อีกครั้งกับ ขั้นตอนทำวีซ่าแต่งงานที่สวิสสำหรับหญิงไทย และนำโน๊ตบุ๊คมาใช้ที่สวิสฯ

Previous topic - Next topic

NA-SP

ข้อมูลดีจากนาค่ะ ขั้นตอนการทำวีซ่าแต่งงานที่สวิส ตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ (เผื่อจะมีประโยชน์สำหรับทุกๆคนที่กำลังจะมา )
ถ้าสนใจข้อมูลนี้ก็จัดการ Print แล้วเก็บเอาไปไว้อ่านที่บ้านนะค่ะ โชคดีค่ะ

ข้อมูลและเอกสาร ที่นาได้ยื่นเรื่องมาก่อนด้วยตัวเองค่ะ เกี่ยวกับทำวีซ่าแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสที่ประเทศสวิสค่ะ
(ส่วนนา ยังไม่เคยแต่งงาน และไม่เคยมีบุตร ไม่เคยจดทะเบียนสมรสค่ะ เลยเตรียมเอกสารได้ไม่ยากค่ะ)

-ไม่ต้องจ้างใคร หรือเอเย่นทำให้ค่ะ ถ้าคุณรู้ และสามารถกรอกข้อความเป็นภาษาอังกฤษได้ค่ะ โดยกรอก 3 ชุดค่ะ ที่สถานฑูตเลย)
สำหรับเราค่าเดินเรื่อง และค่าวีซ่าแต่งงาน รวมแล้วทั้งหมดแค่หมื่นกว่าบาทเองค่ะ
-ส่วนเราแฟนพูดภาษาเยอรมัน เลยต้องแปลเป็นภาษาเยอรมัน แพงค่ะ เพราะยากกว่าภาษาอังกฤษค่ะ
-และเรายังไม่เคยแต่งงานมาก่อน เลยแปลแค่ 4 ใบค่ะ มี ใบเกิด/ทะเบียนบ้าน/ใบเปลี่ยนชื่อ/ใบรับรองการโสด รวม 3600 บาทค่ะ
-โดยไปแปลที่ กทม ค่ะ แถวสี่แยกเพลินจิต แต่ให้เอาเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับการทำวีซ่า เข้าไปตรวจก่อน และถามพี่ๆ ในสถานฑูตสวิสดูก่อนค่ะที่ช่อง 5 ที่เรายื่นเรื่องช่องวีซ่าแต่งงานน่ะค่ะ พี่ๆเขาจะแนะนำเรื่องเอกสารทั้งหมดที่ต้องใช้ และสถานที่แปลให้ค่ะ แนะนำดีค่ะ

นาเคยทำวีซ่าเยี่ยมเยียนแฟน หรือ visa visit ทำถึง 2 ครั้งค่ะ ยื่นอุทรณ์ ก็ไม่ผ่านค่ะ โดยเสียเงินค่าวีซ่า 2 ครั้งน่ะค่ะ
แล้วก็เลยรอจังหวะประมาณ 2 เดือนค่ะ ก็ตัดสินใจกับแฟนอีกทีว่า น่าจะยื่นวีซ่าแต่งงานดีกว่า เผื่อว่าจะผ่าน แต่ก็ไม่มีความหวังค่ะหรอกค่ะ
ถ้าไม่ผ่าน ก็คงรอให้แฟนลงมาประเทศไทย แล้วก็แต่งงานที่ประเทศไทย ค่อยไปสวิสทีหลังค่ะ
แต่อยู่ๆ สิ่งที่ไม่คาดหวังก็เกิดขึ้น โชคเข้าข้างนาค่ะ หลังจากยื่นวีซ่าแต่งงานเรียบร้อยแล้ว รอประมาณเดือนกว่าๆ เอง
ทางแฟนเราที่อยู่สวิส ก็ส่งอีเมลล์มาบอกเราค่ะว่า วีซ่าแต่งงานอนุมัติแล้วนะ โอ๊ย ดีใจมาก ก็เลยได้มาแต่งงานที่สวิสนี่แหละค่ะ
(รวมทั้งหมดทำวีซ่าที่เข้าสวิส 3 ครั้งค่ะ เหนื่อยมากๆ กับการเดินเรื่องเอกสารต่างๆ แต่ก็ทำให้นาได้มีประสบการณ์เรื่องยื่นวีซ่ามากๆค่ะ)


กฎหมายสมรส
เมื่อคุณต้องการจดทะเบียนสมรสในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยจะแต่งงานที่ใหน ก็แล้วแต่ตัวคุณและแฟนคุณค่ะ กลับมาที่ไทยก็ได้ค่ะ
ควรติดต่อสอบถามรายละเอียดเอกสาร ระบุสิ่งที่จะนำไปยื่น จากสำนักอำเภอ(เขตที่ผู้อาศัยอยู่)ที่ผู้ต้องการจดทะเบียนสมรสลงทะเบียนเข้าอยู่อาศัยในประเทศสวิตฯเพื่อป้องกันมิให้ล่าช้า หรือเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ต้องจัดหาเร่งด่วนจากประเทศไทย ในกรณีที่ท่านเดินทางมายังประเทศสวิตฯแล้ว

ข้อมูลที่ควรทราบเกี่ยวกับการยื่นเรื่องจดทะเบียนสมรส
คุณสมบัติของคู่สมรส
- ทั้งสองฝ่ายต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์
- มิได้เป็นพี่น้องหรือญาติร่วมสายโลหิตหรือเป็นบุตรบุญธรรมของอีกฝ่ายหนึ่ง
- ถ้ามีผู้ปกครอง(Vormund)ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน


เตรียมเอกสารของทั้งสองฝ่าย  ดังนี้

สำหรับชาวไทย หรือตัวคุณเองค่ะ  เอกสารที่ต้องยื่นเพื่อขอจดทะเบียนสมรส(อาจมีข้อแตกต่างบ้างแล้วแต่เขตที่อยู่แต่ละรัฐ)
(เอกสารทั้งหมดที่เรามี ทั้งตัวจริง และสำเนา เตรียมไว้เลยค่ะ เผื่อเขาจะเรียกตรวจดูค่ะ)
- หนังสือเดินทาง Passport ของเราเอง
- บัตรประชาชน (สำเนา)
- ทะเบียนบ้าน(สำเนา)
- สูติบัตร หรือใบรับรองสถานที่เกิด วัน เดือน ปีที่เกิด ชื่อ บิดามารดา และนามสกุลเดิมของมารดาก่อนสมรส โดยมีการระบุว้าถือสัญชาติไทยด้วย
- ใบรับรองสถานภาพโสดสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน
(ให้ไปขอที่อำเภอแต่เนิ่นๆ แล้วก็อย่าลืมเอาผู้สอบพยานไปรับรองด้วยค่ะ ประมาณ 2 คน ขอบอกสำหรับอำเภอของเรา เราเอาผู้ใหญ่บ้าน และญาติ ไปค่ะ  เพราะเขาจะสอบประวัติเราว่ายังเป็นโสดอยู่จริง และยังไม่เคยแต่งงานมาก่อนค่ะ )
- หรือถ้าแต่งงานมาก่อนแล้ว กรณีหย่าแล้วต้องนำใบหย่าพร้อมบันทึกการหย่ามาแสดงด้วย
- รูปถ่าย 2"

