(http://www.pallswiss.com/images/old_board/1051112-004241-1031229-034752-Clipboard01.jpg)
** SILVESTER.....( 31.DEZEMBER )**
คำว่า SILVESTER มาจากไหน?
31ธันวาคมคือปฏิทินสากลที่ใช้ในปัจจุบันวันสุดท้ายประจำปี
วันนี้จัดเป็นวันสิ้นปีที่ถือว่าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์มากวันหนึ่ง
Silvester เป็นชื่อของผู้นำคริสต์ศาสนาในอดีต
ต่อมาได้รับพระยศตำแหน่งเป็นพระสังฆราช
เป็นผู้นำคริสต์ศาสนาจากจักรพรรดิKonstantin
Papst Silvester สิ้นพระชนม์ที่ Rom
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ปี 335
เลยจัดเรียกวันนี้ว่า SILVESTER เพื่อระลึกถึงท่าน
**ทำไมถึงมีการจุดประทัด**
วันฉลองทุกอย่างล้วนแต่มีขนบธรรมเนียมประเพณี
และความเชื่อถือแตกต่างกันไปแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน
เช่นเดียวกับวัน Silvesterเช่นเดียวกัน คืนวันที่จะเปลี่ยนวันใหม่
ต่างเชื่อกันว่าต้องต่อสู้ขับไล่วิญญาณร้ายให้ออกไป
วิธีที่จะขับไล่วิญญาณหล่านี้เพื่อต้อนรับวันใหม่มีวิธีเดียวที่ได้ผล
คือการใช้เสียงดัง การจุดประทัดไล่และจุดพลุไฟ การเดินขบวนแห่
เลยจัดมีการเฉลิมฉลองเหมือนกันทั่วโลกทุกวันนี้
โดยการจุดพลุไฟ อย่างเช่นที่ประเทศเยอรมันได้จุดพลุไฟ
ทุ่มเงินเป็นจำนวนมากประมาณ 60 ล้านออยโรทุกปี
การจุดพลุไฟ ดื่มเชมเปญฉลองหรือจัดเลี้ยง
เพื่อแสดงความยินดีกับวันสิ้นสุดของปีเก่า
และการต้อนรับปีใหม่
** การกล่าวคำอวยพรคำสากล**
เราจะใช้เป็นคำสากลทั่วๆไปเรามักชอบใช้คำว่า
"Ein gutes und gesegnetes neues Jahr!"
หรือไม่ก็
Grüße oder Wünsche zum Neuen Jahr.
(ซึ่งเป็นการกล่าวคำอวยพรปารถนาดีวันปีใหม่)
**คุ้นเคยเป็นเพื่อน,มิตรสนิท,หรือภายในครอบครัว**
เรามักจะใช้คำว่า
"gute Rutsch"
(ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายว่าเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี)
**ดื่มเชมเปญ**
เวลาเที่ยงคืนตรงทุกคนจะทำการเปิดเชมเปญ
และจูบทักทายแสดงความยินดีกับการเริ่มวันขึ้นวันใหม่
ของปีใหม่
**คำที่มักจะเอ่ยในวันนี้**
"Prost Neujahr".
