News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



<<<SWISS.....FONDUE.......>>>

Previous topic - Next topic

pall

http://de.wikipedia.org/w/index.php?title=Datei:Swiss_fondue_2.jpg&filetimestamp=20090327082835

**....Fondue isch guet und git e gueti Luune....**  
 
**ฟองดือ อิชชฺ ก๊วต อูนดฺ กิท เอะ ก๊วตติ ลูนเน่ะ***  
คำข้างบนเป็นคำพูดของคนสวิส  
ซึ่งเป็นภาษาสวิสเยอรมัน  
ซึ่งกล่าวถึงFONDUEว่า...FONDUEกินอร่อยและทำให้อารมณ์ดี  
ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องจริงๆ.  
เพราะเรากินฟองดูกันอย่างมีความสุข  
คุยหัวเราะหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน  
ภายใต้แสงเทียนที่จุดตั้งบนโต๊ะ..และฟังเพลงลูกทุ่งสวิส...  
 
**FONDUE **  
ถ้าเอ่ยและถามถึงประเทศสวิตฯ  
ทุกๆคนจะนึกถึง..นาฬิกา..มีดพกสวิส...  
ความสวยงามของธรรมชาติและ  
เนยขูดที่นำมาละลาย  
และจิ้มด้วยขนมปังขาว..ที่ทุกคนขนานนามว่า Fondue  
 
Fondue เนยขูดจัดว่าเป็นอาหารเก่าแก่ประจำชาติสวิส  
และจะกินกันมากเมื่ออากาศเริมหนาวเย็น  
แสงเทียนและไฟที่จุดเผาฟองดูทำให้เราเกิดความอบอุ่น  
และเกิดความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น...ยิ่งหิมะตก  
ละอองหิมะที่โปรยปรายข้างนอก  
ทำให้การกินฟองดูอร่อยมากขึ้น  
และอารมณ์โรแมนติคสุดๆยิ่งมีเตาผิง  
ที่จุดอยู่ข้างๆยิ่งทำให้เกิดภาพที่สวยงามจริงๆ  
 
** FONDUE **  
Fondue มาจากภาษาฝรั่งเศสFondre  
ซึ่งหมายถึงschmelzen.ในภาษาเยอรมัน  
ซึ่งแปลว่าทำละลาย..ใน caquelon  
ซึ่งเป็นหม้อดินเคลือบที่ทำพิเศษ  
สำหรับใส่เนยขูดตั้งอยู่บนความร้อนเพื่อให้เนยละลาย  
 
** FONDUE **  
เป็นอาหารที่คนสวิสนิยมกินกันมาก  
ไม่ว่าจะจัดเลี้ยงเชิญเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง  
หรือคนรู้จักใกล้ชิดเพราะทำง่าย  
มีส่วนประกอบไม่ยุ่งยากในการปรุง  
และข้อสำคัญอร่อยมาก  
คนสวิสจะกิน Fondueเป็นจำนวน3000กว่าตัน/ปี  
ซึ่งเป็นสถิติที่มากพอควรและสูงกว่าปีที่แล้วมาก  
สมัยก่อนตอนที่ป้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆเมื่อ30ปีที่ผ่านมา  
Fondue มีขายในท้องตลาดจะมีจำนวนไม่มาก  
จะรู้จักกันดีก็ยี่ห้อGerberและจะกินกันไม่มาก  
เหมือนปัจจุบันนี้  
 
ใครก็ตามถ้ามีโอกาสและเวลาว่างหรือไปเดินเล่น  
ถ้ามีเวลาลองไปเดินดูFondueที่ขายในท้องตลาด  
รับรองว่าจะตาลายมากเพราะปัจจุบัน  
มีFondueเป็นจำนวนมากมายหลายยี่ห้อที่วางขาย  
ตามท้องตลาด.  
ไม่ว่าจะเป็นFondueแบบสำเร็จรูป  
และแบบใส่เนยแข็งขูดเรียบร้อยแล้ว  
คนซื้อแค่มาผสมนำปรุงเครื่องเองภายหลัง  
บางคนอาจจะลองลิ้มรส  
ตัวอย่างเช่นChampagnerFondueมาแล้ว  
 
และมีทั้งFondueที่ผลิตขายสำหรับคน  
ที่ลดหุ่นหรือระวังความอ้วน..ซึ่งลดจำนวน Fett  
ลงเป็นจำนวนครึ่งต่อครึ่งจริงๆ  
ป้าเคยลองกินดูแล้วไม่อร่อยเลย  
กินแบบธรรมดาอร่อยมากกว่า  
และFondueสำหรับกินคนเดียว  
และใช้กับไมโครเวฟ  
เรียกว่าเขาผลิตให้ผู้บริโภคประทับใจมากจริงๆ  
 
