(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-051122-Zwischenablage035.jpg)
**Hotel Rigi-Männlichen.เริ่มแรก....ก่อนที่จะมาเป็น Berggasthaus Männlichen ในปัจจุบัน**
**ทำความรู้จักประวัติความเป็นมาของ Berggasthaus Männlichen **
Berggasthaus Männlichen มีความเป็นมาน่าสนใจมาก
ปี1863ได้ทำการตกลงวางโครงการกันถึงการก่อสร้างสถานที่แห่งนี้เกี่ยวกับค่าแรงงาน
จำนวนงบประมาณการสร้าง ,อาณาเขตวัว,การก่อสร้างใช้เวลาหลายปีจึงเสร็จลงในปี1870
และใช้ชื่อว่า Hotel Rigi-Männlichen และเปิดบริการเป็นครั้งแรกในช่วงฤดูร้อน1870ปีนั้น
การเปิดบริการไม่ประสบกับความสำเร็จ
ปี1888ศาสตราจารย์ชาวเบอร์ลินPfleidererได้เข้ามาพักในสถานที่แห่งนี้
และได้ลงชื้อในเกสต์บุคเขียนไว้ว่า Männlichenจะเป็นสถานที่ๆเป็นที่รูจักกันดีในอนาคต
สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งหลายไม่ว่าจะมาเที่ยวชมธรรมชาติอันสวยงามหรือมาพักผ่อนพักฟื้นเพื่อสุขภาพ
ปี1954ได้ทำการสร้างกระเช้าไฟฟ้า Luftseilbahn Wengen-Männlichen
ระหว่าง Wengen-Männlichenทำให้ Berggasthaus Männlichen
มีคนเข้ามาใช้บริการมากขึ้นและปี1978มีการเปิดบริการกระเช้าไฟฟ้าGondelbahn
เส้นทางระหว่าง Grindelwald ไปยังMännlichenเพิ่มขึ้นอีก
ทำให้กิจการ Berggasthaus Männlichenเจริญก้าวหน้ามีคนเข้ามาใช้กิจการมากขึ้น
จนต้องขยายให้ใหญ่โตกว่าเดิม
**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0020 ห้อง guide (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-051317-Zwischenablage034.jpg)
**Berggasthaus Männlichen..ในปัจจุบัน**
ปี2005ได้ทำการก่อสร้างเปลี่ยนแปลงใหญ่โตเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ Männlichen
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวภายในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกและทุกฤดูกาล
GGM / LWM Männlichenbahn - Gastgeber (http://www.maennlichen.ch/berghaus/)
**อ่านบันทึกการเดินทางตอน1ได้ที่นี่**
<<<ย่ำรอยเท้าวัวไปยัง.Kleine ScheideggและWengernalp (ตอน1)>>> (http://www.pallswiss.com/boards/index.php/topic,1782.0.html)
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-051916-Zwischenablage036.jpg)
**เริ่มการบันทึกการเดินทาง....ตอน2...**
**จากWengen-.Männlichen .... ไปยัง....Kleine Scheidegg... **
หลังจากกระเช้าไฟฟ้าจอดเทียบท่าเรียบร้อยแล้วพอเดินออกมาจากสถานีได้เท่านั้นแหละ
หัวหน้าทัวร์รีบเดินนำหน้าทันที ไม่สนใจใยดีกับลูกทัวร์เลย
