิตย์แปบๆเดี๋ยวก็ถึงค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาแบ่งปันนะค่ะ
  :D  :D

JitJit

ขอบคุณค่ะน้อง Penguin เรียกพี่ได้เลยจ้า เพราะอายุหลักสี่แล้วค่ะ ขอให้น้อง โชคดีไวๆนะคะ  :D ถ้าทุกอย่างโอเค ตามนั้น พี่ก็จะเดินทางวันที่ 16 สิค จ้า แต่ก็อยากมีเพื่อนสักคนนั่งเครื่องไปด้วยวันนั้นจัง จะมีใครเดินทางวันนั้นบ้างนะ

ladypatth

พี่จิต

  อีก เดือนเดียวเองคะ ชอปปิ้งไว้ได้เลยคะ พี่ เพราะของที่นี่แพงเวอร์...ยังไงอีกเดือนเดียวแปบเดียวคะ เวลาไว้ไปไวเหมือนโกหก ..แล้วมาเจอกันที่นี่นะคะ

JitJit

 :'( อยากจะร้องไห้มากที่สุดเลย ไม่คิดว่าตัวเองจะโง่ขนาดนี้เลย ทำไมเราไม่รอบคอบเลยนะ  :-[ ขอบอกว่า วีซ่าโดนปฏิเสธ เพราะเรามั่นใจว่ากับข้อความหน้าซองว่าให้ส่งจดหมายไปที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เราไม่ได้เน้นที่จดหมายด้านในว่าเขาปฏิเสธวีซ่ามาแล้ว จนกระทั่งแฟนอ่านจดหมายแล้วบอกว่าเขาปฏิเสธเรา แต่เราก็ไม่รอบคอบไม่อ่านจดหมายให้ดีก่อน เพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเราก็เลยไม่อ่าน แต่ดันไปเน้นหน้าซองเสียส่วนใหญ่

:'( คิดแล้วเศร้ามากเลย ทำไมเขาต้องเอาซองที่มีกระดาษอย่างนั้นแปะมาให้เราด้วย มันทำให้คนที่ภาษา อ.ไม่ดีต้องเข้าใจผิดได้นะคะ สถานทูตน่าจะทำอะไรที่มันเป็นทางการกว่านี้หน่อยนะคะ เพราะเราไปยื่นวีซ่า เราก็เสียเงินตั้ง 2800 บาท กับไอ้แค่ซองจดหมายที่มันเป็นทางการหน่อยนึงทำไมไม่ทำให้มันดูแล้วไม่เข้าใจผิดได้

:'( ขอโทษน้องๆ ด้วยนะที่ทำให้เข้าใจผิด พี่ไม่รอบคอบเอง คงจะมี แค่พี่ที่เป็น 1 ใน 100 คนที่เป็นอย่างนี้

aum

         โอ้ สวัสดีค่ะ คุณ jitjit
            เสียใจด้วยนะคะ กับเรื่องวีซ่าที่โดนปฏิเสธ อุ้มก้อมาแอบดีใจด้วยเลย แต่ก้ออย่าเสียใจและอย่าร้องไห้เลยนะคะ ไม่ผ่านเรายังยื่นอุทรณ์ได้  ลองใหม่อีกทีนะคะ ถือว่าเป็นประสบการณ์จะช่วยให้เราอยากเรียนรู้เรื่องภาษาและช่วยให้เรารอบคอบมากขึ้น ยังไงก้อจะรอฟังข่าวดีอีกนะคะ เป็นกำลังใจให้จ้า

Fon2008

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะเรื่องผลวีซ่า แต่อย่าท้อนะคะยื่นอุทธรณ์ใหม่ไปเลยค่ะยังไงก็ยังมีหวังอยู่ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ladypatth

พี่จิต

  ข้างในเค้าว่า ยังไงคะ เหมือนกับ เพื่อน ๆ ที่ ไม่ผ่านหรือเปล่า ไม่เป็นไรนะคะ พี่ ยื่นอุธรณ์ได้คะ ยังไง อ่านไปบอร์ดนี้ ก็ได้ นะคะ เอาใจช่วยคะ สู้ ๆ คะ

