<<<ย่ำรอยเท้าวัวจากMännlichenไปยัง.Kleine Scheidegg.... (ตอน2)>>>

Previous topic - Next topic

pall



**Hotel Rigi-Männlichen.เริ่มแรก....ก่อนที่จะมาเป็น Berggasthaus Männlichen ในปัจจุบัน**
**ทำความรู้จักประวัติความเป็นมาของ Berggasthaus Männlichen **
 
Berggasthaus Männlichen มีความเป็นมาน่าสนใจมาก
ปี1863ได้ทำการตกลงวางโครงการกันถึงการก่อสร้างสถานที่แห่งนี้เกี่ยวกับค่าแรงงาน
จำนวนงบประมาณการสร้าง ,อาณาเขตวัว,การก่อสร้างใช้เวลาหลายปีจึงเสร็จลงในปี1870
และใช้ชื่อว่า Hotel Rigi-Männlichen และเปิดบริการเป็นครั้งแรกในช่วงฤดูร้อน1870ปีนั้น
การเปิดบริการไม่ประสบกับความสำเร็จ
ปี1888ศาสตราจารย์ชาวเบอร์ลินPfleidererได้เข้ามาพักในสถานที่แห่งนี้
และได้ลงชื้อในเกสต์บุคเขียนไว้ว่า Männlichenจะเป็นสถานที่ๆเป็นที่รูจักกันดีในอนาคต
สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งหลายไม่ว่าจะมาเที่ยวชมธรรมชาติอันสวยงามหรือมาพักผ่อนพักฟื้นเพื่อสุขภาพ
ปี1954ได้ทำการสร้างกระเช้าไฟฟ้า Luftseilbahn Wengen-Männlichen

ระหว่าง Wengen-Männlichenทำให้ Berggasthaus Männlichen
มีคนเข้ามาใช้บริการมากขึ้นและปี1978มีการเปิดบริการกระเช้าไฟฟ้าGondelbahn
เส้นทางระหว่าง Grindelwald ไปยังMännlichenเพิ่มขึ้นอีก
ทำให้กิจการ Berggasthaus Männlichenเจริญก้าวหน้ามีคนเข้ามาใช้กิจการมากขึ้น
จนต้องขยายให้ใหญ่โตกว่าเดิม


**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0020 ห้อง guide (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall



**Berggasthaus Männlichen..ในปัจจุบัน**
 
ปี2005ได้ทำการก่อสร้างเปลี่ยนแปลงใหญ่โตเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ Männlichen
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวภายในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกและทุกฤดูกาล
GGM / LWM M&auml;nnlichenbahn - Gastgeber
 
