**จดทะเบียนสมรสที่เมืองนอก..และ..จดทะเบียนสมรสที่เมืองไทย**

Previous topic - Next topic

pall

วันนี้อยากคุยกันถึงเรื่องการจดทะเบียนสมรสของทั้งสองแห่ง....ว่าใครจดทะเบียนสมรสที่ไหน
จดทะเบียนสมรสที่เมืองไทย...หรือจดทะเบียนสมรสที่สวิตฯ...
 
ป้าคุยกับคนไทยหลายคนถึงเรื่องนี้ว่าแต่ละคนแจ้งการจดทะเบียนการสมรส
เข้าแจ้งลงไปในทะเบียนบ้านหรือไม่ก็ได้เห็น.....ความคิดเห็นของแต่ละคน...
ต่างคนต่างความคิด..แตกต่างกันออกไป... ซึ่งเป็นธรรมดา...
บางคนบอกว่าแจ้งเข้าไปเรียบร้อยแล้วและเปลี่ยนจากนางสาว เป็นนางและใช้นามสกุลสามีไปแล้ว...

บางคนบอกว่า...ไม่แจ้ง..จะโง่ไป.แจ้งทำไม...ถ้าแจ้งแล้วเสียสิทธิ์....ทำอะไรไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน  คนที่ไม่เเจ้งเรื่องการจดทะเบียนสมรส ชื่อในทะเบียนบ้านยังเป็นนางสาวอยู่เลย... แต่ละครั้งที่ทำบัตรประชาชน..ยังใช้ชื่อ.. และนามสกุลเดิมทุกอย่าง...
และทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น...
 
เท่าที่ฟังๆมารู้สึกว่าคนไทยเราที่แต่งงานกับคนต่างชาติมักจะสับสน...กับ.
 
1...***.เรื่องการจดทะเบียนสมรสที่สถานฑูตไทย**
ซึ่งก็มีคนไทยบางคน....คิดอยากจะแจ้งการเเต่งงาน ของตัวเองครั้งนี้เข้าทะเบียนบ้านในเมืองไทย อาจจะกลัวว่าไม่สมบูรณ์...
แต่บางคนไม่ได้คิดจะแจ้งเพราะไม่อยากเสียสิทธิ ผลประโยชน์ของตัวเอง...
การจดทะเบียนสมรสที่นี่....ทำไมถึงต้องจด...

**คำตอบ..***
ที่ต้องจดทะเบียนสมรสที่สวิตฯ...เพราะไม่สามารถ ไปจดทะเบียนสมรสที่เมืองไทยได้...
อาจจะเพราะวีซ่าของผู้หญิงใกล้จะหมด... หรือ...อะไรบางอย่าง...
การจดทะเบียนที่นี่ถ้ามีเอกสารพร้อมทุกอย่าง ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก....
ผู้ชายชาวสวิสต้องการใบทะเบียนสมรสของฝ่ายหญิงนำมายื่นต่อทางอำเภอที่ฝ่ายชายอยู่เพื่อแสดง
ให้เขาเห็นว่าตัวเองได้แต่งงานมีครอบครัวจริง..และสามารถให้ฝ่ายผู้หญิงของตัวเอง
สามารถอาศัยอยู่ที่สวิตฯกับตัวเอง  และได้รับใบอนุญาตพำนักประเภทB
และถ้าทุกสิ่งทุกอย่างถูกต้อง...ก็ไม่มีปัญหา..และถ้าครบกำหนดก็สามารถขอเป็นคนสวิส 
และได้รับหนังสือเดินทางสวิส...มีสิทธิทุกอย่างเท่าเทียม คนสวิส...ได้รับประกันคนแก่หรืออะไรทุกอย่างเหมือน คนสวิสทุกอย่าง....
 
ถ้าคิดและตรองดูให้ลึกซึ้ง...จะเห็นว่าตลอดเวลาที่อราอยู่ที่นี่ เราไม่ต้องกลัวว่าจะต้องโดนขับไล่ออกนอกประเทศ.. เราสามารถพำนักอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิต...นานเท่าที่เราต้องการ..
เราไม่เห็นต้องไปแจ้งการจดทะเบียนแต่งงานเข้าไปใน ทะเบียนบ้านเลย...ถ้าบัตรประชาชนหมดอายุก็ไม่เห็นจะน่าตกใจเลย....เราไม่ได้ใช้บัตรประชาชนตลอดเวลาที่เราอยู่ที่สวิตฯนี้...
 
