News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



<<<Samichlaus และ Schmutzli>>>

Previous topic - Next topic

pall



รูปปั้นของ Nikolausที่ Stadt Kale /Demre 
 
Nikolaus( Samichlaus) 
นิโคเล้าส์ (Nikolaus) หรือซามิเคล้าส์ (แล้วแต่การเรียกแต่ละถิ่น)  มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่4  
ท่านเป็นบิชอบแห่งไมร่า( Myra) ในเอเชียไมน่อร์(ปัจจุบันคือประเทศตุรกี)
มีตำนานเล่ากันว่า นิโคเล้าส์ (Nikolaus)เป็นคนดีและชอบช่วยเหลือคน ครั้งหนึ่งได้ช่วยเหลือครอบครัวที่ยากจนมากครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนี้จะแต่งงานลูกสาวและไม่มีเงินสินสอดสำหรับลูกสาว 3 คน(สมัยนั้นถ้าไม่มีเงินสินสอดผู้หญิงจะแต่งงานไม่ได้)  และถ้าไม่มีเงินก็จะต้องไปเป็นผู้หญิงหากินเพื่อเก็บเงินมาใช้จ่าย เด็กสาวทั้ง 3 คนมีถุงเท้ากันคนละคู่ใส่แล้วต้องซักให้สะอาด  แล้วเอาถุงเท้าที่ซักแล้วตากไว้ที่เตาผิงเพื่อให้แห้งไวๆ  
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อทุกคนตื่นขึ้นมา  และเก็บถุงเท้าที่ซักปรากฏว่าแต่ละคนพบก้อนทองคำในถุงเท้าของตนเองเพียงพอที่จะใช้เป็นสินสอดได้ ต่างพากันดีใจมาก และพยายามสืบหาคนที่นำทองมาใส่ในถุงเท้าของตน  
ตอนหลังรู้ว่าเป็นการกระทำของท่านบิชอบ  เพื่อเป็นการรำลึกถึงบิชอบแห่งไมร่า พวกเด็กๆจะเอารองเท้าไปวางไว้ตรงหน้าประตูบ้านตอนกลางคืน  ก่อนวันที่ 6 ธันวาคม (วันนิโคเล้าส์ วันซันตาคลอส)  เพื่อที่จะได้รับขนมหวาน ถั่วลิสง บางครั้ง ซันตาคลอสจะเข้ามาในบ้านเอาถุงของขวัญมาแจกเด็กๆ  (ว่าไปถุงของขวัญพวกนี้พ่อแม่เตรียมไว้ให้)  
หรือตามร้านค้าหรือไปตามโรงเรียนต่างๆไปแม้กระทั่งโรงพยาบาลหรือบ้านพักคนชราเพื่อเอาถุงของขวัญมาแจกเด็กๆ  
หรือบางครั้ง ซันตาคลอสจะนำไม้เรียวมาหวดเด็กที่ดื้อเกเร  
นิโคเล้าส์ (ซันตาคลอส)เป็นที่รู้จักกันดีในหลายประเทศแม้แต่ในประเทศไทยเรา  
 
 
เขียนโดย pall   เมื่อ วันพุธที่ 7  ธันวาคม 2548, 05:31:30 น.

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0003 ห้อง stories_life (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่




หลุมฝังศพของท่านBischof Nikolaus  
 อยู่ที่ Nikolaus —Kirche ใน Stadt Kale /Demre ประเทศตุรกี  
 ปัจจุบันเราสามารถไปเยี่ยมดูหลุมฝังศพท่านได้  
 เมื่อปี1087ได้มีกลุ่มชาวคริสต์ชาติอิตาเลี่ยน  
 ได้มาขุดหลุมฝังศพของท่าน  
 เพราะกลัวว่ากระดูกของท่านจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้ท่านถูกทำลาย  
 โดยน้ำมือของชาวมุสลิมและคนที่นับถือศาสนาอื่น  
 เพราะช่วงนี้เกิดสงครามกันและได้นำกระดูก  
 กลับไปBariแต่กระดูกของท่านขนไปไม่หมดมีเหลือทิ้งไว้บางชื้น  
 กระดูกเหล่านี้หาดูได้ที่พิพทธภันท์เมืองAntalya  
 
 
 โดย pall   เมื่อ วันพุธที่ 7  ธันวาคม 2548, 05:32:50 น.