เอกสารภาษาไทยทุกฉบับที่ระบุข้างต้นนี้(ยกเว้นหนังสือเดินทาง)ต้องแปลเป็นภาษาราชการของประเทศสวิตฯเพื่อประกอบในการยื่นขอจดทะเบียนสมรส


สำหรับชายชาวสวิส (แฟนของคุณจะทราบค่ะ ว่าเขาต้องเตรียมอะไรบ้างค่ะ)
-ใบรับรองการลงทะเบียนบ้าน(Wohnsitzbescheinigung)
-ใบรับรองสถานภาพทางการสมรส(Personalstandausweis/Zivistandsbestaetigung)
(แฟนคุณจะส่งหลักฐานตัวจริงไปให้คุณที่เมืองไทยค่ะ แล้วคุณก็เอาเอกสารประกบเข้าด้วยกัน เพื่อยื่นกับสถานฑูตค่ะ)

**************************************************************

ขั้นตอนการเตรียมเอกสารการทำวีซ่าแต่งงานที่สวิส  มีดังนี้ค่ะ

1. เช็คดูเอกสารของตัวเราเองก่อน ว่ามีอะไรบ้าง และอะไรที่ยังขาดอยู่ ที่ต้องกลับบ้านต่างจังหวัด เช่น
-ใบเกิด
-บัตรประชาชน 
-ทะเบียนบ้าน 
-ใบอย่า 
-ใบเปลี่ยนชื่อ
-ใบรับรองการโสด (ถ้าทำงานห่างจากบ้านเกิด ก็ให้กลับบ้านก่อน โดยไปขอใบรับรองโสดที่อำเภอ ประมาณวันเดียวก็ได้แล้วค่ะ)
-หนังสือเดินทางตัวจริง หรือ Passport.
-รูปถ่าย ขนาด 2"  รวม 3 ใบค่ะ โดยติดรูปลงในแบบฟอร์มวีซ่าทั้ง 3 ชุดค่ะ
 
2. หลังจากได้เตรียมเอกสารครบถ้วนแล้ว ให้นำเอกสารเข้ามาที่สถานฑูตค่ะ (บอกกับยามหน้าประตูว่ามาทำวีซ่านะคะ)
-แล้วเข้าไปที่ช่อง 5 เพื่อเข้าไปติดต่อสอบถาม และให้พี่ๆในสถานฑูต เขาตรวจเอกสารให้ ว่าที่เราเตรียมมาใช้ตัวใหนบ้างในการยื่นวีซ่าแต่งงาน พี่เขาก็จะขอดูเอกสาร แล้วจะแยกให้เราเองค่ะ ส่วนที่จะต้องแปลภาษา พี่เค๊าก็จะแยกให้เลยค่ะ
-และอย่าลืมถามพี่เค๊าด้วย ว่าเราต้องไปแปลเอกสารเหล่านี้ได้ที่ใหนบ้าง พี่เขาก็จะให้เบอร์โทรและที่อยู่มาค่ะ แล้วเราก็เอาไปแปล
(รอเอกสารจากการแปล ประมาณ 3 วันค่ะ)
-สถานที่แปลภาษา เขาจะรู้ว่าต้องแปลเป็นภาษาอะไร เพียงแต่เราบอกว่าภาษาหลักของแฟนคืออะไร และอาศัยอยู่เขตใหนของสวิส

3. หลังจากได้เอกสารจากการแปลแล้ว (แปลประมาณ 3 วัน)
-ก็รวบรวมเอกสารจากการแปลทั้งหมดไป Copy แบ่งเป็น 3 ชุดค่ะ (แนบเป็น 3 ชุดค่ะ)
-โดยเอาของแฟนที่ส่งมา แนบเข้าไปด้วยกันค่ะ ของแฟนก็มี 
       1.ใบรับรองการสมรสที่แฟนส่งมาให้ 1 ใบ (ตัวจริงสีเหลือง ถ้าจำไม่ผิดค่ะ)
       2.และสำเนาหนังสือเดินทางแฟน
       3.และสำเนาทะเบียนบ้านของแฟน

4. เข้าไปสถานฑูตอีกครั้งนึง ว่ามาทำวีซ่า
-เข้าไปช่อง 5 หาพี่คนเดิม หรือคนที่ดำเนินเรื่องวีซ่าแต่งงานให้เรา (แต่อย่าลืมกดบัตรคิวก่อนนะค่ะ)
-พี่เขาก็จะเช็คหลักฐานเราอีกครั้งนึง และก็สอบประวัติเราต่างๆ นาๆ เราก็ต้องตอบเป็นความจริงด้วยนะคะ อย่าโกหกเขา
(สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยค่ะ ไม่ต้องกลัว)
-หลังจากนั้น พี่เขาจะบอกว่าเราทำถึงขั้นตอนใหนแล้ว และต้องเตรียมอะไรอีกต่อไป
-แล้วก็รอค่ะ ประมาณ  1-2 เดือน ทางสถานฑูตที่กรุงเบิร์น เขาจะแจ้งเรื่องวีซ่ากลับไปที่บ้านของแฟนคุณค่ะ โดยคุณจะรู้ก็ต่อเมื่อแฟนคุณบอกค่ะ ว่าวีซ่า ผ่านหรือไม่ผ่านค่ะ

5. ถ้าวีซ่าผ่านหลังจากทราบเรื่องจากแฟนแล้ว  ขั้นตอนดังนี้ค่ะ
-เข้าไปสถานฑูตสวิสอีกครั้ง โดยนำหนังสือเดินทางตัวจริง(Passport)ของเราเอง
-เข้าไปยื่น Passport ได้ที่ช่อง 3 ว่าเรามาติดต่อเรื่องสอบถามวีซ่าแต่งงานที่ทำไว้แล้วประมาณ 2 เดือนก่อน ว่าผ่านหรือเปล่า
-หลังจากนั้นเขาก็จะเอา Passport ของเราไปเช็คดูค่ะ แล้วก็ให้ใบนัดเรามา ว่ามารับ Passport ได้วันใหน เวลาใด
-เมื่อมารับหนังสือเดินทางก็ให้ติดต่อที่หน้าป้อมยามเลยค่ะ เพราะเขาจะเอามารวมไว้ที่นั่นค่ะ รับกับยามได้เลยค่ะ