เวลาหนังสือเดินทางหมดอายุ..จะทำใหม่ก็ไม่เห็นจะต้องตื่นเต้นถึงบัตรประชาชนจะหมดอายุ...เราก็ยังทำหนังสือเดินทาง ใหม่ที่สถานฑูตไทยได้ง่ายด้วย..แค่เอาบัตรประชาชนหมด
อายุไปให้เขาดู.....ถ้าเรามีทะเบียนบ้าน..และบัตรประชาชนอยู่ของป้าบัตรประชาชนหมดอายุตั้ง10กว่าปียัง   สามารถทำหนังสือเดินทางใหม่ได้เลยที่นี่...
ไม่เห็นมีปัญหาอะไรจะเปลี่ยนแปลตรงชื่อเป็นนาง...และใช้นามสกุลของลุง....
ทั้งๆที่ทะเบียนบ้านทางเมืองไทยของป้า...ยังเป็นนางสาว..และนามสกุลของพ่อเรียกว่าในเมืองไทย..ป้ายังเป็นโสดอยู่ แต่ที่สวิตฯเป็นนาง...
เห็นไหมว่า...เราทำแบบนี้ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร...
 
2....***การจดทะเบียนสมรสที่เมืองไทย...**
มีคนจดทะเบียนสมรสที่อำเภอ...และซึ่งมีทั้งการแจ้งการสมรสเข้าไปในทะเบียนบ้าน
ตัวเองเลยเปลี่ยนสภาพจากนางสาว...กลายเป็นนาง
ต่อมาก็มาแจ้งเรื่องการแต่งงานกับทางอำเภอที่สวิตฯ เรียกว่าแจ้งทั้ง2แห่ง.....
แบบนี้ถ้าอยากจะซื้อขาย หรืออยากจะทำอะไรทางเมืองไทยจะเริ่มมีปัญหา
เพราะตัวเองแต่งงานแล้ว..จะต้องปรึกษาสามีทำอะไรหรือตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว...
 
อีกคนแต่งงานจดทะเบียนสมรสที่อำเภอ..แต่ไม่ได้แจ้งการแต่งงานเข้าทะเบียนบ้านทางเมืองไทย
ตอนป้าจดทะเบียนที่เมืองไทย ป้าก็ไม่ได้แจ้งเข้าทะเบียนบ้าน...
ชื่อในทะเบียนบ้านยังเป็นนางสาวอยู่เลย.ลุงมาจัดการเกี่ยวกับเอกสารที่นี่..ก็ไม่เห็นมีปัญหา..
ป้าก็ยังอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้...ยอมรับว่า..ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
ไม่เคยใช่หนังสือเดินทางของไทยเลย..ใช้ของสวิสง่ายกว่า....ไปไหนมาไหนสะดวก...
 


**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0597 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

ป้าอยากคุยและอยากถามแบบอยากรู้..มาก...
 ว่าแต่ละคนจดทะเบียนสมรสที่ไหนกัน..
 และเอาทะเบียนสมรสไปแจ้งเข้าทะเบียนบ้านทางเมืองไทย
 หรือยัง...ถ้าแจ้งเข้า..ทำไมถึงอยากแจ้ง..
 แบบอยากทราบถึงจุดประสงค์...
 ..ที่ป้าถามนี่ถือว่าเป็นการคุยกันแบบคนใกล้ชิด..
 คุยกันเพื่อเป็นความรู้เท่านั้นจ๊ะ...

