ขั้นตอน และวิธีการทำวีซ่าแต่งงานที่สวิสค่ะ

Previous topic - Next topic

khai

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ คุณ Panjaree.

ตอนนี้ก็ดุ้ม ๆ ด่อน ๆ คะ ขอบอกว่ากลัวมาก มาย แต่ก็ทำใจเผื่อไว้แระคะ
เพราะไข่เคยโดนปฏิเสธมาแล้วอะ  :'(


ไม่รู้จะได้เป็นสะใภ้ชาวสวิตหรือป่าวน๊อ แฮ ๆๆๆๆๆๆๆ ;D :D





I Take All My Life In Swiss.

smon19

ขอบคุณครับ ได้รับความรู้เหมือนกันครับ

khai

หวาดดีคะ ชาวสวิตพอล

วันนี้มีข่าวคืบหน้ามาอัพเดทจ้า แฟนได้รับจดหมายจากอำเภอ แล้วคะ วันที่ 7เดือน ธันวาคม จะเอาเอกสารไปยื่นที่อเภอคะ วันนี้อยากบอกว่า ดีใจอย่างแรง คะ หลังจากยื่นวีซ่าแต่งงานตั้งแต่วันที่ 3พฤศจิกายน ใช้เวลา 27 day คะ
แต่ก็ถือว่าเร็วก็ที่เราคิดคะ ตอนนี้ไข่ก็รอ ฟังผลจากแฟนคะ 

กับการยื่นวีซ่า 3 ครั้ง ถือได้ว่าเหนื่อยมั่ก ๆ คะ  :)สู้ ๆ นะคะ

ขอให้ทุกคนโชคดี ได้รับวีซ่ากันเร็ว ๆ นะคะ
ถ้ามีข่าวคืบหน้าจะเข้ามาอัพเดทนะคะ

รักษาสุขภาพนะคะทุกคน  :D :)






[/quote]
I Take All My Life In Swiss.

Tangmo

ดีใจด้วยค่ะคุณไข่ ขอให้ผ่านเร็วๆนะคะ
ตอนนี้โมแต่งงานแล้วนะคะ ที่สวิสเลย ขนาดแต่งที่นี่ก็โหดเหมือนกัน กว่าจะได้
โมได้ บี เพอมิต 5ปีค่ะ เพราะตามแฟนมาทำงาน
ถ้าคุณไข่ผ่านนะ สงสัยอยู่กันยาวแน่ ๆ ดีใจด้วยจริงๆค่ะ คุณไข่ไปขอ  จดหมายรับรองจากตำรวจไว้เลยนะคะ
เพราะถ้าได้แต่งแล้ว เราจะต้องขอเพอมิต เลยอ่ะคะ ทาง ตม.ต้องการ

สุขสันต์ปีใหม่คุณไข่ และทุกคนนะคะ
แตงโม

Tangmo

สวัสดีค่ะ โมมีประสบการณ์การแต่งงานที่สวิส โมเป็นคนไทย แฟนเป็นคนเดนมาร์ค แต่ทำงานอยู่สวิสค่ะ
กรณีของโมมีวีซ่าเชงเก้น อยู่ทีสวืสค่ะตอนที่ยื่น เจ้าหมูอ้วนขอแต่งงานก่อนกลับหนึ่งเดือน
1.ไปที่อำเภอที่สามีอยู่ และแสดงความประสงค์ที่จะแต่งงาน เจ้าหน้าที่จะขอดูพาสทั้งสองคน และตรวจสอบประวัติของแฟน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำเอกสารที่จะต้องใช้ค่ะ *เจ้าหน้าที่บอกเอกสารของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันเสมอไป ดังนั้นให้ไปสอบถามที่อำเภอโดยตรงค่ะ
2.เอกสารที่โมจะต้องใช้  -ใบเกิดตัวจริง -ใบรับรองโสดตัวจริง-สำเนาทะเบียนบ้านต้องขอคัดจากเมืองไทยที่มีตราประทับจากอำเภอ ตัวจริง -พาสปอร์ต *เมื่อเอกสารครบก็นำไปแปลเป็นภาษาเยอรมัน สำหรับของเราไปที่สถานกงศุลไทยในซูริค่ะ
3.เอกสารของแฟน -ใบเกิดตัวจริง -ใบรับรองโสดตัวจริง -พาสปอร์ต -เพอมิตหรือใบอนุญาติการทำงาน
    ส่วนเอกสารอื่นๆของแฟนเจ้าหน้าที่ ที่สวิสสามารถตรวจสอบประวัติจากอำเภอเองได้เลยค่ะ เพราะระบบ
    เค้าดีมากๆ
    ส่วนเอกสารของแฟนต้องนำไปแปลจากสถานฑูตของประเทศที่แฟนอยูู่เพราะจะมีตราประทับจากสถานฑูต
4.เอกสารครบให้ไปยื่นได้เลยค่ะ โมรออยู่ 7 วัน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเพื่อตรวจสอบเอกสาร จากนั้นจะนัดวันมากรอกแบบฟอร์มเพื่อขอยื่นแต่งงาน
5.รอครบ 7 วัน ก็ไปที่อำเภออีก เพื่อกรอกแบบฟอร์มค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้รออีก 10วัน เพื่อส่งเอกสารไปที่ เบิร์น ค่ะ เพราะตัวโมกะแฟน อยู่ Kloten
6.เมื่อครบ 10 วันโมไปฟังผล ก็ผ่านและค่อยระบุว่าจะจดทะเบียนกันวันไหนแต่ต้องรออีกประมาณ 7วัน ทางเจ้าหน้าที่จะ เตรียมห้องจดทะเบียน น่ารักมากๆ ค่ะ แต่เราต้องเสียตังนะ 340 ฟรังค์
โมก็เลยจดวันที่ 10-11-2010 ค่ะ
จากนั้นก็เตรีัยมขอเพอมิตได้เลยค่ะ