**FONDUE **  
 
ประวัติความเป็นมาของFondue  
การกินฟองดูเป็นประเพณีเก่าแก่ที่กินกันมานานแล้ว  
คาดว่าการกินที่เราเรียกว่าFondue  
เริ่มมานานแล้วประมาณปีคศ.1500  
การกินฟองดูสมัยนั้นเป็นการกินแบบง่ายๆ  
การกินจะกินร่วมกันในหม้อเดียวกัน  
เล่ากันว่าถึงแม้คนกินจะไม่เป็นมิตรกัน  
หรือคู่อริก็มากินฟองดูร่วมหม้อกันและเป็นมิตร  
กันในที่สุด..การกินแบบนี้เลยกลายเป็น  
สัญลักษณ์ของความสุข..มิตร...และสังสรรค์สมาคมกัน  
 
การกินฟองดูสมัยก่อนจะใส่นมสด  
ลงในหม้อใส่เนยขูดใส่แป้งสาลี  
และกวนให้เข้ากันพอสุกแล้วยกเสิร์ฟ  
และและเอาขนมปัง  
ใส่ลงในหม้อและใช้ช้อนตักกิน  
อาหารแบบนี้เรียกว่าAlpsuppe  
ซุปชาวเขาซึ่งเป็นอาหารที่ง่ายๆ  
นมและเนยและแป้งสาลีเป็นอาหารหลัก  
ที่จำเป็นและมีอยู่แล้ว  
 
 
การทำFondueเขาจะทำแตกต่างจากปัจจุบันนี้  
และคนที่เริ่มทำฟองดูซึ่ง  
เป็นการทำแบบไม่ตั้งใจ  
คนที่คิดค้นทำเป็นพวกแรกคือคนที่อาศัยบนเทือกเขา  
เขาจะใช้เนยแข็งขูดใส่หม้อ  
เอานมสดใส่ลงไปในหม้อ  
และใส่แป้งสาลีเอาของทุกอย่างกวนให้เข้ากัน  
พอของทุกอย่างละลายเข้ากันแล้วก็เอาขนมปังใส่ซ่อมตักกินกัน  
 
ต่อมาปีคศ.1901ได้มีคนค้นคิดและทำสูตรฟองดู  
แต่ไม่มีคนสนใจทำตามต่อมาปี1906  
มีคนดัดแปลงเขียนจดสูตรการทำฟองดูบันทึกเป็นครั้งแรก  
ป้าจำชื่อคนเขียนไม่ได้แล้วน่าเสียดายมากที่เอกสารสำคัญ  
ที่เก็บรักษาไว้นานแล้วหายหมดตอนย้ายบ้าน  
จำสูตรการทำฟองดูคร่าวๆ  
 
เขาจะใช้เนยแข็งขูดใส่หม้อ  
เอานมสดและน้ำลงไปในหม้อ  
เอาไข่แดงต่อยใส่ลงไป  
และใส่แป้งสาลีเอาของทุกอย่างกวนให้เข้ากัน  
ใส่น้ำตาลลงไปนิดหน่อย  
และใส่น้ำมะนาวลงไป  
 
ใครที่เป็นนักอ่านหรือสนใจเกี่ยวกับฟองดู  
อ่านจะเคยอ่านเจอกันมาเกี่ยวกับประวัติต่างๆ  
ที่เล่าแตกต่างกันไป..  
บางคนบอกว่าฟองดูไม่ใช่ของคนสวิสนะ  
เป็นของชาวฝรั่งเศสเห็นไหมภาษายังเป็นฝรั่งเศสเลย  
ถ้าพิจารณากันดีๆ..จะเห็นว่าต้นตำรับ  
น่าจะเป็นคนที่อยู่แถบตะวันตกของสวิตฯ  
เขตนี้พูดภาษาฝรั่งเศส  
และน่าจะเป็นชาวเจนีวาGenfer  
แต่ก็บางคนก็บอกว่าน่าจะเป็นคนที่อยู่Neuenburg,  
หรือwaadt,หรือWaliss  
 
การกินฟองดูFondueเมื่อสมัยปี1900  
ยังไม่นิยมแพร่หลายเหมือนปัจจุบันนี้  
ลุงเล่าให้ป้าฟังว่าตอนแกเป็นเด็กไม่รู้จักฟองดูเลย  
จนเริ่มโตเป็นหนุ่มถึงได้รู้จักและเริ่มกิน  
แต่กินไม่บ่อยเพราะราคาแพงมาก  
แกได้รับเงินเดือนแค่ไม่กี่ร้อยเอง  
 
