News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



" เพื่อนบ้าน "

Previous topic - Next topic

ชาดำ

อยากฟังประสบการณ์ของคนอื่น เกี่ยวกับเพื่อนบ้าน
 ไม่ว่าจะด้านร้าย หรือด้านดี
 ทั้งน่ารัก และน่าเกลียด
 
 ไม่ว่าจะอยู่ตึกเดียวกัน หรือรั้วติดกัน
 รักกัน กลมเกลียวกันมากแค่ไหน
 เล่าให้ฟ้งด้วยจ้า

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0577 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

blacktea

เดี๋ยวใครเล่า มีรางวัลให้ด้วยล่ะ

blacktea

กุนเชียงหมูคนละแท่งเลยน๊า
 ส.ขอนแก่น ของแท้ อิอิ

นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)




ขอเปลี่ยนเป็น หมูยอ หรือ แหนม ไม่ได้หรือ กุนเชียงกินเบื่อแล้ว แต่ต้องเป็น บ.ขอนแก่น นะ กินยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียว .อิอิอิ
 มาเรื่องเรื่อง **  เพื่อนบ้าน  ** ดีกว่า
 พี่นิดว่าพี่โชคดีนะ มีเพื่อนบ้านดีมาตลอด เราอยู่แบบถ่อยทีถ่อยอาศัย ก็มีบ้างที่มีการตักเตือน หรือ งอน กัน แต่สุดท้ายเรายังคงอยู่รวมกันดีทั้งตึกนะ ตึกบ้านนี้จะมีอยู่ 8 ห้อง มี3 ห้องที่มีเด็ก รวมบ้านพี่ด้วย พี่จะสนิทอยู่ชั้นบนของพี่กับชั้นล่าง ส่วนห้องอื่นๆถึงไม่สนิทกันมากนัก แต่เราก็ช่วยเหลือกันดี ในบางครั้งก็มีเสียงเด็กเล่นดัง ลากโต๊ะ ของเล่นตก เสียงปิดเปิดประตู เปิดวิทยุ โทรทัศน์ หรืออย่างบ้านพี่หนักหน่อย ลูกสามแถมตัวอย่างกับตึก เล่นอะไรกันที่ก็เสียงดัง แต่ทุกบ้านก็เข้าใจ ถ้าไม่ดึกดื่น หรือเช้าเกินไปก็ไม่มีการมาว่ากัน  อย่างเวลาบ้านใครจะจัดปาร์ตี้  หรือบ้านพี่วันเกิดลูก  จะมีการมาบอกกันหรือติดโน๊ตไว้หน้าประตูตึก ขอโทษขอโพยกันล่วงหน้า เราก็เข้าใจกันนานทีปีหน  บางครั้งเพื่อนบ้านที่มีรถ จะไปซื้อของที่คล่าฟลู ก็จะมาชวนคนที่ไม่มีรถให้ไปด้วยกัน หรือเค้าไปซื้อของที่เยอรมัน ก็จะมาถามว่าใครจะฝากซื้ออะไรกันไหม ไปทิ้งลังกระดาษใหญ่ๆ หรือเศษไม้ของอะไรที่หนักๆ ก็จะมาช่วยกันขนใครมีรถก็ขับไปทิ้งให้ โดยเฉพาะพี่นิดจบสารพัดช่าง ชอบลื้อบ้าน ทำบ้าน เดี๋ยวๆต่อตู้ ต่อเตียง ทำสวนบนระเบียงบ้าน ไปแบกไปลากอุปกรณ์ ทั้งไม้ ทั้งสี ทั้งดิน  กระถาง (โอ้ย บ้านแทบถล่ม )มาจากร้าน สามีเพื่อนบ้านตัวใหญ่ๆก็มาช่วยยก แล้วก็บอก ฉันเชื่อเธอเลยนะ ตัวเท่าแมว  (แมวยุโรปนะสิ  )แบกมาได้ไง (แหมพี่ก็ ความดันทุรังมันสูงนี้ค่ะ) ลูกเต้าใครเจ็บป่วย แม่อดหลับอดนอน เราก็ช่วยกันดูให้ ดึกดื่นเจ็บไข้ ฉุกเฉิน ก็ช่วยกันพาไปหาหมอ มีครั้งเพื่อนบ้านชั้นบนลูกอ่อน เป็นไข้หวัดใหญ่เด็กร้องไห้ ไข้ขึ้นเค้าเฝ้าลูกทั้งคืน กลางวันเด็กก็ยังโยเย้   เค้าอยู่คนเดียว  อดนอนมาสามอื่น เค้าเดินลงมากดอ๊อดบ้านพี่ พอพี่เปิด เค้ากอดพี่ร้องไห้ บอกไม่ไหวแล้วฉันไม่ได้นอนสามวัน ลูกก็ร้องไห้ งอแง อ้อนให้แกอุ้มตลอด เค้า ล้าไปหมด กินข้าวก็ไม่ได้เพราะไม่ได้นอน พี่ก็บอก งั้นวันนี้เธอไปอาบน้ำให้สบายตัว แล้วไปนอนให้อิ่มนะ ฉันจะดูลูกให้ ทำอาหารให้นะ ไม่ต้องห่วง หรือตอนที่พี่ กระดูกหลังเคลื่อน ขาจะชาไปข้าง พี่เดินจะลำบาก ลากตะกร้าลงไปซักผ้า เพื่อนบ้านชั้นล่างเค้าบอกหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ฉันจะเอาไปซักให้ เค้าทั้งซักทั้งตากเก็บพับมาให้อีก ตอนเค้าไม่สบายทั้งบ้านสามคนพ่อแม่ลูก พี่ก็ลงไปดูทำอาหารให้เค้า เอาผ้าไปซักให้ สี่ปีที่ย้ายมาบ้านนี้ พี่ได้เรียนรู้อะไรมากมาย สิ่งที่เห็นยังท่องแท้ และยังสัมผัสรับรู้ได้ ไม่ว่าชนชาติไหน น้ำใจยังคงมี และสามารถ เปลี่ยนความคิดคน ปั่นทอนกำแพงสีดำที่กั้นในใจให้พังทลาย และก่อตัวกลายเป็นคำว่า มิตรภาพ เอื้ออาทร และประโยคหนึ่งที่แม่เคยสอนพี่ มันใช้ได้จริงๆ  **  ก่อนที่อยากจะให้คนอื่นยิ้มให้เรา เราก็ต้องยิ้มให้เค้าก่อน **
 