หวังว่าจะช่วยเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
แตงโม


khai

Quote from: Tangmo on December 28, 2010, 05:06:41 AM
สวัสดีค่ะ โมมีประสบการณ์การแต่งงานที่สวิส โมเป็นคนไทย แฟนเป็นคนเดนมาร์ค แต่ทำงานอยู่สวิสค่ะ
กรณีของโมมีวีซ่าเชงเก้น อยู่ทีสวืสค่ะตอนที่ยื่น เจ้าหมูอ้วนขอแต่งงานก่อนกลับหนึ่งเดือน
1.ไปที่อำเภอที่สามีอยู่ และแสดงความประสงค์ที่จะแต่งงาน เจ้าหน้าที่จะขอดูพาสทั้งสองคน และตรวจสอบประวัติของแฟน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำเอกสารที่จะต้องใช้ค่ะ *เจ้าหน้าที่บอกเอกสารของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันเสมอไป ดังนั้นให้ไปสอบถามที่อำเภอโดยตรงค่ะ
2.เอกสารที่โมจะต้องใช้  -ใบเกิดตัวจริง -ใบรับรองโสดตัวจริง-สำเนาทะเบียนบ้านต้องขอคัดจากเมืองไทยที่มีตราประทับจากอำเภอ ตัวจริง -พาสปอร์ต *เมื่อเอกสารครบก็นำไปแปลเป็นภาษาเยอรมัน สำหรับของเราไปที่สถานกงศุลไทยในซูริค่ะ
3.เอกสารของแฟน -ใบเกิดตัวจริง -ใบรับรองโสดตัวจริง -พาสปอร์ต -เพอมิตหรือใบอนุญาติการทำงาน
    ส่วนเอกสารอื่นๆของแฟนเจ้าหน้าที่ ที่สวิสสามารถตรวจสอบประวัติจากอำเภอเองได้เลยค่ะ เพราะระบบ
    เค้าดีมากๆ
    ส่วนเอกสารของแฟนต้องนำไปแปลจากสถานฑูตของประเทศที่แฟนอยูู่เพราะจะมีตราประทับจากสถานฑูต
4.เอกสารครบให้ไปยื่นได้เลยค่ะ โมรออยู่ 7 วัน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเพื่อตรวจสอบเอกสาร จากนั้นจะนัดวันมากรอกแบบฟอร์มเพื่อขอยื่นแต่งงาน
5.รอครบ 7 วัน ก็ไปที่อำเภออีก เพื่อกรอกแบบฟอร์มค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้รออีก 10วัน เพื่อส่งเอกสารไปที่ เบิร์น ค่ะ เพราะตัวโมกะแฟน อยู่ Kloten
6.เมื่อครบ 10 วันโมไปฟังผล ก็ผ่านและค่อยระบุว่าจะจดทะเบียนกันวันไหนแต่ต้องรออีกประมาณ 7วัน ทางเจ้าหน้าที่จะ เตรียมห้องจดทะเบียน น่ารักมากๆ ค่ะ แต่เราต้องเสียตังนะ 340 ฟรังค์
โมก็เลยจดวันที่ 10-11-2010 ค่ะ
จากนั้นก็เตรีัยมขอเพอมิตได้เลยค่ะ