เมื่อประมาณปี1950หรือประมาณ1954  
กรมทหารของสวิสได้ทำให้ฟองดูเป็นที่รู้จักกันดี  
และนิยมกินกันมากจนถึงปัจจุบันนี้  
และเราเรียกสูตรทหารสูตรนี้ว่า  
Käse-Fondue der Schweizer Armee  
ซึ่งมีสูตรการทำเรียบง่าย  
 
Fondueในสวิตฯมีชื่อเรียกและใช้เนย  
หลายอย่างแตกต่างกันเช่น  
Freiburger Fondue mit Vacherin  
Freiburger Fondue Moitié — Moitié  
Genfer Fondue  
Glarner — Fondue  
Gomser Fondue (Walliser Fondue)  
Neuenburger Fondue  
Waadtländer Fondue  
Tomaten — Käsefondue  
Appenzeller Käsefondue  
Innerschweizer Fondue  


**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0053 ห้อง stories (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

#1


http://www.fondue.ch/page_1201610991110.html


**เครื่องประกอบที่ใช้สำหรับกินFondue**  
 
1.Das Rechaud  
อลูมิเนี่ยมอยู่ข้างล่างสุดจะใส่อัลกอฮอล์ให้ไฟลุกเพื่อ  
ให้เนยละลายและร้อนตลอดเวลา  
Rechaud จะมีเหล็กเป็นโครงรูปวงกลม  
สำหรับใช้วาง caquelon  
 
2. caquelon  
หม้อเคลือบตามภาพที่เห็นสีเหลือง  
เป็นหม้อพิเศษที่ใส่เนยแข็งขูดทำฟองดู  
แล้วไม่ไหม้ติดก้นหม้อ  
 
3.ซ่อมที่ใช้จิ้มขนมปังคนฟองดู  
ซ่อมที่ขายตามท้องตลาดจะมีมากมายหลายแบบ  
และการใช้จะแตกต่างกันมาก  
บางคนไม่สนใจหรอกจะแตกต่างกัน  
ถ้าใครเป็นนักสังเกตจะเห็นข้อแตกต่างกัน  
ซ่อมที่ใช้กับฟองดูเนื้อจะแตกต่างกันตรงปลายซ่อมและ  
ตรงโคนซ่อมจะบางเบา..ยาวเรียวแหลมกว่ามาก..  
และจะตรงทื่อ  
 
ซ่อมที่ใช้จิ้มขนมปังกินฟองดู  
จะกลมหนากว่าใหญ่กว่าและปลายซ่อมจะหยักโค้งนิดหน่อย  
เวลาจิ้มขนมปังกวนเนยในหม้อจะไม่หลุดง่าย  
ปลายซ่อมจะแบนใหญ่กว่าและอาจจะมีแค่2หรือ3ตามรูปที่เห็น  
 
4.จานสำหรับใส่ขนมปัง  
จะเป็นแบบเรียบง่ายๆ  
ไม่มีร่องนูนเป็นช่องๆจานแบบนั้นสำหรับกินฟองดูเนื้อหรือ  
RacletteFondue (เป็นเนยแข็งปิ้งไฟจนละลาย)  

pall

#2

http://www.google.ch/search?tbm=isch&hl=de&source=hp&biw=1152&bih=634&q=fondue+k%C3%A4se&gbv=2&oq=FONDUE++K&aq=0&aqi=g1g-S9&aql=&gs_l=img.1.0.0j0i24l9.4286l12042l0l15328l7l7l2l0l0l0l76l363l5l5l0.frgbld.#hl=de&gbv=2&tbm=isch&sa=1&q=+k%C3%A4se&oq=+k%C3%A4se&aq=f&aqi=g10&aql=&gs_l=img.3..0l10.30416l30416l0l30746l1l1l0l0l0l0l84l84l1l1l0.frgbld.&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&fp=d6c18d573a066283&biw=1152&bih=634

https://www.google.ch/search?tbm=isch&hl=de&source=hp&biw=1152&bih=634&q=fondue+k%C3%A4se&gbv=2&oq=FONDUE++K&aq=0&aqi=g1g-S9&aql=&gs_l=img.1.0.0j0i24l9.4286l12042l0l15328l7l7l2l0l0l0l76l363l5l5l0.frgbld.#gbv=2&hl=de&q=fondue+k%C3%A4se&spell=1&tbm=isch&imgdii=_