Ann

สวัสดีค่ะ คุณป้า ชาดำ และ ทุกๆคน  แอนอยู่นิวซีแลนค์ค่ะ เคยเขียนมาคุยแล้วแต่นานมากแล้วค่ะ ครั้งนี้ไม่ทราบว่าผิดกติกาข้างบ้านรึเปล่า เพราะว่าเป็นคนละประเทศ คนละขั้วโลก แต่แอนสนใจอยากเขียนมาเล่า ถึงคนกีวีข้างบ้านบ้างนะคะ สั้นๆง่ายๆ แอนไม่เคยคุยกับคนข้างบ้านเลยค่ะ ทั้งๆ ที่อยู่มาตั้ง6ปีแล้ว มีแต่ยิ้ม และโบกมือให้กันแบบเป็นมิตร เธอเป็นผู้หญิงเมารี ซึ่งหน้าตาก็คล้ายๆคนไทยแต่ตัวใหญ่มากๆ มีลูกฝาแฝดเล็กๆ เธออยู่แบบเงียบๆ ซึ่งแอนชอบมากเพราะแอนก็อยู่แบบเงียบๆเหมือนกัน เพราะคิดว่าคงจะน่ารำคาญถ้าต้องอยู่ใกล้ๆกับบ้านที่มีวัยรุ่นที่ชอบเปิดเพลงเสียงดังอยู่ตลอดเวลา แต่ตั้งแต่ที่แอนอยู่นิวซีแลนค์มานะคะ แอนชอบประเทศนี้มากๆค่ะ คงจะเหมือนกับที่ทุกคนที่อยู่ที่สวิสและชอบสวิสมากๆเช่นกัน แล้วแอนจะเขียนมาคุยเรื่อยๆนะคะ แอนชอบทุกคนที่นี่ดูจริงใจดีค่ะ

maratee

สวัสดีจ้าชาดำ พี่นิด เเละ เเอน  
 
 ที่เยอรมัน มาราตีเเละครอบครัว อยู่กัน เป็น โวนง(ห้องชุด)  ในบ้านหลังใหญ่ มี ทั้งหมด  6 ครอบครัว มี 2 ชั้น
 