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่




ภาพที่เห็นคือ Nikolaus —Kirche **  
 ทุกวันที่6 ธันวาคมจะมีชาวคริสต์ชาวตรุกี  
 และชาวคริสต์ทั่วโลกจำนวนมากมาย  
 ได้พากันเดินทางมายัง Nikolaus —Kirche  
 ที่ Stadt Kale /Demre  
 เพื่อเคารพบูชารำลึกถึงท่าน  
 คำว่า Nikolaus ชาวตุรกีจะเรียกว่าBaba Noel  
 และวันที่6ธันวาคมเป็นวันสิ้นพระชนม์ของท่านBischof Nikolaus  
 ดังนั้นวันนี้จึงจัดเป็นวันสำคัญสำหรับชาวคริสต์  
 
 
 โดย pall   เมื่อ วันพุธที่ 7  ธันวาคม 2548, 05:34:17 น.

#3
 
http://www.google.ch/search?hl=de&sugexp=frgbld&gs_nf=1&cp=9&gs_id=2&xhr=t&q=Schmutzli&biw=1152&bih=634&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&wrapid=tlif133326552001510&um=1&ie=UTF-8&tbm=isch&source=og&sa=N&tab=wi&ei=cAR4T4NwwoviBJzbyYwP
Schmutzli**  
คำว่า Schmutzli  
เป็นภาษาสวิสหมายถึงschmutzigซึ่งแปลว่าสกปรก  
 
วันที่6ธันวาคมนอกจากที่เราจะเห็น Nikolaus( Samichlaus)  
แล้วเราจะเห็นมีผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีน้ำตาลแก่เกือบดำ  
หรือดำหน้าตาดำสกปรก  
ใส่ถุงมือ…ถือถุง...ถือไม้กวาด..คลุมหน้าตา.เดินตาม Nikolaus( Samichlaus)  
ตลอดเวลาไม่ว่าจะไปที่ไหน  
 
ประวัติความเป็นมาของผู้ชายคนนี้มีเรื่องเล่าแตกต่างกันไป  
บางแห่ง..บางประเทศจะบอกว่าผู้ชายคนนี้คือตัวแทนของความชั่วร้าย  
ถือไม้กวาดไล่ทุบตีผู้คน  
สำหรับคนสวิสจะเล่าและมีความหมายอีกแบบหนึ่ง  
ความเป็นมาอันแท้จริงของ Schmutzliไม่มีใครรู้แน่ชัด  
แต่คิดว่าเป็นเรื่องสมมุติแต่งขึ้นมา  
ซึ่งไม่มีหลักฐานอ้างอิง  
 
**ความเป็นมาของSchmutzli**  
มีเรื่องเล่ากันว่ามีผู้ชายยากจนคนหนึ่ง  
อาศัยอยู่ในป่าและมีอาชีพตัดต้นไม้  
และมีหน้าที่ดูแลป่าและดูแลสัตว์ป่าต่างๆ  
จึงทำให้มีงานที่ต้องทำตลอดเวลาไม่มีเวลาทำความสะอาดร่างกาย  
หน้าตาเนื้อตัวและมือสกปรกดำไปหมด  
ผู้ชายคนนี้รู้ข่าวเรื่องเล่าเกี่ยวกับ Nikolaus( Samichlaus)  
เขาตั้งจิตปารถนาอยากเจอ Samichlausมากแค่ครั้งหนึ่งในชีวิตก็พอใจแล้ว  
 
