News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



<<<..พาเที่ยว....Allalin.VS ..ตอน.2..>>>

Previous topic - Next topic

pall



<<<..พาเที่ยว....Allalin.VS ..ตอน1.>>>
http://www.pallswiss.com/boards/index.php/topic,1778.0.html

แนะนำให้รู้จัก... **
 
***Drehrestaurant Allalin***
Drehen เป็นคำกริยาหมายถึงการหมุน
ภัตราคารบนเขา Allalin เป็นภัตราคารที่หมุนรอบ360°
และภัตราคารนี้ได้ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเลยได้รับสมญานามว่า
***Das höchstgelegenste Drehrestaurant der Welt***
***ภัตราคาร Allalin หมุน360°  ที่สูงที่สุดในโลก***

ตั้งอยู่บนความสูง 3500m การหมุนครบ1รอบใช้เวลาประมาณ1ชม.
ข้างในเปิดบริการทุกอย่าง  ข้างบนสุดเปิดเป็นห้องอาหารบรรจุที่นั่ง240 คน
มีอาหารบริการแบบตักกินเองและอาหารตามสั่ง ขณะที่รับประทานอาหารสามารถชมวิวอันสวยงามทุกมุม
สามารถมองเห็นภูเขาสูงมากกว่า4000mประมาณ15ลูก
ข้างล่างมีร้าน Kiosk เปิดบริการขายของที่ระลึกต่างๆ
และมีร้านSportshopเปิดบริการให้เช่าสกี ข้างล่างเป็นเขตสำหรับการเตรียมตัวเล่นสกี
และข้างนอกมีโต๊ะให้แขกนั่งกินอาหารจำนวน300ที่นั่ง และคนนั่งพักผ่อนชมวิวและธารน้ำแข็ง
หรือเดินเล่นหิมะและออกไปเล่นสกี


**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0012 ห้อง guide (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall



**ถ้ำน้ำแข็ง Eisgrotte**
Der grösste Eispavillon der Welt
ถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก


อยู่ตรงกลางของภัตตราคารหมุน Drehrestaurant Allalin
ข้างในมีอุณหภูมิประมาณ -1°C และ -1.5°C. พื้นที่ข้างในประมาณ 5'500 m3
 
**ราคาเข้าชมถ้ำน้ำแข็ง Eintrittspreise Eispavillon**
- Erwachsene  ผู้ใหญ่  CHF 4.00
- Kinder เด็ก    CHF 2.00
- Einzelfahrten zum Volltarif gratis
ซื้อตั๋วไมได้ลดครึ่งราคาเข้าชมฟรี
- Gruppen  สอบถามราคาได้
 
http://www.eispavillon.ch/eispavillon_zentralbau.htm

pall



การเดินทางในสวิตฯกรมรถไฟSBB จะมีตั๋วบริการขายอยู่
ด้านหน้ามีลักษณะดังภาพที่เห็นลดครึ่งราคา ด้านหลังจะมีรูปผู้ใช้ตั๋ว
บอกจำนวนปีที่ทำไว้และกำหนดอายุของตั๋วที่ใช้ การเดินทางโดยใช้เส้นทางรถไฟSBB
กรมรถไฟจะมีตั๋วปีบริการอยู่ที่เรียกกันว่า HalbtaxAbo
ตั๋วที่ให้การบริการมีให้เลือกหลายราคาเช่น

    1-Jahres-Halbtax  150.- (ตั๋วลดครึ่งอายุ1ปี)
 2-Jahres-Halbtax  250.-(ตั๋วลดครึ่งอายุ2ปี)
 3-Jahres-Halbtax  350.-(ตั๋วลดครึ่งอายุ3ปี)
 
**สำหรับคนมีลูกจะมีตั๋วJunior-Karte**ราคาตั๋ว20.-
สำหรับเด็กอายุ6-16ปี(6 bis 16 Jahre)เดินทางเที่ยวกับผู้ปกครองฟรี
และจะลด%สำหรับลูกที่ทางSBBกำหนดไว้ในจำนวนกี่คน
 