6. หลังจากเปิดดูในหนังสือเดินทางแล้ว ก็จะรู้ว่าเราได้เดินทางวันใหนบ้าง อยู่ได้กี่เดือน
-ก็อย่าเพิ่งกลับบ้านต่างจังหวัดนะคะ ต้องไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนค่ะ เพราะอยู่ใกล้สถานฑูตค่ะ
-หลักฐานที่ต้องนำไปก็มีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ดังนี้ค่ะ
1.สำเนาทะเบียนบ้านเรา  2.สำเนาบัตรประชาชนเรา  3.สำเนาหนังสือเดินทางด้านที่มีชื่อเรา และด้านที่มีวีซ่าการการเข้าสวิสค่ะ
4.สำเนาหนังสือเดินทางของแฟน (เกี่ยวกับเอกสารของแฟนที่เราได้ Copy ไว้น่ะค่ะ)
-บอกกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเรามาขอรับใบรับรองความประพฤติ เพื่อจะนำไปต่างประเทศด้วยค่ะ
-ก็จะทำการกรอกแบบฟอร์ม และหลังจากทำเรื่องเสร็จแล้ว ก็รอเอาใบนัดให้มารับค่ะ ประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ ก็ให้นำไปสวิสด้วยนะคะ

7. -ขั้นตอนสุดท้าย ก็จัดการซื้อตั๋วบินได้เลยค่ะ (แต่ขอบอกอย่าซื้อกับเอเย่นใน กทม นะคะ บางเอเย่นเปิดบริษัท แต่เอาเงินเราไปหมุนใช้ที่อื่น โดยไม่ออกตั๋วให้เราค่ะ เพราะนาโดนโกงเงินมาแล้ว สี่หมื่นกว่าบาทค่ะ ยังเอาเงินคืนไม่ได้เลยค่ะ แต่จะแจ้งความกับเอเย่นนั้นค่ะ หลังจากกลับไปจากสวิสค่ะ ไม่ปล่อยให้ลอยนวลหรอกค่ะ
ให้ซื้อกับบริษัทของสายการบินเลยค่ะ แต่จะต้องซื้อตั๋ว ทั้งไป และกลับนะคะ กรมการตรวจคนเข้าเมือง เขาจะตรวจดูคะ
         (เขากลัวว่าถ้าเราทำวีซ่าแต่งงานที่โน่นไม่ผ่าน และเราจะไม่กลับมาเมืองไทยค่ะ แต่ว่าที่แน่ๆต้องถามดูทุกสายการบินนะคะ)
(ส่วนของนาเอง ซื้อตั๋วทั้งไป และกลับ กับการบินไทย เขาไม่ให้ซื้อขาเดียว กลัวเราไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศสวิสมั๊งคะ)
(แต่นาผิดหวังมากๆ กับการบินไทย เพราะนาซื้อทั้งไปกลับ แต่วันกลับไม่ตรงกับในตั๋ว เพราะทำเรื่องแต่งงานไม่เสร็จ ก็เลยโทรหาการบินไทย ว่าขอเลื่อนวันเดินทางกลับไทยออกไป แต่ทางการบินไทยไม่ให้เลื่อนออกค่ะ ให้เลื่อนเข้ามาอย่างเดียว เสียใจมากๆ ค่ะ ก็เลยตัดสินใจและยอมเสียเงินขากลับให้กับการบินไทยไปเลย เพราะเขาไม่คืนเงินให้เราค่ะ ก็เลยซื้อตั๋วใหม่เลยของสายการบิน อิมิเรด Emirat ราคาก็ถูกกว่าด้วยค่ะ ปลอดภัยเหมือนกัน


8. -ของฝากต่างๆ ที่จะเอาไปสวิส จะต้องไม่เกิน SF$300 หรือไม่เกินสามร้อยสวิสฟรังค์ค่ะ ถ้าเกินต้องเสียภาษีเพิ่มนะคะ
          1. ถ้าเอาของฝากไปเกิน สามร้อยสวิสฟรังค์ ต้องเดินออกที่ช่องสีแดงนะคะ เพราะเขาจะตรวจค่ะ
          2. ถ้าไมเกินสามร้อยสวิสฟรังค์ ก็ให้เดินเข้าที่ช่องสีเขียวได้เลยค่ะ  เขาจะไม่ตรวจ แต่อย่าทำให้เขาสงสัยนะคะ
                 (แต่อย่าเลี่ยงภาษีนะคะ ถ้าเขาตรวจดู จะเสียสองเท่าเลยนะ จะบอกให้รู้ซะก่อน หรือที่แน่ๆ ไม่ต้องซื้ออะไรไปเลยดีกว่านะ)

9. -หลังจากพบแฟนเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการคุยกันเองค่ะ ว่าจะทำขั้นตอนอะไรต่อไป โดยแฟนคุณเขาจะทราบเองสำหรับขั้นตอนค่ะ

เมื่อมาถึงสวิส ฯ แล้ว ไม่ยากเลยค่ะ ขั้นตอนดังนี้ค่ะ

เพราะที่นี่เขาดำเนินเรื่องไปตามเอกสารที่เราได้ยื่นเรื่องแต่งงานที่สถานฑูติไทยไว้แล้วน่ะค่ะ
มาถึงที่นี่ก็ไม่ต้องใช้เอกสารอะไรเลยค่ะ (ตัวเป่าค่ะ) เพราะทางนี้เขามีเอกสารของเราหมดแล้วค่ะ
แล้วเดี๋ยวเขาจะแจ้งทางแฟนพี่สาวคุณเอง สำหรับขั้นตอนแต่งงานที่นี่ค่ะ
แต่สำหรับนา นาไม่ได้จัดงานแต่งที่นี่ค่ะ แค่ไปจดทะเบียนเฉยๆ แล้วก็จะกลับไปแต่งที่บ้านเกิดปีหน้าค่ะ
แล้วก็มีคนแปลภาษาเยอรมันให้  1 คน นะคะ สำหรับการไปจดทะเบียนสมรส และก็มีพยานอีก 2 คน เป็นเพื่อนของแฟนพี่สาวก็ได้ค่ะ
(เวลาไปจดทะเบียนที่อำเภอ ต้องหาคนที่แปลภาษาให้เราได้ คือจ้างค่ะ 260 สวิสฟรังค์ เพราะนายังพูดไม่เป็นค่ะ)