 ชั้นละ 3 ครอบครัว   มีครอบครัวมาราตี ครอบครัวเดียวที่มี ลูก (คือเจ้าเจมส์ จอมซน)
 เราอยู่เเบบ พิเศษ กว่าใคร คือ  ห้องชุดของเรา มี 2 ชั้น  
 ชั้นล่าง เเม่สามีอยู่เเละ  ชั้นบน(ใต้หลังคา) เรา พ่อเเม่ลูกอยู่ เเบบส่วนตัวมากๆ
 
 "เพื่อนบ้าน"  ห้อง เเรก  ผู้หญิงกรีก  อายุสัก 65เห็นจะได้  เธอเป็นคนดี นิสัยดี มากๆ  โอบอ้อมอารี ช่วยเหลือผู้อื่น รักเด็ก เธอมีทุกอย่างในตัวเธอ  มาราตีชอบเธอมากๆ
 อายุเราต่างกัน คนล่ะครึ่งเห็นจะได้  
 เเต่เรา คุยกัน เหมือนเพื่อน เหมือนญาติ บางครั้ง เเหมือนเเม่เลยน่ะ เธอจะคอยดูเเล มาราตี เเละ เจมส์ รวม ตั้ง เเม่สามีมาราตี ที่เเก่เเล้ว  ด้วย  เธอจะขึ้นมาเยี่ยม มาคุยกับเเม่ บ่อย
 เเละ ทำอาหารอะไร ก็เอามาเเบ่ง ครอบครัวมาราตีเเละเเม่  
 บางครั้ง เวลา เราไม่อยู่บ้านกัน หลายวัน เธอก็รับอาสา ดูเเลเเม่ให้   ที่สำคัญ เเม่สามี ก็ ชอบเธอมากๆ เหมือนกัน  
 
 เเละอีกหลายๆ อย่าง   ที่ เธอมีให้ มากกว่า เพื่อนบ้าน  
 
 ปกติ เพื่อนบ้าน เเบบนี้ ที่เยอรมันหายาก มากน่ะคะ ส่วนมาก ก็ จะเเข่งกัน เหล่ใส่กัน หรือ ตัวใครตัวมัน.....
 
 เดี๋ยวจะมาเล่า เรื่อง ของ  เพื่อนบ้านห้องที่ 2 ให้ฟังน่ะคะ
 
 มาราตี...........

blacktea

มาตั้งทู้แล้วก็หายหัวไปเลย
 เพิ่งจะเข้ามาเขียนได้
 
 ตอนนี้ระทมทุกข์กับเพื่อนบ้านค่ะ
 เพราะเพื่อนบ้านไม่ใช่แค่เพื่อนบ้าน
 แต่มีอีกตำแหน่งพ่วงคือ ครอบครัวน้องชายแฟน
 
 บ้านที่อยู่นี่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของพี่น้อง 3 คน
 พ่อแฟนซื้อไว้เมื่อ 16 ปีที่แล้ว
 เอามาปรับปรุงตกแต่ง เป็นห้องชุด
 บ้านหลังใหญ่ และพื้นที่เยอะค่ะ  
 รวมตัวบ้าน ปาร์ตี้เฮาส์ โรงรถ
 สนามหน้าบ้าน ข้างบ้าน หลังบ้านแล้ว ร่วม 2 ไร่
 มี 3 ชั้นครึ่ง อยู่คนละชั้น
 
 ชั้นล่างเป็นกรรมสิทธิ์ของน้องสาว  
 แต่พอมีลูกคนแรกเขาก็ไปซื้อบ้านเดี่ยวอยู่เอง
 คงเป็นเพราะสามีเขาไม่อยากอยู่ร่วมกับพี่ๆ  
 ตอนนี้ชั้นล่างก็ให้คนนอกเช่าไป อยู่กัน 2 คน ไม่มีเด็ก
 
