News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



**PASTA (Teigwaren) **

Previous topic - Next topic

pall




ป้าเชื่อว่าทุกคนต้องรู้จัก Pasta ดีกันทุกคน
 ลักษณะรูปร่างของ Pasta ที่เขาทำขายกัน
 บางอย่างทำคล้ายหอยแครง,โบว์ฯลฯ.และมีสีแตกต่าง
 มากมายหลายสี  
 
 
 
 
 
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0030 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

ประวัติความเป็นมาของ Pasta
 เชื่อกันว่าเมื่อปี 1300 ได้มีหนุ่มชาว Venezia คนหนึ่ง
 ได้เป็นผู้นำ Pasta จากประเทศจีนกลับมายังประเทศอิตาลี่
 หนุ่มผู้นีคือ Marco Polo แต่ที่เชื่อกันอีกว่า Pasta นี้ได้รู้จัก
 กันดีมาก่อนแล้วทั้ง 2 ประเทศ  
 
 ชาวอิตาเลี่ยนเป็นชาติที่รักและมีความสุขกับการกินมาก
 และทำอาหารกินจนเลื่องลือไปทั่วโลกถึงรสชาติของอาหารที่ทำอร่อยมาก  ไม่ว่าจะเป็น Pizza, Risoto และPasta.และตลอดจนซุบ Minestron  ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนรักการกินอาหารที่ทำด้วยแป้งเหนียว(Pasta)มากที่สุด
 ูลูกป้านี่ชอบพาสต้ามากกินทุกมื้อไม่มีบ่น
 
 อาหารของชาตินี้แต่ละภาคปรุงไม่เหมือนกันนะ  และมีอาหารประจำภาคแต่ละแห่งด้วย คนอิตาเลี่ยนนี่ยึดหลัก
 การทำอาหารให้อร่อยนี่ต้องไช้ของสดและคุณภาพดี
 Pasta นี่มีมากมายหลายชนิด นับได้ประมาณ 600 ชนิด
 และแบ่งได้เป็น 2 แบบ
 
 1. แบบ Pasta al Uovo แบบมีไข่ผสม
 1. แบบ Pasta Secca แบบไม่มีไข่มาผสม
 
 และซอสที่ไช้คู่กับ Pasta นี่มีมากมายหลายชนิด
 Pasta จัดเป็นอาหารที่มีคุณค่าสูงและนักกิฬานี่ชอบกินกันมาก
 ก่อนที่จะลงแข่งขันเพราะถือว่ามี Kohlenhydrate สูง
 ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
 
 ขนิดของ Pasta นี่เขาไช้ทำอาหารแตกต่างกันเช่น
 ไช้ทำซุบ เช่นก๋วยเตี๋ยวขนดเล็กที่ทำเป็นรูปดาว
 รูปม้วนอ้าปาก,ตัวอักษร  และอีกมากมายฯลฯ.
 การใช้ Pasta  ในการประกอบอาหารเขาจะแยกใช้
 
 A.อาหารที่เรียกน้ำย่อยเช่นเขาจะใช้ Pasta asciutta,ก๋วยเตี๋ยว
 เส้นเขียว, Lasagne  มาทำการประกอบอาหาร
 
 B.อาหารหลักเขาจะใช้ เส้น ก๋วยเตี๋ยว,Spaghetti,Makkaroni
 
 ปัจจุบันนี้แม่บ้านทันสมัยไม่ต้องมานั่งทำเส้น Pasta กันแล้ว
 เราสามารถมาซื้อของสำเร็จรูปที่มีวางขายนับเป็น
 600ชนิด  การซื้อก้อต้องดูคุณภาพและแป้งและพวกข้าว
 ที่เขาเอามาไช้ประกอบทำด้วย
 