**เครื่องปรุงที่ใช้ทำ FONDUE **  
ถ้าเราซื้อฟองดูแบบสำเร็จรูปมา  
แค่แกะกล่องฉีกซองออกก็นำออกมาใช้ได้เลย  
แต่ถ้าทำฟองดูกินเองต้องใช้เครื่องประกอบหลายอย่างเช่น  
 
1.**Käseเนย**  
 
เนย Käseที่ใช้ทำฟองดู  
มีมากมายหลายชนิด  
แต่ที่นิยมนำมาใช้ทำฟองดูเช่น  
Gruyère, Emmentaler, Sbrinz, Appenzeller,  
และ Vacherin  
เนยพวกนี้จะใช้แตกต่างกันไป  
และมีรสชาติที่แตกต่างกันมาก  
** Gruyère **  
ชาวสวิสที่อยู่แถบตะวันตกจะใช้เนยนี้ทำฟองดู  
เนยชนิดนี้รู้จักกันมาตั้งแต่ปี1200แล้ว  
เนยชนิดนี้เขาจะใช้เป็นตัวสำคัญที่ทำฟองดู  
เป็นเนยที่มีรสจัดเค็มแตกต่างกับ Emmentaler  
 
Emmentaler  
 
** Sbrinz **  
เป็นเนยแข็งที่ผลิตมาจากแถบ Innerschweiz  
เป็นชื่อของกลุ่มที่เรียกรวมกัน  
ประกอบกันจำนวน หลาย Kanton(รัฐ)  
เช่น Uri, Luzern, Nidwald, Schwyz,  
Zug,Obwald  
เนยแข็งนี้จะมีรสชาติเฉพาะตัว  
ออกสีเหลืองนวลเวลากินจะร่วน  
ออกรสจัดเค็มนิดหน่อย  
 
** FONDUE **  
Käse-Fondue (altes Standardrezept)  
สูตรเก่าแก่ดั้งเดิมที่นิยมทำกินกันเรา  
จะใช้เนยแข็ง Emmentaler  
ซึ่งเป็นเนยแข็งที่ยังมีอายุน้อยและไม่รสจัด  
อายุประมาณ8ถึง10เดือน  
ซึ่งชาวสวิสที่อยู่แถบตะวันออกจะนิยมกินกัน  
สูตรนี้เป็นสูตรดั้งเดิมเก่าแก่  
บางคนอาจไม่ชอบมักจะใส่เนยแข็ง Gruyèreผสมลงไป  
 
 
จำนวนเนยที่ใช้กิน Fondue ต่อคน  
ส่วนมากจะใช้ประมาณ 200 g Käse pro Person  
Fondue จะมีขายตามท้องตลาดแบบสำเร็จรูป  
ฉีกซองนำออกมาปรุงได้เลย  
หรือแบบ Käsemischung(เนยหลายชนิดผสมกัน)  
เขาแค่นำเนยมาขูดเป็นเส้นๆให้เราผสมเครื่องเอาเอง  
 
**เนยแข็งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด**  
ที่ทำให้ฟองดูมีรสชาติ  
 
 
2. Weisswein เหล้าไวน์ขาว  
ซึ่งใช้ใส่ลงในฟองดูประมาณ 125 ml ต่อคน  
 
3. Kirsch แรงมากจะมีจำนวนอัลกอร์ฮอร์สูง  
กลั่นมาจากผลเชอรี่  
เขาจะนำมาใส่ลงในฟองดูซึ่งใช้ประมาณ 1ช้อนโต๊ะต่อคน  
4แป้งที่ช่วยทำให้ฟองดูข้น  
เช่น แป้งมัน, Maizena แป้งข้าวโพด  
เป็นแป้งที่บดละเอียดออกสีขาวนวล  
 
5. Knoblauch, Pfeffer und Muskatnuss  
(กระเทียม,พริกไทยป่น,ลูกจันทร์ป่น)  
 
**เพิ่มเติม**  
บางคนอาจจะใส่ Curry(ผงเหลือง)  
หัวหอม, Kümme (เม็ดยี่หร่าฝรั่ง), Paprika (พริกป่น),พริกไทยเขียว  
เพื่อความอร่อย...แต่บางคนไม่ใส่เครื่องพวกนี้ลงไป  
 
6.น้ำมะนาวคั้น,น้ำแอปเปิลคั้น,(ถ้าชอบอาจจใส่เบียร์,แชมเปญ)  
ซึ่งแล้วแต่คนชอบ  
 
7.ขนมปังขาว(ถ้าค้างคืนยิ่งดี)  
นำมาหั่นเป็นก้อนสีเหลี่ยมขนาดพอดี  
 
**เครื่องดื่มที่ใช้ดื่มกับฟองดู**  
การดื่มเหล้าไวน์ขาวเป็นการช่วยย่อย  
ทำให้การกินฟองดูไม่รู้สึกว่ากระเพาะหนัก  
แต่บางคนที่ไม่ชอบดื่มพวกอัลกอฮอร์ก็จะดื่ม  
พวกชาดำแทน  
 