ขั้นตอนคือ

1. เมื่อพี่สาวคุณมาถึงสวิส ก็ไปกับแฟนค่ะ ไปแจ้งที่ในตำบลที่แฟนพี่สาวคุณอาศัยอยู่น่ะค่ะ ว่าได้มาถึงแล้วที่สวิส (ไปเซ็นต์ชื่อ รู้สึกว่าจะเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้านค่ะ)
2. หลังจากนั้น รอประมาณ 1 อาทิตย์ เขาก็จะนัดคุณไปจดเอกสารทำสัญญาที่อำเภอ นัดวันที่ทำการแต่งงาน หรือจดทะเบียนสมรส และพี่สาวคุณต้องการใช้นามสกุลแฟน หรือของใคร (สำหรับนา นาใช้ของนา และก็ตามด้วยของแฟนค่ะ)
3. หลังจากนั้น คุณนัดวันที่จดทะเบียนหรือแต่งงานกับทางเจ้าหน้าที่อำเภอเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะให้กลับบ้านได้ค่ะ
4. และคุณก็ไปอีกทีตามวันนัดนะคะ เอาล่ามไปด้วย เอาพยานไปด้วย ให้พี่สาวคุณแต่งตัวสวยๆ (เสมือนวันแต่งงานที่บ้านเราค่ะ)
5. ทำเรื่องสัญญาตกลงกันระหว่างคนทั้งสองฝ่าย แล้วก็ถ่ายรูปนิดหน่อย ประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ เป็นอันว่าจบ กลับบ้านได้ค่ะ
6. หลังจากนั้นก็ได้ใบทะเบียนสมรสกลับบ้านด้วยค่ะ แต่ต้องเอาไปแปลเป็นภาษาไทยด้วยนะนะ ที่เมืองซูริกค่ะ ราคา 105 สวิสฟรังค์ค่ะ
เพื่อนำกลับบ้านเรา ไปประทับตราที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ กทม ค่ะ
7. หลังจากประทับตราเสร็จแล้ว ก็เอากลับไปบ้านเกิดที่อำเภอเราค่ะ เพื่อไปเปลี่ยนนามสกุล ทำบัตรประชาชนใหม่ค่ะ
ส่วน Passport ก็ยังใช้คู่กับ Passport ของสวิสอยู่ค่ะ ยังไม่ต้องเปลี่ยนเล่มก็ได้ค่ะ ปีหน้าค่อยเปลี่ยน

นาก็ยังไม่ชัวร์ค่ะ เพราะเพิ่งดำเนินถึงขั้นตอน ที่เอาใบจดทะเบียนสมรสจากภาษาเยอรมันไปแปลเป็นไทย เพื่อจะเอากลับบ้านปีหน้า ไปเปลี่ยนนามสกุล และทำบัตรประชาชนใหม่ค่ะ

แล้วถ้าชัวร์ นาจะบอกอีกทีนะคะ


สำหรับการนำโน๊ตบุ๊คมาใช้ค่ะ

สำหรับนา นาก็เอาโน๊ตบุ๊คมาใช้ที่นี่เหมือนกันจ๊ะ สำหรับปลั๊กไฟหัวแบน แฟนก็จัดการดัดแปลงเป็นปลั๊กหัวกลมให้
แล้วเสียบเข้าใช้กับปลั๊กที่บ้านได้เลย (เพราะแฟนทำงานด้านวิศวะค่ะ เขาก็เลยดัดแปลงอะไรทุกอย่างในบ้านเองได้ค่ะ)
แล้วค่าอินเตอร์เน็ตแฟนก็เหมาจ่ายเป็น "กิกะไบด์" เดือนนึงก็ไม่เกิน 45-50 สวิสฟรังค์หรอกค่ะ (เปิดใช้ได้ทั้งวันทั้งคืนค่ะ)
แล้วอีกอย่างระบบก็เร็วมากๆ โหลดอะไรก็ได้เร็วค่ะ ไม่ช้าเหมือนบ้านเรานะ
แล้วอีกอย่างนาก็ได้ดูช่อง 5 ด้วยนะคะ (มี TV ไทยอยู่ 2 ช่องค่ะ) ออกอากาศทุกวันค่ะ
มีข่าว  หนัง  เกมม์โชว์  ที่นี่หมอชิต ฯ เยอะแยะเลยค่ะ พากย์ภาษาไทยปกติค่ะ
ส่วนค่าโทรศัพท์ที่โทรกลับบ้านที่ประเทศไทย แฟนก็จะโหลดเวปไซด์ที่โทรถูกๆให้ค่ะ http://www.10787.ch/index2.php
ลองดูนะคะ เพราะว่าโทรเป็นชั่วโมงจ่ายแค่ไม่ถึง 2 สวิสฟรังค์ค่ะ

โอเค ยังงัยนาจะเขียนมาเล่าให้ฟังใหม่นะค่ะ

ก็ลองทำวีซ่าดูด้วยตัวเองนะคะ เรื่องวีซ่า ไม่ยาก ถ้าเรามีเอกสารครบถ้วน และหนักแน่นทุกอย่างค่ะ
หรือเมลล์มาถามนาก็ได้ค่ะ ที่นี่นะคะ
เพราะการช่วยเหลือกัน เป็นสิ่งที่ดีค่ะ

โชคดี บายจ๊ะ
นา

pall

ขอบคุณมากค่ะกับข้อมูลที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้อื่นที่ต้องการข้อมูลและวิธีการทำ ถ้าใครมีปัญหาสามารถถามคุณNaได้นะคะ

Kwan

ขอบคุณมากค่ะคุณนา
ตอนนี้ก็ยังงง สับสน วุ่นวายกับขั้นตอนการยื่นวีซ่า
แต่พอมาอ่านกระทูนี้แล้วก็กระจ่างขึ้นทันที
ขอบคุณมากค่ะ

NA-SP

ยินดีให้คำแนะนำค่ะ สำหรับวีซ่ามาแต่งงานที่สวิสฯ
เพราะนาก็มีประสบการณ์จากการเดินเรื่องเองต่างๆ ที่กรุงเทพฯ ค่ะ (ก็ยอมรับว่าเหนื่อยมากๆ แต่ได้ประสบการณ์มาด้วย)
ส่วนวีซ่า Type อื่นๆ นาก็ไม่ทราบว่าเขาทำกันผ่านหรือเปล่านะคะ
ส่วน วีซ่าเยี่ยมเยียน (Visit) นาว่าวีซ่าประเภทนี้ผ่านยากมากๆ ค่ะ เพราะนาทำวีซ่าเยี่ยมเยียนถึง 2 ครั้งด้วยกัน ไม่ผ่านเลย  :'(
ก็เลยตัดสินใจแต่งงานเลยดีกว่า ไม่ต้องเยี่ยมเยียนแล้วละ เลยลองทำดูด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ก็เลยได้มาอยู่ที่สวิสฯ นี่แหละค่ะ

ก็ลองอ่านให้ละเอียด และก็ลองทำดูนะคะ ขอให้เราสองคนกับแฟนร่วมมือกัน สามัคคีกัน ช่วยกันหาเอกสาร ทุกอย่างก็ผ่านค่ะ