ช่วงที่เกิดเหตุการณ์เป็นช่วงที่Samichlausต้องออกเดินทาง  
นำของขวัญไปแจกเด็กๆและเผอิญต้องเดินทางผ่านป่า  
ที่ผู้ชายคนนี้ตัดต้นไม้อยู่พอดีถนนลื่นและหนาวมาก  
คนตัดไม้รวบรวมความกล้าเอ่ยปากชวนSamichlaus  
ไปดื่มน้ำชาเพื่อให้ร่างกายเกิดความอบอุ่น  
Samichlausก็ตกลงไปบ้านพักคนตัดไม้  
และนำถุงของขวัญไปแขวนไว้บนตะปูที่ตอกไว้ข้างฝา  
และดื่มน้ำชาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น  
บนโต๊ะจะมีตระเกียงตั้งอยู่อันหนึ่ง  
ขณะที่ดื่มSamichlausเห็นข้างนอกเริ่มมืด  
และยังต้องเดินทางอีกซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมาก  
จึงรีบอำลาและคว้าเอาถุงที่แขวนไว้ตรงตะปู  
ความรีบร้อนกระชากลงมาทำให้ตะปูเกี่ยวถุงเป็นรูใหญ่พอสมควร  
 
ขณะที่จ้ำเดินทางนั้นของขวัญก็เริ่มหล่นออกจากถุงตรงรูรั่ว  
Samichlausก็ยังไม่รู้สึกตัวว่าของขวัญหล่นอยู่กลางกลาง  
จนกระทั่งใกล้ถึงหมู่บ้านที่ตัวเองจะนำของขวัญไปแจก  
ก็รู้สึกตัวว่าถุงเบาผิดสังเกต  
พอนำถุงมาดูถึงรู้ว่าของขวัญได้หล่นไปตามทางที่ตัวเองเดินมา  
และเสียใจที่ไม่มีของขวัญที่จะนำไปแจกเด็ก  
ที่กำลังรอตัวเองอยู่เพื่อให้เด็กมีความสุข  
 
ขณะที่กำลังนั่งเสียใจอยู่ก็เห็นแสงไฟจากตะเกียงมาแต่ไกล  
พอตะเกียงมาถึงจึงได้เห็นว่าคนที่ถือตะเกียงมาคือคนตัดไม้  
ทีได้หอบของขวัญใส่ถุงนำมาให้Samichlaus  
เพราะได้เห็นของขวัญหล่นออกจากถึงของSamichlaus  
Samichlausดีใจมากที่ได้ของขวัญคืนมา  
และพวกเด็กๆจะไม่ได้ผิดหวังและมีความสุข  
กับของขวัญที่แจกทุกคน  
 
 
โดย pall   เมื่อ วันพุธที่ 7  ธันวาคม 2548, 05:35:38 น.

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่

#4


Samichlausได้ชวนให้คนตัดไม้  
เดินทางไปแจกของขวัญด้วยกัน  
และจะได้ให้เด็กๆขอบคุณคนตัดไม้ด้วย  
ที่เป็นคนนำของขวัญคืนมาให้  
คนตัดไม้อยู่ในสภาพสกปรก  
ด้วยความอายจึงนำปกสื้อซึ่งมีลักษณะคล้ายหมวก  
นำมาปิดหน้าพยายามปิดให้มิดและมือที่สกปรกดำก็นำถุงมือมาใส่  
ช่วยแบกถุงและไม้กวาดเดินตามSamichlaus  
 
เมื่อมาถึงหมูบ้านที่ผู้ใหญ่และเด็กรอกันอยู่  
พอทั้งสองคนมาถึงผู้คนต่างดีใจและพอรู้ถึงการกระทำของคนตัดไม้  
ต่างพากันมาขอบใจสรวมกอดและจับมือไม่รังเกียจความสกปรก  
ด้วยความดีของคนตัดไม้  
และสภาพที่สกปรกของคนตัดไม้  
พวกเด็กๆจึงเรียกและให้สัญญานาม  
คนตัดไม้นี้ว่า Schmutzli  
ซึ่งใช้เรียกกันมาจนถึงทุกวันนี้  
และSamichlausก็ดีใจมากที่สุดที่ตัวเองได้ผู้ช่วย  
แบ่งเบาภาระหน้าที่แบกของขวัญและช่วยแจกขงอขวัญเด็กๆ  
ดังนั้นทุกๆปีในวันที่6ธันวาคม  
เราจึงเห็นทั้ง Samichlaus และ Schmutzli  
ทำการแบกถุงของขวัญแจกของขวัญให้แก่เด็กๆ  
 
