(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-171400-Zwischenablage029.jpg)
**Drehrestaurant Mittelallalin.**
Foto: Roland Zumbühl
***ภัตราคารหมุน 360°..... Mittelallalin **
**เครื่องหมายสีแดงยาว...**
เป็นเส้นทางที่รถไฟ Metroalpin ใช้วิ่ง เราไม่สามารถเห็นการวิ่งของรถไฟMetroalpin
เพราะเป็นการวิ่งภายในเขาที่เขาเจาะเป็นอุโมงค์กลมยาว
.....................................................
<<<..พาเที่ยว....Allalin.VS ..ตอน1.>>>
http://www.pallswiss.com/boards/index.php/topic,1778.0.html
<<<..พาเที่ยว....Allalin.VS ..ตอน.2..>>>
http://www.pallswiss.com/boards/index.php/topic,1779.msg18262.html#msg18262
**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0014 ห้อง guide (เผื่อใช้ในการค้นหา)**
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-171449-Zwischenablage034.jpg)
**ภาพขอยืมมาเป็นภาพอุโมงค์ที่เจาะภายในภูเขา**
ภาพที่เห็นเป็นการเริ่มการก่อสร้างอุโมงค์ ทำเป็นเส้นทางให้รถไฟ Metro Alpinใช้วิ่งภายใน
การสร้างเหมือนการสร้าง U-Bahn, Untergrundbahn หรือ Metro
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-171529-Zwischenablage033.jpg)
ระบบการทำงานของรถไฟMetroalpin จะใช้ลวดเหล็กที่เห็นในรูปดึงรถไฟสองสาย
เมื่อปี1984ได้ทำการเปิดรถไฟสายนี้บริการแก่นักท่องเที่ยว
รถไฟMetroalpin จะวิ่งจากสถานีFelskinn(2980m)เพื่อพาไปขึ้นไปข้างบนไปยัง Allalin
****เส้นทางที่ใช้ในการเดินทางไปยัง Mittel-Allalin**
เริ่มการเดินทางดังต่อไปนี้
**จากสถานีข้างล่างสุด**
***A..กระเช้า***
จาก.....Saas Fee (Alpin Express) - Mittel Station (2500m)
***B..กระเช้า***
Mittel Station Express - Felskinn (3000 m)
**C.. เส้นทางรถไฟในภูเขา..**
พอลงจากสถานีกระเช้า Felskinnก็เดินในช่องอุโมงค์ใน
เพื่อไปขึ้นรถไฟเพื่อขึ้นไปยังข้างบน Mittel-Allalin
Felskinn.. - Metro Alpin(รถไฟ) - Mittel-Allalin
***เริ่มการออกเดินทางด้วยกระเช้า...***
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-171725-Zwischenablage077.jpg)
เรารีบพากันเดินเพื่อขึ้นกระเช้าไฟฟ้า
กระเช้าหรือที่คนที่นี่เรียกกันว่าGondelbahn (Luftseilbahn)
คิดว่าน่าจะเริ่มการใช้เป็นครั้งแรกเมื่อปี1907 ที่San Sebastián(Monte Ulia)ประเทศเสปน
สมัยแรกๆที่ป้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ การขึ้นเขาส่วนมากจะเป็นแบบที่นั่งเปิดนั่งกันได้แค่2คน
ที่เราเรียกกันว่าSesselbahn เป็นการนั่งที่สนุกสุดๆตอนที่ๆนั่งโคลงเคลงไปมาและนั่งกันนานมาก
เราสามารถกินลมชมวิวดูสัตว์ป่าดอกไม้ข้างล่าง
สมัยก่อนขึ้นที่Grindelwald นั่งขึ้นเขานานมากประมาณร่วม50นาที
และเป็นSesselbahnที่ยาวที่สุดในยุโรป ปัจจุบันที่Grindelwaldได้ยกเลิกกานั่งSesselbahn
เปลี่ยนการขึ้นเขาโดยใช้Gondelbahn(กระเช้า)ซึ่งสามารถบรรจุนักท่องเที่ยวมากขึ้น
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-171809-Zwischenablage05.jpg)
ในกระเช้ามีเรานั่งกันแค่3คนแต่ละคนนั่งหน้าตาค่อนข้างจะบูด อารมร์บ่..จอยกัน....
