News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



<<<...Kartoffeln ...>>>

Previous topic - Next topic

pall

https://www.google.ch/search?q=Weihnachtsbaum&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=TAM2U5XXMIuqhAeIjYHoCw&ved=0CAYQ_AUoAQ&biw=1120&bih=537#q=Kartoffeln&tbm=isch

** Kartoffeln..(มันฝรั่ง )**  
 
พูดถึงมันแล้วนึกถึงลุงซึ่งชอบกินมันมาก  
จะให้ป้าทำอาหารให้กินแทบทุกมื้อเลย  
ขนาดไป กินที่เหลา แกยังสั่งมันฝรั่งมากิน  
ด้วยความชอบกินมัน แกจึงปลูกมันกินเอง  
ทุกปีป้าจะต้องเป็นลูกมือลุงแบบไม่สมัครใจ  
ทุกปีเราจะต้องไปเลือกมันที่จะนำมาปลูกที่สวน  
ปีหนึ่งเราปลูกหลายพันธ์และหลายชนิด  
และปลูกไว้ร่วมๆ100 กิโล  
เชื่อแล้วใช่ไหมว่า ลุงกินมันเก่งมาก  
พอกินหมดก็ต้องไปซื้อที่บ้านชาวนา  
เพราะขายถูกกว่าในร้าน ซึ่งขายถูกมาก  
แค่กก.ละ .70 Rappen (รัพเพ้น)

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0009 ห้อง stories (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall




ภาพที่เห็นข้างบนนี้คือลักษณะของมันที่เริ่มงอก  
 เพื่อจะนำลงปลูก  
 ทุกปีลุงจะตะเวนไปหาซื้อพันธ์มันฝรั่งมาปลูก  
 พอซื้อหัวมันฝรั่งมันมาแล้ว
 ป้าต้องเป็นคนจัดการนำใส่ถาด  
 โรยผงป้องกันเชื้อราและนำไปวางไว้ที่กลางแจ้ง  
 มีแดดส่องหน่อยแต่ห้ามตากแดดนะ
  และคอยดูมันฝรั่งจนรากเริ่มงอกออกมา
 พอเริ่มโตได้นิดหน่อยก็จะนำไปลงดิน  
 หลังจากนั้น ก็ไปช่วยลุงแกนำมันไปลงในดิน
 ที่ยกเป็นร่อง แกต้องกะเล็งระยะให้เท่ากันเดะเลย  
 ป้านี้เซ็งมาก  
 บางครั้งทะเลาะกันแทบจะไม่ได้ปลูกมันเลย  
 แกบอกว่าที่ต้องกะระยะไว้
 เวลามันๆออกลูกจะได้มีบริเวณไง  
 ถ้าไม่เชื่อให้ป้าไปขุดที่ชาวนาเขาปลูกซีแล้วจะเห็น
 ว่าชาวนาก็กะระยะปลูกเหมือนกัน
 ป้าฟังแล้วเฉยๆไม่ทำตาม  
 ขืนป้าทำตามที่แกพูดไปขุดที่ชาวนาปลูกไว้
 สงสัยเขาดีดป้าออกมาแน่ๆ  
 
 หลังจากที่เอามันลงหลุมแล้ว
 ลุงจะเอากระดูกป่นโรย  
 เพื่อช่วยเร่งให้มันโตเจริญงอกงาม  
 หลังจากนั้น ก็เอาดินกลบให้มิด
 ทุกๆวันจะยกร่องดินให้สูง
 เพื่อให้ดินโปร่งอากาศถ่ายเทได้ดี  
 การยกร่องดินแบบนี้ทำให้ต้นมันโตไว  
 ไม่ช้าลำต้นก็จะแทงขึ้นมาข้างบน  
 ลุงแกจะยกร่องแบบนี้ทุกวัน
   