หวังว่าจะช่วยเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
แตงโม


สวัสดีคะ คุณโม

ไข่มีข่าวอัพเดท นิดหน่อยคะ เมื่อวานแฟนโทรมาบอกว่าทางอำเภอส่งเอกสารมาให้แฟนโชว์หลักฐานการเงิน และการงาน แล้วก็เอกสารยืนยันว่า แฟนเราต้องการแต่งงานกับเราจริงหรือป่าว ? แล้วแบบนี้เราจะได้วีซ่าไหม๊คะ  รบกวนผู้รู้ตอบด้วยคะ

ไว้จะมาอัพเดทอีกทีนะคะ คุณโม
I Take All My Life In Swiss.

Lookjan

สวัสดีค่ะทุกคน ปกติไม่ค่อยได้เข้ามาห้องนี้เท่าไร แต่มาอ่านดูแล้วก็น่าสนใจมากนะค่ะ
สําหรับคนที่กําลังทําเรื่องนี้อยู่ ลูกจันทร์ก็เคยผ่านเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน แต่ก็สิบปีที่แล้วค่ะ
ตอนนี้ไม่รู้ว่ากฎหมายเค้าไปถึงไหนกันแล้ว แต่ก็มีอะไรที่พอช่วยได้ก็ยินดีนะค่ะทุกคน

อย่างคุณไข่ ลูกจันทร์ว่าคงไม่มีปัณหาอะไรแล้วล่ะ เพียงเค้าต้องการจดหมายรับรองจากแฟนคุณไข่ว่าต้องการแต่งงานจริงๆ
เพื่อเป็นการยืนยันน่ะค่ะ เพราะเท่าที่จําได้ลูกจันทร์ก็เจอเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเรามีพร้อมหมดทุกอย่าง
อะไรก็ขวางกั้นความรักของคุณไปไม่ได้หรอกค่ะ ขอให้โชคดีนะค่ะ ;)


Tangmo

สวัสดีค่ะ คุณไข่ และทุกคน
กรณีคุณไข่ มีโอกาส อยู่แล้วค่ะ
ก็ให้แฟนเตรียมเอกสารเร็วๆนะคะ มีเอกสารการเงิน และการทำงาน และมีที่อยู่ที่ชัดเจน และการเสียภาษี ครบ
ก็จะไม่มีปัญหาอะไรค่ะ และให้แฟนคุณไข่ไปติดต่อด้วยดัวเองเลยนะคะ เร็วๆ เพราะแค่วันเดียวทางอำเภอเค้าจะ ส่งเอกสารถึงเลยหน่ะคะ เพื่อพิจารณา  เพราะเจ้าหน้าที่ทางสวิสเค้าจะแสกนให้เราก่อนเลยว่าผู้ชายสามารถจะเลี้ยงดูภรรยาได้มั้ย
เพราะก่อนและหลังจากแต่งงานมันต้องมีค่าใช้จ่าย วุ่นวายพอดู   ใกล้จะได้มาสวิสแล้วน้าาาา ดีใจด้วยคร่าาาา
ส่วนโมตอนนี้สบายและ ได้ บี เพอมิต 5 ปีสบายไป หลังจากเจ้าอ้วนของโม เดินเรื่องจน นาทีสุดท้ายเลย
ยังรอดมาได้
ขอให้คุณไข่โชคดีนะคะ
แตงโม