**อ่านบันทึกการเดินทางตอน1ได้ที่นี่**
<<<ย่ำรอยเท้าวัวไปยัง.Kleine ScheideggและWengernalp (ตอน1)>>>

pall



**เริ่มการบันทึกการเดินทาง....ตอน2...**
**จากWengen-.Männlichen .... ไปยัง....Kleine Scheidegg... **
 
หลังจากกระเช้าไฟฟ้าจอดเทียบท่าเรียบร้อยแล้วพอเดินออกมาจากสถานีได้เท่านั้นแหละ
หัวหน้าทัวร์รีบเดินนำหน้าทันที ไม่สนใจใยดีกับลูกทัวร์เลย
บริการไม่ประทับใจแบบนี้ถึงว่ามีลูกค้ามาใช้การบริการแค่2คนเอง
เดินตามลุงไปด้วยความเซ็งพร้อมทั้งกดกล้องถ่ายรูปตามไปไม่ให้เสียเวลา
จากสถานีกระเช้าไฟฟ้าอยู่ไม่ไกลจาก Berggasthaus Männlichen
ซึ่งเป็นทั้งภัตตราคารและที่พักข้างๆจะเป็นร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
ถ้าใครขึ้นมาข้างบนไม่ต้องกลัวอดตายจะมีร้านอาหารเปิดบริการ
และมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆสำหรับนักช๊อบปิ้งทั้งหลาย
หลังจากเดินกดถ่ายรูปไม่นานถึงได้เห็นว่าแบตเตอรี่หมด
จึงได้เดินเข้าไปซื้อจากร้านขายของที่ระลึก
ปรากฏว่าโชคไม่ดีแบตเตอรี่ที่ต้องการหมดเหลืออยู่ก้อนเดียวเท่านั้น
ก้อนเดียวก็ก้อนเดียวยังดีกว่าไม่มี ดังนั้นเลยขอซื้อจากคนขายซึ่งเขาเขียนไว้ราคาก้อนละ1.50ฟรังก์
โชคดีคนขายบอกให้ฟรีดีใจมากเลยบอกขอบคุณ(Danke..)ซะเสียงดังเลย
ขอบอกก่อนนะว่าของฟรีในประเทศรวย..ประเทศสวิตฯนี้ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
ขนาดธนาคารจัดเลี้ยงฉลองความสำเร็จได้กำไรเกินเป้าจนคิดเงินเป็นไทยไม่ถูก
และได้จัดเลี้ยงให้แก่ลูกค้าครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเมื่อร่วม30ปีที่ผ่านมา
ได้รับของจัดเลี้ยงเป็นขนมปัง...กาแฟและขนมหวานเท่านั้น
นี่ขนาดเป็นเมืองหลวงของสวิตฯ(Bern)นะนี่ยังเหนียวจนตัดแทบไม่ขาด
ถึงว่าประเทศสวิตฯรวยแต่คนอาศัยมีทั้งตาดำ..ตาน้ำข้าว..รัดเข็มขัดจนท้องกิ่ว
ที่ป้าได้แบตเตอรี่ฟรีแบบนี้แสดงว่าดวงดีสุดขีด..โอ้สวรรค์ทรงโปรด
ถ้าไม่มีถ่านก้อนนี้จะเป็นที่น่าเสียดายมากที่ถ่ายรูปไม่ได้ดังนั้นจึงถนอมสุดฤทธิ์กลัวแบตเตอรี่หมดอีก
ต้องรอไปซื้อจากร้านที่.Kleine Scheidegg  
หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในภัตตราคาร Berggasthaus Männlichen
เพื่อหาเครื่องดื่มรองท้องเพื่อเอาแรงออกเดินทางไปยัง Kleine Scheidegg  
ภายในร้านอาหารมีขนาดกว้างขวางมีอาหารขายบริการแบบช่วยตัวเอง
จำได้ว่าเมื่อมาครั้งสุดท้าย10กว่าปีที่ผ่านมาข้างในมีขนาดเล็กและไม่โอ่โถง
หน้าต่างเป็นกระจกรอบทิศแบบนี้
หลังจากได้เครื่องดื่มมาแล้วก็นั่งดูแผนที่เส้นทางการเดินเขา

pall



**แผนที่การเดินทางจากMännlichenไปยัง.Kleine Scheidegg**

จากแผนที่และป้ายสีเหลืองที่ปักชื่อทางเดินและเวลาเดินจะเห็นว่า
ระยะทางการเดินทางจากMännlichenไปยัง.Kleine Scheideggใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมง30นาที
และเส้นทางเดินจาก Männlichenไปยัง Kleine Scheidegg  
เป็นทางทำใหม่เพื่อต้อนรับนักเดินทางที่มาเที่ยวโดยเฉพาะ
เส้นทางจะเป็นหินเล็กๆและเป็นที่ราบคนไม่ชอบเดินไม่ต้องห่วงว่าจะเดินไม่ไหว
ใครถ้ามาเที่ยวแถบนี้ไม่น่าพลาดเส้นทางนี้เพราะทิวทัศน์สวยมาก
จะเห็นวิวของ Eiger,Mönch และJungfrau อย่างชัดเจน
และนอกจากนี้ยังสามารถเห็นภูเขาอื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นSchreckhorn,Finsteraarhorn,Ebnefluh