**กระดิ่ง และไม้กวาด ตะเกียง**  
กระดิ่งที่ใช้ในวันนี้เพื่อให้สัญญาณ  
ให้คนรู้ว่าSamichlausเดินทางมาแล้ว  
และไม้กวาดเป็นเครื่องหมายชำระกวาดความชั่วร้าย  
ถ้าเด็กคนไหนที่ทั้งปีมีผลงานไม่ดีหรือไม่เชื่อฟัง  
ดื้อกับทุกคนหรือเกเรSamichlausจะหวดด้วยไม้กวาด  
และตะเกียงนี้หมายถึงตะเกียงที่ Schmutzli  
ได้ถือเพื่อใช้เดินทางนำของขวัญที่Samichlaus  
ทำหล่นตามทางที่เดินนำกลับคืนมา  
ดังนั้นบางครั้งเราจะเห็น Schmutzliถือตะเกียง  
ตอนที่แบกถุงของขวัญเดินตาม Samichlaus  
 
ข้อสังเกตวันนี้ Samichlaus จะใช้คำพูดว่า "Du"!  
ทักทายกับทุกๆคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่  
และ Schmutzliจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดี  
ถ้าSamichlausหลงลืมคำพูดหรือชื่อเด็ก  
Schmutzliจะเป็นคนบอกเตือน  
 
ของขวัญในวันนี้จะเป็นพวกถั่ว  
ส้ม แอปเปิลบิสกิต..ฯลฯเป็นต้น  
ของขวัญที่Samichlausแจกวันนี้  
จะเป็นของขวัญที่แจกแตกต่างกันไปบ้าง  
แต่สรุปของขวัญจะเหมือนๆกันแทบทุกปี  
แต่ก็ทำให้พวกเด็กๆมีความสุขกับของขวัญที่แจก  
ซึ่งของขวัญเหล่านี้จะแตกต่างจากของขวัญที่Samichlaus  
สมัยโบราณได้นำของขวัญมาแจกให้เด็กและผู้ใหญ่  
ซึ่งจะเป็นพวกอาหารที่ทำจากข้าวสาลี  
นำมาปรุงเป็นขนมแห้งที่คนต้องการ  
 
 
โดย pall   เมื่อ วันพุธที่ 7  ธันวาคม 2548, 05:41:50 น

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่

ตอนลุงเป็นเด็กยังอายุยังน้อยอยู่  
 ลุงเล่าให้ฟังว่าโดนSamichlausจับใส่ถุงและหวดด้วยไม้กวาด  
 เพราะคนดูแลบอกลุงดื้อไม่ค่อยเชื่อฟัง  
 จนทุกวันนี้ลุงบอกไม่เคยลืมเลย  
 พอลุงโตขึ้นมาแล้วรู้สึกว่า  
 ไม่ชอบการกระทำแบบนี้เท่าไรเพราะเป็นการทำลายจิตใจเด็ก  
 และทำให้เด็กฝังใจกับสิ่งร้ายๆแบบนี้  
 และรู้สึกว่าวันSamichlaus  
 ความหมายและวันสำคัญไม่มีความหมายเท่าไรนัก  
 เป็นวันแห่งการค้าและเป็นวันสนุกสนานสำหรับเด็กเท่านั้นเอง  
 
 
 โดย pall   เมื่อ วันพุธที่ 7  ธันวาคม 2548, 05:42:22 น.