 ชั้นที่ 2 คือ ชาดำอยู่กับแฟน
 แต่แฟนอยู่คนเดียวตลอดที่เข้ามาอยู่บ้านนี้
 เพิ่งจะเกือบ 3 ปีที่มีชาดำมาอยู่ร่วมด้วย
 แต่ไม่ได้อยู่แบบประจำ เทียวไปกลับกรุงเทพตลอด
 
 ชั้นที่ 3 และชั้นใต้หลังคา เป็นของน้องชายและครอบครัว
 มีลูกชาย 3 คน รวมแล้ว 5ชีวิต
 
 ที่จอดรถก็แบ่งเป็นสัดส่วน ไม่มีปัญหา
 สวนพักผ่อน ตรงข้างบ้านยกให้คนเช่าไป
 แต่เขามีซัมเมอร์เฮาส์อยู่อีกที่ เลยไม่ได้ใช้สวน
 
 แปรงปลูกผัก ปกติน้องชายแฟนเขาจะปลูกสารพัดเอาให้เต็มพื้นที่ไว้
 คนเช่า ไม่ปลูกผักกิน
 ชาดำเพิ่งจะปลูก ปีที่แล้วเป็นปีแรก
 
 สนามหญ้าหลังบ้าน มีส่วนนั่งเล่น
 เรากับครอบครัวน้องชาย อยู่คนละมุม คนละบรรยากาศ
 แยกกันเป็นสัดส่วน
 
 
 
 
 

ชาดำ

พี่ชายคนโต อยู่บ้านหลังใหญ่อีกหลังติดกัน
 แต่เขาไม่ต้องแบ่งกับใคร ครอบครองคนเดียว 3 ชั้น
 พื้นที่ใช้สอยรวมตัวบ้านและสวน พอๆ กันกับบ้านเรา
 ซึ่งนั่นไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน เพราะอยู่คนละหลังคา
 
 ทีนี้มาเข้าเรื่องที่กำลังระทมทุกข์นะคะ
 
 น้องสะใภ้แฟน ก่อนซัมเมอร์ที่แล้วก็ปกติดีกับชาดำ
 แต่เริ่มไม่ปกติ หลังจากเขากลับมาจากฮอลิเดย์ซัมเมอร์กับครอบครัว
 ครั้งแรกเลย ตอนงานกีฬาหมู่บ้าน
 มีคอนเสริ์ตด้วย ชาดำเห็นเขานั่งอยู่กับหลานชายคนเล็ก 8 ขวบ
 ก็เข้าไปทักและถามว่าสบายดีไหม ไปเที่ยวมาสนุกไหม
 เขาไม่ตอบชาดำ (หน้าแตกเลยตู) แต่หลานชายหันมาตอบแทน
 ซักพักมีผู้หญิงเข้ามาคุยกับเขา
 กลายเป็นว่าเรานั่งเอ๋ออยู่คนเดียว (เพราะแฟนต้องเล่นดนตรี)
 พอตอนเขาไป ก็ลุกไปซะเฉยๆ ไม่กล่าวคำลา
 
 ครั้งต่อมา เราเชิญครอบครัวพี่ชายทั้งครอบครัวมาทานอาการไทยที่บ้านตอนค่ำ
 ก็บรรยากาศพี่ๆ น้องๆ รักกันดี
 
 ต้องบอกก่อนว่า ตรงทางเดินเวลาคุยกันจะเสียงดังมาก
 พอวันรุ่งขึ้น ก็มีกระดาษแผ่นใหญ่ เขียนทั้งภาษาเยอรมันและอังกฤษ
 ติดไว้ประตูหน้าบ้าน และประตูหลังบ้าน
 ข้อความว่า...."กรุณาทำความสะอาดรองเท้าก่อนเดินเข้าบ้าน"
 
 เรื่องทำความสะอาดทางเดิน น้องสะใภ้มีหน้าที่ทำ
 เพราะเขามีคนอยู่มากกว่า และเด็กๆ อีก 3 คน
 
 เราก็ เอ๋อ...อะไรเนี่ย คุยกับแฟน  
 
 
 
 
 