 ต้นมันขึ้นงามมากเลยและมีรสอร่อยมาก  
 ผิดจากที่ซื้อมาจากร้านค้าหรือบ้านชาวนา  
 เพราะมีปุ๋ยธรรมชาติที่เราเอามาจากพวกผักและผลไม้  
 มาทิ้งไว้ในตะกร้าใหญ่ที่สำหรับทำปุ๋ยโดยเฉพาะ  
 มันของแกจะเริ่มออกดอกสวยมาก  
 

pall




แต่การปลูกมันทุกครั้งจะมีศัตรูร้ายที่เข้ามากัดใบมัน
 คือแมลงตามที่เห็น  
 บางปีป้าต้องช่วยลุงจับร่วมครึ่งกระถาง  
 พวกแมลงพวกนี้มันชอบมากินใบ
 ต้นมันฝรั่งจะโตไวมากและมีดอกสวยงามสุดๆ  
 หลังจากที่ดอกเริ่มโรย  
 จะออกเป็นเมล็ดตูมๆห้อยและหลังจากนั้น  
 ใบเริ่มออกสีเหลืองแห้งเราก็จะดึงต้นมันทิ้งและขุดขึ้นมา  
 ตอนขุดต้องระวังให้มากเพราะมันฝรั่งขึ้นเต็มไปหมด  
 ถ้าไม่ระวังจะไปแทงทำให้ผลเสียหาย

pall




ชาวนาสวิสจะปลูกมันกันมากมาย
 และหลายพันธ์จนจำชื่อไม่ไหว
 ตอนนี้ชาวนาสวิสเริ่มหาพันธ์ใหม่มาปลูก  
 เป็นสีน้ำเงิน  
 แต่ป้ากับลุงไม่ชอบเพราะเหนียวไม่อร่อย  
 ลืมบอกไปว่ามัน ประมาณ 5 กิโล  
 ถ้าปลูกแล้วจะได้มันร่วม 50 กิโล  
 คิดดูซีลุงแกปลูกปีละ 10 กิโล ถึงได้ร่วม100 กิโล

pall




**ประวัติของมันฝรั่ง **  
 
 มันฝรั่งประวัติของมันมีมากมาย
 และคนเขียนต่างๆกันไป  
 มันฝรั่งประวัติเริ่มต้นมาก่อน 6000 ปีแล้วที่อเมริกาใต้  
 ชาวอินคาประเทศเปรูเป็นชาติแรกที่เริ่มต้นการปลูกมันฝรั่ง  
 คนพื้นเมืองที่โน่นเรียกมันฝรั่ง potatoว่า Papas  
 พันธ์มันฝรั่งมีมากกว่า 400 พันธ์  
 ต่อมาEroberer Pedro Cieza de León  
 ชาวเสปนไปพบก็นำมาปลูกที่บ้านชาวนา  
 แต่ไม่ใช่เอามากิน
 เอามาปลูกเพื่อความสวยงาม  
 และตบแต่งสถานที่และให้สัตว์กินกัน
 การนำเอามันมากินเป็นอาหาร
 จะมีแต่พวกนักเดินเรือได้กินมัน
 เพื่อช่วยรักษาโรโลหิตออกตามไรฟัน

pall

#5
https://www.google.ch/search?q=Kartoffeln&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=FQU2U9_RAseThQf06oGYDw&ved=0CAYQ_AUoAQ&biw=1120&bih=537#q=kartoffelbl%C3%BCte&revid=345304949&tbm=isch&imgdii=_

ดอกมันฝรั่งนี่สวยมาก
และแต่ละพันธ์จะมีดอกไม่เหมือนกันแล้วแต่ชนิดของพันธ์

pall

#6
https://www.google.ch/search?q=Kartoffeln&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=FQU2U9_RAseThQf06oGYDw&ved=0CAYQ_AUoAQ&biw=1120&bih=537#q=kartoffelbl%C3%BCte&revid=345304949&tbm=isch&imgdii=_