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่

ขอบคุณค่ะป้า ที่เขียนเรื่อง Samichlaus และ Schmutzli ให้อ่าน ตามคำขอ ให้ได้รับความกระจ่าง เพราะนิดไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มาก เห็นแต่ลูกๆมาเล่า มาคุยให้ฟังตามประสาเด็กๆ เลยอยากรู้มากขึ้นอีกว่าทำไม ที่สวิตถึงมีไม่เหมือนใคร ที่มีทั้ง Samichlaus ชุดสีแดง และ Schmutzli ชุดสีดำ ตั้งแต่เล็กจนโต จะเห็นแต่ภาพ ของซานตาคอส ที่พุงป่องๆ มีหนวดสีขาว หน้าตาใจดี ใสชุดสีแดง  
 ไหนๆลงเรื่องSamichlaus และ Schmutzli ให้อ่าน แล้ว ก็ขาด der Lebkuchen ( เลบคูกเค่น ) กับ GRITTIBAENZE (กริ๊ททัแบนนซฺ) ไม่ได้สิป้า ของมันคู่กัน
 
 โดย นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)   เมื่อ วันพุธที่ 7  ธันวาคม 2548, 09:04:18 น.  
 

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่

#7

http://www.google.ch/search?hl=de&q=LEBKUCHEN&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&biw=1109&bih=554&wrapid=tlif133321430280210&um=1&ie=UTF-8&tbm=isch&source=og&sa=N&tab=wi&ei=Zjx3T7qcL-jP4QSQuKmuDw

*** LEBKUCHEN ***  
 
 
**ประวัติ ของ Lebkuchen  
(เลบคูกเค่น) **  
 
ชาวอียิปต์โบราณ,ชาวกรีกและชาวโรม เริ่มการใช้น้ำผึ้งทำ  
ต่างมีความเชื่อกันว่าน้ำผึ้งคือของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้  
และเป็นของสูง ดังนั้นในการใช้เวทมนตร์ขลังพิธีการต่างๆ  
จึงใช้น้ำผึ้งประกอบพิธีใช้กินเป็นยันต์ป้องกันอันตราย  
และกษัตริย์ถ้าสิ้นพระชนม์ลงก็จะนำน้ำผึ้งใส่หลุมฝังศพไปด้วย  
 
ในศตวรรษที่13 เค้กน้ำผึ้ง Lebkuchen  
เข้าใจกันว่ามีการทำขึ้นในสำนักสงฆ์ นักบวชชอบกินเค้ก  
พวกขนมเค้กจึงใส่ขิงแห้งที่ถูกตากให้แห้งและใส่พริกไทยดำ  
(เพราะว่ามันทำให้ไม่เกิดความกระหายน้ำ)  
ส่วนนางชีชอบทำพวกpanis mellitus  
เป็นขนมปังชนิดหนึ่ง  
มีรสหวานกว่า และการใช้เวเฟอร์ใส่ในLebkuchen  
 
ปี 1395 ในประเทศเยอรมัน ที่นครของบาวาเรีย  
เมือง Nürnberg ได้เปิดร้านขายขนมปัง  
และได้ทำ Lebkuchen  
และได้ทำจนเป็นประเพณีติดต่อกันมา  
จนถึงทุกวันนี้ร่วม 600ปี  
 
อะไรที่ทำให้Lebkuchen  
ที่ทำจากเมือง Nürnberg  
ในประเทศเยอรมันมีชื่อเสียง นั้นเพราะอะไร?  
สาเหตุที่ทำให้Lebkuchen เมือง Nürnberg  
มีชื่อเสียงเพราะเมือง Nürnberg  
มีจุดได้เปรียบที่สำคัญ2 อย่างคือ  
 
1. ที่อยู่ ที่ตั้งนั้นเกี่ยวข้องกับค้าขาย พวกสมุนไพร  
เกลือโบราณและมีเส้นทางเส้นทางการค้าที่ใช้พวกกระสอบ  
กระสอบของเครื่องเทศจากตะวันออกผ่านเวนิซและเจนัว  
จึงทำให้สามารถจัดหาเครื่องเทศให้เป็นพิเศษ  
สำหรับร้านขายขนมปัง ส่วนประกอบที่สำคัญในการทำ Lebkuchen  
 
2. เมือง Nürnberg ในประเทศเยอรมันมีป่าไม้ที่รู้จักกันดี  
ที่พวกผึ้งสามารถหาน้ำผึ้ง น้ำผึ้งในเวลานั้นจัดกันว่า  
เป็นน้ำผึ้งของชาวโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สำหรับ  
Emperor Apiary ความอุดมสมบูรณ์ช่วงนั้น  
พวกสมาคมได้ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  
ผู้รวบรวมน้ำผึ้งผู้เลี้ยงผึ้งและการใช้ขี้ผึ้ง  
ได้ถูกให้สิทธิพิเศษอย่างมากตอนนั้น  
 