Ann

สวัสดีค่ะป้า potic นี้น่าสนใจค่ะ สำหรับประสบการณ์ของแอนนะคะ แอนจดทะเบียนสมรสที่เมืองไทยและแจ้งเปลี่ยนนามสกุลที่เขตเลยเพราะต้องการใช้นามสกุลสามีในพาสปอร์ตเพื่อง่ายในการติดตามเค้าในขณะที่เค้าต้องเดินทางไปต่างประเทศนานๆ(สามีคนไทย)แต่หลังจากปักหลักที่นิวซีแลนค์เราก็เลิกกันโดยที่แอนกับเค้ากลับไปจดทะเบียนหย่าที่เมืองไทยแล้วแอนก็กลับมาใช้นามสกุลเดิมอย่างเก่าแต่เปลี่ยนจากนางสาวแอนมาเป็นนางแอน อิอิ ทุกวันนี้อยู่ที่นี่ก็มีงานค่อนข้างมั่นคงค่ะ แต่ถ้าตกงานเมื่อไหร่รัฐบาลก็จะเลี้ยงดูตามสภาพความจำเป็นเช่นค่าเช่าบ้าน,ค่าเลี้ยงดูบุตร-มีบุตรกี่คน,ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นรายสัปดาห์ค่ะ เพราะเงินเดือนที่นี่ออกเป็นรายสัปดาห์ เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลก็ฟรีตลอดรายการ แต่อะไรก็สู้ทำงานเองไม่ได้ถึงจะต้องเสียภาษีหนักแต่ได้อัพเกรดชีวิตได้รู้จักผู้คนกีวีมากมาย แอนถึงรู้จักคนไทยน้อยมากแต่มีเพื่อนกีวีมากมายไงคะ นอกเรื่องอีกแล้ว จบข่าวสั้นดีกว่าค่ะ

ต๋อย

ต๋อยจดที่สวิสค่ะป้า แปลเอกสารต่างส่งให้สถานทูตสวิสประจำประเทศไทย ส่งต่อมาให้ทางอำเภอที่สวิส  แล้วเขาก็ให้วีซ่าคู่หมั้นมา
 
 ถ้าไปทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุลที่ทะเบียนบ้านเมืองไทย แล้วมันยุ่งยากกับการเสียสิทธิ ก็ไม่อยากจะเปลียนมันหรอกค่ะ  อยู่ที่นี่เขาก็ไม่ได้บังคับให้เราเปลี่ยนนามสกุลที่ทะเบียนบ้านไทยนี่นา เอาเป็นว่าต๋อยไม่อยากเปลี่ยน อยากเป็นนางสาว ที่เมืองไทยอยู่ค่ะ

miko

หวัดดีคะป้าและคุณแอน มิโกะ จดทะเบียนที่สวิสปีหน้านี้ก็ครบ 5 ปีที่แต่งงานและอยู่ในสวิส และ ปีหน้าอีกเหมือนกันพาสไทยก็จะหมดอายุ คงจะต้องไปต่ออายุพาส และทําเรื่องยื่นขอสวิสพาสไปเลยถ้าสมมุติได้สวิสพาสแล้ว มิโกะก็คงเหมือนป้าแหละคะ คงจะไม่ได้ใช้พาสไทย คิดว่าจะใช้พาสสวิสอย่างเดียวเลยง่ายดีไปใหนก็คงจะสะดวก พาสไทยก็คงจะเก็บไว้เวลาที่จําเป็นต้องใช้จริงๆเท่านั้น  ส่วนเรื่องแจ้งเข้าทะเบียนบ้านที่เมืองไทยคงไม่ทําแน่นอนคะเพราะมิโกะอยู่ที่สวิสสําหรับเมืองไทยไม่ได้อยู่คิดว่าคงไม่จําเป็นต้องแจ้งมั้งคะ ...แบบว่าภูมิใจในนามสกุลพ่ออยู่นะคะ คิดดูนะคะ นามสกุล พ่อ Horkham ห่อคํา คิดดูนะคะจะมีใครนามสกุลน่ารักแบบนี้มั่ง ...ส่วนนามสกุลแฟน Grob หรือ เกริ๊บ ป้าคิดดูนะคะ หาความไพเราะไม่มีเลย นี่ละคือที่มาของการไม่แจ้งย้ายนามสกุลเข้าทะเบียนที่ไทยขี้เกียจตอบคําถามว่านามสกุลฝรั่งของคุณสกดเป็นไทยว่าอย่างไรเขียนให้ดูหน่อย อันนี้เจอมากับตัวแล้วที่ดอนเมืองทั้งสองครั้งเลย เบื่อมาก เลยคิดว่ารอได้พาสสวิสก่อนแล้วจะใช้แต่พาสสวิสอย่างเดียวด่านตรวจคนเข้าเมืองจะได้ไม่สับสน (แหะ แหะ.. อันนี้แค่ความคิดของมิโกะนะคะ)