ชาดำ

แฟนบอกก็ระวังหน่อยแล้วกัน เราคงอาจจะลืมเวลาขึ้นมาจากสวน
 ชาดำก็อาสาช่วยทำความสะอาดตรงทางเดิน
 แต่แฟนบอกไม่ให้ทำ รอไปก่อน อีกอย่างเราอยู่กันแค่ 2 คน
 
 ครั้งต่อมา เราเชิญเพื่อนๆ มาทานอาหารค่ำและดื่มกันอีก 4 คน
 แต่ดื่มกินกันอยู่สนามหญ้าหลังบ้าน
 พอจะกลับก็เชิญเพื่อนมาดูบ้านที่เราจัดใหม่
 วันรุ่งขึ้นอักแล้ว...."ฉันไม่ใช่คนงานทำความสะอาด"
 ตัวโตมาก ทั้งประตูหน้าบ้าน หลังบ้าน
 
 จากนั้นเวลาเจอเราเขาก็จะทำเป็นไม่เห็นเรา
 หรือถึงคุยก็จะไม่มาก
 
 ก็จะเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ  
 ที่จริงเขาเป็นคนน่ารักนะคะ
 เล่นเปียโนเก่ง เป็นคนของสังคม
 ไม่ได้ทำงานนอก บ้านเป็นแม่บ้าน และออกงานสังคม
 เขาเคยชวนให้ไปคุยกับเขา เวลาที่เราเหงา
 แต่เพราะเห็นว่าเขามีเด็กๆ หลานๆ ต้องดูแลอีกตั้ง 3
 ชาดำไม่อยากจะไปกวนเวลาเหล่านั้นของเขา
 
 แต่ชาดำก็จะไปสนิทกับพี่สะใภ้แทน
 เพราะลูกเขาโตๆ กันหมดแล้ว
 ลูกสาวสองคน โตเป็นสาว และมีบ้านแยกอีกหลังจากพ่อแม่
 และเป็นวัยรุ่น และคุยกับเราเข้าใจมากกว่า
 พี่สะใภ้เขาก็จะว่างกว่า เพราะทำงานแค่ครึ่งวัน
 ช่วงบ่ายเขาจะว่าง และมีเวลาให้ชาดำตลอด
 เพราะเห็นว่าชาดำเป็นคนต่างถิ่น เลยทำตัวเหมือนแม่เรา
 
 
 
 
 
   
 
 

ชาดำ

มาถึงวันนี้ อาการมึนตึงของเพื่อนบ้าน (หรือน้องสะใภ้)
 มีเพิ่มมากขึ้น และตึงเครียดมากกว่าเดิม
 
 เมื่อเดือนที่แล้ว มีกระดาษอีกแล้วครับท่าน
 เขียนตัวโตเหมือนครั้งก่อนๆ ทั้งเยอรมันและอังกฤษ
 ว่า "ดนตรีเสียงดังเกินไป"
 เขาไม่เคยเข้ามากดออด หรือบอกกล่าวด้วยวาจา
 
 และตอนเช้าและกลางวันเขาจะทำเสียงดังมากๆ  
 เดินเสียงดังมากๆ จนบางครั้งเราลองเดินดู
 มันก็ปกติ จะต้องเดินลงส้นแบบหนักๆ ถึงจะดังได้ขนาดนั้น
 เขาจะทำแบบนี้เฉพาะช่วงแฟนชาดำไปทำงาน
 แต่เวลาเขาเล่นเปียโน และซ้อมฮอนน์  
 หลานชายเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าเสียงดัง เราก็ไม่เคยว่า
 
 ล่าสุด....มีโน๊ตในตู้จดหมาย
 ข้อความว่า " เธอไม่ได้รับเชิญให้ไปงานอิสเตอร์ในปาร์ตี้เฮาส์ "
 ซึ่งงานนี้เป็นการพบกันพร้อมหน้าพร้อมตา 4 คนพี่น้องและครอบครัว
 พี่ชายและครอบครัว ที่บ้านติดกัน ก็จะมาร่วมงานด้วย
 น้องสาวและครอบครัว อยู่อีกที่ไม่ไกลกันมาก ก็จะมาร่วมงานด้วย
 น้องชายและครอบครัว หลังคาเดียวกันก็จะมาร่วมด้วย
 