เมือง Nürnberg ได้ทำ Lebkuchen  
เป็นเวลานานร่วม100 ปี  
จนถึงเวลาได้พยายามจะก่อตั้งสมาคม  
ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือซึ่งกัน  
ทำร้านเปิดขายขนมปังขายพวก Lebkuchen  
ในการก่อตั้งใช้เวลาหลายปี ความพยายามไร้ผล  
จนมาถึงปีที่1643 สภาจังหวัดอนุมัติก่อตั้งของพวกเขาเอง  
สมาคมซึ่งตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันในเมือง Nürnberg  
ประเทศเยอรมันเพื่อทำร้านค้าเปิดขาย Lebkuchen  
การก่อตั้งร้านค้าประกอบด้วยร้าน  
ขายขนมปัง14 ร้าน ขยายออกไปไกลมาก  
 
สงคราม30 ปีที่เกิดขึ้นทำให้ร้านขายขนมปัง  
ขายLebkuchenในเมือง Nürnberg  
ประเทศเยอรมันเสื่อมลง  
เพราะขาดแคลนเครื่องเทศที่จะนำมาใช้  
ในการประกอบทำLebkuchen การทำLebkuchen  
ต่อมาจึงไม่เติมเครื่องเทศอีก เมืองNuremberger  
ได้ถือสุภาษิตบทหนึ่งคือการแจกของขวัญเป็นLebkuchen  
เมื่อคนได้รับของขวัญและกินดู รู้สึกติดใจ  
และเลยกลายเป็นการค้าขายมีชื่อเสียงไปทั่วโลก  
Lebkuchen จากเมือง Nuremberg  
เป็น Lebkuchen ที่มีชื่อเสียงมาก  
และมีกิจการค้าขายทั่วโลก  
กลายเป็นประเพณีติดต่อทำกันมาจนถึงทุกวันนี้  
 
 
เขียนโดย pall เมื่อ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548, 02:24:11 น.  

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่

*** วิธีทำ Lebkuchen คุกกี้เครื่องเทศ ***  
 ข้อมูลมาจากหนังสือสายสัมพันธ์  
 
 ***ส่วนผสม **  
 
 เนย ( Butter ) 200 กรัม  
 น้ำตาลทราย 200 กรัม  
 ไข่ไก่ 5 ฟอง  
 ช็อกโกแลตขูด (geriebene Scholade) 100 กรัม  
 ถั่วมันเดลบด ( gemahlene Mandeln) 200 กรัม  
 ผงโกโก้ (Kakao) 1 ช้อนโต๊ะ  
 เหล้ารัม ( Rum) 1 ช้อนโต๊ะ  
 อบเชยป่น (( Zimt ) 1 ช้อนชา  
 กานพลูป่น (Nelken) 2 หยิบมือ  
 แป้งสาลี (Mehl) 80 กรัม  
 
 ***วิธีทำ Lebkuchen ***  
 
 1.เอาเนยใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อนๆพอให้เนยละลาย  
 แล้วตีเป็นครีม ค่อยๆโรยน้ำตาลและตอกไข่ใส่ลงไป  
 
 2.ใส่ส่วนผสมอื่นๆที่กล่าวมาข้างบนตามลงไป  
 ค่อยๆคนให้เข้ากัน  
 
 3.เทแป้งที่ทำเสร็จแล้วจากข้อที่2  
 ลงบนถาดที่จะใช้อบ แล้วปาดให้เป็นแผ่นบางเรียบๆ  
 
 4.เอาเข้าเาอบใช้ไฟประมาณ 170 องศา  
 ใช้เวลาอบประมาณ 30 - 35 นาที อบจนเห็น  
 ขนมด้านบนดูแห้ง แล้วยกออก  
 
 5. พอยกออกจากเตาอบ ตัดขนมเป็นชิ้นเล็กๆขณะที่ยังร้อนอยู่  
 
 *** ฉาบหน้าด้วยช็อกโกแลตได้ถ้าชอบ***  
 ใช้ฟอร์มตัดคุกกี้ทำเป็นรูปสัตว์หรือรูปอะไรตามใจชอบ  
 
 
 
 
 
 
 โดย pall เมื่อ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548, 02:45:27 น.  
 

