News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



<<แก้วกับเครื่องดื่ม >>

Previous topic - Next topic

นิด




เครื่องดื่มที่คุณโปรดปราน ในแต่หล่ะชนิด  
 ต่างก็มี แก้วคู่ใจ
  ซึ่งถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับเครื่องดื่มนั้น
  เพื่อให้สัมผัสถึง ความกลมกล่อม นุ่มนวล กับรสชาติ.
  แก้วที่ถูกสร้างให้มีรูปทรงโค้งเว้าหรือขนาดที่ต่างกัน  
 มิใช่เป็นเพียงความสวยงามเท่านั้น
 แต่ถูกออกแบบโดยผ่านขั้นตอนการค้นคว้าวิจัย  
 และคำนึกถึง ความแตกต่างในรสชาติของเครื่องดื่ม  
 องค์ประกอบที่จะทำให้ได้รับอรรถรสที่สุดจากเครื่องดื่ม  
 การไหลของเครื่องดื่มเพื่อให้สัมผัสกับจุดรับรสชาติในร่างกายของเรา...........

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0015 ห้อง stories (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

นิด




** จุดของแก้ว ในการรับรสชาติ **
 

นิด




**แก้วน้ำ (Goblet Glass)**  
 จะมีปากเป็นรูปทรงตรงสำหรับดื่มน้ำเปล่าเพราะไม่จำเป็นต้องมีการสูกดมกลิ่นเหมือนการดื่มไวท์  
 *ส่วนการจับ สามารถจับที่ก้นแก้ว หรือตัวแก้วได้

นิด




** แก้วไวท์ขาว (White Wine Glass )**  
 แก้วไวน์ขาว กับ แก้วไวน์แดง  
 จะมีรูปทรงเดียวกัน  
 แต่แก้วไวน์ขาวจะมีขนาดเล็กกว่า  
 เนื่องจากไวน์ขาวนิยมดื่มเย็น  
 ถ้าใช้แก้วขนาดใหญ่ใส่ไวท์ขาว  
 ความเย็นก็จะค่อยๆลดลง  
 แก้วไวน์ขาวมีลักษณะ บางใส  
 เพื่อที่ผู้ดื่มสามารถดูสีไวท์ได้อย่างชัดเจน  
 มีก้านไว้สำหรับจับไม่ให้สัมผัสกับตัวแก้วโดยตรง  
 เพราะอุณภูมิจากมือของเรา  
 จะทำให้อุณภูมิของไวน์สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  
 ส่วนก้นของแก้วไวน์ขาวจะอ้วน  
 และค่อยๆแคบลงในส่วนของปากแก้ว  
 เพื่อให้กลิ่นของไวน์รวมตัวกันที่ปากแก้ว  
 ผู้ดื่มจะสัมผัสกับกลิ่นละมุนของไวน์ได้อย่างดี

นิด




**แก้วไวน์แดง( Red Wine Glass )**  
 แก้วไวน์แดง เป็นลักษณะเดียวกับ ไวน์ขาว  
 แต่มีขนาดใหญ่กว่า  
 เนื่องจากไวน์แดงไม่นิยมดื่มเย็น  
 จึงสามารถใช้แก้วขนาดใหญ่เสริฟได้  
 การรินไวท์นิยมริน 3 ส่วน 4 ของแก้ว  
 การจับแก้วสามารถจับได้ทั้งก้านและก้นแก้ว
  มีลักษณะบางใสเช่นเดียวกัยไวน์ขาว  
 สำหรับรูปร่างของไวน์แดง ก้นใหญ่และอ้วน  
 ส่วนปากจะแคบและโค้งเข้าหากัน
  เพราะจะทำให้ผิวหน้าของแก้วไวน์แดง
 สามารถสัมผัสกับอากาศได้มาก
  และจะมีปฏิกิริยากับออกซิเจน  
 จากนั้นจะปล่อยกลิ่น
 อันเป็นลักษณะเฉพาะตัวของไวน์ขวดนั้น
 ออกมารวมตัวที่ปากแก้ว  
 ที่มีส่วนโค้งเข้าหากัน  
 พร้อมจะให้ผู้ดื่ม สูดดมกลิ่นอันหอมกรุ่น

นิด




** แก้วฟลุตแชมเปญ ( Flute Champagne Glass )**  
 มีลักษณะ ทรงสูงยาวเรียว  
 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็ก  
 แก้วชนิดนี้เป็นแก้วที่ใช้ดื่มกับ Champagne  
 หรือ Sparkling Wien ( ไวน์ที่มีแก๊ส )  
 การริน แชมเปญ ก็ควรรินเพียงครึ่งแก้ว
  เพราะนิยมดื่มเย็น  
 การจับแก้วควรหลีกเลี่ยงการจับส่วนที่ถ้วย  
 ควรจับส่วนที่ก้าน  
 แก้วชนิดนี้ นิยมใช่ใส่เครื่องดื่ม Cocktail มากมาย
  เนื่องจากมีรูปทรงสวยงาม
 

นิด




**แก้วแชมเปญ ( Champagne Glass )**  
 แก้วชนิดนี่มีรูปทรงคล้ายดอกทิวลิป  
 วิธีริน หรือดื่ม ก็เหมือนกับแก้วฟลุตแชมเปญ  
 คือ รินเพียงครึ่งแก้ว  
 การจับก็จับก้านหรือฐานของแก้วเท่านั้น
  และแก้วชนิดนี้นิยมนำมาใส่ Cocktail ด้วย
 