**การประกอบทำฟองดู**  
ถ้าแบบสำเร็จรูปจะไม่ยุ่งยากง่ายมาก  
เหมาะสำหรับคนมีเวลาน้อยหรือแม่บ้านมือใหม่  
หรือแม่บ้านสมองใสที่ไม่ชอบทำอาหารแบบนี้แค่แกะกล่อง  
นำมาใส่หม้อทำให้ละลายก็นำเสิร์ฟได้เลย  
 
แต่ถ้าเป็นคนชอบปรุงเองแบบนี้ยุ่งยากเล็กน้อย  
บอกก่อนว่าการทำฟองดูไม่ยากเลยแต่อร่อยหรือไม่  
เป็นเรื่องที่ต้องพูดกันอีกครั้ง  
การทำฟองดูต้องมีเทคนิคและรู้จักการใส่เครื่องปรุง  
เพื่อรสชาติ..  
 
**การทำฟองดู**  
บางคนอาจจะใส่ไข่แดงลงไปเพื่อให้มีสีสันสวยขึ้น  
และเนยฟองดูไม่ไหม้ติดหม้อ  
 
**แนะนำการทำ Fondue**  
***ถ้าทำเอง**  
 
1.ควรนำเนยที่ขูดไว้มาผสมลงในเหล้าไวน์ขาวทิ้งไว้  
ประมาณ1ถึง2ชั่วโมง”  
 
2.หลังจากนั้นนำมาใส่ลงหม้อ caquelon ที่กล่าวไว้ข้างบน  
**อย่าลืมเอากระเทียมมาทาก้นหม้อให้ทั่วก่อนเอาเนยขูดฟองดู  
ใส่ลงในหม้อ**  
ที่ทำแบบนี้เป็นการป้องกันไม่ให้เนยติดก้นหม้อ  
นำมาตั้งไฟอ่อนๆ  
หลังจากนั้นพยายามคนด้วยพายใช้เวลานานพอสมควรจนเนยละลาย  
ข้น  
 
**การคนฟองดูในหม้อ**  
 
การคนจะคนซ้ายหรือขวาไม่สำคัญ  
ข้อสำคัญคือกวนให้สม่ำเสมออย่าหยุด  
และกวนให้นานและไวๆๆ  
การกวนเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่ช่วยให้การทำฟองดูอร่อย  
เพราะช่วยให้เนยละลายตัวเข้ากับเครื่อง  
ที่ผสมไว้  
 
3.ใส่ส่วนผสมที่กล่าวมาข้างบนไม่ว่าจะเป็นเหล้า  
แป้งและก่อนจะยกไปตั้งโต๊ะควรใส่น้ำมะนาวสักนิด  
 
**ถ้าฟองดูรู้สึกว่าไม่ข้นใส่เนยผสมลงไปใหม่ได้  
แต่ถ้าข้นไปก็เติมเหล้าไวน์ขาวลงไป**  
 
**จำนวนคนกินต่อ1หม้อ caquelon**  
ปรกติจะกินกันจำนวน 4 คนแต่ไม่ควรเกิน5คน  
การกินฟองดูทำไมแค่4คน  
เพราะการกินแบบนี้ต้องการความคล่องตัว  

pall




เนยแข็งไหม้ติดก้นหม้อcaquelonแบบนี้  
 คนมักจะแย่งกินกันเพราะอร่อยมากขอบอก  
 
 **ระวัง**  
 การกินฟองดูระวังอย่าให้ขนมปังหลุดจาก  
 ปลายซ่อม.ถ้าใครทำหลุดจะโดนปรับ  
 กฎอันนี้เป็นกฎความสนุกสนาน  
 บางคนต้องเป็นคนจ่ายเหล้าไวน์หรือโดนปรับเงิน  
 
 **การล้างหม้อ caquelon**  
 ควรใช้น้ำเย็นล้าง  
 การใส่น้ำเย็นเป็นการช่วยให้เนยแข็งที่  
 ติดอยู่ข้างในจับตัวง่ายต่อการล้างออก  
 