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่

#9
http://www.google.ch/search?hl=de&q=LEBKUCHEN&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&biw=1109&bih=554&wrapid=tlif133321430280210&um=1&ie=UTF-8&tbm=isch&source=og&sa=N&tab=wi&ei=Zjx3T7qcL-jP4QSQuKmuDw#um=1&hl=de&tbm=isch&sa=1&q=GRITTIBAENZE&oq=GRITTIBAENZE&aq=f&aqi=&aql=&gs_l=img.12...125413l129048l0l130209l9l8l0l0l0l0l194l467l6j1l8l0.frgbld.&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&fp=56e80bbedb959a73&biw=1109&bih=554

<<<GRITTIBAENZE>>>  
 
 
GRITTIBAENZE (กริ๊ททัแบนนซฺ) **  
 
ตามที่เราเห็นเป็นรูปคนยืนกางขากางแขนทำด้วยแป้งสาลี  
เป็นขนมปังที่จะมีออกวางขายช่วง  
ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงวันที่6 ธันวาคม  
ถ้าเราเห็นขนมปังรูปร่างแบบนี้เมื่อไรจะรู้กันเลยว่า  
ในไม่ช้า ซันตาคลอส(Samichlaus) จะมาแล้ว  
ที่เด็กๆและทุกคนรู้เพราะเวลาซันตาคลอสมาเมื่อไร  
จะมีพวกถั่วลิสง,ชอกโกแลต,ส้ม,Lebkuchen  
และ Grittibaenze แจกพวกเด็กๆ  
ว่าไป Grittibaenze นี่ไม่เกี่ยวข้อง  
กับซันตาคลอสเลย  
 
**GRITTIBAENZE **  
 
คำว่าGRITTI แปลว่ากางแยกออกจากัน  
ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่าเป็นผู้ชายแต่ความจริงแล้ว  
เป็นผู้หญิง ประวัติความเป็นมาของการทำขนมปังอบแบบนี้  
เริ่มมาตั้งแต่ปี1600แล้ว 300ปีต่อมาปี 1857  
ที่Kanton Aargau ได้ทำขนมปังขึ้นมา  
แต่เป็นรูปคนผู้ชาย และตั้งชื่อขนมปังรูปร่างแบบนี้เ  
ป็นครั้งแรกว่า “Chrinddibenz”  
ถ้าพูดถึงประวัติความเป็นมาอย่างแท้จริงแล้ว  
คิดว่าน่าจะเริ่มมาตั้งแต่ปี 1400 แล้วไม่ใช่ปี 1600  
และปัจจุบันทุกคนไม่สนใจหรอกว่า Grittibaenze  
จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และไม่สนใจประวัติความเป็นมา  
ของมันหรอก  
 
คนสวิสชอบมากการกินขนมปังแบบนี้  
และชอบให้ใส่พวก Butter ลงไป  
และต้องประดับด้วยพวกเมล็ดองุ่นแห้ง  
ทำเป็นตาและปากหรือพวกถั่วประดับเพื่อความสวยงาม  
ขนมปัง Grittibaenze จะต้องทำด้วยมือทุกตัว  
การกินขนมปังแบบนี้ควรจะกินวันที่ทำให้หมด  
เพราะถ้าค้างคืนจะไม่อร่อย  
 
เราจะทำ Grittibaenze เองก็ได้การทำไม่ยากอะไร  
ถ้ามีเครื่องพร้อม ยิ่งพวกเด็กๆจะชอบมากถ้าได้แสดงฝีมือเอง  
ตามโรงเรียนส่วนมากจะให้เด็กทำ Grittibaenze เอง  
ซึ่งเด็กๆชอบมาก  
 
** วันที่ 6 ธันวาคม03 จะมาถึงแล้ว**  
เราทุกคนที่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์คงจะจับจ่าย  
ซื้อ Grittibaenze หรือชวนพวกลูกๆทำ Grittibaenze เอง  
หวังว่าทุกคนคงจะสนุกสนานกับวันนี้  
 
 
เขียนโดย pall เมื่อ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548, 07:21:42 น.  
 