นิด




** แก้ววอสเซอร์แชมเปญ (Saucer Champagne Glas )**  
 แก้วซอสเซอร์แชมเปญ  
 สามารถใส่ Champagne  
 หรือSparkling Wine ได้เช่นกัน  
 การรินเครื่องดิ่มควรริน 3 ส่วน 4 ของแก้ว  
 ส่วนการจับแก้ว ก็ให้จับตรงก้าน  
 การใช้แก้วชนิดนี้ ในการเสริฟ  
 ทำให้สูญเสียแก๊สในเครื่องดื่มอย่างรวดเร็ว  
 เนื่องจาก Champagne หรือSparkling Wine  
 ที่อยู่ในแก้วนัน้จะมีผิวหน้าสัมผัสอากาศมาก  
 จะนิยมใช่ในการดื่มฉลองงานมงคลพิธี  
 ซึ่งการดื่มไม่ต้องพิถีพิถันมาก  
 เช่น งานแต่งงาน และนิยมใส่ Cocktail  
 และ Margarita
 

นิด




** แก้วมาร์ตินี่ ( Martini )**  
 แก้วมารืตินี่  
 จะมีส่วนประกอบเหมือนแก้วไวน์
 คือ จะมี 3 ส่วน ฐาน ก้าน  
 และส่วนที่เป็นถ้วย แก้วชนิดนี้  
 จะมีส่วนก้นแหลม และส่วนปากจะบานออก  
 ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแก้วชนิดนี้  
 ส่วน Cocktail ที่นิยมใส่ในแก้วนี้
 คือ Dry Martini และ Manhattan

นิด




** แก้วเบียร์ ( Bee Glass )**  
 แก้วเบียร์ มีรูปทรงหลายแบบ ได้แก่  
 1. แก้วเบียร์ ที่มีก้านก้นและฐาน  
 2. แก้วเบียร์ที่ไม่มีก้าน  
 มีส่วรเว้าเหมือนเอวใต้ก้นแก้ว  
 ซึ่งเรียกแก้วชนิดนี้ว่า Pilsner Glass  
 3. แก้วเบียร์ที่ไม่มีก้านแต่มีหูจับ  
 ซึ่งมีเนื้อแก้วหนากว่าชนิดข้างต้น
  เรียกว่า Beer Mug  
 แก้วทั้ง 3 ชนิดข้างต้น  
 จะไม่มีข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ
 ในการดื่มเบียร์เท่าไรนัก  
 แต่แก้ว Beer Mug ดีกว่าตรงที่มีหูจับ  
 ดังนั้นมือของเราก็ไม่ได้สัมผัสกับตัวแก้วโดยตรง  
 ทำให้เบียร์เย็นนาน

นิด




** แก้วลิเคียว ( Liqueur Glass )**  
 แก้วลิคียว เป็นแก้วทรงตรง ขนาดเล็ก
  ส่วนมากจะมีขนาดของแก้วประมาณ 2- 3 ออนซ์  
 ใช้ใส่เหล้า Liqueur ซึ่งเป็นเหล้ารสชาติหวาน  
 นิยมดื่มหลังอาหารเพื่อให้ลมหายใจหอมสดชื่น
  เพราะเป็นรสผลไม้ที่มีกลิ่นหอม  
 ปกติแก้วจะไม่มีลักษณะโค้งเหมือนกับแก้วไวน์
 เพราะกลิ่นของ Liqueur  
 ส่วนมากจะไม่ซับซ้อนเหมือนไวน์  
 แก้วชนิดนี้นิยมใส่ Cocktail ชื่อ Rainbow  
 และยังใช่เสริฟเหล้าที่ลูกค้าต้องการดื่มแบบเพียวๆ  
 เช่น Vodka , Tequila  
 
 

นิด




** แก้ววิสกี้ ซาวน์ ( Whisky Sour Glass ) **  
 แก้ววิสกี้ ซาวน์  
 มีลักษณะรูปร่าง ของแก้วคล้ายกับแก้ว Liqueur  
 แต่มีขนาดใหญ่กว่า เล็กน้อย  
 ปากแก้วจะไม่โค้งเหมือนแก้วไวน์  
 เหตุผลเช่นเดียวกับแก้ว Liqueur  
 ส่วน Cocktail ที่นิยมใช้แก้วนี้คือ Whisky Sour

pall

ขอบใจมากจ๊ะนิดสำหรับความรู้เรื่องแก้วต่างๆ  
 ป้าไม่ต้องดื่มเหมือนนิดหรอกแค่เห็นแก้วก็ตาลายแล้ว  
 

black tea

ขอบคุณค่ะคุณนิด ทู้นี้มีประโยชน์มากเลยค่ะ ลื้อฟื้นความจำดีจังเลยเจ้าค่ะ  
 เวลาได้กลิ่นเครื่องดื่ม จำไม่ได้แล้วค่ะตอนนั้นว่าใช้แตกต่างกันยังไง นี่ขนาดยังไม่ได้ดื่มนะคะ  
 พอดื่มเข้าไปแล้ว ไม่ต้องบอกรู้ว่าชาดำ จับแก้วแน่น กลัวมันหลุดมือ เอิ๊กๆๆ
 

ป้าพร Stockholm

โฮ้ น้องนิดป้าพร เพิ่งรู้ ตอนนี้เอง ว่าทำไม่ มันถึงมีแก้ว รูปทรง แปลกๆ มากมาย แต่ละ ทรง เขามี เอกลักษณ์ การใช้งานที่แตกต่างกันไป แบบนี้นี่เอง ขอบคุณจริงๆ ที่นำเรื่องราวน่าสนใจ มาแบ่งปันกันจ๊ะ