โชคดีค่ะ
บาย
นา




kun_k

    สวัสดีค่ะคุณนา ดิฉันมีเรื่องรบกวนถามคุณนาค่ะ คือตอนนี้ดิฉันยื่นขอวีซ่าแต่งงานและจดทะเบียนที่สวิส เหมือนกับคุณค่ะ แต่ว่าต่างกันตรงที่ดิฉัน ยื่นวีซ่าพร้อมกันกับลูกค่ะ ตอนนี้รอวีซ่าประมาณ 2 เดือนครึ่งแล้วค่ะ และแฟนโทรไปถาม เขาบอกว่าต้องยื่นสเตจเม้นเพื่อรับรองว่าเขาสามารถดูแลเรากับลูกได้ และตอนนี้แฟนก็ยื่นเรียบร้อยแล้วค่ะ  ตอนที่คุณนายื่นคุณรอนานไหมคะ  ตอนนี้ดิฉันก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะว่าเราจะพาลูกไปด้วย และอีกเรื่องหนึ่ง การทำพาส B ตอนนี้คุณนาทำรึยังคะ ดิฉันรู้มาว่าเราจะได้พาส B ก็ต่อเมื่อเราแต่งงาน และ อยู่ที่สวิสแล้ว สามารถทำได้เลย แต่แฟนของดิฉันบอกว่าดิฉันยังไม่สามารถทำได้ จนกว่าจะอยู่ที่สวิสครบ 5 ปีก่อน ตรงนี้คุณนาช่วยเล่าประสบการณ์ให้หน่อยได้ไหมคะ เพราะว่าแฟนดิฉันเขาก็ยังไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยค่ะ ยังไงจะรอคำตอบนะคะ ขอบคุณมากค่ะ คุณนา 




kun_k



     สวัสดีค่ะ คุณนา ขอบคุณมากนะคะที่ตอบกลับเร็วมากเลยค่ะ  ดิฉันคิดว่ามันน่าจะเหมือนกันนะคะ ในกรณีนี้คือลูกเขายังอายุน้อยและยังไม่บรรลุนิติภาวะ และตอนที่ยื่นเอกสารที่สถานทูตเขาก็ไม่ได้บอกว่าอะไร ดิฉันไปครั้งแรกเอกสารไม่ผ่าน ต้องไปทำหนังสือรับรองจากอำเภอว่าบุตรอยู่ในความปกครองของเราแต่เพียงผู้เดียว และเอาไปรับรองที่กระทรวงต่างประเทศด้วย ของดิฉันไม่ต้องรับรองแต่ของลูกต้องรับรองค่ะ อย่างเงี๊ยะ ที่สำคัญตอนนี้ทั้งดิฉันและแฟนก็ทำเรื่องทุกอย่างแล้วนะคะ ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 เดือนครึ่งแล้วค่ะ ตอนนี้ดิฉันก็กำลังรอวีซ่าอยู่ค่ะ และหวังว่าจะได้รับวีซ่าในเร็ว ๆ นี้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจค่ะ ส่วนเรื่อง พาส B ดิฉันคิดว่าแฟนคงไม่รู้ เพราะเขาบอกว่าต้องอยู่สวิสครบ 5 ปีก่อน แต่ยังไงดิฉันจะอธิบายให้เขาฟังก็ได้ค่ะ ขอบคุณข้อมูลจากคุณนามากนะคะ 

pall

ใบ Aufenthalts (Residence)เป็นใบอนุญาตพำนักในประเทศสวิส มีดังนี้ค่ะ

A .สำหรับประชากรต่างชาติที่เป็นพลเมืองที่อยู่ในกลุ่มสมาชิกสมาคมยุโรปEU- ประเทศภาคีการค้าEFTA
Ausweis B EG/EFTA (Aufenthaltsbewilligung)
Ausweis C EG/EFTA (Niederlassungsbewilligung)
Ausweis C1 EG/EFTA (Aufenthaltsbewilligung mit Erwerbstätigkeit)
Ausweis G EG/EFTA (Grenzgängerbewilligung)
Ausweis L EG/EFTA (Kurzaufenthaltsbewilligung)

B  Nicht - EU-/EFTA ชาวต่างชาติübrigen Staatsangehörigen
(Drittstaatsangehörige)ที่ไม่ได้เป็นประชากรในกลุ่ม EU-/EFTA
Ausweis B (Aufenthaltsbewilligung)
Ausweis C (Niederlassungsbewilligung)
Ausweis Ci (Aufenthaltsbewilligung mit Erwerbstätigkeit)
Ausweis G (Grenzgängerbewilligung)
Ausweis L (Kurzaufenthaltsbewilligung)
Ausweis F (Vorläufig aufgenommene Ausländer)
Ausweis N (Ausweis für Asylsuchende)
Ausweis S (Schutzbedürftige)

Switzerland...กับใบพำนัก Aufenthaltsbewilligung
http://www.pallswiss.com/boards/index.php/topic,307.0.html

ขอพูดถึงใบพำนัก  Ausweis B (Aufenthaltsbewilligung) ที่คนไทยชอบเรียกกันว่า พาสB

1.ใบพำนักAusweis B EG/EFTA (Aufenthaltsbewilligung)
สำหรับพลเมืองในสหภาพกลุ่มยุโรปที่มีการทำสนธิสัญญาร่วมกันในกลุ่ม EU-/EFTA
ใบพำนักนี้มีกำหนดอายุ 5 ปีโดยผู้ขอต้องมีสัญญาว่าจ้างการทำงานในสวิสโดยไม่มีกำหนดเวลาการจ้างทำงานหรืออย่างน้อยประมาณ  1ปี แต่ถ้าตกงานโดยไม่ได้เจตนาก็สามารถขอต่ออายุได้อีก 1 ปีและสามารถหางานใหม่ได้และมีสัญญาว่าจ้างใหม่มายื่นแสดงและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเงื่อนไขคุณสมบัติการว่าจ้างทำงานถูกต้องตามระเบียบก็สามารถขอยื่นต่ออายุได้ 5 ปีเหมือนเดิม

2.ใบพำนักAusweis B: Aufenthaltsbewilligung für Drittstaatsangehörige
สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้เป็นพลเมืองของกลุ่ม EU-/EFTA
ที่มีความประสงค์ขอเข้ามาพำนักอยู่ในประเทศสวิสที่มีทั้งขอเข้ามาประกอบอาชีพทำงานและไม่ประกอบอาชีพทำงานเช่น นักเรียน นักศึกษา คู่แต่งงานสมรส
และผู้ที่ได้รับการอนุญาตให้เข้ามาทำงานได้ตามาตรา20(Artikels 20 AuG)
ใบพำนักชนิดนี้มีอายุ 1 ปีแต่สามารถยื่นคำร้องขอต่ออายุได้แบบ ปี/ปี
http://www.bfm.admin.ch/bfm/de/home/themen/aufenthalt/die_verschiedenen/ausweis_b__aufenthaltsbewilligung.html