 งานจัดที่ปาร์ตี้เฮาส์ เพราะสะดวก สบาย กว้างขวาง
 ไม่ต้องไปใช้บ้านใคร คนใดคนนึงแบบเจาะจง
 ทุกบ้านนำอาหาร และเครื่องดื่มมาร่วมกัน
 เรียกว่า 1 ปี มีแค่ครั้งเดียวที่จะพบกันพร้อมหน้า
 คริสมาสต์ก็ไม่ทำแบบนี้ ต่างคนต่างอยู่กับครอบครัว
 หลังจากพ่อแม่เสีย ก็ทำแบบนี้กันมาตลอด หลายปีแล้ว
 
 เท่านั้นแหละค่ะ....แฟนชาดำโกรธหน้าแดงเป็นกวนอู
 ไปกดออด แล้วเรียกน้องชายมาคุยกันที่บ้าน
 เล่าให้ฟังว่าอะไรเป็นอะไร
 
 อ้อ...ลืมเล่าว่า ชาดำพยายามเป็นมิตรกับเขานะคะ
 บ่อยครั้งที่เอาสปริงโรลไปส่ง เพราะเด็กๆ ชอบ
 เคยเอ่ยปากเชิญเขามาทานอาหารค่ำที่บ้าน
 แต่คำตอบที่ได้คือ " ไม่จำเป็น "...แป๊ว....
 
 ครั้งสุดท้ายที่เอาของไปให้คือ ผ้าพันคอไหม
 เพราะเห็นว่าสวย และน่าจะเหมาะกับเขา
 และเรามีให้พี่สะใภ้ น้องสาว หลานสาว และเขาด้วย
 ก็ให้ครบกันทุกคน ไม่น้อยหน้ากัน
 น้องชายแฟนเปิดประตู เราบอกว่าเรามีของมาให้เมียเขา
 เป็นผ้าพันคอไหมมาจากเมืองไทย  
 เขาตะโกนเรียกเมียเขา บอกว่าชาดำมาหา และมีของมาให้
 ขอตอบกลับมาว่า..." ฉันทำงานอยู่"
 เราก็บอกไปว่า ไม่เป็นไร แค่เอาให้เขาก็พอ
 
 ก็รู้แล้วแหละว่าเขาไม่อยากคุยกับเรา  
 
 
 
 
 

ชาดำ

น้องชายก็มาคุยกันกับแฟน
 เขาก็ยอมรับว่าเขามีปัญหากันนะ
 ไปหาหมอจิตวิทยาแล้ว ก็ไม่ได้ดีขึ้น
 น้องชายเขารู้ทุกอย่าง
 
 แฟนชาดำบอกไปว่า ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไปหาที่อยู่อื่นซะ
 บ้านนี้ถ้าอยากจะขายก็จะซื้อไว้เอง
 หรือถ้าไม่อยากขายก็ให้เช่า เราจะเช่าไว้เล่นซ่อนแอบกันเอง
 
 ก็เหมือนจะเงียบไปซักพัก
 แต่ 2-3 วันมานี่ก็เอาอีกแล้ว  
 เดินลงส้นเท้าเสียงดังมากๆ  
 บางครั้งดังเหมือนกับเขาเอาฆ้อนมาทุบพื้นเลยแหละ
 ลูกๆ เขาก็เตือนแม่เขา แต่เขาบอกไปว่า เขาเดินแบบนั้นเพื่อจะได้ระบายอารมณ์
 อ้าว....ไหง มาระบายใส่เราล่ะเนี่ย
 
 มันทำร้ายและบั่นทอนความรู้สึกชาดำมากๆ ค่ะ
 ว่า...ทำไมนะ เราดีกับเขา และเขาก็คือคนในครอบครัว
 ทำไมไม่รักและสามัคคีกันนะ
 
 บางครั้งอยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอก
 ก็กลัวจะเจอเขาระหว่างทาง
 บางครั้งเห็นอากาศดีๆ ก็อยากออกไปนั่งนอนตากแดดในสวน
 ก็กลัวว่าจะเจอเขาในสวน  
 และก็เขาชอบแอบมองเราทางหน้าต่าง
 ทำให้เราขาดความมั่นใจ
 