บริการไม่ประทับใจแบบนี้ถึงว่ามีลูกค้ามาใช้การบริการแค่2คนเอง
เดินตามลุงไปด้วยความเซ็งพร้อมทั้งกดกล้องถ่ายรูปตามไปไม่ให้เสียเวลา
จากสถานีกระเช้าไฟฟ้าอยู่ไม่ไกลจาก Berggasthaus Männlichen
ซึ่งเป็นทั้งภัตตราคารและที่พักข้างๆจะเป็นร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
ถ้าใครขึ้นมาข้างบนไม่ต้องกลัวอดตายจะมีร้านอาหารเปิดบริการ
และมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆสำหรับนักช๊อบปิ้งทั้งหลาย
หลังจากเดินกดถ่ายรูปไม่นานถึงได้เห็นว่าแบตเตอรี่หมด
จึงได้เดินเข้าไปซื้อจากร้านขายของที่ระลึก
ปรากฏว่าโชคไม่ดีแบตเตอรี่ที่ต้องการหมดเหลืออยู่ก้อนเดียวเท่านั้น
ก้อนเดียวก็ก้อนเดียวยังดีกว่าไม่มี ดังนั้นเลยขอซื้อจากคนขายซึ่งเขาเขียนไว้ราคาก้อนละ1.50ฟรังก์
โชคดีคนขายบอกให้ฟรีดีใจมากเลยบอกขอบคุณ(Danke..)ซะเสียงดังเลย
ขอบอกก่อนนะว่าของฟรีในประเทศรวย..ประเทศสวิตฯนี้ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
ขนาดธนาคารจัดเลี้ยงฉลองความสำเร็จได้กำไรเกินเป้าจนคิดเงินเป็นไทยไม่ถูก
และได้จัดเลี้ยงให้แก่ลูกค้าครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเมื่อร่วม30ปีที่ผ่านมา
ได้รับของจัดเลี้ยงเป็นขนมปัง...กาแฟและขนมหวานเท่านั้น
นี่ขนาดเป็นเมืองหลวงของสวิตฯ(Bern)นะนี่ยังเหนียวจนตัดแทบไม่ขาด
ถึงว่าประเทศสวิตฯรวยแต่คนอาศัยมีทั้งตาดำ..ตาน้ำข้าว..รัดเข็มขัดจนท้องกิ่ว
ที่ป้าได้แบตเตอรี่ฟรีแบบนี้แสดงว่าดวงดีสุดขีด..โอ้สวรรค์ทรงโปรด
ถ้าไม่มีถ่านก้อนนี้จะเป็นที่น่าเสียดายมากที่ถ่ายรูปไม่ได้ดังนั้นจึงถนอมสุดฤทธิ์กลัวแบตเตอรี่หมดอีก
ต้องรอไปซื้อจากร้านที่.Kleine Scheidegg
หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในภัตตราคาร Berggasthaus Männlichen
เพื่อหาเครื่องดื่มรองท้องเพื่อเอาแรงออกเดินทางไปยัง Kleine Scheidegg
ภายในร้านอาหารมีขนาดกว้างขวางมีอาหารขายบริการแบบช่วยตัวเอง
จำได้ว่าเมื่อมาครั้งสุดท้าย10กว่าปีที่ผ่านมาข้างในมีขนาดเล็กและไม่โอ่โถง
หน้าต่างเป็นกระจกรอบทิศแบบนี้
หลังจากได้เครื่องดื่มมาแล้วก็นั่งดูแผนที่เส้นทางการเดินเขา
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-052238-Zwischenablage028.jpg)
**แผนที่การเดินทางจากMännlichenไปยัง.Kleine Scheidegg**
จากแผนที่และป้ายสีเหลืองที่ปักชื่อทางเดินและเวลาเดินจะเห็นว่า
ระยะทางการเดินทางจากMännlichenไปยัง.Kleine Scheideggใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมง30นาที
และเส้นทางเดินจาก Männlichenไปยัง Kleine Scheidegg
เป็นทางทำใหม่เพื่อต้อนรับนักเดินทางที่มาเที่ยวโดยเฉพาะ
