ตอบคุณองุ่นเรื่องวีซ่าเยี่ยมญาติกับการแต่งงานในสวิสค่ะ

Previous topic - Next topic

aom

ก่อนอื่นอ้อมต้องบอกก่อนนะคะว่าอ้อมสามารถช่วยแนะนำคุณองุ่นโดยอาศัยประสบการณ์ที่เคยทำมา
และเพิ่งดำเนินเรื่องจนทุกอย่างเรียบร้อยและผ่านไปด้วยดีและตอนนี้ก็รอเข้าพิธีอีกสองอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ
ซึ่งทั้งนี้อาจจะมีอีกหลายวิธีที่อาจจะดีกว่าและอาจจะมีพี่ๆที่ีมีประสบการณ์มาช่วยบอกแนะนำคุณองุ่นเพิ่มเติมยังไงคุณองุ่นลองพลิกแพลงปรึกษาแฟนและช่วยกันคิดหาวิธี
ที่คุณองุ่นกับแฟนคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณสองคนละกันนะคะ
จากที่พี่มน.ตต บอกเอาไว้อ้อมเห็นด้วยทุกอย่างเลยค่ะพี่เค้าแนะนำไว้ได้ละเอียดมาก
อ้อมเองตอนแรกเจอแฟนที่เมืองไทยตอนสงกรานต์ค่ะ
หลังจากเค้ากลับสวิสก็ติดต่อกันเรื่อยๆจนสองเดือนกว่าๆผ่านไป
ก็เดินเรื่องขอวีซ่าเยี่ยมญาติมาเที่ยวหาแฟนที่สวิสอยู่แค่หนึ่งเดือนกับสามอาทิตย์ก็กลับเมืองไทยไปทำงานต่อค่ะอ้อ   

ตอนยื่นขอวีซ่าก็ไม่ได้โชว์ statementหรือ Bank accountอะไรเลย
มีแค่ แบบฟอร์มขอวีซ่า จม.เชิญจากแฟน
จดหมายรับรองลาพักร้อนจากที่ทำงานที่ระบุกำหนดวันที่ชัดเจน
ค่าธรรมเนียม 1,800 บาท
แล้วก็ถูกสัมภาษณ์ซึ่งต้องตอบแบบเป๊ะๆนะคะว่าเจอกันที่ไหนยังไงเมื่อไหร่
ข้อมูลของแฟน ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะดุหน่อยๆแต่ไม่มีอะไรต้องกลัวนะคะทำใจดีๆยิ้มตอบเข้าไว้ค่ะ
บางคนเคยถูกถามแม้แต่ที่อยู่ที่จะไปอาศัยในสวิสเป็นยังไง
ใช้ภาษาอะไรคุยกับแฟนก็ตามที่พี่มน.ตต. เขียนบอกไว้นั่นแหละค่ะตามนั้นเลย
ซึ่งครั้งนั้นอ้อมก็ได้วีซ่าและมาเยี่ยมแฟนที่สวิสเป็นครั้งแรก

หลังจากที่เดินทางกลับเมืองไทยก็ติดต่อกับแฟนเรื่อยๆอีกประมาณสี่เดือนก็อดทนรอไม่ไหวที่ห่า งกัน
เลยตกลงแต่งงานโดยอ้อมเองก็ติดต่อที่สถานฑูตสวิสในไทยทางโทรศัพท์
เค้าบอกอย่างเดียวว่าต้องทำวีซ่าแต่งงาน
ซึ่งใช้เวลาเดินเรื่องประมาณสองเดือนแต่อ้อมต้องเดินทางมาสวิสให้ทันคริสมาสต์ซึ่งสองเดือนมันช้าไปค่ะ แฟนก็เลยให้มาทำเรื่องแต่งงานที่สวิส
แต่ทางสถานฑูตสวิสในไทยเค้าไม่ให้วีซ่าเยี่ยมญาติเราเพื่อมาแต่งงานที่สวิสแน่นอน
ถ้าเค้ารู้ว่่าเราจะมาแต่งงานเพราะฉะนั้นก็อย่างที่พี่มน.ตต.บอกเป๊ะเลยค่ะ
อย่าบอกเด็ดขาดว่าจะมาแต่งงานที่สวิส