ได้ยินเสียงแว่วๆว่ารำคาญตากล้องมาก ที่พยายามหาหมาจะนำมาเป็นนางแบบ
พูดถึงหมาตั้งแต่มายังไม่เจอสักตัวเลย ขนาดขากลับลงข้างล่างก็ยังหาไม่เจอไม่รู้ว่าไปหลบที่ไหนกันหมด
ลุงชี้หัวว่าคนธรรมดาเขาไม่วิ่งหาหมาถ่ายรูปหรอก ว่าไปก็จริงไม่ว่าไปเที่ยวที่ไหนป้าจะมีรูปหมาตลอด
แม้กระทั่งไปเที่ยวขั้วโลกเหนือยังมีรูปหมาถ่ายออกมา แบบวิ่งตามล่าถ่ายหมามาตลอด
ดีนะที่ไม่ได้คิดว่าตัวเองชาติที่แล้วเกิดเป็นหมาถึงได้รักหมามาก
ใครด่าว่าป้าเป็นหมาจะไม่เคืองเลย เพราะหมายังดีกว่าคนบางคนอีก
หมายังมีความคิดมีใจกตัญญูรู้คุณคน หมารู้ข้าวแดงแกงร้อน ไม่เคยบ่น หรือด่าหรือนินทาเจ้าของ
หรือนินทาใคร เลี้ยงหมาไม่เปลืองข้าวสุก ยอมรับว่าเป็นคนที่รักหมามาก
แต่ปัจจุบันไม่คิดอยากจะเลี้ยงหมาแล้วเพราะไม่อยากมีภาระในบั้นปลายชีวิต
ช่วงนี้จะเห็นวิวของหมูบ้านSaas Fee ภูเขาและบางครั้งเห็นพวกแพะมาเล็มหญ้ากิน
ไปไหนแต่ละครั้งเราจะเห็นพวกสัตว์ป่านับว่าโชคดีมาก
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-171857-Zwischenablage078.jpg)
เราเริ่มเห็นสถานีข้างหน้าซึ่งเป็นสถานีที่จะต้องเปลี่ยนไปขึ้นกระเช้าใหม่ครั้งที่สอง
สถานีนี้ชื่อว่า Mittel Station (2500m)
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-171942-Zwischenablage079.jpg)
กระเช้าได้แล่นเข้าไปสู่สถานี Mittel Station (2500m)
กระเช้าจะค่อยๆแล่นช้าๆและหยุดจอดสนิท เราต้องรีบลงมาเพราะกระเช้าจะหมุนกลับไปข้างล่าง
ขืนป้าติดกระเช้าหมุนกลับไปยังสถานที่เดิม สงสัยคงเกิดคดีทำลายทรัพย์สินของเขาแน่ๆ
ยิ่งเห็นหน้าลุงนายแบบประจำเวบpallswiss ทำหน้าแบบลิงโดนบังคับให้กินกะปิ
ป้ายิ่งแห้งไปกว่าเดิม..เพื่อความปลอดภัย ต่อสุขภาพหู..รีบออกมาดีกว่า
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-172105-Zwischenablage081.jpg)
ระหว่างทางที่วิ่งตามลุงจะกดๆๆรูปไปเรื่อยๆ กดหมดทุกอย่างที่ขวางหน้า
เพราะสามารถถ่ายรูปได้400รูป กดไปลบไปสบอารมณ์โก๋มากจริงๆ
แต่ตั้งแต่กดถ่ายรูปลุงมาจะเห็นลุงไม่ค่อยชัดเท่าไร
ต้องแอบถ่ายเพราะไม่ยอมจ่ายค่าตัวเพิ่มนายแบบเลยประท้วง
แบบถ่ายด้านหน้าคนละราคากับถ่ายด้านหลัง สงสัยแกคงไปร่วมขบวนเดินประท้วงกับเขามา
พอไม่ยอมจ่ายเพิ่มให้เลยงอน คนสวิสเดี๋ยวนี้เริ่มเดินขบวนประท้วงกับเขาแล้ว
ตอนที่ป้ามาอยู่ใหม่ๆไม่ค่อยเห็นการประท้วงเท่าไร นี่ก็เพิ่งทำการเดินขบวนประท้วงกันไปหมาดๆ
เรื่องขอเงินค่าแรงเพิ่มและเดินขบวนประท้วงของเรื่องเงินค่าบุตรเพิ่ม
ภาพที่เห็นนี้ย่อออกมาดูไม่ชัดเท่าไร แต่อยากให้เห็นถึงการทำงานของเครื่องให้กระเช้าหมุน
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-172503-Zwischenablage082.jpg)
เดินผ่านป้ายบอกสถานีและความสูงพร้อมทั้งการบอกเวลา
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-172538-Zwischenablage083.jpg)