pall




หลังจากดื่มกาแฟเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวพากันออกเดินทางไปยัง Kleine Scheidegg
 ใครที่อยากมาเที่ยวที่นี่ไม่ต้องกลัวหลงทางการเดินง่ายมากใส่รองเท้าผ้าใบก็ได้
 เส้นทางนี้เป็นเครื่องหมายสีเหลืองดังนั้นเส้นทางเดินจะสบายๆ
 แต่ถ้าเป็นเส้นทางเครื่องหมายขาวแดงต้องใช้รองเท้าเดินเขาโดยเฉพาะ
 เส้นทางนี้วิวจะสวยตลอดเห็นเขาที่ขึ้นชื่อของสวิตฯคือ Eiger,Mönch และJungfrau
 ภาพที่เห็นเป็นภูเขาสีเขียวคล้ายพีรามิดชื่อภูเขาTschuggen
 ด้านหลังซ้ายมือชื่อEiger..... สูง 3970 เมตร
 ตรงกลางชื่อMönch .....สูง 4107   เมตร
 และขวามือสุดชื่อJungfrau.....สูง 4158 เมตร
 

pall



การเที่ยวบนภูเขาทุกลูกในประเทศสวิตฯจะต้องเจอวัวทุกครั้ง
และการเดินเขาบางครั้งต้องเดินบนรอยteenของวัวซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปรกติของการเดินเขาที่นี่
ครั้งนี้ก็เช่นกันเจอแล้วน้องวัวผู้น่ารักกำลังยืนพูดคุยกันส่งเสียงดังมูๆๆลั่นดังก้องไปทั่วหุบเชา
กลุ่มวัวกลุ่มนี้มีหลายพันธ์หลายสีผิวแต่ไม่มีปัญหาแต่อย่างไร
ทุกตัวอยู่ร่วมกันอย่างมีไมตรีซึ่งกันและกัน
จะไม่เคยเจอภาพน้องวัวทะเลาะด่าทอกันเลย
ในภาพจะเห็นวัวพันธ์Simmentaler,Eringer,
 
บนไหล่เขามีฝูงวัวจำนวนมากมายหลายพันธ์ที่ชาวนานำมาเลี้ยงบนยอดเขา
**พันธ์วัวสวิสต่างๆสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่**