 **การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่ไม่ชื้นและมีอากาศถ่ายเท**
 
 การประกอบอาหารพวกนี้.
 อย่าต้มให้นิ่มเละ  ต้องจำคำของคนอิตาเลี่ยนไว้ ที่พูดกันว่า
 al dente คือ  ต้มแค่ให้แข็งเป็นไต
 และการต้มนี่จะต้องไช้น้ำมากนะ เช่น
 Pasta 400 กรัมควรไช้น้ำ 4 ลิตรและไช้เกลือ 1 ช้อนชา/ลิตร
 พยายามคนอย่าให้เส้นติดกัน  บางคนก็ใส่น้ำมัน
 แต่ป้าไม่เคยใส่  พอเสร็จเอาน้ำออกนี่ต้องราดด้วยน้ำเย็นเพราะเวลา
 จะได้ไม่ติดกัน
 
 **ถ้ามีเหลือมากเราสามารถนำใส่ช่องแข็งได้.ถ้าเก็บในตู้เย็น
 จะเก็บได้ประมาณ 3 วัน**
 

pall




พูดถึงพระเอกPasta แล้วต้องนึกถึงนางเอกคือมะเขือเทศ
 Kulumbus เป็นคนนำมะเขือเทศจากการเดินทางครั้งที่2
 จากอเมริกากลับมายังทวีปยุโรปในปีคศ 1498 และในปี
 คศ 1800 ก็เริ่มรู้จักกันดีในอิตาลี่ตอนใต้  และหลังจากนั้น
 ก็รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
 
 มะเขือเทศ 100 กรัมจะมีน้ำอยู่ 94.2 กรัม
 Eiweiss 0.95 กรัม
 Fett 0.21 กรัม
 Kohlenydrate 3.28 กรัม
 Kalorien 18.8 กรัม
 
 ประโยชน์ของมะเขือเทศ
 
 ในมะเขือเทศมีวิตามิน A ช่วยรักษาโรคตาที่ไม่สามารถมองเห็นได้
 ดีตอนกลางคืน  แบบโรคตาฟาง  ช่วยรักษาผมล่วง
 ผิวและกระดูก
 
 ผู้หญิงที่เริ่มมีอายุสูงวัยขึ้น  จะมีไนโครเจนในโลหิตต่ำลง  
 ทำให้เสี่ยงต่อมะเร็งมดลูก ดังนั้นจึงควรรับประทานมะเขือเทศให้มากๆๆเพราะอุดมไปด้วยไนโคนเจนที่มีคุณสมบัติ
 ด้านอนมูลอิสระซึ่จะไม่ถูกทำลายแม้ผ่านการ
 บรรจุลงในกระป๋องหรือปรุงอาหารใดๆ
 
 
 
 

ป้าพร Stockholm

ขอบคุณป้าจ๋า    ที่นำข้อมูลความรู้เรื่อง พาสต้ามาฝาก  ป้าพรเองก็เพิ่งรู้ เนีย แหละจ๊ะ  ขอบคุณจริงๆ    ที่บ้าน สมุนทั้งสอง ชอบมากอาหาร
 พวกเส้นพาสต้า เนียจ๊ะ   แต่น้องพร ชอบกินกับแบบเส้น สดๆ หนะป้า มัน อร่อยนิ่มดี หนะป้า        
 อยู่เมืองไทย  ไม่ชอบกินมะเขือเทศ  แต่ตอนนี้ เป็นของโปรดไปแล้ว อิ อิ

pall




คนอิตาเลี่ยนชอบกินมะเขือเทศมาก  ดังนั้นช่วงหน้าร้อน
 จึงได้ปลูกมะเขือเทศเพื่อเอาไว้กินหน้าหนาว  เพราะช่วงนี้
 ราคาแพงมาก  ดังนั้นเขาจึงมีวิธีการเก็บถนอมอหาร
 
 เช่นนำไปตากแห้ง,และบางส่วนก้เอาไปใส่ในน้ำมันมะกอก
 และอีกแบบหนึ่งคือการนำไปแช่แข็ง  ดังที่จะอธิบายต่อไปนี้
 
 1.เนื้อที่ขูดออกมาจะนำมากวนเป็น Sugo( ซอสมะเขือเทศ)
 หรือจะเก็บสดๆๆก็ได้และนำใส่ถุงเข้าช่องแข็ง
 