"Prosit Neujahr"
**คำว่า "Prosit"**
เป็นคำลาตินซึ่งมีความหมายว่า ประสพความสำเร็จ
**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0023 ห้อง stories (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/1051112-004344-1031229-035208-Clipboard02.jpg)
https://www.google.ch/search?q=babylon&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=B_01U_-kEpOthQem0IDQAQ&sqi=2&ved=0CAYQ_AUoAQ&biw=1120&bih=537
** Babylon **
** ปฏิทิน CALENDAR **
สมัยก่อนเรายังไม่มีอะไรใช้สำหรับดูเวลา
เรามักจะเอาดวงอาทิตย์,ดวงจันทร์เป็นหลักกำหนดเวลาต่างๆ
เวลาเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากต่อการดำรงชีวิต
เพราะต้องเกี่ยวข้องกับฤดูกาลต่างๆ
ที่คนสมัยก่อนเอาพวกฤดูกาลต่างๆมากำหนดต่อการดำรงชีวิต
ต่อมาชาวบาบิโลเนียน(อยู่ไม่ไกลจากแบกแดด ประเทศอีรัก)
เป็นชาติแรกที่เริ่มคิดค้นการใช้ปฏิทินมาใช้
โดยอาศัยดวงจันทร์เป็นหลักในการคำนวณในการนับต่างๆ
เมื่อครบ12 เดือนก็กำหนดให้เป็น 1 ปี
และเพื่อให้การนับปีตามปฏิทินกับปีตามฤดูกาลต่างๆเกิดความพอดีกัน
จึงกำหนดให้ทุก 4 ปี เพิ่มเดือนเข้าไป อีกหนึ่งเดือนเป็น 13 เดือน
ต่อมามีเริ่มมาการเปลี่ยนแปลงเมื่อชาวอียิปต์ กรีก และโรมัน
ได้นำปฏิทินของชาวบาบิโลนมาแก้ไขดัดแปลง
เพื่อให้ตรงกับฤดูกาลมากยิ่งขึ้น
จนถึงสมัยของ Julius Caesarได้นำความคิด
ของดาราศาสตร์ชาวอียิปต์ชื่อโยซิเยนิช (Sosigenes )มาปรับปรุง
ให้ปีหนึ่งมี 365 วัน โดยทุกๆ 4 ปีให้เติมเดือนที่มี 28 วัน
เพิ่มขึ้นอีก1 วันเป็น29 วันคือเดือนกุมภาพันธ์
และทุกๆ 4 ปี เมื่อเพิ่มให้เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน
แต่อย่างไรก็ตามวันในปฏิทินที่ทำขึ้นมาก็ยังไม่ค่อยตรงกับฤดูมากนัก
คือเวลาในปฏิทินยาวกว่าฤดูเป็นเหตุให้ฤดูกาลมาถึงก่อนวันในปฏิทิน
ตามปีปฏิทินวันที่ 21 มีนาคมของทุกๆปี
จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน
คือเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรง ทิศตะวันออก
และ ตกตรงทิศตะวันตกวันนี้ทั่วโลกจึงมีช่วงเวลาเท่ากันคือ 12 ชม.
เรียกว่ากลางวันและกลางคืนเท่ากันการเรียกแบบนี้เราเรียกว่าEquinox in March
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/1051112-004443-1031229-035355-Clipboard03.jpg)
https://www.google.ch/search?q=babylon&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=B_01U_-kEpOthQem0IDQAQ&sqi=2&ved=0CAYQ_AUoAQ&biw=1120&bih=537#q=Pope+Gregory+XIII+&tbm=isch
**Pope Gregory XIII **
ปี1580 การคำนวณเวลาไม่ตรงตามที่ได้คิดไว้วัน
Equinox in March (เวลาที่แบ่งกลางวันกลางคืนเท่ากันในมีนาคม)
มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับเวลาที่กำหนดไว้
แทนที่จะเป็น วันที่ 21มีนาคมกลับไปเกิดในวันที่ 11มีนาคม
ดังนั้น พระสันตะปาปาเกรกกอรี่ที่ 13 (Pope Gregory XIII )
จึงทำการปรับปรุง แก้ไขหักวันจากปีปฏิทินออกไป 10 วัน
และให้เปลี่ยนเป็นวันที่ 4 ตุลาคม
แทนที่จะเป็น วันที่ 5 ตุลาคม และเปลี่ยนเป็นวันที่ 15 ตุลาคมแทน
ซึ่งจะใช้ เฉพาะในปี1582เท่านั้น
ปฏิทินแบบใหม่นี้ จึงเรียกว่าปฏิทินเกรกกอเรี่ยน
(Gregorian calendar)ออกเสียงว่า
gruh GAWR ee uhn