**ตั๋วบริการทาง SBBได้จัดขายในราคาโดยเฉพาะ**
สำหรับเยาวชนที่มีอายุ16ปีแล้วแต่ละปีทาง SBBจะแจ้งให้ทราบ สำหรับปีนี้จัดให้ผู้เกิดปีคศ.1989
จะขายตั๋วปีคนอายุ16ปีเกิดที่เรียกว่า
**Jahrgänger-Halbtax**    ราคาตั๋ว89.-
มีกำหนดอายุตั๋วที่ใช้แค่1ปี
Für alle mit Jahrgang 1989, Kauf im 2005, gültig 1 Jahr
 
***Kombikarte Gleis 7 und 1-Jahres-Halbtax***ราคา  249.-
เป็นตั๋วลดครึ่งราคาพิเศษรวมตั๋วปีสำหรับเยาวชนอายุไม่เกิน25ปี
แต่ถ้าใช้บริการตั๋วเยาวชนปี Gleis 7 ราคา99.-
นั่งชั้น2และการเดินทางใช้บริการ***เริ่มเวลา 19.00น**
จะใช้การบริการก่อน19.00นไม่ได้
ใช้ได้ตั้งแต่19.00 นขึ้นไป
**นอกจากนี้ยังมีต่ววันTageskarte...ตั๋วเดือนMonatskarte**
 
**สนใจเกี่ยวกับการใช้ตั๋วเข้าไปอ่านได้ที่นี่**
SBB: Abonnemente - Halbtax-Abo
 
SBB: OnlineTicket Instructions
 
สามารถใช้บริการทางonline สั่งซื้อตั๋วได้
 
**ตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยว**
ตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวมีหลายแบบเช่น
Swiss Card  
Swiss Half Fare Card  
Swiss Transfer Ticket  
Swiss Pass
 
สนใจเข้าไปอ่านได้ที่นี่มีรายละเอียดและข้อมูลชัดเจน
https://www.sbb.ch/mct/wi/shop/b2c/tree.do?key=40
SBB: Internationale Gäste

pall



**ค่าโดยสารตั๋วลดครึ่งราคาของSBB...รวมค่ารถPost***
ในการเดินทางไปSaas Feeครั้งนี้ เป็นตั๋วที่กรมรถไฟSBBได้จัดทำขึ้นมา
ค่าตั๋วลดราคา30%และใช้กับตั๋วรถไฟลดครึ่งราคา การเดินทางไปเที่ยวจึงถูกมากกว่า
จะรวมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยกระเช้าหรือรถไฟ  , รถPost
 
***ตั๋วเข้าชมถ้ำน้ำแข็งด้านขวามือ**
Leistungen  

pall



แผนที่ของการเดินทางไปเที่ยวที่ภูเขา Allalin จะเห็นเครื่องหมายกระเช้าและรถไฟในภูเขา
พาขึ้นไปยัง Allalin  
เครื่องหมายสีส้มยาวคือเส้นทางการเล่นสกี จากข้างบนลงมายังข้างล่าง
 
การเดินทางไปยัง Allalin ต้องนั่งกระเช้า2ครั้ง  ต้องหยุดและเปลี่ยนกระเช้าใหม่
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟขึ้นไปข้างบน

pall



***การเดินทางไปยัง Allalin**
**เส้นทางการเดินทางขึ้นไปยัง Allalin**
**อักษร A**
เป็นจุดเริ่มต้นขึ้นกระเช้าจากสถานี AlpinExpress  
 
เครื่องหมายรูป  *
หมายถึงสถานีที่ต้องเปลี่ยนกระเช้า

pall



**หมายเลข1..และหมายเลข2...**
เป็นกระเช้าที่ใช้ในการเดินทางไปเที่ยวยัง Allalin
**หมายเลข1..**
จากสถานี AlpinExpress ...
Saas-Fee (1'800m)-Mittelstation(2500m)
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปนั่งกระเช้าใหม่
 
****หมายเลข2...**
จากสถานี..Mittelstation(2500m)- Felskinn (3'000m)
พอลงจากกระเช้าก็ต้องเดินไปอีกด้านหนึ่ง   เพื่อนั่งรถไฟขึ้นข้างบน

pall



**หมายเลข3..**
จะนั่งรถไฟสายเล็กMetro-Alpin
จากสถานี...Felskinn (3'000m) เพื่อขึ้นไปยัง Allalin
ภัตตราคารหมุน360°ที่สูงที่สุดในโลก (3'500m)
 