ถ่ายรูปไปวิ่งตามนายแบบสุดหล่อไป ตอนเราลงจากกระเช้าที่ขึ้นมาเมื่อสักครู่
เราต้องรีบเดินอ้อมมาอีกด้านหนึ่งไม่ต้องกลัวหลง หรือขึ้นไม่ถูกเพราะสถานีที่เราจะขึ้นกระเช้าอันที่สอง
อยู่ไม่ห่า งจากกระเช้าแรกที่ขึ้นมา
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-172630-Zwischenablage084.jpg)
กระเช้าที่เห็นนี้จะหมุนเวียนกันตลอด เรารีบขึ้นทันทีช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายรูป
เพราะกระจกเป็นฝ้าและมีรอยขีดข่วนมาก ได้แต่มองดูวิวเขาดูลมชมฟ้าไปเรื่อยๆ
เสียงหัวหน้าคุยโขมงโฉงเฉงดังลั่นไปหมด สงสัยอารมณ์ดีที่ไม่มีคนถ่ายรูปกวนใจ
กระเช้าที่เราขึ้นมามีคนแค่3คน ป้าเลยเดินพล่านดูวิวได้อย่างสบายใจ
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-172755-Zwischenablage026.jpg)
กระเช้าได้มาหยุดลงที่สถานี Felskinn (3000 m) เป็นการนั่งกระเช้าครั้งสุดท้าย
การเดินทางขึ้นข้างบน Allalin ต้องเดินไปขึ้นรถไฟMetro Alpin
ที่สถานี Felskinn เป็นที่รู้จักกันดีมาก นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาหยุดลงจากกระเช้าที่สถานีนี้
และเดินบันไดขึ้นไปข้างบน ข้างบนจะมีสถานที่ที่รู้จักกันดีสำหรับการเดินเขาหรือ การเข้ามาเล่นสกี
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-173156-Zwischenablage027.jpg)
ตึกที่เห็นชื่อBritannia-Hütte กับภูเขาที่เรียกกันว่าDom และ Lenzspitze
Foto: Roland Zumbühl
ภาพที่เห็นข้างบนที่นักท่องเที่ยวหยุดที่สถานี Felskinn เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านที่เห็นข้างหน้า
บ้านหลังนี้เรียกกันว่า Britannia-Hütte เป็นของ SAC....(Schweizer Alpen-Club)
ซึ่งเป็นสมาคมของนักเดินเขาซึ่งลุงก็เป็นสมาชิกอยู่
จะเสียค่าสมาชิกCHF125ต่อปีและได้รับสิทธิ์ในการเข้าพัก ถูกกว่าคนทั่วๆไปและได้สิทธิ์เข้าพัก
ได้ไวกว่าคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก Britannia-Hütte สถานที่แห่งนี้
ป้าเคยมาเดินเขาแถบนี้แล้วหลังจากนั้น เดินลงไปยัง Saas-Almagellซึ่งหมู่บ้านข้างล่าง
สวยมากและการเดินต้องระวังช่วงที่เดินบนธารน้ำแข็ง ยังคุยกันเลยว่าจะไปเดินเขาปีหน้าช่วงฤดูใบไม้ผลิ
คนที่รักการเดินเขาจะมีเขาให้เดินมากมายนับไม่ไหว เรียกว่าเดินตั้งแต่หนุ่มจนแก่ก็เดินไม่หมด
***Britannia-Hütte***
สร้างปีคศ.1912 ตอนที่สร้างครั้งแรกสร้างด้วยไม้ มีที่นอนแค่34ที่นอน
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณCHF 20000 ปี1929ริเริ่มจะสร้างขยายให้ใหญ่ขึ้น
22ปีต่อมาก็ได้คือปีคศ.1951 ได้ทำการสร้างเพิ่มทางตอนเหนือของตัวบ้าน
จนกระทั่งมาถึงปี1997ก็ได้รับใบอนุญาตให้ทำการสร้างเปลี่ยนแปลงใหม่มีที่นอนทั้งหมด134ที่นอน
ห้องกินข้าว3ห้อง,ห้องปฐมพยายบาล,ห้องเครื่อง และห้องที่สำหรับเก็บน้ำไว้ใช้ประมาณ 16'000 l.