 ช่วงนี้อากาศเย็นแล้ว  
 บางแห่งอาจจะมีหิมะตก  
 เป็นโอกาสเหมาะกับการกินฟองดูมาก  
 ไม่แน่ช่วงสุดสัปดาห์บางคนอาจจะ  
 เตรียมฟองดูไว้กินเอง  
 หรือเชิญเพื่อนฝูงญาติพี่น้องมาร่วมสังสรรค์กัน

pall

ป้าอยากเขียนเรื่องFondueมาตั้งแต่ปีที่แล้ว  
 แต่มีปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับย้ายบ้าน  
 ยุ่งกับการทำงาน....จนเลิกล้มและไม่อยากเขียน  
 พอดีเจอหิมะตกเต็มสวนขาวโพลนไปหมด  
 จุดเตาผิงเเละนั่งกินฟองดูเนยกัน  
 ป้าเลยเกิดอารมณ์นักเขียนขึ้นมา  
 ถ้าอ่านสะดุดๆหรือไม่ค่อยรู้เรื่องขออภัยด้วย  
 เพราะใช้เวลาเขียนหลายวันกว่าจะจบ  
 และจบห้วนๆเนื่องจากมานั่งหน้าคอมไม่ได้นาน  
 และข้อมูลหายหมดจำได้คร่าวๆ  
 
 ถือว่าอ่านสนุกๆๆก็แล้วกันนะ  
 

ส้มตำ

สวัสดีค่ะป้าพอลล่า  
 
 ป้าดีขึ้นหรือยังคะ.??...สว่นส้มตำดีขึ้นดีใจมากเลย  
 
 มาอยู่สวิสใหม่ๆก็ไม่ชอบเพราะพี่ที่เอาส้มตำมาอยู่สวิสเขาใส่ไวน์มากเกินไป..เพราะสามีเขาชอบ.  
 
 พอหลังๆมาส้มตำมีครอบครัวเป็นของตัวเอง...มีสามี..ก็เลยลองทำแบบไม่ใส่ไวน์เยอะๆแบบพี่เขา..มันก็อรอ่ยมาก..เพราะสามีและส้มตำเองก็ไม่ดื่มแอลกอฮอล์กัน..ก็เลยใส่ไวน์นอ้ยๆ...ใส่กระเทียมเยอะๆ ฮิ ฮิ  
 
 ไปกินบ้านครอบครัวของสามี...เขาก็ตอ้งดื่มชนับส์ดว้ยแก้วเล็กๆ  
 
 เขาบอกมันจะได้ยอ่ยง่ายๆเพราะว่าแคเซทีทำฟองดูมีใขมันมาก  
 
 จะได้ทอ้งไม่อืดตอ้งดื่มชนับส์ตามแก้วเล็กๆ..  
 
 แต่กอ่นส้มตำมีหมอ้เล็กๆสำหรับสองคน..ปีนี้ส้มตำมีหม้อใหญ่สำหรับครอบครัว..  
 
 แล้วที่แห้งๆติดก้นหม้อน่ะส้มตำจะจองทุกทีเลยถ้าเราทำกินกัน..  
 
 ไปเล่นชลิเติ้ลกลางคืนเดือนหงาย...กินฟองดูกันใต้แสงเทียน..อร่อยอย่าบอกใครเลย

ยาหยี




หวัดดีค่ะป้าพร ไม่สบาบหายดีหรือยังค่ะ  
 ส่วนลุงป้าบอกแย่มากๆน้ำหนักลด  
 ทานไม่ค่อยได้ ....ก็ขอให้คุณลุงหายไวๆนะค่ะ  
 พูดถึงเรื่องฟองดู....มาอยู่ใหม่ๆจะไม่ชอบทานเลยละค่ะ  
 แต่ครอบครัวสามีชอบทานกันค่ะ เวลาหน้าหนาวจะชอบทาน  
 หนูก็ลองกะเค้าบ่อยๆ....เอ๊ะตอนนี้เริ่มอร่อยแล้วค่ะ  
 คงเป็นเพราะใหม่ๆเราอาจจะไม่ชินนะค่ะ  
 แล้ว Raclette ไม่รู้เขียนถูกเปล่า? ป้าชอบไหมค่ะ  
 หนูจะชอบทานมากๆเลยค่ะ ทานแล้วก็กระหายน้ำค่ะ สรุปอร่อยดีทั้งสองอย่างค่ะ  
 เควินสวัสดีป้าพร และป้าส้มตำด้วยครับ

pall

ลุงอาการยังแย่อยู่..ป้าเองสุขภาพดีขึ้นมากแล้ว  
 ติดตรงสายตาที่แย่มากๆ  
 เลยเข้ามาจับคอมบ้างเป็นบางครั้ง.  
 ดีใจที่ส้มตำสุขภาพดีขึ้น  
 