JitJit

ขอขอบคุณกำลังใจจาก คุณ Aum,คุณ Fon2008 ค่ะ ก็จะลองอุธรณ์ ดูนะคะ คงจะโทรไปถามวันจันทร์นี้แหละค่ะ แต่ก็ไม่รู้ต้องรอนานแค่ไหน
แต่ก็ว่าจะลองดู และก็ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นอุธรณ์ต่อไป

:'( เรานี่ชอบโชว์ความซื่อบื้อเรื่อยเลยนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งอายตัวเอง อายน้องๆ และก็อายแฟนมากๆด้วย เฮ้อ :(

JitJit

น้องแพทจ๊ะ ข้างในเขากากบาทมา 2 ข้อค่ะ
1. the purpose and conditions of your stay could not be ascertained
2. your intention of return to your country of origin could not be ascertained

ตอนแรกไม่สนใจจะอ่าน ตอนนี้ลองหาในเว็บป้าพอลดูจึงเข้าใจแล้วว่าแปลว่าอะไร

:'( น้องแพท พี่เนี้ยเศร้าเลยอะ เหมือนขึ้นสวรรค์ได้ประมาณ 4 วันแล้วตกลงมาเลย ตอนแรกที่ไปรับซองที่สถานทูตนะก็เปิดอ่านอยู่นะ งูๆปลาๆ ว่ามันเหมือนมันไม่โอเค แต่หน้าซองนี่ซิอะไรล่ะ เลยคิดไปเองว่าเชื่อหน้าซองดีกว่า เพราะไม่งั้นแล้วเขาจะแปะมาทำซากอะไรใช่ไหม แต่ก็นะ อย่าไปโทษเขาเลย เรามันซื่อบื้อเองแหละ   

??? ตอนแรกที่ไปยื่นขอวีซ่าน่ะ ในใจพี่ก็ว่าพี่ไม่น่าจะผ่าน เพราะว่าแฟนพี่ให้เอกสารมาแค่ 3 อย่างเอง และอีกอย่างพี่ก็คิดว่าที่พี่ไม่มีงานทำก็อาจจะเป็นปัญหาหนึ่งก็ได้

sasi

  สงสัยว่าทำไม วีซ่า ถึงไม่ผ่านคะ     เพราะ ครั้งแรก ที่ขอวีซ่า เข้าสวิส  ดิชั้นก็ได้ ซอง

สีน้ำตาลแบบนี้   ข้างในมีเอกสาร  ซึงมีชื่อ ดิชั้น กับเพือ่น ที่จะไปเที่ยวสวิสด้วยกัน อยู่

ส่งไปที่ ที่สวิส  ประมาณ 10 วันหลังจากนั้น ก็มารับวีซ่า ได้   ครั้งต่อๆมาก็ได้

วีซ่า ทุกครั้ง  โดยที่เอกสาร ไม่อะไรเลย นอกจาก  หนังสือรับรองการทำงาน

กับจดหมายเชิญ   แล้วก็ไปจองตั๋วเครื่องบิน   จนท สถานทูต ไม่ถามอะไร

หลังจากนั้น สามวัน  ก็รับวีซ่าได้      แต่ที่อ่านของหลายๆคน  รู้สึกว่า เตรียมเอกสารเยอะ

และมีคำถามมาก     วันนี้ก็ได้ข่าวว่า คนรู้จัก วีซ่าไม่ผ่านเหมือนกัน   ต้องรอ อุทรณ์  2 เดือน

natcha

พี่จิตค่ะ
อ่านเรื่องราวของพี่นั้นเศร้าจังแต่ก็ยังไม่เข้าถึงความผิดพลาดในครั้งนี้ไม่อยากจะเชื่อว่าทางสถานทูตจะทำแบบนั้นและอีกอย่างผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิดนะคะไม่ใช่โง่ค่ะไม่ต้องอายค่ะ ไม่มีใครอยากทำผิดพลาดหรอกค่ะ แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจรืงก็ต้องรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้น ทำใจให้สบายค่ะไม่ต้องคิดมากเริ่มใหม่ได้ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