**ราคาค่าพัก***
สมาชิกคนละ
CHF21/ 54.- Halbpension(อาหารเช้าและเย็น)
ไม่ใช่สมาชิก
CHF31/ 64.- Halbpension(อาหารเช้าและเย็น)
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-173302-Zwischenablage086.jpg)
หลังจากที่เราลงออกมาจากกระเช้าก็รีบเดินไปข้างหน้าทันที
จะเห็นการทำงานของวงล้อเหล็กที่มีลวดใช้สำหรับดึงกระเช้า
สถานี Felskinn ตั้งอยู่บนความสูง3000 m
การขึ้นกระเช้าของเราได้สิ้นสุดลงแล้ว เราพากันรีบเดินไปหารถไฟที่จะพาขึ้นเขา
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-173431-Zwischenablage088.jpg)
เส้นทางที่ใช้เดินไปขึ้นรถไฟไม่ยุ่งยาก
ตอนที่เราเดินออกมาจากกระเช้าก็เดินตามทางที่เขาบอกไว้ ซึ่งมีเครื่องหมายบอกตลอด
จากภาพที่เห็นเป็นเส้นทางที่เราจะเดินเข้าอุโมงค์
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-173557-Zwischenablage089.jpg)
ทางที่ใช้เดินจะเป็นอุโมงค์ยาวประมาณ1749เมตร
ความสูงจากที่นี่ขึ้นข้างบนจะแตกต่างประมาณ476เมตร
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-173649-Zwischenablage091.jpg)
เดินนานพอสมควรจนมาถึงประตูกั้นเขตที่จะเข้าไปข้างใน
ตามรูปที่เห็นจะมีเครื่องหมายลูกศรชี้บอกทางไปขึ้นรถไฟ
การเดินทางเข้าอุโมงค์ไม่ต้องกลัวหลงเพราะมีเส้นทางใช้เส้นทางเดียว
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-181250-Zwischenablage11111111111111111.jpg)
เดินเข้ามาแล้วต้องรอหยุดตรงประตู ถ้ายังไม่ถึงเวลาประตูจะปิดไว้
เราสามารถมองผ่านเห็นทางเดินที่จะไปขึ้นรถไฟข้างหน้า
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-181557-Zwischenablage02.jpg)
เรารอกันจนประตูเปิดให้เดินผ่านเข้าไปข้างในได้ พอเดินหลุดพ้นประตูมาได้ก็เห็นเหล็กกั้น
ให้สอดบัตรเข้าในเครื่อง พอสอดบัตรแข็งเข้าไปข้างใน ที่กั้นก็เปิดให้เราเดินผ่านไปได้
ช่วงนี้เราเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-182535-Zwischenablage03.jpg)
พอเดินมาถึงจุดหมายก็เห็นประตูสุดท้ายที่ปิดอยู่ รอเวลาเปิดเพื่อขึ้นรถไฟ
สรุปแล้วการเดินทางเส้นทางอุโมงค์ เราต้องเดินผ่านประตูถึง2ประตูและที่กั้นเหล็ก1แห่ง
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-182712-Zwischenablage04.jpg)
พอถึงเวลาประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออก เรารีบเดินเข้าไปข้างใน
มีแค่กลุ่มทัวร์เราเท่านั้น ถ้าไปเที่ยวคนเดียวคงเปล่าเปลี่ยวน่าดู
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-182840-Zwischenablage06.jpg)
ลุงกับน้องชายขึ้นรถไฟเรียบร้อยแล้ว มีป้าคนเดียวเดินขึ้นๆเดินลง
หาวิวถ่ายรูป ถ่ายไปถ่ายมาเกือบซวยตกรถไฟ
โชคดีมากที่ถ่ายรูปนี้ข้างในพอดี ไม่เช่นนั้นคงรอขึ้นรถคนเดียว และสงสัยหูชาแน่ๆๆ
รถไฟที่ขึ้นมานี้บรรจุคนได้ประมาณ115คน ภายในระยะเวลาชมสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ถึง1500คน
รถไฟสายเล็กMetro-Alpin เป็นรถไฟที่ทำการวิ่งภายในภูเขา