สวัสดีค่ะ คุณ Na
**ใบพำนักAusweis L: Kurzaufenthaltsbewilligung für Drittstaatsangehörige
สีม่วงอ่อนที่คุณนา ได้รับมาก่อนจะทำเรื่องแต่งงานนั้น
ใบพำนักAusweis L: Kurzaufenthaltsbewilligung für Drittstaatsangehörige
เป็นใบอนุญาตพำนักช่วงสั้นให้คุณสามารถพำนักอยู่ในสวิสได้โดยถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่คุณจะทำเรื่องการแต่งงานเรียบร้อยและเมื่อคุณแต่งงานเรียบร้อยแล้วคุณถึงได้รับใบพำนักAusweisB.Aufenthaltsbewilligung ค่ะ
สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้เป็นพลเมืองของกลุ่ม EU-/EFTAที่เข้ามาทำงานในสวิสโดยมีสัญญาว่าจ้างการทำงาน หรือนักเรียน นักศึกษาที่เข้ามาฝึกงาน จะได้รับใบพำนักAusweis L: Kurzaufenthaltsbewilligung für Drittstaatsangehörige
http://www.bfm.admin.ch/bfm/en/home/themen/aufenthalt/die_verschiedenen/ausweis_l__kurzaufenthaltsbewilligung.html

ตอนนี้ ถ้านากลับเมืองไทย นาจะต้องถือ พาสปอร์ตของสวิส และก็ของเมืองไทยด้วยค่ะ
แต่หลังจากเปลี่ยนพาสปอร์ต เปลี่ยนนามสกุลต่างๆ หมดแล้ว นาก็อาจจะถือพาสปอร์ตของสวิสเล่มเดียวค่ะ (เพราะถือ 2 เล่มไม่ดีค่ะ)

คิดว่าคุณ Na เข้าใจผิดนะคะเกี่ยวกับการถือหนังสือเดินทางสวิสหรือSwiss Passport คุณกลับเมืองไทยคุณไม่สามารถถือพาสปอร์ตของสวิส ค่ะเพราะคุณยังไม่ได้ขอสัญชาติสวิสและเป็นคนสวิส แต่คุณจะถือใบพำนัก B (Ausweis B: Aufenthaltsbewilligung)ตอนกลับเมืองไทยค่ะและใบพำนัก B คุณได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกเขตภูมิลำเนาที่พักอยู่ได้ประมาณ 3 เดือนต่อระยะเวลา 6 เดือน
http://www.pallswiss.com/boards/index.php?topic=2725.0

ถ้าคุณได้รับสัญชาติสวิสแล้วคุณสามารถถือได้ 2 สัญชาติ  ประเทศสวิสอนุญาตให้เราถือ 2 สัญชาติได้ค่ะและถ้าคุณใช้หนังสือเดินทางสวิสเล่มเดียวได้ไม่มีปัญหา
แต่คุณต้องขอวีซ่าเข้าประเทศไทยถ้าคุณอยู่เกิน 30 วัน

สวัสดีค่ะ คุณkun_k
คิดว่าเป็นการเข้าใจกันผิดมากกว่านะคะอย่างที่บอกค่ะว่า
ใบพำนัก B (Ausweis B: Aufenthaltsbewilligung) คนไทยเรียกว่าพาสBพอคุณไปเรียกแบบนี้แฟนคุณคงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพาสสวิส(หนังสือเดินทางสวิส)เลยบอกคุณว่าคุณต้องรอและพำนักอยู่ใสวิสให้ครบ  5 ปีก่อนคุณจะได้Ausweis C: Niederlassungsbewilligung für Drittstaatsangehörigeและขอสัญชาติสวิส Einbürgerung และได้รับหนังสือเดินทางสวิส

ให้แฟนคุณเข้าไปอ่านข้อมูลที่นี่ค่ะ
http://www.bfm.admin.ch/bfm/de/home/themen/aufenthalt.html

kun_k


      สวัสดีค่ะป้าพอล ขอบคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับข้อมูลได้อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้นค่ะ ดิฉันจะบอกให้แฟนลองเข้าไปอ่านดูนะคะ  ตอนนี้ดิฉันมีเรื่องรบกวนป้าพอลให้คำแนะนำเรื่องของดิฉันหน่อยนะคะ คือตอนนี้ดิฉันทำวีซ่าแต่งงานอยู่ค่ะ ตอนนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการค่ะ ในกรณีของดิฉัน ยื่นขอวีซ่าแต่งงานพร้อมกับลูก  มันจะต้องใช้เวลานานกว่าวีซ่าแต่งงานที่ทำไปคนเดียว รึเปล่าคะ หรือว่าเหมือนกัน เพราะว่าเท่าที่ดิฉันศึกษาข้อมูลในเว็บนี้ส่วนใหญ่ก็ระยะเวลาแตกต่างกันไป แต่ของดิฉันตอนที่ยื่นขอวีซ่า เอกสารทุกอย่างครบเรียบร้อยและถูกต้องตามที่สถานทูตต้องการและระบุไว้  และเพิ่งมาตอนครบ 2 เดือนรู้ว่าแฟนจะต้องยื่นสเตจเม้นเพิ่มอีก เพื่อแสดงว่าเขาสามารถดูแลเราและลูกได้ และบางคนก็หลังจากที่ยื่นสเตจเม้นแล้วก็ไม่ถึงอาทิตย์ วีซ่าก็ผ่านค่ะ ส่วนของดิฉันตอนนี้ก็ยังรออยู่ค่ะว่าวีซ่าจะผ่านเมื่อไร ทีแรกดิฉันคิดว่าจะได้วีซ่าภายในปีนี้ แต่ว่าเรายื่นช้าไป และอีกอย่างเรามีเอกสารที่จะต้องยื่นเพิ่มอีก ตรงนี้ป้าพอลมีประสบการณ์ไหมคะ ส่วนเรื่องพาส B หลังจากที่ดิฉันแต่งงานและจดทะเบียนแล้ว ดิฉันสามารถเดินเรื่องขอพาส B ได้เลยใช่ไหมคะ เราจะต้องไปติดต่อที่อำเภอเอง หรือว่าหลังจากที่เราจดทะเบียนเสร็จแล้ว เขาจะเป็นคนส่งหนังสือมาแจ้งให้เราทำคะ  ดิฉันอยากจะข้อมูลไว้ค่ะ ขอบคุณป้าพอลล่วงหน้านะคะ  ขอให้ป้าพอลมีความสุข สมหวัง ตลอดปี 2009 นี้นะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ

Nath

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ป้า Pall คุณนา คุณเค และเพื่อนสมาชิก (ช้าไปอะป่าวเนี่ย ::))

วันนี้โผล่มาแจมสักหน่อย หลังจากห่างหายไปพักใหญ่ แต่ไม่ได้หายไปไหนนะคะ จริงๆ แอบอ่านอยู่ค่ะ ยังเป็นแฟนพันธุ์แท้อยู่  :D
ดีใจกะสมาชิกใหม่ของพวกเราด้วยนะคะ  ที่ยังได้ข้อมูลดีๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับ ที่น้องนา มาแชร์ประสบการณ์ตรง และข้อมูลดีๆ เหล่านี้ให้กับเพื่อนสมาชิก  คนไทยเรามีน้ำใจต่อกันเสมอเนอะ