miko

อ้าว...เขียนส่งไปแล้วถึงเห็นคุณต๋อยตอนก่อนส่งไม่เห็น งั้น..หวัดดีคุณต๋อยด้วยคะ

ส้มตำ

สวัสดีค่ะป้าพอล***สวัสดีค่ะทุกคน
 
 ของส้มตำเองแต่งและจดที่นี่.......แต่ตอนนั้นแต่งแล้วขอพาสสวิสได้เลย.....เลยไม่ได้ใช้พาสไทยแต่ก็ต่ออายุพาสไทยไว้เผื่อได้ใช้ยามจำเป็น......และพาสไทย...บัตรประชาชนไทย....ทะเบียนบ้านก็ยังเป็นนางสาวอยู่.....จะไปติดต่อที่ใหนก็ไม่มีปัญหาอะไร.......เมื่อปีกลายไปโอนบ้านให้เพื่อน...ขายต่อน่ะค่ะ......พาลูกสาวตัวเล็กไปดว้ย......กรมที่ดินก็ตรวจใบอะไรต่างๆว่าเรียบร้อย......แต่กำลังจะเซนต์ชื่อลูกเรียกแม่ๆเธอหันมามองและถามอ้าวใหนบอกยังไม่แต่งงานทำไมมีลูกล่ะคะ.....ส้มตำเลยบอกว่าไม่แต่งก็มีลูกได้ถมเถไป..เธอเลยเงียบ

pall

สวัสดีจ๊ะแอน
 ป้าฟังที่แอนเล่ามาทำให้นึกถึงประเทศออสเตรเลีย
 ที่โน่นก็จ่ายเป็นรายสัปดาห์เหมือนนิวซีแลนด์
 ป้าเพิ่งรู้จากแอนนะนี่ว่าเงินเดือนได้รับเป็นรายสัปดาห์
 แล้วเขามีโบนัสแบบ13เดือนไหมจ๊ะ?
 รายจ่ายมากไหม?ป้าหมายถึงเงินประกันทุกอย่าง.
 ที่สวิตฯรายจ่ายสูงมากและประกันเจ็บป่วยอุบัติเหตุ
 เราต้องจ่ายเอง10%และวงเงินประกันที่ทำไว้
 ต่ำสุด300เป็นค่าการทำงานของเขา...และเราต้องจ่ายทุกเดือน
 แล้วแต่ประกันที่เราทำไว้(แตกต่างกันไป)
 ชีวิตที่นี่มีความสะดวกสบายทุกอย่าง..
 แต่เราก็ต้องจ่ายคืนในราคาสูงเช่นกัน..

pall

สวัสดีจ๊ะต๋อย
 เข้าใจแล้วที่ต๋อยทำมา..
 บางคนก็บอกว่าไม่ยุ่งยาก..บางคนก็บอกว่ายุ่งยาก
 กับการขอวีซ่าคุ่หมั้นแบบนี้..
 ของต๋อยต้องขอและส่งเอกสารนานไหมจ๊ะ?
 และยุ่งยากไหมแบบสนใจจ๊ะ.

pall

สวัสดีจ๊ะมิโกะ
 ดีใจที่มิโกะจะได้เป็นคนสวิสแล้ว...อิอิอย่าลืม..
 ไปลงคะแนนเสียงทุกครั้งนะ...
 มิโกะจะยื่นทำขอเมื่อไรจ๊ะ?
 อยากรู้วิธียื่นขอเป็นคนสวิส..วันหลังมิโกะมาเขียนเล่า
 ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง?ขอบคุณล่วงหน้าจ๊ะ
 นามสกุลเก่ามีโกะHorkham น่ารักจริงๆด้วย

pall

สวัสดีจ๊ะส้มตำ
 ส้มตำโชคดีจริงๆที่ไม่ยุ่งยากได้พาสสวิสได้เลย
 ป้าเองก็ลืมไปแล้วว่ากฎหมายออกตั้งแต่เมื่อไร
 ว่าแต่งงานแล้วต้องรอจนครบกำหนดถึงจะขอ
 เป็นคนสวิสได้.
 ส้มตำมาอยู่ที่สวิสช่วงปีไหนจ๊ะ?
 ฟังส้มตำเล่าแล้วขำที่ลูกเรียก..