 2.ดูตามรูป
 นำมะเขือเทศที่เป็นลูกแข็งๆๆมีขนาดเท่ากันนำมาล้าง
 เด็ดขั้วออก  มาฝานออกตามรูป  และไช้ช้อนกาแฟขูด
 เอาเนื้อออกให้หมด  พยายามอย่าให้แตก
 นำเอามะเขือเทศที่ฝานและเอาเนื้อออก  มาคว่ำลงในถาดเพื่อให้น้ำออกให้หมดและนำเข้าช่องแช่แข็ง  จนเริ่มแข็งตัวจึงนำเข้าใส่ถุงพลาสติคพร้อมทั้งฝา  และไล่ลมอออกให้หมด แล้วจึงนำเข้าแช่แข็งเวลาจะนำมาไช้ก็บรรจุใส่เนื้อทำขณะที่มะเขือเทศยังเเข็งตัวอยู่  และนำใส่เข้า
 เตาอบ
 
 

pall




**ขอบใจน้องพรมากที่เเวะมาอ่านจ๊ะ**
 
 
 นอกจากมะเขือเทศแล้ว  คนอิตาเลี่ยนในครัวจะขาดไม่ได้
 เลยคือใบโหระพา  ดังนั้นจึงปลูกและมีวิธีกรรมการเก็บ
 ใบโหระพาเพื่อเอาไว้ไช้ได้นานหลายแบบเช่น
 
 แบบที่1  
 
 นำใบโหระพามาเด็ดเอาก้านออกให้หมด  แล้วทาน้ำมันมะกอกให้ทั่วทั้ง2ด้าน  และโรยเกลือนิดหน่อย  หลังจากนั้น
 นำใบโหระพาไปใส่ในขวด ปิดฝาให้แน่น  ข้อสำคัญต้อง
 ทาน้ำมันมะกอกให้ทั่วทั้ง 2 ด้านนะ.ห้ามเทน้ำมันมะกอกใส่นะทาแบบนี้เท่านั้น  ถ้าเทใส่แบบท่วมในขวดนี่ผิด
 
 **ข้อเพิ่มเติมการเก็บรักษาจะนำขวดที่บรรจุใบโหระพา
 นี้จะเก็บไว้ที่ตู้เย็นหรือที่ๆมีอุณภูมิต่ำสุดก็ได้**

pall




แบบที่ 2
 
 นำใบโหระพาที่แห้งสนิทจริงๆๆขอย้ำนะว่าต้องแห้งจริงๆๆ
 ไม่มีความชื้นหรือเปียกน้ำ  ต้องเช็ดให้แห้งสนิท  เด็ดก้าน
 ออกให้หมด  นำมาห่อด้วยกระดาษตระกั่วทับกันให้แน่น
 
 **การห่อควรจะห่อให้พอไช้แต่ละครั้งแล้วจึงนำเข้าห้องแช่แข็ง**
 

pall




แบบที่3
 
 การเก็บรักษาใบโหระพาแบบสุดท้ายคือการทำเป็นซอส
 Pesto
 
 เครื่องประกอบทำ Pesto
 
 ใบโหระพาเด็ดเอาก้านออก  ทำให้แห้งหั่นให้ละเอียด 100 กรัม
 กระเทียม                                                               2 หรือ 3 กลีบ
 เกลือ                                                                       1 ช้อนชา
 ถั่ว Pinien สับ                                                      40 กรัม
 เนยแข็ง Pecorino หรือ Parmesan                  80 กรัม
 น้ำมันมะกอก                                                           1 1/2 dl  
 **น้ำมันมะกอกสำหรับใส่ตอนปิดขวด**
 
 วิธีทำ Pesto
 
 นำของทั้งหมดมาผสมกันในครกตำให้ทั่ว  แล้วจึงใส่น้ำมัน
 มะกอกและเนยแข็งที่เอ่ยมา  แล้วคนให้ทั่ว  หลังจากนั้นก็
 บรรจุลงขวด  และนำน้ำมันมะกอกใส่ข้างบนให้ลอยไว้
 **ห้ามกวนนะปล่อยทิ้งไว้แบบนี้**
 แล้วปิดฝาให้แน่นๆแล้วนำไปเก็บรักษาที่มี่อุณหภูมิต่ำ หรือเก็บในตู้เย็นก็ได้
 ถ้าจะไช้ก็เปิดไช้ได้เลย

**เครื่องครัวของอิตาเลี่ยน**




พูดถึงอะไรต่อมิอะไรมามากแล้ว  คราวนี้ถึงหัวใจสำคัญ
 ที่คนอิตาเลี่ยนจะมีไว้ในครัว  ซึ่งจะไม่ขาดเลยอาหาร
 พวกนี้ต้องไช้สำหรับประกอบอาหารทุกวัน
 
 ปลาAnchovis เป็นปลาตัวเล็กพันธ์ Herings มีน้ำมันไม่
 มาก  สามรถกินดิบๆๆได้

pall




Arborio ที่มาของข้าวพันธ์นี้ได้มาจากหมู่บ้านเล็กๆจาก
 Piedmont ทางตอนเหนือของอิตาลีเป็นข้าวลักษณะ
 เมล็ดค่อนข้างอ้วน  เขามักจะไช้ทำ Risotto

pall




หัว Artischockนี่คนอิตาเลี่ยนจะขาดไม่ได้เลย
 
 ในหัวอาทีโชคนี้
 
 Artischock 100 กรัม จะมีน้ำ 82.5 กรัม
 Eiweiss 2.4 กรัม
 Fett 0.12 กรัม
 Kohlenhydrate 12.2 กรัม
 Kalorien 61 กรัม

pall




Balsamessig
 เป็นน้ำส้มที่ไช้ทำสลัดมีรสชาติคล้ายน้ำหวานอร่อย  ลักษณะสีเข้ม
 รสขมอมหวาน  มีกลิ่นหอม รู้จักกันดีทำมาจากเมืองModena ของอิตาลี  น้ำส้มBalsam นี่ทำมาจาก
 องุ่นสีขาวที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป  แต่ยังทำแบบสมัย
 โบราณอยู่เมื่อ100กว่าปีมาแล้ว.
 
 คือเก็บหมักรักษาไว้ในถังไม้ขนาดใหญ่ราคาของน้ำส้มนี้จะขึ้นอยู่กับอายุ,คุณภาพ,และรักษณะการทำ

pall




Kapern ทำมาจากดอกมะกอกสีเขียวที่ยังตูมอยู่
 ต้นมะกอกเป็นต้นไม้พุ่มมีหนาม  ได้รู้จักกันที่ตอนกลางและทางเหนือของอาฟริกา
 
 เขาจะเก็บดอกมะกอกตูมมาใส่เกลือและหมักไว้  จะมีรสเปรี้ยว
 เขาจะไช้ใส่ในสลัดและน้ำซอสก่อนที่จะนำมาปรุง
 ถ้าไม่ชอบเปรี้ยวมากควรจะล้างเสียก่อน

pall




Oliven น้ำมันมะกอกจะมีลักษณะสีเหลืองเข้มจัดจน
 เป็นสีขาว  เป็นมันจัดมีรสชาติแตกต่างกับน้ำมันอื่น
 ใช้ในการทำสลัดและทอดเนื้อ
 
 มะกอกที่นำมาคั้นครั้งแรกด้วยความเย็นนี้จะมีหัวน้ำมัน100%และจะมีสีเขียวจัด
 
 และนำมาคั้นต่อครั้งที่2 จะมีรสและสีจางลง
 
 และนำมาคั้นครั้งสุดท้ายด้วยความร้อนนนี้จะมีสีขาว
 มีกลิ่นหอมและไช้ปรุงอาหารทุกอย่าง
 
 น้ำมันมะกอกที่คั้นครั้งแรกนี่ถ้าใครมีปัญหาทางด้าานผมล่วงจะช่วยได้มากโดยนำมานวดหนังศรีษะจะช่วยลดผมล่วง

pall




Polenta  ทำมาจากข้าวโพดนำมาป่นให้ละเอียด มีหลายชนิด
 แบบป่นหยาบ    ปานกลาง  และละเอียด   เขานำมากวน
 ใส่เนยเเข็งและ Butter เป็นอาหารที่มีชื่อมาก