รถไฟสายเล็กMetro-Alpin
เป็นรถไฟที่ทำการวิ่งภายในภูเขาที่ได้ทำการเจาะภูเขาข้างในเป็นอุโมงค์ยาวสูงขึ้นข้างบน
หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟคันเล็ก เส้นทางที่ใช้วิ่งค่อนข้างจะสูงชันพอสมควร
ลักษณะการทำงานจะใช้ไฟฟ้าวิธีดึงลาก เหมือนกับรถไฟสายNiesenอย่างที่เคยเขียนอธิบายมาแล้ว
สร้างปีคศ.1984
ความยาวของเส้นทาง1434 m
ความแตกต่างของระดับ 476 m
ใช้ในการเดินทางทั้งหมด3,2นาที
ความสูงชัน 48 %
ความเร็ว 36 km/h.
..................................................................

***เริ่มการเดินทางไป Allalin**
จากWorb - Bern  
จากBern - Brig
หลังจากนั้นก็ข้ามถนนตรงข้ามหน้าสถานีรถไฟBrig  
ไปยืนรอรถPostที่เขาเขียนหมายเลข1.....ตัวใหญ่สีเหลืองบนพื้น
รถPost..ที่รอจะเป็นหมายเลขหมายเลข 711
และรถPostที่เรารอควรดูให้ดีจะเขียนคำว่า Saas Fee  Direkt..ตรงด้านหน้ารถแบบนี้ขึ้นไปได้เลย

pall

**  27.10.2005**
 
**เตรียมตัวออกเดินทาง**
ก่อนจะออกเดินทางไปเที่ยว Allalin เราต้องดูดินฟ้าอากาศก่อนอื่น
การไปเที่ยวไกลๆและรายจ่ายสูงแบบนี้  ถ้าไปเที่ยวแล้ว..ฝนตกฟ้าร้อง..
ไปเที่ยวไม่สนุกแน่ๆดีไม่ดีจะกลายเป็นทัวร์ทุบถองไป
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ
หัวหน้าทัวร์เจ้าเก่าเลยต้องทำหน้าที่ดูดินฟ้าอากาศแทบทุกวัน
ทั้งกดอ่านจากโทรทัศน์ที่มีบริการทุกอย่าง ไม่ว่าข่าวสารหรือการกีฬา
ทั้งอ่านหนังสือพิมพ์ที่แจกฟรี..
พอแน่นอนใจกับการพยากรณ์ดินฟ้าอากาศเรียบร้อยแล้วก็วางแผนกำหนดทัวร์การเที่ยวทันที
คือวันที่27.10.2005อากาศดีมาก การพยากรณ์อากาศที่นี่นับว่าน่าเชื่อถือได้
ถึงแม้บางครั้งจะผิดพลาดบ้างก็พอจะอะลุ่มอล่วยได้
สำหรับลูกทัวร์กระทรวงการคลังก็ทำหน้าที่บวกลบคูณหาร แบบไม่ยอมให้เงินกระเด็นไปไหน
ใช้นิ้วมือนับและใช้เครื่องคิดเลขกดคิดจนลุงรำคาญ..
 
ตอนแรกป้าคิดจะซื้อตั๋วรถไฟลดครึ่งราคา
และรถPostจากSBBอย่างเดียวเพราะมีตั๋วลดครึ่งอยู่แล้ว
และจะซื้อตั๋วกระเช้าและลดไฟที่จะขึ้นไปAllalinต่างหากแต่พอโทรถามราคาตั๋วที่Saas Fee  
ว่าราคากระเช้ากับรถไฟคิดเท่าไร พอเขาบอกราคามาซึ่งมีราคาแพงกว่าซื้อจากSBB
เลยให้ลุงไปจัดการซื้อรวมการเดินทางทั้งหมดจาก
และย้ำ***ให้ลุงให้ลุงขอตารางรถไฟและรถPostมาด้วย**
ถ้าใครอยากเที่ยวในสวิตฯอยากรู้อะไรไปถามที่ช่องขายตั๋ว เขาจะบอกข้อมูลทุกอย่าง
และจะให้ตารางการเดินทางมา..***ถ้าไม่ขอเขาก็ไม่ให้** นี่คือระบบการบริการของSBB
 