miko

หวัดดีคะ ป้า คุณ ต๋อย คุณ แอน พี่ ส้มตํา เรื่องขอพาสสวิสคงจะทําเรื่องขอช่วงกลางเดือน มกรา2006 นะคะ เพราะ เดือน พฤศจิกา ปีนี้ก็ครบ 5 ปี ..ที่จะทําเรื่องขอช่วงหลังปีใหม่แฟนบอกว่าช่วงปลายปีเค้าจะยุ่งๆกับเรื่องงาน เลยทําเรื่องขอหลังปีใหม่ เดี๋ยวยังไง มิโกะ จะมาเล่าขั้นตอนให้ฟังนะคะ

ปุ๊ย

ปุ๊ยก้อแต่งงานจดทะเบียนที่สวิสค่ะ หลังแต่งงานเสร็จ อำเภอบังคับให้ไปแก้ไขนามสกุลที่พาสไทยเราค่ะ เขตที่ปุ๊ยจะเคร่งนิดหน่อย แต่เราก้อทำตามที่เขาบอก ก้อไม่มีปัญหาค่ะ  
 เรื่องแต่เรื่องต่อพาสที่เอามาถาม ก้อตกลงจะต่อที่นี้ เผื่อยืดเวลาใช้นามสกุลไทยไปก่อน 5 ปี แล้วเปลี่ยนเล่มใหม่ค่อยดูอีกที่ว่าเปลี่ยนที่สวิสได้ไหมนะคะ

Ann

สวัสดีอีกครั้งค่ะป้า คุณต๋อย มิโกะ ส้มตำ และคุณปุ๊ย ที่นี่ไม่มีเงินโบนัส๑๓เดือนค่ะ จะมีก็แต่เงินเพิ่ม๒๕%ถ้าทำงานล่วงเวลาและเงิน๒เท่าถ้าทำงานพิเศษวันอาทิตย์ ในหนึ่งปีมีพักร้อน๓อาทิตย์แบบไม่หักรายได้ ภาษีก็ขึ้นอยู่กับรายได้ของเราแต่ก็หนักนะคะป้า ทุกคนที่มีงานทำต้องมีประกันอุบัติเหตุแต่แค่๑-๒%ของรายได้เท่านั้น ประกันสุขภาพก็ตัวใครตัวมันค่ะ ถ้าต้องการความรวดเร็วและบริการสุดยอดเวลาเจ็บป่วยก็ต้องประกันตัวเองไว้สำหรับโรงพยาบาลเอกชน แอนว่ามาตรฐานของสวิสจะดีกว่าในระยะยาว แต่แอนก็แฮปปี้มากกับนิวซีแลนค์ ถึงค่าครองชีพจะสูงแต่ก็สะดวกสบายดีและอากาศบริสุทธิ์ มีอย่างเดียวที่ยังแอบคอมเพลนไม่ได้ในบางครั้งว่าภาษีโหดเหลือเกินค่ะ
 

ต๋อย

สวัสดีค่ะทุกคน  ป้าพอลของต๋อยทำวีซ่าคู่หมั้นไม่ยุ่งยากเลย เพราะว่าอะไรรู้ไหมคะ
 ตอนแรกไม่ได้จะทำวีซ่าแต่งงาน แต่ทำวีซ่านักเรียนกะว่าจะมาเรียน ที่นี่ 1 ปี และเรียนรู้กันและกันกับแฟนก่อน  เอกสารทุกอย่างพร้อมสำหรับยื่นขอวีซ่านักเรียน ไปสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่สวิสที่สถานทูต ผลปรากฎว่าเขาไม่ให้ผ่าน เขาว่าถ้าอยากเรียนเยอรมันไม่จำเป็นต้องไปสวิส หาเรียนที่เมืองไทยก็มีที่เรียนเยอะแยะถมเถไป   อารมณ์ช่วงนั้นโกรธมากค่ะ  ตังค์ก็จ่ายให้ทางโรงเรียนที่นี่หมดแล้ว
 ต๋อยและแฟนก็เลยยื่นอุทรณ์ เป็นวีซ่าคู่หมั้น มาแต่งงานที่นี่  ผลปรากฎว่า ได้รับวีซ่าภายใน 2 วันเลยค่ะ