จากนั้นได้รับปรับปรุงประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม
เป็นวันเริ่มต้นของปีใหม่ทุกๆปีเป็นต้นมา
และปฏิทินนี้ส่วนมากจะใช้กันทั่วโลกโดยเฉพาะ
นักธุรกิจจะใช้กันมาก
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/1051112-004540-1031229-035651-Clipboard04.jpg)
https://www.google.ch/search?q=babylon&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=B_01U_-kEpOthQem0IDQAQ&sqi=2&ved=0CAYQ_AUoAQ&biw=1120&bih=537#q=maya+kalender&tbm=isch
**MAYA CALENDAR**
ชาวมายามีถิ่นฐานอาศัยอยู่ที่ประเทศเม็กซิโกตอนใต้
และทางอเมริกากลางได้ใช้หลักการคำนวณทางคณิตศาสตร์(ตัวเลข)
และการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์เพื่อทำเป็นสูตรปฏิทินศักดิ์สิทธิ์
ปฏิทินที่ใช้จะมี 2ชนิดคือแบบ260วันและสุริยคติ 365 วัน
บาทหลวงชาวมายาได้สังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์
และดวงดาวต่างๆ พวกเขาได้จัดทำโต๊ะ
ที่ใช้ดูวงโคจรของดาวเคราะห์ดาวพระศุกร์
บาทหลวงใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์
เพื่อพัฒนาปฏิทิน2ชนิดคือปฏิทินที่ศักดิ์สิทธิ์ของ260วัน
แต่วันจะถูกตั้งชื่อของชื่อที่มีอยู่20วันและจากวันที่1ถึง13
ชื่อที่ตั้ง20วันจะเกี่ยวข้องพระเจ้าหรือเทพธิดา
บาทหลวงมายาจะใช้การทำนายว่าดีหรือไม่มีดี
โดยการเอาวันของพระเจ้าหรือเทพธิดา
และวันจำนวนทั้งหมดมารวมกัน
ชาวมายามีก็ปฏิทินของ365วันโดยใช้พื้นฐาน
วงโคจรของโลกรอบๆดวงอาทิตย์
ที่รวมทั้งหมดจะมี 18 เดือน หารด้วย 20 วัน รวมอีก 5 วันตอนสิ้นปี
ซึ่งเป็นวันที่ชาวมายามีความเห็นกันว่า 5วันสุดท้ายเหล่านี้
เป็นวันแห่งความโชคร้าย ดังนั้นถ้าวันเหล่านี้มาถึง
พวกชาวมายาทั้งหลายจะพากันอดอาหาร
งานที่ไม่จำเป็นจะพากันหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันความโชคร้ายที่จะได้รับ
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/1051112-004650-1031229-035816-Clipboard05.jpg)
https://www.google.ch/search?q=aztec+calendar&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=zP01U-OpH8qthQekhoBw&sqi=2&ved=0CAYQ_AUoAQ&biw=1120&bih=537
** Aztec Calendar**
ชาวมายามีปฏิทินก่อนพวกชาวอินดิโอสเผ่าอัซเทค Aztec ของเม็กซิโก
ปฏิทินทางศาสนาของ Aztec มี 260วันและสุริยคติของ365วัน
และพิธีทางศาสนาของAztecsรวมทั้งการเฉลิมฉลองบ่อยๆเข้า
เลยต้องไปจัดดำเนินการที่วัดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของเมืองหลวงTenochtitlan
เผ่าอัซเทคมีปฏิทินทางศาสนา260 วันบาทหลวงคุ้นเคยกับปฏิทินมาก่อน
เลยสามารถกำหนดหาวันฤกษ์ดีเพื่อทำกิจกรรมบางอย่างได้
ไม่ว่าจะหว่านปลูกธัญญาหารหรือบ้านสร้างและไปสงคราม
เผ่าอัซเทคมีก็สุริยคติ365 วันเช่นกันแต่ละ20วัน
รวมทั้งหมดได้ 18เดือนและจะเพิ่มจำนวนวันขึ้นเป็นพิเศษ5วัน
ทุกๆ 52 ปีเผ่าอัซเทคจะมีงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่
ที่ถูกเรียกว่าติดปีหรือพิธีก่อไฟ ก่อนจะเริ่มงานเฉลิมฉลอง
จะมีผู้คนยอมอุทิศบวงสรวงให้ไฟไหม้เผาหน้าอกตัวเอง
และเริ่มพิธีโดยบาทหลวงนำทางไฟไปเผาบนหน้าอก
ของผู้เคราะห์ร้ายบวงสรวงเปิดไฟผู้คนแทงพวกเขาตนเองเพื่อเพิ่มเลือด
ของพวกเขาให้กับการเสียสละในเวลานั้นพวกเขาจุดไฟ
ไฟไหม้พื้นของเตาของพวกเขาจากไฟใหม่ใหม่และเลี้ยงดูปูเสื่อกัน