ความสวยของดอกมันฝรั่ง
ทำให้พระนาง Marie Antoinette  
นำเอาดอกของมันมาทำเป็นพวงหรีด
จัดตกแต่งสถานที่เวลาจัดงาน ในสวนตอนหน้าร้อน  
คิดกันว่าบุคคลแรกที่นำมันเข้ามาในยุโรป  
เป็นคนค้าทาสชาวเสปน และชาวไอร์แลนด์  
ชื่อว่า John Hawkins  
เขานำมาปลูก ในเมือง Irland  
และชาวไอร์แลนด์ชอบกินมันฝรั่งกันมาก  
จนเขาเรียกกันว่านักกินมันฝรั่งตัวยง  
บางตำราเก่าๆที่เขียนๆไว้ในปี 1570  
ที่เขียนโดย Hieronymus Cardanus  
ซึ่งเป็นนักธรรมชาติวิทยา ชาวอิตาลี  
ว่าเป็นคนนำมันมาปลูกในอิตาลี เป็นมันสีน้ำตาล  
และใช้ชื่อเรียกว่า tartufolo ซึ่งคำนี้มาจากคำว่า Trüffel  
และมีอีกมากมายที่นักประวัติศาสตร์ชอบเอามาอ้างอิง  
เช่น Sir WalterRaleighที่มีบรรพบุรุษเป็นโจรสลัด  
ของราชินี Elizabeth ที่1 ของอังกฤษ  
 
ที่เยอรมันเขาเล่ากันว่ามันฝรั่งปลูกครั้งแรก
ที่สวนสมุนไพร  
และมีเรื่องเล่ากันสนุกๆไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า
เพราะลุงเป็นผู้เล่าให้ฟังแบบตลกๆเพื่อให้หัวเราะ
 คิดเสียว่าเป็นการเล่าสนุกก็แล้วกันนะ  
ลุงเล่าว่า สมัยของ Friedrich der Grosse (1712-1786)  
ของเยอรมันพระองค์นี่นั่งคิดนอนคิดว่าจะทำอย่างไร  
ที่จะให้คนมากินมัน
เพราะในสมัยของพระองค์นี่ทำสงครามบ่อย  
และมันก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าสูงและปลูกก็ไม่ยาก  
จะได้มีอาหารตุนไว้ใช้ในยามคับขันเวลาขนมปังหมด  
พระองค์คิดแผนการณ์ได้ว่าควรจะทำอย่างไร
ดังนั้นจึงเรียกท่านนายพลให้เข้ามาพบ
และบอกถึงแผนการอันนี้
โดยให้ทหารมารับคำสั่งให้มาเฝ้าสวนที่ปลูกมันไว้  
แต่สั่งห้ามว่า ถ้าใครมาขโมยนี่ห้ามจับนะ  
พวกทหารนี่รับคำสั่ง  
พร้อมทั้งทำตาปริบๆๆ แบบตามมุขไม่ทันน่ะ  
แต่ก็ต้องทำตามเพราะกลัวโดนจับขังคุก  
แผนการของพระเจ้าแผ่นดินนี่ได้ผลมากเลย  
คนเราถ้ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ชาวบ้านก็นึกว่า  
คงจะเป็นอาหารที่วิเศษมากเลย  
ถึงได้มีทหารมาคุมทั้งกองทัพ  
ต่างพากันเอากระป๋อง  
อะไรมาขุดกันให้มั่วไปหมด  
โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าทำไมทหารไม่จับ
ตอนเข้าไปขุดมัน สงสัยคงขุดกันเพลินเลยลืมนึก  
จนกระทั้งมันเกือบหมดสวน
พระเจ้าแผ่นดินถึงได้รีบ ให้ทหารคุมอย่างเหนียวแน่น
ไม่เช่นนั้นพระองค์คงไม่ได้กินมันแน่  
 
ส่วนพวกชาวบ้านที่ขโมยไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไร  
ด้วยความโมโห แค้นใจที่โดนหลอก  
แทนที่จะกอดเมียให้สบายอุราต้องไปเดินขโมย  
ขุดมันตอนกลางค่ำกลางคืน เลยโยนมันทิ้ง  
เผอิญมันหล่นปุ เข้าเตาผิง  
หัวมันพอโดนเผาไฟก็ระอุส่งกลิ่นหอม
พอคนได้กลิ่นหอมเลยลองเอามากินดู  
รสมันเผาอร่อยมากเลยส่งข่าวไปทั่ว  
ต่อมากินจนเบื่อกับการโยนมันใส่เตา
เลยลองโยนเล่นไปใส่หม้อบ้าง
และได้ประยุกต์การทำอาหารด้วยมันสูตรใหม่ๆ
การกินมันจนถึงปัจจุบัน  
ทวีปยุโรปเริ่มยอมรับการกินมันนี่เมื่อ 450 ปีที่ผ่านมา  
ว่าไปมันนี่จัดว่าเป็นอาหารที่คุณค่าทางด้านอาหารสูงมาก  
และเมื่อสมัยที่เกิดสงครามในประเทศเยอรมัน  
มันเป็นอาหารที่ใช้ในการดำรงชีวิต  
เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่แร้นแค้นมาก
 