**ราคาค่าใช้จ่าย**
**ราคาตั๋วเป็นช่วงที่SBB...ลดให้เป็นพิเศษ30%)**
ค่าตั๋วรถไฟจะรวมค่าเดินทางทั้งหมดทุกอย่างไป-กลับรถไฟชั้น2..ลดครึ่งราคา
ราคาตั๋วจ่ายคนละCHF 91.40 รวมเครื่องดื่มเพิ่มให้คนใช้บริการเป็นกาแฟคนละ1แก้วฟรี
และรวมค่ารถแท็กซี่ไฟฟ้านั่งที่Saas Feeให้นั่งฟรี
 
รถไฟที่สวิตฯจะมีที่นั่งบริการแค่2ชั้น คือชั้น1และชั้น2
จะแตกต่างกันตรงชั้น1.จะมีผ้าขาวเล็กๆคาดไว้บนที่นั่ง
สมัยก่อนคนที่ใช้บริการจะรู้สึกภาคภูมิใจมาก
เพราะราคาแพง ใครที่นั่งชั้นนี้แล้วจะรู้สึกยืดนิดหน่อย
คนที่นั่งชั้นนี้ต้องเป็นคนมีฐานะหรือพวกรายได้สูงมากๆ
คนที่นั่งชั้น1จะแต่งตัวโก้หน้าเชิดพอๆกับคนไทยเลย
ต่อมาค่านิยมเปลี่ยนไปปัจจุบันนี้ใครๆก็นั่งได้   หอบเป้เป็นบ้าฟอบฟาง...ใส่รองเท้าแตะ..
หรือสรวมรองเท้าเดินเขานั่งชั้นนี้ก็ทำได้ คนสวิสหันมาใช้การบริการของการรถไฟมากขึ้น
และรักการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ
การท่องเที่ยวภายในประเทศจึงรู้สึกธรรมดากัน ไม่มีใครที่จะทำตาโตหรือร้องกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้น
ถ้าคนเดินทางบ่อยๆหรือใช้บริการทุกวัน
ถ้าซื้อตั๋วรถไฟเป็นปีที่เรียกว่า General-Aboจึงจะคุ้ม
http://mct.sbb.ch/mct/reisemarkt/abonnemente/ga.htm
 
ถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะนั่งชั้น1หรือชั้น2 ก็ถึงจุดหมายปลายทางเดียวกัน
และที่นั่งชั้น2ก็เป็นที่นั่งที่บุด้วยเบาะสวยงาม และพอๆกับเบาะชั้น1
 
ตามสถิติที่สำรวจกันปีนี้  คนสวิสหันมาใช้การบริการ
รถไฟกันมากเพื่อรณรงค์ถึงสิ่งแวดล้อมไร้มวลพิษ และอีกอย่างรถยนต์มีค่าใช้จ่ายสูงมาก
ทุกปีต้องจ่ายภาษีบำรุงถนน,ประกันรถยนต์,ค่าน้ำมัน ค่าซ่อม การตรวจสอบสภาพรถ .ฯลฯ...
ผู้สูงวัยเลิกใช้รถยนต์หันมาใช้รถไฟแทน
การเดินทางด้วยรถไฟเป็นการเดินทางที่มีแต่ความสะดวกสบาย รถไฟสวิสจะตรงเวลามาก  
ถ้าใครมาเที่ยวที่นี่ถ้ามีปัญหาต้อการรู้เกี่ยวกับข้อมูลการเดินทาง
ใช้การบริการรถไฟ  ไม่ต้องอายเดินเข้าไปถามที่ช่องInformation ได้เลย

pall



**เวลาที่ใช้ในการเดินทาง**
ออกเดินทางจาก Worb 7.30 ถึง..Bern 7.54
เดินทางออกจาก..Bern 8.09 ถึง.. Brig 9.47
เดินทางออกจาก.Brig( เดินทางด้วยรถPost Nr. 711)ถึง 10.05- Saas Fee เวลา11.00
 