enjoy

สวัสดีค่ะ คุณไข่ และสมาชิกทุกท่านคะ

ดีใจด้วยนะคะที่ได้รับข่าวความคืบหน้านะคะ

ขอให้คุณไข่โชคดีนะคะ
จอย

Tai

Quote from: Tangmo on December 28, 2010, 05:06:41 AM
สวัสดีค่ะ โมมีประสบการณ์การแต่งงานที่สวิส โมเป็นคนไทย แฟนเป็นคนเดนมาร์ค แต่ทำงานอยู่สวิสค่ะ
กรณีของโมมีวีซ่าเชงเก้น อยู่ทีสวืสค่ะตอนที่ยื่น เจ้าหมูอ้วนขอแต่งงานก่อนกลับหนึ่งเดือน
1.ไปที่อำเภอที่สามีอยู่ และแสดงความประสงค์ที่จะแต่งงาน เจ้าหน้าที่จะขอดูพาสทั้งสองคน และตรวจสอบประวัติของแฟน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำเอกสารที่จะต้องใช้ค่ะ *เจ้าหน้าที่บอกเอกสารของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันเสมอไป ดังนั้นให้ไปสอบถามที่อำเภอโดยตรงค่ะ
2.เอกสารที่โมจะต้องใช้  -ใบเกิดตัวจริง -ใบรับรองโสดตัวจริง-สำเนาทะเบียนบ้านต้องขอคัดจากเมืองไทยที่มีตราประทับจากอำเภอ ตัวจริง -พาสปอร์ต *เมื่อเอกสารครบก็นำไปแปลเป็นภาษาเยอรมัน สำหรับของเราไปที่สถานกงศุลไทยในซูริค่ะ
3.เอกสารของแฟน -ใบเกิดตัวจริง -ใบรับรองโสดตัวจริง -พาสปอร์ต -เพอมิตหรือใบอนุญาติการทำงาน
    ส่วนเอกสารอื่นๆของแฟนเจ้าหน้าที่ ที่สวิสสามารถตรวจสอบประวัติจากอำเภอเองได้เลยค่ะ เพราะระบบ
    เค้าดีมากๆ
    ส่วนเอกสารของแฟนต้องนำไปแปลจากสถานฑูตของประเทศที่แฟนอยูู่เพราะจะมีตราประทับจากสถานฑูต
4.เอกสารครบให้ไปยื่นได้เลยค่ะ โมรออยู่ 7 วัน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเพื่อตรวจสอบเอกสาร จากนั้นจะนัดวันมากรอกแบบฟอร์มเพื่อขอยื่นแต่งงาน
5.รอครบ 7 วัน ก็ไปที่อำเภออีก เพื่อกรอกแบบฟอร์มค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้รออีก 10วัน เพื่อส่งเอกสารไปที่ เบิร์น ค่ะ เพราะตัวโมกะแฟน อยู่ Kloten
6.เมื่อครบ 10 วันโมไปฟังผล ก็ผ่านและค่อยระบุว่าจะจดทะเบียนกันวันไหนแต่ต้องรออีกประมาณ 7วัน ทางเจ้าหน้าที่จะ เตรียมห้องจดทะเบียน น่ารักมากๆ ค่ะ แต่เราต้องเสียตังนะ 340 ฟรังค์
โมก็เลยจดวันที่ 10-11-2010 ค่ะ
จากนั้นก็เตรีัยมขอเพอมิตได้เลยค่ะ

หวังว่าจะช่วยเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
แตงโม



Tai

คุณโมคะ พึ่งเข้ามาอ่านเจอที่คุณโมตอบไว้นานแล้วเมื่อเดือนธค.ปีที่แล้วอ่ะค่ะ ที่ว่าคุณโมถือเชงเก็นวีซ่าประเภทไหนคะถึงได้แต่งงานที่สวิสได้
ขอบคุณค่ะ

gemtemgem12548

ก่อนอื่นต้องหาคนที่จะมา แต่งกะเรา
รับ ถ่ายรูปแต่งงาน ราคาพิเศษ

Nittaya888

สวัสดีค่ะคุณนา และป้าพอล
  เข้ามาอ่านเว็ปอยู่ประมาณ 1ปี และยื่นวีซ่าแต่งที่สวิส เมื่อ 20 เม.ย 54 วันนี้ได้รับข่าวดีแฟนโทรมาบอก วีซ่าผ่านแล้ว ขอขอบคุณป้าพอลและเพื่อนชาวเว็ปทุกๆคนที่ลงข้อมูลไว้ให้ศึกษาขอบคุณมากๆค่ะ
                              Nittaya


Nittaya888

สวัสดีค่ะ  ..ขอแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าแต่งงานที่สวิสด้วยคนนะค่ะ...เอกสารก๊จะเหมือนที่คุณนาโพสต์ไว้นะค่ะ แต่ตอนยื่นเอกสารเรื่องขอแต่งงานจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมประมาณ 305ฟรังสวิส..ของพี่จ่ายไป 10,070 บาทและนำใบเสร็จไปยื่นประกอบการขอ VISA D และค่าธรรมเนียมวีซ่า 2570 บาท เตรียมไปให้พอดีนะค่ะเพราะเจ้าหน้าที่เขาจะไม่รับเงินที่เกินหรือทอนให้เราค่ะ..และเราก็ไม่เสียเวลาด้วยค่ะ