<<<SCHWEIZER KUEHE>>>

pall




เป็นภาพที่งดงามสำหรับคนมาเที่ยวทุกครั้งจะต้องถ่ายภาพนางแบบกับธรรมชาติ

pall




ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนตากล้องจะกดมั่วไปหมดไม่สนใจว่าภาพจะออกมาสวยหรือไม่สวย
 เรียกว่าขอให้ได้กดถ่ายรูปเถอะเพราะมีให้กดถ่ายได้ร่วม500รูป
 และอีกอย่างไปเขียนหัวข้อการพาเที่ยวว่าย่ำรอยเท้าวัว...
 ดังนั้นถ้าไม่มีรูปถ่ายคู่กับวัวก็จะไม่สมบทบาทดีไม่ดีคนอ่านจะต่อว่าได้
 (จะมีรอยเท้าหรือไม่มีไม่เป็นไรเพราะถ้าไปถ่ายรอยเท้าวัวด้วยตกเขาตายแน่
 เพราะฝูงวัวอยู่ข้างล่างและข้างบนให้ตากล้องปีนไปถ่ายรอยTeenวัวมาลงเวบ...ข้อยขอยอมแพ้ยกธงขาวจ้า)
 ดังนั้นพอเจอวัว 1 ตัวหลงทางมาเลยรีบบังคับนายแบบประจำเวบคนดังให้มายืนคู่กับนางแบบให้ได้
 ดูหน้านางแบบไม่ค่อยสบอารมณ์โก๋ยืนซังกะตายไม่ยอมหันหน้ามาสู้กล้องสงสัยรู้ว่าไม่ได้ค่าตัวเลยงอน
 และนายแบบรูปหล่อของเวบpallswissไม่ได้ถ่ายรูปลงเวบมานาน
 เลยทำท่างอแงไม่ยอมถ่ายรูปหน้าตรง..สงสัยกลัวคนตามทวงหนี้
 พอเห็นหน้าน้องวัวคนสวยเลยใจอ่อนยืนถ่ายรูปพร้อมลูบหัวไปมา
 เขียนถึงวัวแล้วทำให้นึกถึงข่าวที่เพิ่งลงในหนังสือพิมพ์ไม่นานมานี้
 ว่าไล่ขวิดคนเดินเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
 จากการวิเคราะห์ถึงธรรมชาติของวัวจะไม่ดุร้ายแบบนี้ขนาดเอาไม้ฟาดดังตุ๊บตั๊บก็ไม่ต่อสู้
 สงสัยว่าคงไปทำให้วัวตกใจหรือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
 แต่พอเห็นอายุคนโดนวัวทำร้ายอายุเกิน60ไปแล้ว..เลยเริ่มสงสัยว่าการวิเคราะห์อาจผิดพลาด
 ไปถามลุง..แกฟันธงรูปเดียวว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข...สงสัยคงไปทำอะไรไม่ดีกับวัวแน่ๆ
 หรือใส่เสื้อผ้าสีแดง...วัวถึงได้อารมณ์ร้อนแบบนี้...เพราะธรรมดาวัวเป็นสัตว์อารมณ์ดีและเป็นมิตรกับคน
 วัวสวิสที่เราเห็นจนชินตานั้นส่วนมากจะมีระฆังผูกคอไว้แทบทุกตัว
 เสียงระฆังจะดังกังวานก้องไปทั่วจนเป็นเอกลักษณ์ของวัวไปแล้ว
 และใครที่มาเที่ยวประเทศสวิตฯถ้าไปร้านขายของที่ระลึก
 จะเห็นระฆังผูกคอวัวแบบTreichelผลิตออกมาขายเต็มไปหมด
 ระฆังผูกคอวัวที่เราเห็นในสวิตฯจะมีรูปร่างและชื่อแตกต่างกันไป  
 และระฆังเหล่านี้มีราคาแพงมากจนมีมีคนแอบขโมยระฆังผูกคอวัวนำไปขายนอกประเทศ
 จนมีข่าวประกาศเตือนให้เจ้าของระฆังระมัดระวังระฆังของตนเองเอาไว้
 อย่างลุงก็เหมือนกันก่อนจะเดินทางไปเที่ยวออสเตรเลีย
 แกเป็นห่วงระฆังของแกมากจนต้องโทรศัพท์มาถามเพื่อนบ้านว่าระฆังโดนยกเค้าไปหรือเปล่า
 **ต่อไปนี้เป็นระฆังผูกคอวัวในประเทศสวิตฯ**
 

pall




ระฆังที่ผูกคอวัวที่เราเห็นแบบที่หนึ่งเราเรียกว่าGlocke
 จะมีรูปทรงคล้ายระฆังและสีจะมีสีดำและเป็นทองเหลือง
 

pall



ระฆังผูกคอวัวแบบที่สองเราเรียกว่าTreichel
มีลักษณะนูนเรียวปากแคบตามภาพที่เห็นมีทั้งสีดำและสีเหลือง
เสียงของระฆังจะบี้แบนเสียงจะดังกังวาล ราจะเห็นวัวผูกระฆังTreichel กันมาก

pall



ระฆังผูกคอวัวอีกแบบหนึ่งของTreichel
จะเป็นแบบสีเหลี่ยมแบนซึ่งเราจะเห็นว่าไม่อยยมีการผูกคอวัวด้วยระฆังแบบนี้มากนัก