**เริ่มการออกเดินทาง**
ทัวร์เที่ยวนี้มีลูกทัวร์หลงมาอีก1คนคือน้องชายลุง
ตั้งแต่ไปเดินเขาที่Niesenกันแล้วก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย
สงสัยคงติดใจที่เข้าห้องส้วมบนเขาที่เข้าไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขกันมา
นัดกัน6โมงช้าแต่พี่ท่านมาตั้งแต่ตี5ครึ่ง
เรียกว่าเป็นฝรั่งเกินเพราะฝรั่งนัดตรงเวลามากแต่นี่มาก่อนนัด
สองเราก็เหมือนเดิมคือทำอะไรตามใจฉันไม่รีบร้อน แต่พอจะถึงเวลาจึงจะรีบเป็นไฟจุดก้น
เรารีบพากันเดินไปยังสถานีรถไฟใกล้บ้าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ5นาทีก็มาถึง
รอไม่นานรถไฟก็ออกเดินทางมุ่งเข้าตุวเมืองคือBern
ช่วงเช้าจะมีคนใช้บริการรถไฟแน่นมาก หลังจากนั้นรถไฟมาจอดที่Bernแล้ว
เรายังมีเวลา10กว่านาทีก็เดินโต๋เต๋ไปมา หลังจากนั้นก็ไปยืนรอรถไฟ
การยืนรอขึ้นรถไฟ จะมีคนประกาศบอกว่าคนที่ซื้อตั๋วชั้น1หรือชั้น2
ควรจะไปยืนรอขึ้นรถไฟตัวอักษรอะไร เช่นตัวอักษร A  B  C D
เขาจะบอกว่าชั้น1รอตัวอักษรไหน
ซึ่งเป็นการบริการที่ดีมากที่ผู้โดยสารจะได้วิ่งขึ้นรถเพื่อหาชั้นนั่งได้อย่างถูกต้อง

pall




รถไฟแล่นเข้ามาสู่ชานชาลาและหยุดจอดเรียบร้อยแล้ว
 ทุกคนต่างหาที่นั่งกัน  
 ที่นั่งที่เรานั่งแคบมากขนาดคนหุ่นซูโม่ที่นั่งยังแคบเลย
 ดูหน้าคนใช้บริการก็รู้ว่าที่นั่งเป็นอย่างไร
 ที่นั่งจะเป็นแบบดูที่นั่งดูหนังไม่มีการหันหน้ามาชนกัน
 ป้าเซ็งมากเลยไปแอบหาที่เหมาะๆสำหรับถ่ายรูป
 

pall



ที่นั่งแคบมากไม่พอ...หน้าต่างยังมีรอยขูดขีด
ตากล้องแบบป้าเลยต้องหาที่ถ่ายรูปจนฝรั่งรำคาญมาก
ภาพที่เห็นเป็นสะพานมีชื่อเสียงของBern ที่เห็นไกลไปหน่อยคือสะพานKirchenfeldbrücke
สร้างปี1881ส่วนสะพานที่เห็นชัดเจนคือ สะพาน Kornhausbrücke
เป็นสะพานเก่าแก่สร้างปี1719 หลังจากนั้นก็ทำการซ่อมแซมหลายหนครั้งสุดท้ายปี1997
มีข่าวออกมาว่าจะทำการซ่อมแซมใหม่อีกครั้งเพราะครั้งที่แล้วซ่อมแซมไม่ดีเท่าที่ควร
ภาพที่เห็นแนวเขาที่มีชื่อเสียงของBerner Oberland และ Munster อันมีชื่อเสียงของBern
Munsterเริ่มสร้างเมื่อปี 1421เริ่มการสร้างและทำใหม่เรื่อยๆ
จนถึงปี1455และได้นำเอาระฆังเข้าไปแขวนเมื่อปี1611 ระฆังที่Munsteเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในสวิตฯ
 
หมอกที่ปกคลุมพื้นช่วงเช้าๆแบบนี้ เป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าเป็นฤดูใบไม้ล่วง
หมอกพวกนี้เราสัมผัสถึงความชื้นเมื่อสูดลมหายใจเข้าไป
ช่วงนี้ป้าไม่ได้ถ่ายรูปแล้วเพราะถึงถ่ายก็ออกมาไม่ดี
และทิวทัศน์หรือเมืองที่ผ่านก็เขียนมาหมดแล้ว ถ้าใครสนใจเข้าไปอ่านที่เคยเขียนไว้
นั่งชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ ถ้าใครต้องการชมวิวทะเลสาบควรนั่งด้านซ้ายมือ
แต่ถ้าใครต้องการวิวสวยตอนเข้าBrigควรนั่งที่นั่งขวามือเป็นความงามคนละแบบ
ถ้าเป็นไปได้ก็เปลี่ยนที่นั่งไปมาถ้ากรณีย์ไม่มีคนนั่งข้างๆ
ส่วนตัวป้าเองจะนั่งทั้งสองฝั่งเพราะวิวทะเลสาบสวยมาก
จะเห็นทะเลสาบมีชื่อของBerner Oberland และเมืองที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง

pall



**เครื่องหมาย....0...สีแดง**
****ที่แสดงให้เห็นพนักนั่งของรถไฟเป็นลักษณะนั่งเป็นแถวและมีสภาพแคบ***

 
นั่งดูวิวเพลินจนถึงBrig  ต่างพากันตระเกรียกตะกรายลงรถ
พอป้าลงมาแล้วก็รีบกดๆๆเพราะไม่มีเวลาเล็งกล้อง
พอมาดูรูปใหม่อีกทีถึงได้รู้ว่าโบกี้ที่นั่ง มีที่นั่งแบบนี้เขาก็เขียนแจ้งไว้แล้ว
มีทั้งที่เก็บรถจักรยาน ที่รถเข็นคนพิการ..
ถึงว่าที่นั่งจึงแคบมากและนั่งไหล่ชนกันเลย เหมาะมากสำหรับคู่หนุ่มสาวๆ

pall




เดินตามลุงไปถ่ายรูปไป..แบบไม่ให้คลาดสายตา
 เราเดินออกมาจากหน้าสถานีรถไฟของBrig
 รีบเดินมายังกลุ่มคนที่รอรถPost
 การหาที่ขึ้นรถPostง่ายมาก อยู่ข้างๆรถไฟที่จะไปZermat
 ดูหมายเลข1  เขาจะเขียนไว้บนพื้นสีเหลืองในช่องสีเหลี่ยม
 หมายเลข1ตัวใหญ่มาก.........รถPostหมายเลข711  
 และเขียนคำว่า Saas Fee direckt  ข้างหน้าข้างบนขึ้นได้เลย
 ไปเที่ยวที่ Saas Fee  ไม่ต้องกลัวหลงหรือขึ้นรถผิด
 

pall




มาแล้วรถ Saas Fee direckt  
 วิ่งเข้ามาจอดที่หมายเลข1  ที่คนรออยู่
 ป้ารีบวิ่งออกมาถ่ายรูปรถเก็บไว้
 ปรากฏว่ากลุ่มคนที่อยู่ข้างๆยืนรอรถผิด
 รถที่จะไป Saas Fee เหมือนกันแต่ไม่ใช่รถที่วิ่ง
 แบบ Saas Fee direckt  แบบนี้จะวิ่งตรงไป Saas Fee เลย
 จะหยุดรับผู้โดยสารแค่1ครั้งหยุดที่หมู่บ้าน Saas(Saastal)
 คนที่รอรถผิดต่างวิ่งเข้ามายังรถที่จอดและหาที่นั่งกันใหญ่
 
 พอถ่ายรูปเสร็จ...ตากล้องเลยหมดสิทธิ์นั่งข้างหน้าเพื่อหาวิวถ่ายรูปสวยๆ
 ยอมรับว่าไปเที่ยวแถบนี้บ่อย
 ไปนอน..ไปเดินเขา...แต่ไม่เคยเขียนหรือถ่ายรูปออกมาเป็นกิจลักษณะ
 เพราะสมัยแรกร่วม20กว่าปีที่ตะลอนเที่ยวกันมา
 ทุกอาทิตย์จะออกเที่ยวกันอย่างน้อย2หรือ3ครั้ง
 ไม่เคยใส่ใจหรือชอบการเขียนบอกเล่าเท่าไร
 ถ้าลงมือเขียนเหมือนปัจจุบัน
 คงได้หนังสือเป็นเล่มๆซึ่งส่วนมากจะเป็นแบบการเดินเขา
 หรือการเข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้านพื้นเมือง
 ยอมรับว่าเป็นคนที่ไม่ชอบกล้อง
 หรือการถ่ายรูปสวยๆออกมาเก็บเป็นที่ระลึก
 ส่วนมากมักจะเก็บในความทรงจำตอนเที่ยวกับลุง