เส้นทางจะเป็นหินเล็กๆและเป็นที่ราบคนไม่ชอบเดินไม่ต้องห่วงว่าจะเดินไม่ไหว
ใครถ้ามาเที่ยวแถบนี้ไม่น่าพลาดเส้นทางนี้เพราะทิวทัศน์สวยมาก
จะเห็นวิวของ Eiger,Mönch และJungfrau อย่างชัดเจน
และนอกจากนี้ยังสามารถเห็นภูเขาอื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นSchreckhorn,Finsteraarhorn,Ebnefluh
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-052522-Zwischenablage037.jpg)
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวพากันออกเดินทางไปยัง Kleine Scheidegg
ใครที่อยากมาเที่ยวที่นี่ไม่ต้องกลัวหลงทางการเดินง่ายมากใส่รองเท้าผ้าใบก็ได้
เส้นทางนี้เป็นเครื่องหมายสีเหลืองดังนั้นเส้นทางเดินจะสบายๆ
แต่ถ้าเป็นเส้นทางเครื่องหมายขาวแดงต้องใช้รองเท้าเดินเขาโดยเฉพาะ
เส้นทางนี้วิวจะสวยตลอดเห็นเขาที่ขึ้นชื่อของสวิตฯคือ Eiger,Mönch และJungfrau
ภาพที่เห็นเป็นภูเขาสีเขียวคล้ายพีรามิดชื่อภูเขาTschuggen
ด้านหลังซ้ายมือชื่อEiger..... สูง 3970 เมตร
ตรงกลางชื่อMönch .....สูง 4107 เมตร
และขวามือสุดชื่อJungfrau.....สูง 4158 เมตร
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-052721-Zwischenablage038.jpg)
การเที่ยวบนภูเขาทุกลูกในประเทศสวิตฯจะต้องเจอวัวทุกครั้ง
และการเดินเขาบางครั้งต้องเดินบนรอยteenของวัวซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปรกติของการเดินเขาที่นี่
ครั้งนี้ก็เช่นกันเจอแล้วน้องวัวผู้น่ารักกำลังยืนพูดคุยกันส่งเสียงดังมูๆๆลั่นดังก้องไปทั่วหุบเชา
กลุ่มวัวกลุ่มนี้มีหลายพันธ์หลายสีผิวแต่ไม่มีปัญหาแต่อย่างไร
ทุกตัวอยู่ร่วมกันอย่างมีไมตรีซึ่งกันและกัน
จะไม่เคยเจอภาพน้องวัวทะเลาะด่าทอกันเลย
ในภาพจะเห็นวัวพันธ์Simmentaler,Eringer,
บนไหล่เขามีฝูงวัวจำนวนมากมายหลายพันธ์ที่ชาวนานำมาเลี้ยงบนยอดเขา
**พันธ์วัวสวิสต่างๆสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่**
<<<SCHWEIZER KUEHE>>> (http://www.pallswiss.com/boards/index.php/topic,1502.0.html)
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-052935-Zwischenablage040.jpg)
เป็นภาพที่งดงามสำหรับคนมาเที่ยวทุกครั้งจะต้องถ่ายภาพนางแบบกับธรรมชาติ
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-053246-Zwischenablage039.jpg)
ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนตากล้องจะกดมั่วไปหมดไม่สนใจว่าภาพจะออกมาสวยหรือไม่สวย
เรียกว่าขอให้ได้กดถ่ายรูปเถอะเพราะมีให้กดถ่ายได้ร่วม500รูป
และอีกอย่างไปเขียนหัวข้อการพาเที่ยวว่าย่ำรอยเท้าวัว...