ตอนนั้นที่ขอวีซ่าเยี่ยมญาติครั้งที่สองเจ้าหน้าที่เค้าก็ถามอ้อมว่าเพิ่งกลับมาจากสวิสได้ไม่กี่เดือน
ทำไมจะไปอีกแล้วบ่อยจังอ้อมก็ตอบว่าครั้งนี้จะไปคริสมาสต์และไปเยี่ยมพ่อแม่แฟน
เพราะครั้งที่แล้วไม่ได้เจอแต่ความจริงเจอตั้งแต่วันแรกที่เหยียบสวิสแล้วค่ะ ฮิฮิฮิ
เค้าก็ถามว่าครั้งนี้จะไปนานเท่าไหร่อ้อมก็ตอบสามเดือนค่ะ
เค้าก็สวนทันทีว่าทำงานที่ไหนทำไมในหนึ่งปีได้พักร้อนเยอะจัง
อ้อมก็บอกเป็นพักร้อนสะสมจากสองปีที่แล้วด้วย
ซึ่งเค้าก็ขอดูจดหมายรับรองจากบริษัทเรื่องการลาพักร้อนซึ่งอ้อมโชคดีที่ก่อนลาออกได้ปรึกษาหัวหน้า
และขอเขาช่วยทำจดหมายให้จนได้วีซ่าและถือเอกสารทุกอย่างที่ใช้เดินเรื่องขอแต่งงานเดินทางมาสวิสได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตามที่หลายๆคนแนะนำให้แฟนคุณองุ่นถามทาง Gemeinhaus ของเขตที่อยู่ก่อนนะคะ
ว่่าเราจะถือวีซ่า visitor และเตรียมเอกสารมาแต่งงานที่สวิสได้หรือเปล่า
เพราะแต่ละเขตอาจจะนโยบายต่างกันค่ะ
แต่เขตที่อ้อมอยู่เป็นเขตเล็กเจ้าหน้าที่ที่นี่น่ารักและให้การช่วยเหลือดีมากๆค่ะ

เอกสารที่คุณองุ่นต้องเตรียมก็มี
พาสปอร์ต,
ใบสูติบัตร (ใบเกิด),
ใบรับรองการเปลี่ยนชื่อ(ถ้ามี),
ทะเบียนบ้าน (ของอ้อมไปที่อำเภอแล้วขอคัดสำเนาทะเบียนราษฏร์มาแทนเพราะไม่อยากเอาทะเบียนบ้านเล่มจริงมาสวิสเพราะบางทีครอบครัวพ่อแม่พี่น้องทางเมืองไทยก็ต้องใช้) ,
ใบรับรองสถานะโสดหรือหย่าร้าง (ขอได้จากอำเภอหรือเขตที่อยู่ค่ะ),

และถ้าหลังแต่งงานคุณองุ่นจะอยู่ใช้ชีวิตที่สวิสเลยก็ต้องมีใบรับรองประวัติอาชญากรรมจากกรมตำรวจมาด้วย ใบนี้ขอได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถวๆเวิลเทรดค่ะใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์ถึงได้ค่ะ
เอกสารทุกอย่างที่ต้องแปลอ้อมแปลที่สวิสที่สถานฑูตไทยในกรุงบาเซิลค่ะ
แปลพร้อมรับรองเอกสารราคาฉบับละ 85 CHF ค่ะ
อ้อมไม่ได้เดินทางไปที่บาเซิลเองหรอกนะคะแต่ส่งเอกสารทางไปรษณีย์
และพอเสร็จก็ได้รับบิลให้ไปจ่ายเงินค่าแปลพร้อมรับเอกสารทั้งหมดที่ไปรษณีย์เหมือนกันค่ะ
ใช้เวลาในการแปลเอกสารประมาณสองอาทิตย์ค่ะ

หลังจากนั้นก็นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นขอแต่งงานกับแฟนซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่เค้าจะอธิบายให้แฟนฟังว่าต้องเตรียมอะไรทำยังไงบ้าง หลังจากนั้นก็เป็นช่วงของการรอทางเจ้าหน้าที่เช็คเอกสาร
และประวัติประมาณสองอาทิตย์ก็จะได้รับการตอบรับอนุญาตแต่งงาน
จากนั้นก็หาฤกษ์หายามเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวแสนสวยได้เลยค่ะ
ยังไงก็แล้วแต่อ้อมขอออกความเห็นส่วนตัวนิดนึงนะคะ
จริงอย่างที่พี่มน.ตต.บอกอ้อมเห็นด้วยว่าการเดินเรื่องแต่งงานในกรณีของคุณองุ่น
ที่ว่าที่สามีเป็นบุคคลพิเศษ และการเดินทางมาสวิสของคุณองุ่นก็เป็นครั้งแรก
เจ้าหน้าที่อาจจะตั้งข้อสังเกตในกรณีของคุณเป็นพิเศษ
ยังไงลองบอกแฟนปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เขตที่เค้าอยู่
ให้ละเอียดเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในการยื่นขอแต่งงานที่สวิสทีหลังค่ะ
อ้อมหวังว่่าข้อมูลจากประสบการณ์ของอ้อมคงจะช่วยคุณองุ่นได้บ้างนะคะ เอาใจช่วยค่ะ
มีอะไรสงสัยบอกได้นะคะ ยินดีช่วยค่ะ อาจจะรู้บ้างไม่รู้บ้าง

แต่บ้านหลังคาแดงของป้า pall เค้ามีคนใจดีเยอะค่ะเดี๋ยวพี่ๆเพื่อนๆเค้าก็จะมาช่วยเสริมมีอะไรก็มาช่วยบอกช่วยกล่าวมาแบ่งปันกัน  นี่แหละค่ะคนไทยใจดี ฮิฮิฮิ โชคดีมีความสุขทุกคนเจ้า

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0247 ห้อง openroom (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

aom

ขอเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ ถ้าคุณองุ่นไม่รีบร้อนและอยากจะดูใจแฟน
โดยทดลองมาอยู่ที่สวิสก่อนด้วยวีซ่าเยี่ยมญาติ
ลองอยู่ด้วยกันดูเขาดูเรา คุณองุ่นยังสามารถต่อวีซ๋าที่สวิสได้อีกสามเดือนโดยทางสวิสเค้าจะออกพาส L ให้
ของอ้อมตอนมาได้วีซ่าเยี่ยมญาติสามเดือนและยื่นเรื่องขอแต่งงานก่อนวีซ่าจะหมดประมาณอาทิตย์กว่าๆ
และไปขอต่อวีซ่าอีกสามเดือนเพื่อรอแต่งงานก็ได้พาส  L มา
ข้อดีตรงนี้จะดีที่ว่าอ้อมมีเวลาทดลองเรียนรู้อยู่กับแฟนที่สวิส
สำหรับอ้อมการแต่งงานค่อนข้างสำคัญอีกอย่างแฟนก็ยังอายุไม่มาก
หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ก็เลยต้องใช้เวลาเรียนรู้ชีวิตของเขาจริงๆ
ที่เราไม่เคยเห็นที่สวิสนี่ว่าเรารับเค้าได้ไหมจะอยู่กันได้ไหม
เค้าต้องการแต่งงานและจริงจังกับเรารึเปล่า
พอได้มีเวลาศึกษากันเรารับเค้าเค้ารับเราได้ทีนี้ก็โอเคค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่คุณองุ่นนะคะ
ถ้าไม่อยากรอแล้วและเรารักเค้าเค้ารักเราก็เดินเรื่องตอนมาถึงเลยก็ได้ค่ะ
อย่างที่บอกใช้เวลาเดินเรื่องแค่สองอาทิตย์เท่านั้นค่ะ

อ้อ เอกสารที่คุณองุ่นเตรียมมาจากเมืองไทยจำพวกหนังสือรับรองต่างๆ
ทางสวิสเค้าจะดูวันที่ออกหนังสือโดยทั้งนี้เอกสารต้องมีอายุไม่เกินหกเดือนนับจากวันที่ออกค่ะ

pall

ขอบใจมากจ๊ะอ้อมสำหรับข้อมูลความรู้ที่นำมาแบ่งปันกัน
 ขอให้อ้อมมีความสุขมากๆนะจ๊ะ
 และอย่าลืมมาเล่าให้ฟังอีกนะว่าตอนจดทะเบียน
 และทำพิธีอย่างไรบ้าง..อาจจะเป็นข้อมูลแบ่งปัน
 เป็นประโยชน์วิทยาทานแก่คนอื่นรุ่นหลังต่อไป

คารุสุ

ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับออ้มด้้วยนะ่ ขอแจมนิดหนึ่งนะค่ะ ถ้าขอวีซ่าท่องเที่ยวไม่ผ่านรอบแรก ก็ไม่ต้องตกใจนะค่ะยื่นรอบสองไหม่ได้เพราะรอบแรกที่ยื่นก็ไม่ผ่านเหมือนกันแต่พอรอบสองก็ฉลุยค่ะ มาเที่ยว 3 เดือนก็เป็นการทดลองอยู่กับแฟน หลังจากกลับเมืองไทยก็ขอวีซ่ามาเที่ยวอีกรอบเจอคำถามแบบอ้อมเด่ะ แต่ก็ผ่านฉลุยเหมือนเดิม ก็เตรียมเอกสารมาแต่งที่นี่ ประมาณ เดือนกว่าทุกอย่างก็เรียบร้อยค่ะ ออ้แล้วอย่าลืมเอาตั๋วเครื่องบินไปแลกเงินคืนได้นะค่ะที่ออฟฟิตการบินไทย ได้เกือบ 400 ฟรังค์ ไม่แน่ใจว่าอ้อมรู้หรือยัง....

aom

สวัสดีค่ะป้าpall อ้อมก็ดีใจและเต็มใจช่วยเสมอค่ะเพราะหลายๆครั้งอ้อมก็เคยนั่งคอตกเพราะไม่รู้จะไปปรึกษาใครก็ได้ป้าและพี่ๆที่นี่แหละค่ะอ้อมถึงได้มาเป็นสะใภ้สวิสกะเค้าโดยสวัสดิภาพ อ้อมก็ดีใจนะคะถ้าประสบการณ์ของอ้อมจะมีส่วนช่วยเหลือคนอื่นๆบ้าง ถ้ามีอะไรเรียกใช้ได้นะคะ ยินดีค่ะ

aom

ขอบคุณคุณคารุสุค่ะสำหรับคำอวยพร อ้อมก็ขอให้พรย้อนกลับส่งให้คนใจดีมีความสุขเหมือนกันนะคะ เรื่องตั๋วเครื่องบินของอ้อมมันมีที่มาและที่ไปไม่เหมือนชาวบ้านเค้าค่ะ อ้อมมาสวิสครั้งแรกของสิงคโปร์แอร์ไลน์ค่ะ ด้วยความอยากเที่ยวเพราะที่สิงคโปร์ตอนแวะรอเปลี่ยนเครื่องประมาณหกชั่วโมงทางสายการบินเค้ามีทัวร์เข้าตัวเมืองสิงคโปร์ฟรีประมาณสามชั่วโมงโดยรถโค้ชแสนสบายแถมสนามบินชางกีก็หะรูหะราเพลินตาเพลินใจซะเหลือเกิน พอครั้งที่สองได้ยินชาวบ้านเค้าบอกว่าสนามบินของมาเลเซียก็สวย เอาอีกแล้วค่ะอ้อม ครั้งนี้เลยบินของมาเลเซียแอร์ไลน์แวะเปลี่ยนเครื่องรออีกห้าชั่วโมงแต่พอดีเป็นตอนกลางคืนดึกมากร้านค้าส่วนใหญ่ก็ปิด  แห้วเลยค่ะงานนี้ แถมส่งตั๋วคืนไปแล้วร่วมๆสองเดือนยังไม่ได้เงินคืนเลยค่ะ โทรไปเช็คเค้าบอกจะได้คืน 100 CHF แต่รอหน่อย อ้อมก็บ่นกับแฟนจนเค้าจะโทรไปถามให้ว่างานเยอะจนไม่มีเวลาคืนเงินหรือไม่มีเงินคืนถึงให้รอร่วมสองเดือนแล้ว แต่อ้ะ..อ้ะ อ้อมยังไม่เข็ดค่ะ โปรแกรมหน้าจะบินของ Emirate airline เปลี่ยนเครื่องที่ดูไบค่ะ ครั้งหน้าคงเดินทางกับแฟนก็คงแวะเที่ยวสักสองสามวันที่ดูไบอีกตามเคย พี่ๆลองแวะๆเหมือนอ้อมสิคะ สนุกดี ดีกว่านั่งบินตรงสิบสองชั่วโมงอีกค่ะ  แต่ว่าอย่าหลงตอนเปลี่ยนเครื่องไปโผล่เอธิโอเปียนะคะ ฮิฮิฮิ

องุ่น

ขอบคุณ คุณอ้อมมากเลยค่ะ มีกำลังใจขึ้นมาอีกเยอะ ยอมรับค่ะ บางครั้งท้อ บอกกับแฟนว่า ถ้ามันเรื่องมากนักก็ไม่ไป เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบความยุ่งยากค่ะ แต่ถามอยากไปไหม อยากไปค่ะ(ประเทศในฝันน่ะเนี่ย)แฟนบอกไม่ยากหรอกเขาจะมาเดินเรื่องด้วยไม่ให้ทำคนเดียว หนูบอกให้จดที่นี่ แฟนบอกมันช้า เขาจะมาช่วยเตรียมเอกสาร แล้วมาพักอยู่ที่บ้านหนู 3 เดือนค่ะ คือใช้ชีวิตร่วมกัน แล้วมิถุนายน เราจะจัดงานแต่งเล็กๆแบบไทยๆพิธีสงฆ์ ผู้ใหญ่ให้พร สินสอดไม่มีค่ะ มีแต่แหวนแต่งงานค่ะ คุณแม่ขอให้รักกันเป็นใช้ได้ค่ะ แล้วหนูคิดว่าถ้าถูกสัมภาษณ์ ก็จะบอกเขาไปว่า แฟนมาหาเราแล้วมาใช้ชีวิตอยู่กับเราแล้ว แล้วคนที่อยากเจอเราก็คือ พ่อแฟนซึ่งแก่แล้ว 80 กว่า เขาอยากเห็นหน้าเราค่ะ ออกค่าใช้จ่ายให้หมด
 ทั้งทำหนังสือเชิญ มาด้วย  
 
   พอเขียนมาถึงตรงนี้ เกิดคำถามอีกแล้ว ล่ะค่ะ รบกวนด้วยค่ะ คือ ถ้าเราจะจัดงาน แบบที่ดิฉันบอกข้างต้น คือแฟนอยากถ่ายรูปที่ส*ิโอ จะเอาไปใช้ที่สวิส และให้พ่อแฟนดู แล้วจัดงานแบบไทยๆ เล็กๆค่ะ หรือไม่ก็ สมรส หมู่ที่ ร.พ.สงฆ์  จะมีผลอะไรไหมค่ะ มานึกได้ว่าเขาไม่ใช่คนไทย ถ้าคนไทยเขาจัดงานแต่งงาน แล้วไม่จดทะเบียนก็ได้ มีตั้งหลายคู่ แล้วเนี่ยชาวต่างชาติ คือเราจัดงานแต่เราจะไป จดทะเบียนที่สวิส และปาร์ตี้กับ พ่อ ลูก เพื่อนเขาที่สวิส แต่เราจะปาร์ตี้ที่ไทยก่อน โหเกิดคำถามค่ะ มันจะมีปัญหาในการขอวีซ่าหรือไม่ รบกวนคุณอ้อม อีกครั้งค่ะ หรือป้าๆพี่ๆที่รู้ค่ะ ช่วยบอกหนูที
 

aom

สวัสดีค่ะคุณองุ่น ตามที่คุณองุ่นเล่าให้ฟังโดยความเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ อ้อมว่าการขอวีซ่าของคุณองุ่นไม่ว่าจะเป็นวีซ่าเยี่ยมญาติหรือวีซ่าแต่งงานไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ อ้อมเองก็บอกเจ้าหน้าที่ตอนถูกสัมภาษณ์ว่าแฟนมาพักที่บ้านและอยู่กับครอบครัวเราอยู่แปดวัน ของคุณองุ่นแฟนจะมาพักด้วยตั้งสามเดือนอาจจะเป็นข้ออ้างอิงที่ดีของความสัมพันธ์ของคุณองุ่นกับแฟนในการขอวีซ่าก็ได้นะคะแต่ที่แน่ๆถูกถามแน่นอนว่าเจอกันที่ไหนยังไงเมื่อไหร่แฟนทำงานอะไรแต่งงานมีลูกหย่าโสดเรารู้ไหมแฟนอายุเท่าไหร่วันเดือนปีเกิดอะไร อันที่จริงการขอวีซ่าไม่ได้ยุ่งยากเลยนะคะ ถ้าคุณองุ่นพูดเขียนอังกฤษได้ก็ยิ่งเพิ่มเครดิตเข้าไปอีกค่ะ อย่ากังวลเลยนะคะจม.เชิญเราก็มีเจ้าตัวเค้าก็อยู่กับเราไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ ส่วนเรื่องการจัดงานแต่งงานที่เมืองไทยก่อนแล้วค่อยมาจดทะเบียนที่สวิสอ้อมคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับการขอวีซ่านะคะ ทางเจ้าหน้าที่เค้าคงไม่มาสนใจว่าเราจะจัดปาร์ตี้แต่งงานหรือกินเลี้ยงกับครอบครัวที่ไหน งานแต่งงานอ้อมเองก็คงไม่ต่างจากคุณองุ่นหรอกค่ะ ไม่มีสินสอดมีแต่แหวนแต่งงานเพราะพ่อแม่ไม่ได้เรียกร้องอะไรขอให้เค้าดูแลและรักลูกสาวให้ดีที่สุดเป็นพอ พ่อแม่อ้อมยังช่วยหาเงินให้เดินทางมาหาแฟนที่สวิสด้วยซ้ำค่ะ ซึ่งอ้อมเชื่อว่าฝรั่งส่วนใหญ่เค้าไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าทำไมต้องมีสินสอด เผลอๆพอเรียกไปอาจจะเข้าใจผิดไปอีกว่าเห็นแก่เงินทองสิ่งของจนขายลูกสาว ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ แฟนอ้อมเองที่บอกไม่เข้าใจธรรมเนียมสินสอดทองหมั้นของไทยเอาซะเลย อ้อมก็แค่เล่าให้เค้าฟังน่ะค่ะว่าธรรมเนียมการแต่งงานแบบไทยเราเค้าทำกันยังไงแต่ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากแฟนทุกวันนี้ท้องปากก็ขึ้นอยู่กับเค้าค่าใช้จ่ายส่วนตัวเราที่สวิสเค้าก็ออกหมดทุกแดง อย่างที่รู้ๆนะคะว่าค่าครองชีพในสวิสสูงแค่ไหนบ้านเราเทียบไม่ติดฝุ่นเลยค่ะ เพราะฉะนั้นแค่เค้ารักดูแลเรากินอิ่มมีสุขที่สวิสทุกวันนี้ก็บุญโขแล้วค่ะแถมรักเราจะเอาชีวิตทั้งชีวิตของเขาให้เราเลือกเราให้เป็นคู่ชีวิต เทียบเป็นสินสอดเงินทองไม่ได้หรอกค่ะกับสิ่งที่เค้าจะให้เรา คุณองุ่นว่าจริงไหมคะ แล้วเรื่องถ่ายรูปแต่งงานที่ส*ิโอในเมืองไทยขอแนะนำค่ะว่าดีที่สุดเลย อ้อมเคยไปถ่ายกับแฟนแต่ไม่ใช่โอกาสพิเศษอะไรแค่ถ่ายรูปดีๆธรรมดา ขนาดจัมโบ้บ้านเราแปดใบ 100 CHF ค่ะ เสื้อผ้าของเราแต่งหน้าธรรมดาเหมือนเราแต่งประจำทุกวันซึ่งเค้าไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษให้เราเลย แพงมากกกกกค่ะ อ้อมกับแฟนก็รอไปถ่ายรูปแต่งงานที่เมืองไทยเหมือนกัน กะว่าจะกลับเมืองไทยไปทำพิธีมัดข้อไม้ข้อมือคนแก่ให้พรที่บ้านทำบุญเลี้ยงสงฆ์เหมือนคุณองุ่นเหมือนกันค่ะ ส่วนงานแต่งที่นี่ก็ไม่ได้ใหญ๋โตอะไรแบบประหยัดค่ะไม่ได้ไปโบสถ์ค่ะเพราะแฟนไม่ใช่คริสเตียนเคร่งศาสนาเค้าเองไม่เข้าโบสถ์มาหลายๆปีแล้วเพราะที่สวิสต้องจ่ายเงินบำรุงโบสถ์ปีละสามร้อยฟรังค์มั้งคะแฟนก็เลยไม่ไปโบสถ์เลยอาจจะเป็นสิบปีแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะมีแค่พิธีจดทะเบียนช่วงเช้าก็จะมีคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทช่วงบ่ายก็เป็นปาร์ตี้ค้อกเทลเล็กแขกประมาณสี่สิบคนเพื่อนๆแฟนเค้าน่ะค่ะอ้อมเองคงไม่มีใครนอกจากเพื่อนๆพี่ๆคนไทยที่สนิทกันสามคนส่วนช่วงค่ำก็พาครอบครัวแฟนไปทานอาหารไทยค่ะ เขตที่อ้อมอยู่มีร้านอาหารไทยที่คนเต็มร้านทุกวันเลยเค้าจัดร้านสวยมากอาหารก็หน้าตาดีอร่อยด้วยค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มล้างท้องรอไปทานแล้ว โม้มาเยอะแล้ว ยังไงอ้อมขอให้คุณองุ่นโชคดีมีความสุขเยอะๆนะคะ ตอนนี้มีเวลาอยู่เมืองไทยใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากๆเพราะถ้ามาอยู่สวิสแล้วจะนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งคิดถึงบ้านทุกวันเหมือนอ้อม แม่อ้อมเค้าบอกว่าเพราะเงินตัวเดียวที่ทำให้เรา*งกันไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่คงบินมาร่วมงานแต่งงานของอ้อมได้มันคงเป็นวันที่อ้อมมีความสุขที่สุดในชีวิตวันหนึ่งแต่พ่อกับแม่มาอยู่ข้างๆอ้อมไม่ได้ เศร้าไหมคะ ไม่เอาละพูดมากน้ำลาย เอ้ย..น้ำตาจะไหล ไปดีกว่า บ๊ายบายค่ะ

องุ่น

ขอบคุณค่ะ คุณอ้อม ไม่ทราบว่า พอคุณอ้อมแต่งแล้ว จะอยู่ที่สวิสกับแฟนเหรอค่ะ ส่วนหนูไม่รู้ค่ะ แฟนแล้วแต่องุ่นค่ะ เพราะเขารู้ว่าเรารักงานนักข่าวมาก ชอบมากค่ะ มันสนุกตื่นเต้น และถ้าอยู่ที่นี่มันก็ประหยัดแฟนกินเงินบำนาญไม่กี่หมื่น อยู่ที่เมืองไทยดีกว่า แต่ห่วงพ่อเขาค่ะ อยู่คนเดียวน่ะสิ แต่เขาตามใจองุ่นค่ะ องุ่นขอไปเที่ยวก่อนดูลู่ทางก่อน แล้วตั้งใจจะกลับมาเรียนภาษาเยรมัน เพราะอังกฤษที่เราใช้เนี่ยมันค่อยมีประโยชน์สำหรับใช้ชีวิตที่นั้นค่ะ ไม่รู้คิดถูกหรือป่าว ???
 คุณอ้อมค่ะ องุ่นดีใจกับคุณอ้อมด้วยน่ะค่ะ ถ้าคุณอ้อมสนใจรดน้ำสังที่ กรุงเทพ เพราะองุ่นเลือกที่ ร.พ.สงฆ์ค่ะ ไม่แพงค่ะ และได้ทำบุญด้วย ยังไม่ได้จองเลย รอแฟนมาก่อนให้เขาเป็นคนช่วยเลือกค่ะพวกชุดไทยน่ะค่ะ เพราะจะตัดเพื่อไปใส่ที่สวิสค่ะ อ่านข้อความของคุณอ้อมเพลินเลยค่ะ เขียนมาเล่าให้ฟังอีกน่ะค่ะ จะได้คลายเหงาค่ะ  
  คุณอ้อมตอนที่คุณอ้อมขอวีซ่า คุณอ้อมมีใบเกิดหรือป่าว พอดีขององุ่นน่ะ ไม่มีแล้วแม่หาไม่เจอค่ะ มันต้องใช้หรือป่าวค่ะ รบกวนหน่อยค่ะ

องุ่น

อีกข้อคุณอ้อม คือวันนี้คุยกับแฟน แฟนบอกว่า ต้องวีซ่าขอแต่งงานค่ะ แล้วไปแต่งที่สวิส 8 กันยายน แฟนนัดวันแต่งไว้แล้ว เลยไม่ค่อยเข้าใจเขาน่ะค่ะ แต่เขาบอกไม่ต้องกังวล เขาจัดการให้เอง เพียงแต่เตรียมเอกสาร ให้ครบ แล้วเขาจะพาไปสถานทูตสวิส ในไทย ตอนนี้เขารอแต่ใบสถานภาพหย่าอยู่ แฟนเก่าเขาทำช้ามากๆ หนูไม่เข้าใจหรอกค่ะ
 เขาบอกมาแบบนี้ แต่ตอนนี้หนูเก็บกล่องพัสดุที่เขาส่งกล้องwebcamมาให้เมื่อ2 เดือนก่อนค่ะ แล้วก็มีโปสการ์ด อีก2ใบ เอาไว้หอบไปทำวีซ่าให้เขาดูให้หมด ไม่รู้บ้าหรือป่าว เห็นเพื่อนๆเขาบอกไว้ เมลล์ก็ให้ปริ๊นเอาไว้ด้วย มันเป็นหลักฐานที่เราใช้ติดต่อกันค่ะ แล้วก็ smsใน มือถือ เขาอ่านแล้วคงจะน้ำตาลขึ้นค่ะ แฟนจะเรียกที่รักทุกคำ และทุกข้อความจะต้องบอก ผมรักที่รักมาก มาก มากก  เป็นภาษาไทยค่ะแต่พิมพ์เป็นคาราโอเกะ สอนภาษาไทยเขาไปเยอะค่ะ พูดได้มากที่เดียว เพราะเขามาเมืองไทยแทบทุกปีค่ะ แฟนคุณอ้อมเป็นแบบนี้ไหมค่ะ

พรหล้า

แล้วถ้าดิฉันอยากแปลเอกสารที่นู้น เป็นภาษาไทยล่ะค่ะ
 ทำได้ที่ไหน หรือว่าทำได้ที่สถานฑูตไทยในกรุงบาเซิลหรือว่าเอามาแปลที่เมืองไทย
 ต้องการให้รับรองเอกสารด้วยค่ะ จะเอามายื่นกับผู้ใหญ่ที่เมืองไทย
 แปลพร้อมรับรองเอกสารราคาฉบับละ 85 CHF
 หน่ะราคานี้ตายตัวหรือเปล่าจ๊ะ  
 ต้องการแปลเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจ  
 รบกวนด้วยนะ
   
 

aom

สวัสดีค่ะคุณพรหล้า อ้อมต้องขอโทษคุณพรหล้านะคะเพราะอ้อมไม่ทราบเกี่ยวกับการแปลเอกสารเป็นภาษาไทยเพราะยังไม่เคยมีประ
 สบการณ์ รอป้าpall และพี่ๆที่ทราบมาช่วยตอบละกันนะคะ อ้อมเองก็ได้แต่แปลเอกสารสำหรับการแต่งงานเท่านั้นค่ะ

aom

สวัสดีค่ะคุณองุ่น ก็แสดงว่าเขตที่แฟนคุณอยู่เค้าต้องให้ถือวีซ่าแต่งงานเพื่อเดินทางมาจดทะเบียนแต่งงานที่สวิสเท่านั้น ทำตามที่แฟนคุณได้รับข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่ที่เขตโดยตรงเถอะค่ะเป็นวิธีที่ถูกต้องแน่นอนที่สุด และถ้าแฟนคุณองุ่นเป็นคนเดินเรื่องเค้าเป็นคนสวิสเค้าย่อมรู้แน่นอนว่าเค้าต้องทำอะไรยังไงเพื่อที่จะได้แต่งงานกับเราและพาเราเดินทางมาสวิส คุณองุ่นไม่ต้องกังวลนะคะ ตอนนี้ปล่อยให้เป็นธุระของแฟนเค้สเดินเรื่องและรอเค้ามาหาอย่างมีความสุขได้เลยค่ะ เรื่องของต่างๆที่คุณเตรียมไว้เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ของคุณกับแฟนอ้อมก็เคยคิดจะทำค่ะแต่พอถึงเวลามันไม่จำเป็นต้องใช้หรอกค่ะการขอวีซ่าไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดค่ะเพียงแค่ต้องเตรียมเอกสารที่เค้าต้องการให้พร้อมเท่านั้นเอง แล้วเรื่องใบเกิดลองติดต่อสถานฑูตดูนะคะว่าถ้าไม่มีต้องทำยังไง อ้อมเองแม่เก็บไว้ให้จนกระดาษเก๋ากึ๊กถึงแม้จะเคลือบพลาสติกแข็งแล้วก็ตามตั้งแต่โตมาก็ได้ใช้จริงๆจังๆก็ตอนจะแต่งงานนี่แหละค่ะ อ้อ...เรื่องความหวานของหนุ่มสวิสน้ำตาลจืดเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นป้าpall เค้าไม่มานั่งตากหิมะที่สวิสนี่หรอกค่ะ จริงไหมคะป้า  (อ้าว อ้อมเอ้ย เล่นของสูงซะแล้ว) ถามว่าแฟนอ้อมเป็นไหม ฮ่าฮ่าฮ่า ขัณทสกรที่เป็นหัวน้ำตาลจืดเลยค่ะก็เลยยอมหมดตัวหมดใจนั่งแหง่วตากหิมะตามป้าpall ไงคะ 5555 :)

องุ่น

จริงอย่างที่คุณอ้อมว่า 555555555555 หวานจนน้ำตาลจืด  
 เป็นเหมือนกันหมดเนอะ เหล่ามาดาม ยามทิ้งบ้านเกอดไปอยู่เนี่ยก็เพราะความหวาน เอ่อ อ่านข้อความคุณอ้อมแล้วหัวเราะ เลยน่ะ เอ่อ มันจริงๆๆแฮะ อืม แล้วรู้เลย ว่าคุณเจอคำหวานแล้วรู้สึกไง ....
 ว่างๆๆเขียนมาเล่าเกี่ยวกับ ชีวิตตอนนี้น่ะค่ะคุณอ้อม ว่าทำอะไรอยู่  
 จะร้องเพลงให้ฟัง 1 เพลง น่ ไม่จบ แต่เพื่อคลายเหงา
   " ใกล้ถึงวันวิวาห์แล้วหนา ..ยอดดวงใจจจจจจจจ" 55555555
 แซวคุณอ้อมเล่นน่ะค่ะ อีก 10 กว่าวันแล้วซิน่ะค่ะ เขียนมาเล่าบ้างน่ะค่ะ เพลินดีค่ะ

pall

สวัสดีค่ะคุณองุ่น
 
 สวัสดีจ๊ะอ้อม
 ขอบใจมากสำหรับข้อมูลที่นำมาแบ่งปันกัน
 ..ไม่ตากหิมะแล้วกลัวหนาวจ๊ะอ้อม...
 
 อ้อม...รู้ไหมคุณองุ่นก็อยู่ Bern...นะคงอยู่ไม่*งจากอ้อมหรอก