 ป้าก็เหมือนส้มตำที่กินฟองดูใส่เหล้ามากไม่ได้  
 สงสัยเพราะเราไม่คุ้นเคยเนื่องจากไม่ใช่นักดื่ม  
 ตอนนี้ป้าดีใจที่ได้ฟองดูรสถูกปากมากๆ  
 เป็นฟองดูที่ซื้อมาจาก Denner  
 อร่อยมาก.แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ  
 ที่ป้าชอบเพราะได้สัมผัสกับเนยแข็งที่ละลาย  
 จนออกเป็นครีมสัมผัสลิ้นรู้ถึงรสชาติของฟองดู  
 
 เนยติดก้นหม้อมีแต่คนแย่งกัน  
 จนต้องจับฉลากอร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆ  
 เห็นภาพออกเล่นที่ออกไปเล่นล้อเลื่อนบนหิมะ  
 ใต้เเสงจันทร์.  
 ใช่สวยมากจริงๆยิ่งหิมะตกสวยมาก  
 ว่าไปอุ่นสบายและเกล็ดหิมะ  
 เหมือนเกล็ดเพชรล้อมเราไปหมด..  
 อยากให้หิมะตกอีกจริงๆ

pall

#8

http://www.natur-lexikon.com/Texte/FM/002/00127-Trompetenpfifferling/FM00127-Trompetenpfifferling.html

สวัสดีจ๊ะยาหยี  
หนุ่มหล่อน่ารักจัง.ใกล้จะถึงวันซันตาครอสแล้ว  
เด็กๆคงตื่นเต้นกันน่าดู.ที่บ้านป้าตอนเด็กยังเล็กอยู่  
เราจ้างซันตาครอสครั้งละ30สวิสฟรังก์  
จ้างแบบนี้ทุกปีจนเด็กบอกเมื่อไรจะเปลี่ยนซันตาครอสใหม่  
 
ป้าอาการดีขึ้นมากแล้วเหลือแต่สายตาที่ยังคงเดิม  
ป้าเป็นห่วงแต่ลุงที่น้ำหนักลดลงตอนนี้ร่วม20กก.  
ตอนนี้ก็รอตรวจหมอหัวใจอยู่.  
ท่อทางเดินอาหารติดเชื้อแบคทีเรียอย่างหนัก  
และยิ่งเป็นช่วงติดกระเพราะนี่ลำบากมากๆ  
 
ป้าชอบกินRacletteมาก  
ชอบเอาเห็ดPfifferling  
เอามาใส่.บางคนอาจจะไม่รู้จัก  
เห็ดที่เห็นตามรูปข้างบนชื่อเห็ดPfifferling  
ป้าเก็บแล้วเอามาใส่ตู้เเข็ง.  
ป้าคิดว่าบางคนต้องเคยไปเก็บมาแล้วนะ  
 
สวัสดีจ๊ะเควิน..ฝากจุ๊บหลานด้วยนะจ๊ะ  

ต๋อย

สวัสดีค่ะป้าพอลดีใจด้วยนะคะที่อาการดีขึ้น
 ยังไงก็ขอให้สุขภาพดีขึ้นดีขึ้นเรื่อยๆ
  และก็ขอให้ลุงหายเร็ว เร็วเหมือนกัน
 จะได้ไปเที่ยวออสก้าสนุก สนุก  
 สวัสดีพี่ส้มตำดีใจด้วยอีกเช่นกันที่สุขภาพดีขึ้น  
 ยังไงก็ขอให้สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ตลอดไป  
 ช่วงนี้ไม่มีเวลาไปซาวน่าเลยพี่ เรียนหนัก  
 พรุ่งนี้ก็สอบปากเปล่ากับครู ประมาณ 10 นาที  
 ไม่รู้เขาจะถามอะไร เฮ้อกลัว  
 แล้วก็มะรืนสอบข้อเขียน  
 ตอนนี้กระดิกไปไหนไม่ได้มีแต่เรียนกับเรียน  
 ถ้าขี้เกียจก็กลัวตามเพือนไม่ทัน ที่สำคัญเงินสูญเปล่า  
 สวัสดีพี่ยาหยีหลานชายน่ารักจัง  
 ต๋อยก็ยังไม่ค่อยชอบมากหรอกฟองดู  
 บางทีอาจเป็นเพราะลิ้นยังไม่คุ้นมั้ง  
 อยู่นานไปก็คงอาจจะชอบ  
 ต๋อยชอบหั่นสับปะรดพอคำ  
 กินกับฟองดูด้วย อร่อยตัดความเลี่ยน

ส้มตำ

สวัสดีอีกครั้งจ้ะป้า..  
 