*** มันฝรั่งมีคุณค่าทางสมุนไพรมาก ***  
 
แก้โรคไอ โรคไอจนลงปอด บำบัดอาการปวดหลังปวดไหล่  
 
** วิธีรักษาของคนสมัยก่อน **  
 
เขาจะเอามันมาต้ม
และกดให้เละลงบนผ้าพร้อมทั้งมัดปิดให้แน่น  
และทำการรักษาแบบนี้  
 
1. ถ้าไอก็เอามาวางบนหน้าอก  
2.ถ้าปวดหลังปวดไหล่ก็เอามาวางตรงบริเวณที่ปวด  
ใช้เวลาประมาณ 10 — 15 นาที  
 

pall

มันฝรั่งมีคุณค่าทางอาหารสูงมากดังนั้นกินมันประมาณ  
 250 กรัม - 300 กรัมต่อวันก็พอเพียงแล้ว  
 
 ** ในมันฝรั่ง 100 กรัมจะมีคุณค่า **  
 
 Vitamin B1 0,1 mg ช่วยโรคประสาทต่างๆ  
 Vitamin B6 0,2 mg ช่วยโรคประสาทต่างๆ  
 Eisen 0,8 mg ช่วยพวกโรคโลหิตจาง  
 Natrium 3,0 mg ช่วยเพิ่ม Mineral  
 Kalzium(แคลเซี่ยม) 10 mg 10 mg ช่วยเรื่องโรคกระดูกและฟัน  
 Vitamin C 14 mg ช่วยป้องกันการโรคต่างๆ  
 Phosphor 50 mg ช่วยป้องกันโรคกระดูกและฟัน  
 Eiweiß 2 g ช่วยรักษาเส้นประสาท  
 Kalium 443 mg ช่วยเพิ่มMineral  
 Kohlenhydrate 14,8 g ช่วยเพิ่ม Energie  
 Kcal / KJ 84 / 357  
 
 มีข่าวดีมาบอกจ้าตอนนี้ทางชมรมลดน้ำหนัก  
 เขาเอามันขึ้นตั้งโต๊ะเพื่อลดความอ้วน ถ้าใครอยากผอม,สวย,  
 หมวยอึ๋มและเซ็กซี่ๆๆๆๆๆๆต้องมากินมัน  
 แต่ถ้ากินแล้วไม่อึ๋มห้อยโตงเตงอย่ามาว่ากันนะ  
 เขาบอกมาแบบนี้ป้าเลยมาบอกข่าวต่อ  
 จากการสำรวจสถิติออกมาแล้วว่า  
 มีคนสวิสกินมันกันตกร่วม 100 กก / หัว / ปี  
 
 มันมีจำนวนมากมายหลายพันธ์ตามที่บอกมาข้างต้น  
 และการเรียกชื่อก็แตกต่างกันออกไปและตามลักษณะ  
 ขนาดด้วย  
 
 ที่สวิตฯนี่เขาจะเอามันมาขาย  
 ขนาดตั้งแต่ 42.5 mm,จนถึง 70 mm  
 และการเอามาปรุงอาหารนี่ต้องดูตามพันธ์ของมันฝรั่ง  
 แล้วแต่ชนิดด้วยจะไม่เหมือนกัน  
 