ดังนั้นถ้าไม่มีรูปถ่ายคู่กับวัวก็จะไม่สมบทบาทดีไม่ดีคนอ่านจะต่อว่าได้
(จะมีรอยเท้าหรือไม่มีไม่เป็นไรเพราะถ้าไปถ่ายรอยเท้าวัวด้วยตกเขาตายแน่
เพราะฝูงวัวอยู่ข้างล่างและข้างบนให้ตากล้องปีนไปถ่ายรอยTeenวัวมาลงเวบ...ข้อยขอยอมแพ้ยกธงขาวจ้า)
ดังนั้นพอเจอวัว 1 ตัวหลงทางมาเลยรีบบังคับนายแบบประจำเวบคนดังให้มายืนคู่กับนางแบบให้ได้
ดูหน้านางแบบไม่ค่อยสบอารมณ์โก๋ยืนซังกะตายไม่ยอมหันหน้ามาสู้กล้องสงสัยรู้ว่าไม่ได้ค่าตัวเลยงอน
และนายแบบรูปหล่อของเวบpallswissไม่ได้ถ่ายรูปลงเวบมานาน
เลยทำท่างอแงไม่ยอมถ่ายรูปหน้าตรง..สงสัยกลัวคนตามทวงหนี้
พอเห็นหน้าน้องวัวคนสวยเลยใจอ่อนยืนถ่ายรูปพร้อมลูบหัวไปมา
เขียนถึงวัวแล้วทำให้นึกถึงข่าวที่เพิ่งลงในหนังสือพิมพ์ไม่นานมานี้
ว่าไล่ขวิดคนเดินเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากการวิเคราะห์ถึงธรรมชาติของวัวจะไม่ดุร้ายแบบนี้ขนาดเอาไม้ฟาดดังตุ๊บตั๊บก็ไม่ต่อสู้
สงสัยว่าคงไปทำให้วัวตกใจหรือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
แต่พอเห็นอายุคนโดนวัวทำร้ายอายุเกิน60ไปแล้ว..เลยเริ่มสงสัยว่าการวิเคราะห์อาจผิดพลาด
ไปถามลุง..แกฟันธงรูปเดียวว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข...สงสัยคงไปทำอะไรไม่ดีกับวัวแน่ๆ
หรือใส่เสื้อผ้าสีแดง...วัวถึงได้อารมณ์ร้อนแบบนี้...เพราะธรรมดาวัวเป็นสัตว์อารมณ์ดีและเป็นมิตรกับคน
วัวสวิสที่เราเห็นจนชินตานั้นส่วนมากจะมีระฆังผูกคอไว้แทบทุกตัว
เสียงระฆังจะดังกังวานก้องไปทั่วจนเป็นเอกลักษณ์ของวัวไปแล้ว
และใครที่มาเที่ยวประเทศสวิตฯถ้าไปร้านขายของที่ระลึก
จะเห็นระฆังผูกคอวัวแบบTreichelผลิตออกมาขายเต็มไปหมด
ระฆังผูกคอวัวที่เราเห็นในสวิตฯจะมีรูปร่างและชื่อแตกต่างกันไป
และระฆังเหล่านี้มีราคาแพงมากจนมีมีคนแอบขโมยระฆังผูกคอวัวนำไปขายนอกประเทศ
จนมีข่าวประกาศเตือนให้เจ้าของระฆังระมัดระวังระฆังของตนเองเอาไว้
อย่างลุงก็เหมือนกันก่อนจะเดินทางไปเที่ยวออสเตรเลีย
แกเป็นห่วงระฆังของแกมากจนต้องโทรศัพท์มาถามเพื่อนบ้านว่าระฆังโดนยกเค้าไปหรือเปล่า
**ต่อไปนี้เป็นระฆังผูกคอวัวในประเทศสวิตฯ**
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-053539-Zwischenablage063.jpg)
ระฆังที่ผูกคอวัวที่เราเห็นแบบที่หนึ่งเราเรียกว่าGlocke
จะมีรูปทรงคล้ายระฆังและสีจะมีสีดำและเป็นทองเหลือง
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-053701-Zwischenablage062.jpg)
ระฆังผูกคอวัวแบบที่สองเราเรียกว่าTreichel
มีลักษณะนูนเรียวปากแคบตามภาพที่เห็นมีทั้งสีดำและสีเหลือง
เสียงของระฆังจะบี้แบนเสียงจะดังกังวาล ราจะเห็นวัวผูกระฆังTreichel กันมาก
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-053823-Zwischenablage064.jpg)
ระฆังผูกคอวัวอีกแบบหนึ่งของTreichel
จะเป็นแบบสีเหลี่ยมแบนซึ่งเราจะเห็นว่าไม่อยยมีการผูกคอวัวด้วยระฆังแบบนี้มากนัก
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-054002-Zwischenablage041.jpg)
ถ่ายรูปคู่กับวัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว....นายแบบรีบโกยอ้าวเลยคงดีใจมาก
เดินไป...ทำปากหมุบหมิบไป...