 บางครั้งก็ไม่อยากจะบอกแฟนไปหมดซะทุกอย่าง
 เกรงใจเขา เขาก็เหนื่อยจากทำงานมาแล้ว
 ไม่อยากเอาเรื่องงี่เง่าพวกนี้ไปรบกวนเวลาพักผ่อนเขา
 
 ยอมรับว่าเหนื่อยใจ และทุกข์ใจมาก
 เคยคิดอยากบอกแฟนไปหาที่อยู่ใหม่
 แต่ก็ทำไมล่ะ อีกไม่นานเราก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดแล้ว
 เลยจำเป็นต้องทนทุกข์ต่อไป
 
 
 
 
 
 

ชาดำ

ผู้หญิงอายุ 45 นี่ มีอาการของโรควัยทองหรือยังคะ
 และเขามีอาการแบบไหนคะ
 ชาดำควรจะทำตัวยังไงดี คะ
 
 ขอโทษทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
 อาจจะทำให้ขุ่นมัวหรืออย่าหมั่นไส้นะคะ
 จริงๆ ก็เป็นเรื่องในครอบครัว
 แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่ครอบครัว  
 
 รบกวนช่วยชาดำที ว่าควรทำตัวแบบไหน
 
 

blacktea

โอ๊ะ....หนูขอโต๊ะ...หนูมาแบบไม่ต่อเนื่อง
 ลืมสวัสดีคุณแอน....อากาศที่นิวซีแลนด์เป็นไงบ้างคะ
 สบายดีนะคะคุณแอน อย่าแอบอ่านอย่างเดียวซิ่คะ
 เข้ามาคุยกัน มาคุยบ่อยๆ เดี๋ยวจะไปเยี่ยมถึงนิวซีแลนด์เลยนะ
 แล้วจะให้ส่งกุนเชียงไปที่ไหนคะเนี่ย หรือว่าจะมารับเองถึงสวิส
 ถ้ามาเองถึงสวิส มีของแถมคือ หมูยอกับแหนม อิอิ (หลอกล่อน่าดูเลยเรา)
 
 สวัสดีพี่มาราตีด้วย มารอฟังเรื่องเพื่อนบ้านพี่เพิ่มอยู่นะคะ
 

ชาดำ

พี่นิด....ตัวเองไม่ต้องเอาแล้วแหละผลิตภัณฑ์หมูๆ ทั้งหลายแหล่น่ะ
 ลูกหมูมีแล้วตั้งสามแน่ะนะ อิอิ

pall

**สวัสดีจ๊ะนิด**
 
 **สวัสดีจ๊ะมาราตี**
 
 **สวัสดีจ๊ะแอน**
 หายหน้าไปนานเลยสบายดีไหมจ๊ะ?
 ที่นี่มีความจริงใจให้กับทุกๆคนจ๊ะ
 ถ้าแอนอยากเข้ามาแจมอะไรได้เลย
 ถือว่าเป็นบ้านของตัวเอง
 เชื่อแน่ว่าทุกคนต้องการฟังและได้พูดคุยกับแม่บ้านต่างแดน
 ที่อยู่ต่างประเทศทุกมุมโลกอยู่แล้ว.
 การเข้ามาพูดคุยกันทำให้ได้รู้อะไรอีกมากเลย
 เชื่อแน่ว่าได้ข้อคิด..และความรู้เพิ่มขึ้น..
 มีอะไรก็เข้ามาเขียนคุยกันอีกนะจ๊ะ.
 
 ป้าดีใจที่บางคนโชคดีมากที่มีเพื่อนบ้านดีๆ
 เพื่อนบ้านสำคัญที่สุด..เห็นมามากที่เพื่อนบ้านตอนแรก
 ก็เป็นมิตรกันดีต่อมา...ก็เป็นอริกัน...
 ถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาล...
 บางเรื่องเล็กนิดเดียวก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต...
 อืมพูดยากนะ.....บางคนก็ถือทิฐิเกินไป...
 ถ้าคนเราอลุ่มอะล่วยให้แก่กัน..ก็จะอยู่อย่างสันติสุขไม่น้อย