 ขอบคุณค่ะที่เอารูปเห็ดมาให้ดู...เห็ดชนิดนี้ส้มตำเคยไปเก็บมากิน..  
 
 ทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่ากินได้ใหม??..แต่ก็กินมาแล้วไม่เป็นอะไร..  
 
 โชคดีที่ไม่เป็นอะไร.

ส้มตำ

หวัดดีจ้ะ..ยาหยี  
 
 หวัดดีจ้ะเควินเรียกป้าได้....แต่แม่ยาหยีไม่ตอ้งเรียกพี่นะ..  
 
 เป็นเพื่อนกันได้แค่สองปี...เอาง่ายๆนะจ้ะ
 

ส้มตำ

หวัดดีจ้ะตอ๋ย  
 
 เรียนไปเถอะตอ๋ย...แล้วจะภูมิใจทีหลังคอยดูนะ..  
 
 ประโยชน์ตามมาทีหลัง...เดี๋ยวรู้เอง

วนาลี

สวัสดีค่ะทุกคน (ขอรวบยอด)
  ชอบกินฟองดูกับรักเลตด้วยเหมือนกันค่ะ  
 ฟองดูนี้ไม่เคยทำเอง
  มีแต่เพือนบ้านสวิสเขาทำให้กินค่ะ  
 ขอบคุณป้าพรมากเลยค่ะที่เอาสูตรให้  
 ตัวเองฉลาดน้อยมากเลยค่ะ  
 นึกว่าฟองดูมีแต่แบบใส่ไวน์อย่างเดียว  
 ก็ไปกินทีไหร่ เพือนใส่ไวน์ทุกคนเลย  
 อ่านของป้าถึงได้รู้ว่า แบบไม่ใส่ไวน์ก็มี  
 แต่ เอ๊ จะอร่อยเหรอค่ะ  
 
 มีเพือนอยู่คนทำแบบที่แกชอบกินให้เรา
  คือใส่ไวน์ที่รสชาดแรงมากๆ  
 ใส่กระเทียมลงไปอีก ใช้ชีส Appenzell  
 วันนั้นกินได้ไม่กี่คำก็ต้องวางค่ะ  
 ชีสจากอัพเพนเซลล์นี้ขึ้นชือว่า  
 เหม็นที่สุดในบรรดาชีสสวิสหรือปล่าวค่ะป้า
  แต่แปลกค่ะ ว่า
  พอหลังจากนั้นมาก็คิดถึงรสชาดแบบนั้นอีก
  พูดแล้วก็อยากกิน

pall

สวัสดีจ๊ะวนาลี  
 ยอมรับว่าเป็นคนที่ไม่ชอบกินเนยเเข็งเท่าไร  
 จะกินก็ฟองดูหรือรักเลตเท่านั้น  
 และไม่ชอบฟองดูถ้าใส่เหล้ามากหรือใส่พวก Kirschมาก  
 ถ้าไม่ใส่ยิ่งดีเพราะเป็นคนไม่ดื่มพวกแอลกอฮอร์อยู่แล้ว  
 คือไม่แตะต้องของพวกนี้เลย.  
 ว่าไปฟองดูไม่ใส่เหล้าไม่อรอ่ยเท่าไร  
 ฟองดูแท้ๆต้องใส่เหล้าขาวเพราะเหล้าเป็นตัวสำคัญมาก  
 
 จริงอย่างที่วนาลีบอกAppenzell เหม็นจริงๆ  
 ขนาดลุงยังบอกว่าเหม็นเลย.  
 ยังมีเนยอีกหลายชนิดพอเปิดแกะถุงออกมาแทบจะสลบ  
 กลิ่นเหมือนถุงเท้าคน*เน่ามากเลย.  
 เนยพวกเปลือกหนังแฉะๆนี่เกลียดมาก  
 เหม็นสุดๆ...เวลาลุงกินแกต้องไปกินไกลๆ..  
 ตอนป้ามาใหม่ๆทนกลิ่นชอกโกแลตไม่ได้  
 แต่ทนกลิ่นเนยเเข็งได้.  
 
 วนาลีเคยเห็นเนยที่คนอิตาลีกินไหม?  
 ป้าเคยดูเมื่อ2ปีที่แล้วกับลุงจำชื่อไม่ได้  
 เป็นเนยที่เขาทำโดยเฉพาะ  
 เอกลักษณ์ประจำเนยนุ่มชนิดนี้คือมีหนอนตัวเล็กๆข้างใน  
 คนกินไปร้องแซ่บไป....ป้ากับลุงอยากนะอ๊วก...