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่

#10

การทำ GRITTIBAENZE **  
สำหรับ 4 ชิ้น  
 
เครื่องประกอบทำ Grittibaenze  
แป้งสาลี 1 กก  
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ  
HEFE ยีสต์ สด 42 กรัม  
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ  
Butter 100 กรัม  
นมสด 5 dl  
ครีม (Rahm) 1 dl  
ไข่ไก่ 1 ฟอง  
 
เครื่องสำหรับทาตัว Grittibaenze  
ไข่แดง 1 ฟอง  
นมสด 1 ช้อนโต๊ะ  
 
โดย pall เมื่อ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548, 07:23:10 น.  
 
 

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่




วิธีทำ Grittibaenze **  
 
 1.นำแป้งสาลีมาใส่ในชามใบใหญ่ โรยเกลือใส่ไปในแป้ง  
 
 2.นำ HEFE (ยีสต์ สด) และน้ำตาล มากดให้ละเอียด  
 และใส่น้ำนิดหน่อยเพื่อให้ละลาย และเทใส่ลงในแป้งที่อยู่ในชาม  
 และขยำแป้งไปมา  
 
 3.นำButter มาตั้งบนไฟให้ละลายอย่าให้ร้อนจัดมาก  
 ยกลง และเทใส่ลงในนมสดหรือครีมที่เตรียมรอไว้  
 คนให้เข้ากัน และเอาไข่ใส่ลงไป 1 ฟอง คนให้เข้ากัน  
 ยกเทใส่ลงในชามที่ใส่ยีสต์ไว้ ขยำของทุกอย่างให้เข้ากัน  
 ประมาณ 10 นาทีจนแป้งนวลไม่จับมือ  
 
 4.หลังจากนั้นหาผ้าคลุมแป้งที่ทำไว้ เอาไปวางใกล้ๆ  
 ที่ให้ความอบอุ่นแก่แป้งได้  
 แป้งจะได้ฟู ปล่อยทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชม.  
 
 5.เมื่อครบ 1 ชั่วโมงแป้งฟู เราก็เอาแป้งลงมานวดอึกครั้งหนึ่ง  
 แล้วแบ่งออกเป็น 3 หรือ 4 ส่วน แล้วจะดัดแปลงทำเป็นรูปแบบไหนตามใจเราได้  
 
 ประดับด้วยผลองุ่นแห้งหรือผลไม้อื่นตามใจชอบ  
 
 
 โดย pall เมื่อ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548, 07:24:27 น.  
 

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่




 
 6.นำรูป Grittibaenze ที่ทำเสร็จแล้ว ไปวางไว้บนถาดหรือจะมีแผ่นกระดาษไขวางไว้ข้างล่างได้  
 และปล่อยทิ้งไว้ที่ๆมีอุณภูมิเย็นหน่อย ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที  
 
 
 โดย pall เมื่อ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548, 07:25:05 น.  
 
 

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่




.หลังจากนั้นเปิดเตาอบใช้ความร้อน 180 องศาจนเตาอบร้อน  
 ก็นำ เอาไข่ไก่และนมมาตีให้เข้ากันและมาทาตัวGrittibaenz  
 ให้ทั่ว และเอาถาดใส่ลงตรงตระแกรงชั้นที่2ข้างล่าง  
 (แล้วแต่ขนาดความใหญ่ของตัวGrittibaenzที่ทำ)  
 ใช้เวลาอบประมาณ 40 นาที  
 
 
 *** ขอให้ทำตัวGrittibaenz กันให้สนุกนะจ๊ะ****  
 
 โดย pall เมื่อ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548, 07:26:27 น.  
 

ย้ายทู้ปรับปรุงใหม่




 
 GRITTIBAENZ  
 
 โดย pall เมื่อ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548, 07:27:02 น.