เขาได้ทำการเจาะภูเขาข้างในเป็นอุโมงค์ยาวสูงขึ้นข้างบน หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟคันเล็ก
เส้นทางที่ใช้วิ่งค่อนข้างจะสูงชันพอสมควร ลักษณะการทำงานจะใช้ไฟฟ้าวิธีดึงลาก
เหมือนกับรถไฟสายNiesenอย่างที่เคยเขียนอธิบายมาแล้ว
สร้างปีคศ.1984 โดยวิศวกรชื่อ Hubert Prachensky
ความยาวของเส้นทาง1434 m
ความแตกต่างของระดับ 476 m
ใช้ในการเดินทางทั้งหมด3,2นาที
ความสูงชัน 48 %
ความเร็ว 36 km/h.
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 35500000ฟรังค์.
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-182921-Zwischenablage032.jpg)
ภาพที่เห็นนี้รถไฟเริ่มแล่นเข้าสู่สถานีปลายทางข้างบนแล้ว จะเห็นเส้นทางลางๆ
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-183030-Zwischenablage030.jpg)
อุโมงค์ที่รถไฟแล่นพาขึ้นมาข้างบน เห็นลวดเหล็กแข็งแรงที่ใช้ลากรถขึ้นมา
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-183144-Zwischenablage05.jpg)
รถไฟมาจอดเรียบร้อยแล้วเราเดินขึ้นชั้นบน
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-183331-Zwischenablage07.jpg)
ข้างบนที่เดินผ่านจะเป็นชั้นสำหรับคนเตรียมตัวเล่นสกีกัน จะเห็นทางบอกร้านอาหารข้างหน้า
ถ้าเรายังไม่ต้องการกินอะไรก็เดินออกมาข้างนอกได้เลย มาชมวิวถ่ายรูปเก็บไว้
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-183419-Zwischenablage08.jpg)
เราเดินผ่านคนที่กำลังเตรียมตัวแต่งกายเล่นสกี
และบางคนก็กำลังถอดเครื่องแต่งกายออก
เราจะขึ้นไปกินอาหารกันข้างบน
ทางขวามือที่เห็นจะมีห้องจัดไว้สำหรับกินอาหารปิกนิกกัน
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-183758-Zwischenablage011.jpg)
ห้องอาหารข้างบนสุดจะเป็นห้องอาหารบรรจุที่นั่ง240 คน
มีอาหารบริการแบบตักกินเองและอาหารตามสั่ง
ขณะที่รับประทานอาหารสามารถชมวิวอันสวยงามทุกมุม
สามารถมองเห็นภูเขาสูงมากกว่า4000mประมาณ15ลูก
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-183912-Zwischenablage010.jpg)
อาหารที่ตักกินเองจะเป็นแบบสลัดมีให้เลือกหลายอย่าง
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-183958-Zwischenablage012.jpg)
หลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อยก็พากันมาชมวิวข้างนอก
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-184044-Zwischenablage013.jpg)
ตั้งแต่มาเที่ยวตากล้องเพิ่งจะได้ถ่ายรูปกับเขา
(http://www.pallswiss.com/images/old_board/105125-184155-Zwischenablage014.jpg)
ภัตราคารที่เห็นจากข้างล่าง
ข้างล่างเป็นเขตสำหรับการเตรียมตัวเล่นสกี
และข้างนอกมีโต๊ะให้แขกนั่งกินอาหารจำนวน300ที่นั่ง
และคนนั่งพักผ่อนชมวิวและธารน้ำแข็ง
หรือเดินเล่นหิมะและออกไปเล่นสกี
.
***ติดตามอ่านตอน4***
เป็นการพาเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง