บางคนอาจจะเคยเห็นลูกค้าบางคนโดนขอตรวจค้นกระเป๋า
หลังจากจ่ายเงิน หรือตอนที่จ่ายเงินเรียบร้อยและ
กำลังเดินออกจากร้านไป
บางคนอาจจะเคยประสบกับตัวเอง
ขณะที่กำลังจะเดินออกจากร้าน
อยู่ๆมีคนมาสะกิดเรียกหรือตะโกนเรียกให้หยุด
เพื่อขอตรวจกระเป๋าว่าแอบหยิบอะไรติดมา
โดยที่ยังไม่ได้ชำระเงินบ้างหรือไม่
บางคนที่โดนตรวจแบบนี้อาจจะตกใจไม่มีสติ
และตั้งตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
และยอมให้ตรวจและหลังจากตรวจแล้วไม่พบอะไร
ก็ได้รับอิสระให้ออกมาจากร้านได้
และไม่ได้รับการขอโทษ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ทำให้คนที่โดนตรวจค้น
ได้รับความอับอายเสียหายเป็นการทำร้ายจิตใจอย่างที่สุด
เพราะคนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์ครั้งนี้จะพากันคิดในแง่ลบ
หรือเข้าใจผิดได้ และทำให้คนที่โดยตรวจค้นกระเป๋า
เกิดอคติมีปมด้อยในใจที่ความเชื่อถือ
ในตัวเองลดลงไป
ร้านค้าบางแห่งปิดประกาศเขียนไว้ตรงหน้าประตู
ว่าทางร้านมีสิทธิ์ขอตรวจกระเป๋าได้
ถ้าคิดว่าเราแอบหยิบอะไรโดยไม่ชำระเงิน
ถ้าเราจะพูดกันจริงๆการขอตรวจค้นกระเป๋านี้
ทางร้านไม่มีสิทธิ์มาขอค้นตรวจกระเป๋าเราเลย
ใครก็ตามถ้าเจอปัญหาขอตรวจค้นกระเป๋าแบบนี้
ถ้าเราแน่ใจว่าเราไม่ได้หยิบของมาใส่กระเป๋า
โดยที่ยังไม่ได้ชำระเงิน
ถ้าพูดกันเป็นภาษาไทยง่ายๆคือเราไม่ใช่คนมือไวใจเร็วแล้ว
และแน่ใจว่าเราไม่ได้หยิบของใส่กระเป๋ามาจริงๆ
เราไม่ควรยอมให้ทางร้านมามีอำนาจควบคุมเราเหมือนนักโทษ
และใช้สิทธิ์บังคับขอตรวจกระเป๋าแบบนี้
การที่ทางร้านค้ามากักตัวเรา
และทำการตรวจค้นกระเป๋าแบบนี้กับเรา
เหมือนกับเป็นการverletzen das Persoenlichkeitsrecht
ทำร้ายจิตใจอย่างมาก
**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0025 ห้อง stories_life (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
ใครก็ตามถ้าประสบปัญหาการขอตรวจค้นกระเป๋าที่เราเรียกกันว่า
Taschenkontrollenจากทางร้านที่เราเข้าไปซื้อสินค้า
และคิดว่าเราแอบหยิบของมาโดยที่ยังไม่ได้ชำระเงิน
ขอตรวจกระเป๋าแบบนี้ ถ้าเรามั่นใจในตัวเองจริงๆว่า
เราเป็นคนซื่อสัตย์และไม่ได้หยิบของจากทางร้านมาจริงๆ
เราไม่ควรยินยอมให้ทางร้านมากักขังหน่วงเหนี่ยวเราไว้
แต่ถ้าทางร้านค้ากักขังหน่วงเหนี่ยว
และจะมาวางอำนาจเปิดกระเป๋าเราตรวจดูของในกระเป๋าเราจริงๆ
เราควรเรียกให้จ้าหน้าที่ตำรวจมา
และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนทำหน้าที่ตรวจกระเป๋าของเราแทน
ใครก็ตามถ้าในอนาคตข้างหน้าถ้าประสบปัญหาแบบนี้
จะได้ไม่ต้องตกใจมีสติและไม่สูญเสียสิทธิบางอย่างของเราไป
รู้จักการป้องกันตัวเอง
แต่เราเองต้องแน่ใจในความซื่อสัตย์ของเราจริงๆ
ว่าไม่ใช่คนมือไว
ขอบคุณค่ะป้าหนูจะจำใว้ค่ะ...
นิดเคยโดนกับตัวเองครั้งหนึ่ง ที่มิกโกร ซูริคเฮ้าบานโฮป คือได้ซื้อผลไม้มาหนึ่งถุง นิดจ่ายตังเป็นที่เรียร้อยก็เดินออกมา ขนาดที่กำลังเดินอยู่ มีพนักงานซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า มาจับแขนแล้วพูดด้วยเสียงดังให้คนที่เดินไปมาที่บานโฮปได้ยิน และใช้ท่าทางที่แย่มาก ว่าพนักงานที่ขายผลไม้บอกว่า นิดยังไม่จ่ายเงินค่าผลไม้ นิดไม่ตกใจและอายเลย แต่ฉุนขาด ที่เค้ามากระฉากแขน นิดเอาบิลที่จ่ายกับถุงผลไม้ให้ดู และพูดเสียงดังๆใส่คืนว่า นี่อะไร ใช่บิลที่จ่ายถูกต้องกับสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ที่ถุงผลไม่ไหม หรือคุณมองว่าเป็น*๊ดฉ่ายให้ลูกค้ามาเอาของฟรี พนักงานคนไหนบอกคุณ เค้าดูบิลว่าถูกต้อง พูดขอโทษนิดด้วยเสียงเบากว่าต่อว่าเราไม่จ่ายเงินอีก นิดเลยเดินไปที่พนักงานที่นิดซื้อผลไม้เมื่อกี้ ฝ่ายหัวหน้าคนนี้เดินตามนิด เรียกนิดว่าคุณๆๆผมขอโทษ ซึ่งตอนแรกมาเรียก เธอๆ พอนิดไปถึงตรงพนักงานขาย นิดพูดเสียงดังว่า ฉันก็เข้าใจนะว่าคุณทำงานตรงนี้ลูกค้ามันเยอะจนคุณสับสน แต่ถ้าคิดว่าตัวเองไม่สามารถรอบคอบกับลูกค้าเยอะๆได้ ไม่น่าทำงานตรงนี้ แล้วหันไปโว้ยใส่หน้าหัวหน้าด้วยว่า คุณรู้จักคำว่า มารยาทการบริการลูกค้าไหม เวลาไม่แน่ใจว่าลูกค้าจ่ายตัง ควรใช้วาจาหรือท่าทีแบบไหน แล้วนิดบอกว่า ขอเงินคืนเอาผลไม้คืนไปไม่เอาแล้ว เค้าคืนให้และขอโทษ จริงๆแล้วนิดเข้าใจว่าเค้าทำตามหน้าที่ แต่การที่เค้าเดินตามหลังมาแล้วกระชากแขนนิด นี่คือสิ่งที่นิดโมโหมากๆ เพราะถึงจะบอกว่าเราไม่ได้จ่ายตังเสียงดังแค่ไหน เรามีบิลที่จ่ายแล้วโชว์ให้ดู ก็ไม่เสียหายกับเรา แต่กริยาที่แย่มากๆ มันทำให้นิดโมโห ทุกวันนี้เวลาไปมิกโกรซูริคเฮ้าบานโฮป นิดยังเลือกที่จะจ่ายตังกับ พนักงานคนนี้อยู่ และยังมองหน้าหัวหน้าที่มาดึงแขนนิด
** เวลาซื้อของแล้วทุกครั้ง อย่าลืมเรียกบิลที่จ่ายแล้วจากพนักงาน **
** ถึงภาษาไม่เก่งเลิศ ก็อย่ายอมให้ใครมาทำการดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ นึกคำไหนได้ ใส่ไปเลย พูดไม่ถูก ไม่มีใครมาว่าหรอก แต่ถ้ายอมให้เค้ามาปรักปรำ จะโดนคนอื่นว่าและดูถูกทั้งที่เราไม่ผิด **