ใครเคยมีประสบการณ์ ขึ้นศาล ที่นี่ ?? ช่วย เล่าให้ฟังด้วยค่ะ เพราะแจงต้องไปขึ้นศาลเร็วๆนี้

Previous topic - Next topic

แจง




งานนี้ไปเป็นโจทย์ ไม่ใช่ จำเลย ไม่ต้องตกใจนะคะ ป้าพอล และพี่ๆ ทุกคน
 
 ข้อหา  Diebstahl eines Helmes ab Mofa (geringfügiges Vermögensdelikt)
 
 บอกตามตรง กลัวๆ หวั่นๆ นิดๆ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ แบบนี้เลย
 แถม ตัวแจงเอง ก็ เป็นพวก วัวสันหลังหวะ อีกตะหาก
 
 เพราะ ไม่มีใบขับขี่ เหอๆ
 
 แล้วนี่ จะไปขึ้นศาล จะไปพูด ไปฟัง เค้ารู้เรื่องมั้ยเนี้ย??
 
 เลยอยากรู้ จากพี่ๆ รึ ท่านใด ที่มี ประสบการณ์ ช่วย เล่าให้ฟัง ได้มั้ยจ๊ะ
 
 ขอบคุณล่วงหน้าจ๊ะ
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0615 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

สวัสดีจ๊ะแจง
 ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจด้วยจ๊ะ
 ฟังแล้วงงมากเลยเกิดอะไรขึ้น.
 และทำไมของหายแค่นี้ต้องขึ้นศาลล่ะ
 รถจักรยานของฝ่านที่ใช้แข่งกัน
 ราคาแพงมากหายไป..ไปแจ้งตำรวจ..
 แค่นั้นเอง..ขอยื่นเรื่องไปยังประกัน
 เขาก็จ่ายมาหมด..เรื่องก็จบสิ้น.
 อยากฟังจริงๆว่าเรื่องของแจงแตกต่างกันอย่างไร?

แจง

สวัสดีจ๊ะป้าพอล ไม่รู้แจงเคยเล่าให้ฟังแล้วยัง??
 
 เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ
 
 แจงปั่นมอไซด์ไปทำงานที่ร้านตามปกติ  
 ด้วยความที่ไม่คิดอะไร จึงเอาหมวกกันน๊อค วางไว้ กับมอร์ไซด์ข้างนอก
 
 พอตอนจะกลับ หมวกหายไปแล้ว วันนั้น ต้อง ยื้มหมวกเก่าๆ ของเชฟ ใช้ สวมกลับบ้าน
 
 แจงจำได้คร่าวๆ ว่า คืนนั้น มีแขก เป็นวัยรุ่น ขี่มอร์ไซด์มา 2 คน เหมือนทุกๆ วันอังคาร (ขาประจำวันอังคาร) วันเกิดเหตุ
 
 ก็เลยคุยกับเชฟ เค้าก็บอกว่า รู้จัก วัยรุ่น คนนั้น ดี อาจจะเป็นคนขโมยไป เพราะ เคยมีประวัติขโมยมอไซด์
 
 แต่ เราไม่มีหลักฐาน  
 
 ตอนแรก เชฟ ก็ว่า ช่างมันเถอะ หายไปแล้ว จะให้เชฟ จ่ายเงินค่าหมวกให้ก็ได้ แต่แจงไม่เอา ถือว่า หายก็หาย ไม่อยากมีเรื่อง อยู่แล้ว
 
 
 แล้วอีก ประมาณ อาทิตย์นึงต่อมา  วัยรุ่น 2 คนนั้นก็มาอีก คืนวันอังคาร
 
 แจงมารู้ เมื่อ เมียเชฟ เค้ามาชวนไปดูหมวก ซึ่ง 2 วัยรุ่นนั่น เอามาวางไว้ ในร้านอาหาร  
 
 แจงเห็นและลองสวมดู จำรอยตำหนิได้ ยิ่ง ข้างในหมวก มีรอยเปื้อนแป้ง ยิ่งแน่ใจ จึงบอกว่า "ใช่" นี่หมวกฉัน
 
 เมียเชฟ ก็เลย พาแจงแล้วเดินถือหมวกไปคุยกับ 2 วัยรุ่นนั่น
 พวกเขายืนยัน ว่า เป็นหมวกของเค้า
 
 ตอนนั้นเชฟ ช. ไม่อยู่  เมียเชฟ พยายมพูด เกลี้ยกล่อมยังไง เค้าก็ บอกว่า เค้าซื้อมาจากคาร์ฟูล
 