ส่วนรองหัวหน้าทัวร์ไม่รู้ว่าหายไปไหนคงจะรำคาญมากเลยเดินนำหน้าไปแล้ว
และวันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากมีคนมาเดินเขาเป็นจำนวนมาก
อย่างกับมีงานมหรสพแบบเดินชนกันแทบจะตกเขาเลย....ต้องพยายามเดินอ้อมเพื่อแซง....
การเดินเขาจาก Männlichenไปยัง Kleine Scheideggช่วงหน้าร้อนเป็นเรื่องปรกติ
ที่จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศญี่ปุ่นและมาจากที่อื่น
อย่างวันนี้ก็เช่นกันเราเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาเดินเขาแถบนี้มีจำนวนมากหลายกลุ่ม
เรียกว่าแทบจะไม่มีที่เดินเลย และกลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะมีแต่ไกด์ชาวญี่ปุ่นเท่านั้น
ได้แอบคุยกับไกด์สาวชาวญี่ปุ่นเขาบอกว่าได้รับใบอนุญาตให้ทำงานได้ในประเทศสวิตฯ
แต่เป็นช่วงสั้นๆประมาณ3เดือน
ใครที่เคยมาเที่ยวประเทศสวิตฯและมาเที่ยวแถบJunfrauและได้ใบนำเที่ยว
จะมีหลายภาษาเขียนบอกนำเที่ยวไว้และที่น่าตื่นเต้นที่สุดนั่นก็คือมีภาษาไทยอยู่ด้วย
แสดงว่ามีกลุ่มคนไทยมาเที่ยวที่นี่มากเพิ่มขึ้นจนเขียนภาษาไทยไว้
และใครที่มาเที่ยวในตัวเมืองInterlakenจะเห็นธงไทยแขวนไว้เป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจมากๆ
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-054248-Zwischenablage042.jpg)
ช่วงที่เดินช่วงนี้สามารถมองเห็นวิวเขาสวยมากได้ยินเสียงฮือฮา...โอ๋วโย่ ไอ๋ย่า...ดังจากลุ่มนักเที่ยวชาวปลาดิบ
และลูกทัวร์กระเหรียงตกดอยก็ร้องตามเหมือนกันแต่ร้องว่า...โอ้เชิ้นนนนนนนนน(แปลว่าสวยจ้า)
ความสวยงามของ Eiger,Mönch และJungfrau
ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวพากันหยุดถ่ายรูป
และไกด์จะอธิบายชื่อของภูเขาแต่ละลูกให้ลูกทัวร์ฟัง
ป้าเดินผ่านพอดีได้ยินเสียงแว่วๆคำว่า*ไอก้า ไอก้า**
เดินไปคิดไปว่าหมายถึงอะไรและแล้วก็รู้ว่าคนญี่ปุ่นเรียกชื่อคำว่า Eiger (ไอเกอร์)เป็นไอก้า
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-054502-Zwischenablage060.jpg)
การเดินเขาแถบนี้เป็นการเดินแบบสบ๊ายสบาย....วิ่งเล่นไปมาได้เลย
สำหรับคนที่เป็นนักเดินเขาจริงๆจะบอกว่าเป็นการเดินเล่นเพื่อการยืดเส้นยืดสายหลังกินอาหาร
การเดินเขาจริงๆของนักเดินเขาตัวจริงเสียงจริง
จะเป็นการเดินสูงชันและบางครั้งอันตรายมาก
และเครื่องหมายจะไม่ใช่สีเหลืองแบบเส้นทางนี้แต่จะเป็นสีขาวแดงและสีน้ำเงินขาว
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-054703-Zwischenablage044.jpg)
ขณะที่กำลังถ่ายรูปเพลินหันไปมองอีกที่เห็นหัวหน้าทัวร์ปีนขึ้นเขาทำท่าพิกล
เลยต้องปีนตามไปดูว่า2หนุ่มรูปหล่อไปแอบทำอะไร
.....เอ...แยกคนละมุมลึกลับชอบกล....
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-054829-Zwischenablage043.jpg)
เจอแล้วหัวหน้าทัวร์มาแอบเปิดเป้กินของว่างนี่เอง....
สงสัยคงจะอร่อยกินไปยิ้มไป...แต่แล้วก็ร้องดังลั่น....
ไม่ใช่อะไรหรอกหลับหูหลับตานั่ง...ไม่มองให้ดีไปนั่งทับรังมดนั่นเอง...ซวยไป
พูดถึงการหยุดพักดื่มน้ำกินของว่างไม่ว่าจะเป็นขนมปัง..ผลไม้แห้ง..ผลไม้ฯลฯ
เป็นการรีแลคช่วงสั้นๆอย่างหนึ่งของคนเดินเขาเพื่อให้ผ่อนคลาย แล้วจากนั้นจะเดินกันจริงจัง
การเดินและหยุดพักบ่อยๆไม่เป็นสิ่งที่ดีนัก
เพราะจะทำให้เราเหนื่อยล้าเพราะต้องใช้พลังงานมากต่อการเดินต่อไป คนที่เดินเขาสูงจะไม่ทำกัน
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-055000-Zwischenablage045.jpg)
**Silbermänteli **
การเดินเขาของคนที่มาเดินจะมีหลายประเภท..บางคนมาชมธรรมชาติ
บางคนชอบดูสัตว์ บางคนชอบดูดอกไม้
คนที่สนใจเกี่ยวกับดอกไม้บนภูเขาจะรู้จักชื่อและคุณประโยชน์ของดอกไม้บางอย่าง
ดอกไม้ภูเขามีจำนวนมากมายที่เป็นพืชสมุนไพรอย่างภาพที่เห็น
เป็นพืชสมุนไพรที่บางคนที่เดินบนภูเขาอาจจะเคยเห็นแต่ไม่รู้จักชื่อ
พืชชนิดนี้เราเรียกว่า SilbermänteliหรือSilbermantelใบนำมาต้มลดไข้ได้
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-055057-Zwischenablage046.jpg)
ใครที่ชอบดอกไม้บนภูเขาจะต้องมาเดินช่วงฤดูใบไม้ผลิจึงจะเห็นดอกไม้นาๆพันธ์ชูช่อ
สวยงามเต็มเนินเขาไปหมดถ้าใครเคยมาเดินช่วงนี้จะรู้ดีถึงความสวยงาม
ช่วงหน้าร้อนถ้ามาเดินจะไม่ค่อยได้เห็นมากเท่าดูใบไม้ผลิ
เพราะจะถูกวัวเล็มกินและชาวนาก็จะตัดทำหญ้าแห้ง
อย่างเส้นทางที่เดินนี้จะเห็นดอกไม้สวยงามหลายพันธ์
อย่างดอก Enzianที่เราเคยเห็นสีน้ำเงินแก่แล้วยังมีอีกมากมายหลายพันธ์
อย่างที่เห็นมีสีแดงเข้มมีชื่อเรียกว่าPurpur-Enzian
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-055414-Zwischenablage0105.jpg)
เส้นทางการเดินเขาจากMännlichenไปยัง Kleine Scheidegg
จะมีReataurantเปิดบริการซึ่งเท่าที่เห็นมีคนนั่งกินอาหารอย่างมีความสุขเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นถ้าใครไม่ได้หอบเป้มีอาหารกินก็แวะไปกินอาหารที่Reataurantนี้ได้
แต่ต้องเดินเขาร่วมชั่วโมงจะจะเจอร้านนี้...
สำหรับกระเหรี่ยงทัวร์หลงดอย..พอจะมีฐานะแบบเรา
ต้องเจียมตัวเอาของกินใส่เป้มาเพราะอาหารในReataurantมีราคาแพง
การเดินทางช่วงนี้เป็นการเดินที่สบายมากเราเดินผ่านร้านอาหารและเดินต่อไปเรื่อยๆลงไปข้างล่าง
เราก็เห็นหมู่บ้านข้างหน้าซึ่งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสวยล้อมรอบ
ภูเขาที่เห็นด้านซ้ายมือคือ Eiger Nord Wand และขวามือคือ Mönch ที่มีความสูง4107m
จุดที่เราเห็นนั้นคือ Kleine Scheidegg
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-055551-Zwischenablage056.jpg)
เราเห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายเดินขึ้นเขามาและกำลังเดินลงไป
ช่วงนี้จะมีแพะที่ชาวนาเลี้ยงไว้มายืนกินหญ้าและให้ถ่ายรูป
ในภาพที่เห็นจะมีศรสีแดงบอกไว้
ลูกศรสีแดงซ้ายมือเป็นโรงแรมที่ทีชื่อของที่นี่คือโรงแรมBellevue
ซึ่งมีอายุ100กว่าปีและเป็นโรงแรมที่รู้จักกันดี
ใครสนใจเข้าไปอ่านได้ที่นี่
http://www.scheidegg-hotels.ch/
ลูกศรสีแดงทางขวามือเป็นzelt(กระโจม)ที่มีชื่อเรียกว่า TIPIRAMA
ข้างในกระโจมจะมีการแสดงดนตรี..มี DJ
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/10794-055810-Zwischenablage057.jpg)
**สถานีรถไฟ Kleine Scheidegg**
เดินลงมาข้างล่างเดินข้ามไปยังสถานีรถไฟมีนักท่องเที่ยวมากมายยืนรอรถไฟกลับไปข้างล่าง และเดินทางต่อไปยังJungfrau
สถานีรถไฟ Kleine Scheideggของ Berner Oberland
เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากมายทุกฤดูกาล
เป็นสถานีรถไฟบนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในสวิตฯตั้งอยู่บนความสูง2061เมตร
และเป็นสถานีรถไฟที่มีรถไฟล้อฟันเฟืองที่มีชื่อเสียงก้องโลกอันดับที่4ในโลก
มีโรงแรมรับรองหลายระดับใกล้เชิงเขา Eiger, Mönch และ Jungfrau
ที่นี่จะมีการบริการแทบทุกอย่างอำนวยความสะดวกสบายและอาหารอร่อยไว้คอยบริการ
มากมายหลายร้านและใครที่แวะมาลงเที่ยวจะดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติอันสวยงามของเขาอันมีชื่อของสวิตฯ
สามารถเดินทางไปยังJungfrauสถานที่ๆรู้จักทั่วโลก
http://www.bahnhof-scheidegg.ch/
**จบบันทึกการเดินทางจากWengen-.Männlichen ..ไปยัง Kleine Scheidegg..ตอน2 **
เพิ่งไปมาเมื่อเดือนก่อนหน้าโน่นเหมือนกันค่ะป้า ตั้งจะเดินเส้นทางของป้านี้ล่ะ ไปนัดเจอกันที่ Kleine Scheidegg เห็นเค้าสวยมาก เป็นทางพาโนลาม่า แต่ติดที่อ้ายตัวเล็กมัน รองเท้าแบบไม่ใช่เดินเขา และใช้เวลานานไป คงต้องแบกมันไปกว่าจะถึง ตอนนั้นนึกว่าเรนาโต้จะเดินขึ้นไป Kleine Scheidegg แค่ชะโมงสองชะโมง ก็เลยไม่ได้เดินเส้นนี้ไป แต่สุดท้ายเรนาโต้เดินขึ้นไป Kleine Scheidegg ใช้เวลา 4 ชั่วโมงเอิ๊ก เพราะไปทางที่ใช้เวลานาน และชัน เดินลำบาก แถมเดินเลยจุดนัดพบเพื่อนอีกต่างหาก แต่สวยมากเลย