เข้ามาสนับสนุน ข้อมูลของน้องนาค่ะ  เพราะพี่นัทก้อเป็นอีกคนนึงที่มาด้วยวีซ่าแต่งงาน  :) มาจดทะเบียนที่นี่ แต่จะกลับไปแต่งบ้านเรา เดือนหน้านี้ค่ะ  รายละเอียดเหมือนกันค่ะในส่วนของขั้นตอน 

ทีนี้แอบมีคำถามนิดนึงค่ะ  พี่นัทเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของสามี  แต่พาสบี ที่ได้ตอนนี้ยังคงเป็นนามสกุลไทย อยู่  อันนี้ไม่ทราบตรงกันป่าวเอ่ย  พี่นัทก้อแปลเอกสารการสมรสเรียบร้อยแล้วค่ะ  บาเซิล 155 ฟรังค์แน่ะ เดือนหน้ากลับบ้านเราก้อจะได้ทำการเปลี่ยนแปลง บัตรปชช. และทะเบียนบ้านให้เรียบร้อย  แต่ในส่วนของพาสปอร์ต พี่คงต้องกลับมาทำใหม่ที่ เบิร์น เนื่องจากกลับคราวนี้ เวลาไม่เอื้ออำนวย
แต่น้องนา มีเวลาก้อทำทุกอย่างให้เรียบร้อยทีเดียว จะดีกว่าเนอะ จะได้ไม่ต้องยุ่งยากหลายรอบ

สุดท้ายยินดีค่ะที่ได้รู้จักกัน  เอาไว้พี่ไปทำพาสฯ ที่เบิร์น เมื่อไหร่ คงได้ไปดื่มกาแฟ ด้วยกันนะคะ  ;D

NA-SP

สวัสดีค่ะป้าพอล และพี่นัท ทุกๆคนด้วยที่อ่านข้อมูลนี้ค่ะ

ใบพำนัก B (Ausweis B: Aufenthaltsbewilligung)นาก็ได้แล้วค่ะ และก็ยังเป็นนามสกุลไทยเหมือนกัน
นาแปลแค่ 105 สวิสฟรังค์ เองค่ะที่กงสุลไทยในเมืองซูริก พี่นัททำไมแปลเอกสารแพงจังเลย ?

สำหรับนาคิดว่า เดือนหน้า(กุมภาพันธ์)ถ้าลงไปถึง กรุงเทพฯ แล้ว ขั้นแรกนาจะต้องทำ คือ
1. นาจะต้องเอาเอกสารที่แปลแล้วจากกงสุลไทยซูริก ไปแสตมป์ประทับตรารับรองอีกครั้งที่สถานกงสุลไทยในกรุงเทพฯ
และหลังจากแสตมป์แล้ว ก็เอาใบนี้ละ ไปที่บ้านเกิดเรา และไปที่อำเภอเพื่อไปทำบัตรประชาชนใหม่ และก็เปลี่ยนนามสกุลใหม่ได้เลย
หลังจากนั้น ค่อยทำการเปลี่ยนพาสปอร์ตไทยทีหลัง (แต่นาคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลยนะ ทำปีต่อๆไปก็ได้ ถ้ามีเวลา)


jaaeh

สวัสดีค่ะทุกคน...ดิฉันก็เป็นอีกคนที่เข้ามาอ่านเวปนี้ทุกวัน..คือตอนนี้จ๊ะเอ๋ก็กำลังทำเรื่องไปแต่งงานที่สวิสเหมือนกันค่ะ
ตอนนี้เอกสารทุกอย่างเรียบร้อย รอvisa อย่างเดียว แฟนบอกว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่โทรมาให้ไปกำหนดวันแต่งงานว่าจะแต่งวันไหนแล้วในวันพฤหัสบดีหน้า อยากทราบว่าอีกนานไหมค่ะกว่าจะได้visaค่ะ ตอนนี้รอมา จะ2เดือน เพราะติดวันหยุดด้วย คิดถึงแฟนค่ะ
อีกเรื่องสำหรับเอกสารการแต่งงานที่ต้องแปลเป็นไทย  ...เราเก็บมาแปลที่ไทยเลยไม่ได้หรอค่ะ ถูกกว่าด้วย
ดิฉันแปลตอนทำเรื่องแต่งงาน แค่ 700 บาท ต่อแผ่น ขอรับรองกระทรวงการต่างประเทศก็ 200 บาท ด่วน 400 บาท
คือสงสัยอะค่ะ....ได้ป่าวค่ะ..

kun_k

Quote from: jaaeh on January 08, 2009, 05:12:55 AM
สวัสดีค่ะทุกคน...ดิฉันก็เป็นอีกคนที่เข้ามาอ่านเวปนี้ทุกวัน..คือตอนนี้จ๊ะเอ๋ก็กำลังทำเรื่องไปแต่งงานที่สวิสเหมือนกันค่ะ
ตอนนี้เอกสารทุกอย่างเรียบร้อย รอvisa อย่างเดียว แฟนบอกว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่โทรมาให้ไปกำหนดวันแต่งงานว่าจะแต่งวันไหนแล้วในวันพฤหัสบดีหน้า อยากทราบว่าอีกนานไหมค่ะกว่าจะได้visaค่ะ ตอนนี้รอมา จะ2เดือน เพราะติดวันหยุดด้วย คิดถึงแฟนค่ะ
อีกเรื่องสำหรับเอกสารการแต่งงานที่ต้องแปลเป็นไทย  ...เราเก็บมาแปลที่ไทยเลยไม่ได้หรอค่ะ ถูกกว่าด้วย
ดิฉันแปลตอนทำเรื่องแต่งงาน แค่ 700 บาท ต่อแผ่น ขอรับรองกระทรวงการต่างประเทศก็ 200 บาท ด่วน 400 บาท
คือสงสัยอะค่ะ....ได้ป่าวค่ะ..
สวัสดีค่ะคุณจ๊ะเอ๋  ดิฉันก็กำลังรอวีซ่าแต่งงานอยู่เหมือนกันค่ะ ดิฉันดีใจด้วยนะคะที่คุณจ๊ะเอ๋ ได้กำหนดวันแต่งงานแล้ว ยังไงก็เขียนมาคุยกันบ้างนะคะ ดิฉันก็เข้ามาอ่านเวปนี้ทุกวันเหมือนกันค่ะ เรื่องระยะเวลาการรอวีซ่าที่คุณเอ๋ถาม ตรงนี้เราไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนหรอกค่ะ เท่าที่ดิฉันศึกษาดูจากเวปนี้ ระยะเวลาของแต่ละคนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเอกสาร และแฟนของคุณที่ต้องเดินเรื่องที่สวิสค่ะ เพราะดิฉันเองก็ยื่นตั้งแต่กลางเดิอนตุลาแล้วค่ะ เพิ่งจะมารู้ตอนครบ 2 เดิอนว่าต้องยื่นสเตจเม้นเพิ่ม เรารู้ทีหลัง ยื่นทีหลังก็ทำให้ระยะเวลาเราช้าไปอีกค่ะ ตอนนี้ก็ยังรออยู่เลยค่ะ  คุณเอ๋สามารถให้แฟนของคุณเอ๋โทรไปถามที่อำเภอได้นะคะ ว่าวีซ่าของคุณได้รึยัง เพราะว่าแฟนของดิฉันก็โทรไปถามเหมือนกันค่ะ แต่เจ้าหน้าที่เขาบอกว่ากำลังดำเนินการอยู่ และอาจจะได้ประมาณภายในอาทิตย์นี้แหละค่ะ ดิฉันก็หวังว่าจะได้ในเร็ว ๆ นี้ค่ะ ตอนนี้ดิฉันกับแฟนดีใจมาก ๆ เลยค่ะ แฟนบอกว่าคริสตมาสเขาก็อยู่คนเดียว ปีใหม่เขาก็อยู่คนเดียว อาทิตย์หน้าก็เป็นวันสำคัญของเรา เขาบอกว่าจะรวบฉลองพร้อมกันทั้งหมดเลย ดิฉันก็หวังไว้อย่างนั้นค่ะ ส่วนเรื่องเอกสารที่คุณเอ๋ถาม ตอนนี้ดิฉันยังไม่มีประสบการณ์ค่ะ รอคนที่มีประสบการณ์เข้ามาเล่าสู่กันฟังนะคะ ขอให้คุณเอ๋โชคดี ได้วีซ่าเร็ว ๆ นะคะ     

the sun

สวิสดีค่ะคุณ เอ๋ ดิฉันจะเข้ามาให้ประสบการณ์เรืองแสตมป์เอกสารหลังจากแปล มาจากไทย ขอบอกนะคะว่า ถ้าประเทศสวิสเขาไม่ให้ไปแสตมป์ที่กระการต่างประเทศที่อยู่แจ้งวัฒนะ นะคะ เขาให้แสตมป์ที่ กงศุลสวิสที่ไทยเท่านั้น(อยู่ในสถานฑูตสวิสนะค่ะ)เพราะดิฉันเคยแสตมป์ของตัวเอง และเคยมีประสบการณ์จากแปลเอกสารให้เพือนๆ อยู่สวิส เขาฝ่ายให้แปลเอกสารให้เขาเพราะเขาแต่งงานที่สวิส ลืมแปลเอกสารมาด้วย ตอนนั้นดิฉันไปแปลร้านที่ไม่มีรายชื่อร้านรับแปลที่สถานฑูตสวิสยอมรับ ไปแปลกับร้านทั่วไป ร้านนั้นก้อไม่รู้อิโน่อิเน่เหมือนกัน พอแปลเสร็จดิฉันก้อให้ร้านแปลวิ่งไปแสตมป์ที่กระทรวงการต่างประเทศที่แจ้งวัฒนะ ปรากฏว่าเอกสารใช้ไม่ได้ เพราะเขาไม่รับเลยใช้ไม่ได้ พอมาเจอเอกสารแปลของตัวเองตอนแต่งงาน เลยแสตมป์ถูกที่ ถ้าประเทศอื่นๆ จะใช่ คือต้องไปแสตมป์ที่กระทรวงการต่างฯ ยกเว้ณของสวิสนะคะ ขอบอกไว้ก่อน เดี๋ยวแสตมป์ผิดที่มาอีก เดือนร้อน เป็นไฟล้นตอนมาถึงสวิสแล้วนะคะ  แต่ที่สวิสก้อมีแปลมีแสตมป์แหล่ะ ก้ออ่ย่างที่คุณเอ๋บอก ว่ามันแพงมาก 

Nath

สวัสดีค่ะทุกท่าน

สำหรับคุณเอ๋  ถ้าคุณหมายถึงเอกสารการสมรส(ทะเบียนสมรส)ที่ออกโดยทางการ ประเทศสวิสฯ จะต้องทำการแปล และรับรองเอกสาร จากสถานกงศุลไทยกิตติมศักดิ์ ประจำป.สวิส (บาเซิล,ซูริค)เท่านั้นค่ะ แล้วจึงนำกลับไปให้ทางกระทรวงการต่างประเทศที่กรุงเทพฯ รับรองอีกครั้ง ยังไงลองเข้าไปอ่านในหัวข้อ  "การแจ้งสถานภาพการสมรสในประเทศไทย" ดูนะคะ 

ในทางกลับกันค่ะ เหมือนที่คุณ  the sun แนะนำ  กรณีเอกสารจากไทย แล้วแปลเป็น เยอรมัน หรือ ฯลฯ เพื่อนำมาใช้ที่สวิสฯ  ก้อต้องแปลโดยร้านที่ทางสถานทูต สวิสฯ ยอมรับ และต้องได้รับการรับรองเอกสารจากทางสถานทูตสวิสฯ ประจำประเทศไทย เท่านั้น

ปล. ราคาก้อตามในกระทู้นะคะ  ซูริค 105 ฟรังค์  , บาเซิล 155 ฟรังค์ อันนี้ก้อตามสะดวกเนอะ  นัทเองก้อคิดว่าจะหอบไปแปลที่ไทยเหมือนกันค่ะ  แต่ว่าทางสถานกงศุลไทยฯ ประจำสวิสฯ  แนะนำว่า ต้องแปล และรับรองโดยสถานกงศุลไทยฯ ประจำสวิสฯ เท่านั้น .


jaaeh

ค่ะ ......ขอขอบคุณทุกคนด้วยน่ะค่ะกับความรู้ที่เอ๋ได้รับ ดีใจมากๆเลยที่เจอเพื่อนที่มีน้ำใจทุกคนในเวปนี้ค่ะ
เอ๋แปลเอกสารแผ่นละ 700 บาท จากร้านที่สถานทูตสวิสยอมรับค่ะ เอ๋โทร.เช็คทุกร้านเลยบังเอิญเจอร้านนี้ถูกที่สุดค่ะ
เอ๋่อายุ 29 ปีน่ะค่ะ อิอิ (ปีนี้ก็จะเลขสามแล้ว) พอจะเป็นเพื่อนกับใครได้บ้างค่ะ เผื่อไปอยู่ที่สวิสแล้วเหงาเหมือนกันจะได้
นัดเจอกันบ้างค่ะ แฟนเอ๋อยู่ dietlikon zurich ค่ะ ...แฟนมาเยี่ยนตอนคริสมาส เพิ่งจะบินกลับไปวันที่3นี้เองค่ะ
เอ๋ให้เขาดูเวปนี้แล้วเขาบอกคนทำเวป idea ดีมากๆ อันนี้ต้องขอบคุณป้าพอลน่ะค่ะที่ทำให้เรามีเพื่อน มีความรู้และประสบการณ์มาแรกเปลี่ยนกันค่ะ