 จนผ่านไป ตั้งนานนนนนนนน เชฟ ช. กลับมา
 
 มาคุยแล้วก็ไม่ยอมรับ เลยขู่ว่า ถ้าไม่รับ งั้นก็ต้องแจ้งความ
 
 (ความจริง เชฟเค้าไม่อยากแจ้งจริงๆ หรอกค่ะ)
 
 แต่เค้าไม่รับ เชฟเลยโทรไปเรียก พ่อ วัยรุ่นคนนั้นมาคุย
 
 ก็มาช่วยคุย ให้รับสารภาพ แต่ เค้าก็ไม่รับ
 
 ส่วนตัวแจงเองก็ ไม่สนใจ บอกเชฟว่า อย่าให้ถึงขั้นเรียกตำรวจเลย ไม่อยากมีเรื่องมีราว  
 
 แต่เชฟ เค้าคง กลัวเสียหน้า ด้วยแหล่ะจ๊ะ
 
 เอาไปเอามา ก็โทรไปหาตำรวจ แป๊บเดียวก็มาถึง ที่ร้าน
 

แจง

ตำรวจเค้าก็ สอบปากคำ แต่ละคน  
 
 บอกให้ไป ทาง แจง กับ ทาง วัยรุ่นนั่น ไปหา ใบเสร็จ ซื้อ หมวกมาดู
 
 แต่ แต่ละฝ่ายก็ไม่มี ( ทางแจง ซื้อมา ตั้งเป็นปี เอาทิ้งไปตั้งนานแล้ว)
 
 
 มีเรื่องตลก ด้วยค่ะ ตอนตำรวจถามวัยรุ่นคนนั้นว่า แล้วรอยแป้งข้างในนี่หล่ะ เธอจะว่าไง
 
 เค้าตอบว่า เค้าเองก็ทาแป้งเหมือนกัน   เหอๆ
 
 
 
 คุยกันอยู่นาน จนดึก นั่นแหล่ะค่ะ เลยต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป แต่หมวกก็ยังกลับไปยัง วัยรุ่นคนนั้นอยู่ดี  
 
 (อันนี้แจงก็ไม่เข้าใจ ทำไม ตำรวจไม่ยึดเป็นของกลาง??)
 
 แล้วเหตุการณ์นี้ก็เกิดก่อน คริสมาตส์ พอมาถึง คริสมาตส์ หยุดยาว เรื่องเลยหายไปเลย
 
 แจงเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร  
 ส่วนเชฟก็ ไปสืบ ว่ามีหมวกขายที่คาร์ฟูลรึป่าว  คนขายบอกว่า ไม่เคยขายหมวกกันน๊อค เลยค่ะ
 
 แจงก็กลับไทย จนกลับมา เชฟก็เล่าให้ฟัง ว่า แม่ของวัยรุ่นคนนั้นเอาหมวก มาคืนให้ที่ร้านแล้ว
 
 แต่เชฟน่ะ บอกว่า ใครจะอยากได้หมวก ที่เอาไปปู้ยี้ปู้ยำหมดแล้ว  
 พูดง่ายๆ คืออยากเรียกค่าเสียหาย น่ะแหล่ะค่ะ  
 
 เฮ้อ  
 
 คนที่ วิ่งเต้น เนี้ยเป็นเชฟ ทั้งนั้นค่ะ แจงน่ะ ไม่สนใจหรอก แค่หมวกใบเดียว แต่เชฟแกก็ย้ำนัก ย้ำหนา ว่า  
 
 ทำเพื่อความถูกต้อง  
 
 แม๋ เปาบุ้นจิ้น จิงจิ๊ง
 
 
 
 แต่พอหมายศาล มา แจงนี่แหล่ะค่ะ ต้องเป็นคนไป เฮ้อ...
 
 
 
 
 เรื่องมันก็เป็นมาอย่างนี้แหล่ะค่ะป้า ไม่รู้เล่าละเอียดไปรึป่าว??
 
 กรณีของ ฝ่าน มีประกัน แบบนี้ดีค่ะ
 
 แต่กรณีแจง นี่รู้สึก จะเป็นเรื่องของ ศักดิ์ศรี (เชฟ )  มากกว่า
 
 
 ทุกวันนี้ แจงก็เจอกับพ่อของวัยรุ่นคนนี้ที่ร้านบ่อยๆ เพราะเค้ามาเล่นละครเวทีจ๊ะ
 
 เวลาเห็นแจง จะไม่ค่อยกล้า มองหน้า แต่ก็ทักทายเป็นธรรมเนียม
 
 ส่วนวัยรุ่น 2 คนนั้น ไม่มาอีกเลยตั้งแต่เกิดเหตุจ๊ะ
 
 
 
 

blacktea

เหนื่อยแทนน้องแจงจัง
 แต่ เอาเหอะ...เพื่อศักดิ์ศรี (ของเชฟ)  
 ลูกน้องแสนดีอย่างเราก็ต้องปล่อยตามเรื่อง
 ใจเย็นๆ นะแจง คงไม่มีอะไรมากหรอก
 เขาถามอะไรมาก็ตอบไปอย่างงั้น
 เท่าที่เคย(อ่านหนังสือ) ก็ไม่มีอะไรน่าวิตกจ๊ะ
 อีกอย่างเราก็ไม่ได้เป็นจำเลยซะหน่อย
 
 

pall

สวัสดีจ๊ะบี
 สวัสดีจ๊ะแจง
 
 ป้าเพิ่งเข้าใจตอนนี้เอง...เลยถึงบางอ้อ...
 อย่างที่บีบอกมานั่นแหละทำใจให้สบายนะ...
 
 ถ้าเเจงเห็นสภาพห้องที่จะจะต้องเข้าไปแล้วจะหัวเราะ.
 ป้าก็เคยวาดภาพแบบแจงมาแล้ว..พอเห็นจริงๆแล้ว
 แทบจะขำกลิ้ง.
 ห้องที่แจงจะไปก็จะมีแต่คู่กรณีย์เท่านั้นและคนที่ทำหน้าที่ผู้พิพากษา
 ตัดสินคดี.จะแต่งตัวธรรมดา..
 เขาก็จะซักถามความเป็นมาและเรื่องราว
 แจงก็ตอบทุกอย่างไปตามความเป็นจริง
 ลักษณะที่พูดคุยกันก็เหมือนๆธรรมดาทั่วไป
 
 **ระวัง**
 ถ้าแจงไม่เข้าใจประโยคหรือคำถาม
 แจงต้องถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
 คำที่ใช้จะยากและเป็นศัพท์ที่จะยากหน่อย
 เขาจะใช้ภาษาเยอรมัน
 ถ้าเราตอบผิดพลาดเพราะไม่เข้าใจ
 จะทำให้เราเสียผลประโยชน์
 หรือรูปคดีเสียไปได้...
 
 **และอย่าเซ็นต์อะไรถ้าไม่มั่นใจ...หรือไม่รู้แน่ชัดความหมาย**
 
 คดีของแจงนี้ไม่น่ากลัวจ๊ะ.นอนหลับฝันดีได้อย่ากลัว
 ถ้าผลเป็นอย่างไรส่งข่าวมาบอกด้วยนะจ๊ะ.
 ขอให้โชคดีเด้อ........

pall

อ้อแจงอย่ากลัวเรื่องใบขับขี่
 ที่แจงไปนี่เป็นศาลไม่เกี่ยวกับตำรวจ
 เรื่องที่จะคุยตัดสินก็คือเรื่อง
 เกี่ยวกับลักขโมยหมวกกันน๊อคเท่านั้น
 
 
 

pall

ลืมบอกไปแจง
 รีบไปจัดการเรื่องใบขับขี่นะ
 ถ้ามีอุบัติเหตุหรือตรวจขึ้นมาจะแย่มากเลย
 รีบไปจัดการซะ..กฎจราจรขับรถมอร์เตอร์ไซด์คันเล็กแบบ
 โมฟาไม่ยากหรอกและขอใบขับขี่ได้..
 รีบทำให้เรียบร้อยนะจ๊ะ.

ตุ้ม

สวัสดีจ๊ะแจง  คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก  ป้า Pall ก็แนะนำจนครบขบวนหมดแล้ว  รวมทั้งยังบอกให้ไปทำใบขับขี่ดัวย  คงไม่มีอะไรที่จะต้องต่อเติมอีก
 เคยได้รับหมายศาลให้ไปทำหน้าที่เป็นลูกขุนแต่เขียนจดหมายตอบกลับไปว่าภาษาฝรั่งเศสของเราไม่ดีพอที่จะไปนั่งฟังให้เข้าใจลึกซึ้งและออกความเห็นที่ยุติธรรมได้  เค้าก็ไม่มาเรียกไปอีก แต่เคยไปเป็นลูกขุนในศาลที่อเมริกา 4 ครั้ง (คงติดใจคนสวย)  น่าสนใจมากๆและได้เรียนรู้อะไรขึ้นมามาก  

blacktea

สวัสดีค่ะป้าตุ้ม
 ว้าว...ป้าตุ้มเคยเป็นหนึ่งในคณะลูกขุนที่อเมริกาซะด้วย
 เท่าที่รู้มา เขาจะคัดเอาเฉพาะคนดี มีคุณธรรมมาเป็นลูกขุน
 เพื่อจะออกความเห็นในการว่าความคดีนั้นๆ  
 ดีใจและภูมิใจกับป้าตุ้ม แทนคนไทยมากๆ เลยนะคะ
 ปลื้มจัง

แจง




สวัสดีจ๊าพี่บีชาดำ(คนสวย)
 
 ป้าพอล
 
 และ ป้าตุ้มค่ะ
 
 
 แฮ่กๆ เหนื่อย เมื่อยแขนมั่กๆ รึ๋ยค๊า เมื่อคืนทำ Kräuterbutter ปั่นเนยซะ กล้ามขึ้นเป็นมัดๆ แย๊ว
 
 ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่มาช่วยแนะนำจ๊ะ
 
 นั่นสิพี่บี แทนที่เชฟจะไปเป็นเพื่อนเราสักนิดก็ไม่มี  
 
 ตอนแรก ตายักบอกว่า จะโทรไปให้ล่าม มาช่วย
 
 แจง บอก คงไม่ถึงขนาดนั้นมั่ง??  
 
 แค่ให้ตายักไปเป็นเพื่อน ช่วยอุ่นใจ ขึ้นก็พอ
 
 
 ขอบคุณป้าพอลมากค่ะ ฟังป้าบอกแล้วรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยจ๊ะ
 
 ส่วนเรื่องใบขับขี่ ตอนนี้ กะลังติดต่อ ครูฝึกขับรถ อยู่จ๊ะ
 คิดว่า ถ้าต้องทำ คือทำ รถยนต์ไปเลย จะได้ไม่เสียเวลาทำหลายอย่าง
 
 เรื่องขับมอไซด์ ส่วนใหญ่ แจงใช้แต่บนนี้ คงไม่มีตรวจบ่อยๆ ขอแอบขับไปก่อนค่ะ แฮ่ะๆ
 
 
 
 
 ว๊าว (ด้วยคน)
 
 ยินดีและภูมิใจในตัวป้าตุ้ม แทนคนไทยท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ  
 
 
 

ต๋อย

ตื่นเต้นกับน้องแจงจัง เอาน่าอย่างที่ป้าพอลบอกคงไม่ร้ายแรงอะไรมาก เก็บไว้เป็นประสบการณ์ ว่าครั้งหนึ่งเคยขึ้นศาลสวิส แฮ่แฮ่ ยังไงก็อย่าลืมมาเล่าให้ฟังอีกนะว่าเป็นอย่างไงบ้าง เขาถามอะไรมั้ง
 ภูมิใจด้วยกันกับป้าตุ้มค่ะ

เกตุ


miko

เป็นกําลังใจให้น้องแจงด้วยคนจ๊ะ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะ.. และ...ภูมิใจกับคุณตุ้มด้วยคะ

ตุ้ม

สวัสดีจ๊ะ ชาดำ(คนสวย) แจง ต๋อย เกตุ และ Miko ไม่ใช่เรื่องสำคัญนักหรอกที่ทางศาลในอเมริกาเค้าเรียกตัวไปเป็นลูกขุนน่ะ  พวกฝรั่งถ้าเค้าหาอ้างเรื่องแก้ต้วไม่ไปได้เค้าจะอ้างทันทีเพราะเค้าไม่อยากเสียเวลาไป  สงสัยว่าเค้าใช้วิธีจับสลากและชื่อเราไปติดมากกว่า  แต่ที่จริงแล้วสำหรับกะเหรี่ยงอย่างเรามีความรู้เพิ่มสมองขึ้นมาอีกในการได้ไปรู้ไปเห็น  เค้าเลี้ยงอาหารและของว่างรวมทั้งให้เงินค่ารถดัวย ส่วนที่ทำงานก็ยังจ่ายเงินเดือนให้เหมือนปรกติดัวย
 
 ลูกเชียร์บ้านนี้มากจริงๆ  นี่ถ้าป้าไปขั้นเวทีชกมวยยังไงๆก็ต้องชนะแน่ๆเลยเพราะกำลังใจดีลูกเชียร์มาก  ขอบใจทุกคนจ๊ะ