 ** การเก็บรักษามันฝรั่ง **  
 ถ้าเรามีห้องใต้ดินถ้าอุณหภูมิประมาณ 4 - 8 องศา  
 นี่จะดีทำให้เก็บได้นาน ถ้าเอามันไว้ที่อุ่นๆมันจะงอกไวนะ  
 และอย่าให้แดดส่องถึง  
 
 สมัยก่อนคนสวิสกินมันกันมากประมาณ 120 กก/ คน/ ปี  
 ต่อมาลดเหลือ 90 กก/ คน / ปี  
 และยิ่งปัจจุบันยิ่งลดลงมากเพราะอาหารพวกฟาสฟูด  
 หรืออาหารอื่นๆเช่น พวกพิชซ่าและอีกมากมาย  
 
 พันธ์มันฝรั่งที่คนสวิสนิยมกินกันเช่น





ป้าพร Stockholm

ป้าจ๋า อ่านประวัติ ของมันฝรั่งแล้ว สนุกดี ตอนนี้น้องพร เองก็ชอบกินมันฝรั่ง มานานแล้วเหมือนกันจ๊ะ มันสีม่วงที่สวีเดนก็เคยสั่งเข้ามาขาย แต่ไม่ได้รับความนิยม เลยตกไป คนยุโรปเนียก็รู้ๆ กันอยู่ ส่วนใหญ่ เขาไม่ค่อยชอบ ลองของใหม่จ๊ะ แต่ชอบของราคาถูกมาก กว่าจ๊ะ  
 แหม ยังคุยไม่จบ กดส่งมาเสียนี่ งั้นขอต่อ อีกสักหน่อย อิ อิ โธ่ป้าจ๋า ถ้าน้องอยู่ใกล้ๆ บ้านป้าจ๋า จะไปขอซื้อ ให้ราคา เป็นสองเท่า เลย  
 เพราะ ลุงแกปลูกมันกินเองหนะ ได้เปรียบมากเลยป้า ไม่ต้องไปซื้อที่ร้านราคา แพง แถมฝรั่งชาวกสิกรรม ทั้งหลายเนีย พวกก็ต้องใช้สารเคมี ไล่แมลงกันบ้างหละ ไม่รู้เจอมันสารตกค้าง บ้างเปล่าไม่รู้ ป้าน้องเคยอ่านหนังสือ เขียนไว้ว่า กินมันเนีย ดีกว่ากินข้าว อีกหนะป้า  
 เขายังแนะนำไว้อีกว่า คนที่เป็นเบาหวานเนีย เปลี่ยนมากินมันบ้างก็ดี  
 เพราะมันน้ำตาล อาจจะน้อยกว่า ข้าว ก็เป็นได้  
 เมื่อมาอยู่เมืองนอกใหม่ๆ กินมันไปแล้ว ก็ต้องมากินข้าวอีก เพราะเราคิดไปเองว่า เรายังไม่ได้กินข้าว ตอนหลังมาเปลี่ยนความคิด แล้วพวกฝรั่งที่ เขาตัวโตยังกับตึกหนั่นหนะ เขาก็กินมัน กันทั้งนั้น ไม่เห็นเขาตายกันเลย หนะ อิ อิ (คนไทยเรากลัวกินมันแล้วคิดว่าไม่อิ่มท้อง เหมือนกินข้าว ก็ลองกินสักโลสองโลซิ รับรองอิ่มท้องแปร้ เลย อิ อิ ) สำหรับน้องตอนนี้ ทั้งข้าว ทั้ง มัน ลูกผสมเลย หละป้าจ๋า

black tea

ป้าพรคะ.........ชาดำว่าป้าน่ะนะ ควรจะเข้ามาช่วยป้าจ๋าเขียนในบอร์ดบ่อยๆ รู้ไหมคะ  
 ป้าเขียนแล้วอ่านสนุกดี ชาดำต้องได้ขำคนเดียวทุกที เพราะท่วงถ้อย กระทงความของป้านั่นแหละค้า

black tea

ลืมบอกขอบคุณป้าจ๋า........ได้เคยแต่กิน ไม่เคยรู้หรอกค่ะประวัติมันฝรั่ง  
 ชาดำชอบ STELLA ค่ะ ว่าอร่อยกว่าพันธ์อื่น