pall




ถ่ายรูปคู่กับวัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว....นายแบบรีบโกยอ้าวเลยคงดีใจมาก
 เดินไป...ทำปากหมุบหมิบไป...
 ส่วนรองหัวหน้าทัวร์ไม่รู้ว่าหายไปไหนคงจะรำคาญมากเลยเดินนำหน้าไปแล้ว
 และวันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากมีคนมาเดินเขาเป็นจำนวนมาก
 อย่างกับมีงานมหรสพแบบเดินชนกันแทบจะตกเขาเลย....ต้องพยายามเดินอ้อมเพื่อแซง....
 การเดินเขาจาก Männlichenไปยัง Kleine Scheideggช่วงหน้าร้อนเป็นเรื่องปรกติ
 ที่จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศญี่ปุ่นและมาจากที่อื่น
 อย่างวันนี้ก็เช่นกันเราเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาเดินเขาแถบนี้มีจำนวนมากหลายกลุ่ม
 เรียกว่าแทบจะไม่มีที่เดินเลย  และกลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะมีแต่ไกด์ชาวญี่ปุ่นเท่านั้น
 ได้แอบคุยกับไกด์สาวชาวญี่ปุ่นเขาบอกว่าได้รับใบอนุญาตให้ทำงานได้ในประเทศสวิตฯ
 แต่เป็นช่วงสั้นๆประมาณ3เดือน  
 ใครที่เคยมาเที่ยวประเทศสวิตฯและมาเที่ยวแถบJunfrauและได้ใบนำเที่ยว
 จะมีหลายภาษาเขียนบอกนำเที่ยวไว้และที่น่าตื่นเต้นที่สุดนั่นก็คือมีภาษาไทยอยู่ด้วย
 แสดงว่ามีกลุ่มคนไทยมาเที่ยวที่นี่มากเพิ่มขึ้นจนเขียนภาษาไทยไว้
 และใครที่มาเที่ยวในตัวเมืองInterlakenจะเห็นธงไทยแขวนไว้เป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจมากๆ
 

pall




ช่วงที่เดินช่วงนี้สามารถมองเห็นวิวเขาสวยมากได้ยินเสียงฮือฮา...โอ๋วโย่ ไอ๋ย่า...ดังจากลุ่มนักเที่ยวชาวปลาดิบ
 และลูกทัวร์กระเหรียงตกดอยก็ร้องตามเหมือนกันแต่ร้องว่า...โอ้เชิ้นนนนนนนนน(แปลว่าสวยจ้า)
 ความสวยงามของ Eiger,Mönch และJungfrau
 ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวพากันหยุดถ่ายรูป
 และไกด์จะอธิบายชื่อของภูเขาแต่ละลูกให้ลูกทัวร์ฟัง
 ป้าเดินผ่านพอดีได้ยินเสียงแว่วๆคำว่า*ไอก้า ไอก้า**
 เดินไปคิดไปว่าหมายถึงอะไรและแล้วก็รู้ว่าคนญี่ปุ่นเรียกชื่อคำว่า Eiger (ไอเกอร์)เป็นไอก้า
 

pall




การเดินเขาแถบนี้เป็นการเดินแบบสบ๊ายสบาย....วิ่งเล่นไปมาได้เลย
 สำหรับคนที่เป็นนักเดินเขาจริงๆจะบอกว่าเป็นการเดินเล่นเพื่อการยืดเส้นยืดสายหลังกินอาหาร
 การเดินเขาจริงๆของนักเดินเขาตัวจริงเสียงจริง
 จะเป็นการเดินสูงชันและบางครั้งอันตรายมาก
 และเครื่องหมายจะไม่ใช่สีเหลืองแบบเส้นทางนี้แต่จะเป็นสีขาวแดงและสีน้ำเงินขาว
 

pall




ขณะที่กำลังถ่ายรูปเพลินหันไปมองอีกที่เห็นหัวหน้าทัวร์ปีนขึ้นเขาทำท่าพิกล
 เลยต้องปีนตามไปดูว่า2หนุ่มรูปหล่อไปแอบทำอะไร
 .....เอ...แยกคนละมุมลึกลับชอบกล....