วิธีสร้างภูมิคุ้มกันใจตัวเอง เพื่อให้ใจอยู่รอดในสวิส

Previous topic - Next topic

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

ใครมีวิธีดีๆ ช่วยบอกกันบ้าง
 
 แฟนของแม่จิ๋วจิ้วฯเคยบอกตั้งแต่ก่อนที่แม่จิ๋วจิ้วฯจะมาเยี่ยมบ้านเขาครั้งแรกว่าคนสวิสค่อนข้างจะเป็นคนเย็นชานะ  เป็นเหมือนคำเตือนกลายๆว่า อย่าไปหวังว่ายิ้มให้ใครแล้วเขาจะยิ้มตอบ  หรือมีไมตรีให้ใครแล้วจะได้รับไมตรีตอบ  ประมาณนั้น  
 
 แฟนแม่จิ๋วจิ้วฯบอกว่า ถ้าคนสวิสได้เคยออกไปเที่ยวนอกประเทศสักครั้งหนึ่ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ไปเที่ยวในประเทศยากจนแถบเอเชียและแอฟริกา รับรองว่าจะติดใจในความอบอุ่นที่ได้รับจากคนท้องถิ่นเหมือนที่เขาได้รับ จนทำให้ต้องกลับไปเที่ยวครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อมีโอกาส  จะเรียกว่าโดยส่วนลึกในใจแล้วคนสวิสเป็นคนขาดความอบอุ่นจากคนสวิสด้วยกันเองก็ว่าได้
 
 ไม่ทราบว่าใครคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ  แล้วมีวิธีทำใจยังไงกันบ้างเพื่อให้ตัวเรารู้สึกดีกับตัวเองในยามที่ต้องมาอาศัยบ้านเมืองเขาอยู่
 
 เมื่อตอนมาสวิสครั้งแรกเพื่อร่วมงานแต่งเพื่อน  แม่จิ๋วจิ้วฯไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากกับปฏิกิริยาคนท้องถิ่นเพราะตอนนั้นพวกเยอะ มาจากเมืองไทย 5 คน รวมเจ้าสาวด้วยก็เป็น 6 คน มีเจ้าบ่าวชาวสวิสทำหน้าที่ไกด์และขับรถ  ก็ยกขบวนกันไปเที่ยวเมืองสำคัญเกือบทุกภาคของประเทศสวิสประมาณ 1 อาทิตย์ ตั้งแต่ Geneva, Lausanne, Vevey, Montreux, Zermatt, Lucerne, Zurich, Berne, Gruyeres, Interlaken, Grindelwald จนถึง Jungfraujoch ตอนนั้นโรคซาร์กำลังระบาดแถบเอเชีย  เวลาเจอฝรั่งทำสีหน้าท่าทางประมาณว่าเราอาจเป็นตัวแพร่เชื้อโรคซาร์ให้เขาได้  พวกเราก็จะทำเป็นไอค๊อกแค๊ก
 แกล้งเขาเล่น  สนุกดี  
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0190 ห้อง openroom (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

แต่พอมาสวิสครั้งที่ 2 ที่ 3 ชักเริ่มรู้สึก เพราะคราวนี้เป็นคนไทยหัวเดียวไม่มีพวก  
 
 เมืองที่แม่จิ๋วจิ้วฯอยู่เป็นเมืองเล็กๆแถบ Lucerne แต่ก็ไม่ถึงกับเล็กมาก  มี Migro ขนาด M เดียวหนึ่งแห่ง กับมี Coop ขนาดกลางหนึ่งแห่ง  มีร้านเบอเกอรี่ 4-5 ร้าน  ร้านพิซซ่า 2 ร้าน ร้านอาหารอิตาเลี่ยน 1 ร้าน ร้านอาหารพื้นเมือง 4-5 ร้าน ร้านทำผม 3-4 ร้าน ร้านขายเนื้อ 2 ร้าน ร้านหนังสือและเครื่องเขียน 2 ร้าน  ธนาคาร 2-3 แห่ง โรงหนังขนาดเล็ก 1 โรง  มีเขตเมืองเก่าให้เดิน Window Shopping หลังอาหารเย็น  
 
 คนที่นี่ แม่จิ๋วจิ้วฯยิ้มให้ เขาไม่ยักยิ้มตอบ แถมทำสีหน้าแววตาเฉยเมยใส่  นานๆจะเจอคนยิ้มให้ที ส่วนใหญ่จะเป็นคนแก่ที่แก่มากๆ เคยขี่จักรยานเที่ยวคนเดียวแล้วหยุดกางแผนที่ดูู  มีคนแก่ผู้หญิงอายุน่าจะ 70-80 ได้ขี่จักรยานผ่านมาเห็นเข้า ยิ้มแย้มเข้ามาถามไถ่แม่จิ๋วจิ้วฯว่าจะไปที่ไหนยังไง ช่วยแม่จิ๋วจิ้วฯดูแผนที่  เสียดายที่แม่จิ๋วจิ้วฯฟังภาษาเยอรมันไม่ออก แต่ก็รู้สึกดีมากถึงความมีน้ำใจ  เมื่อ 3-4 วันที่แล้วนั่งรถไฟไปเที่ยวเมือง St.Gallen คนเดียว ตอนเปลี่ยนรถไฟที่ซููริค กำลังยืนดูโพยในมือว่าจะต้องต่อรถไฟช่องไหน ก็มีหนุ่มสวิสคนนึงมีน้ำใจมาถามแล้วชี้ช่องให้  แต่วันหนึ่งไปเดินเล่นในเมืองคนเดียว  เจอเด็กผู้หญิง 3 คนอายุน่าจะ 9-10 ขวบ ทำท่าเบะปาก ยักไหล่ให้ มือก็โบกขึ้นลงแถวจมูก  ทำท่ารังเกียจเหมือนเราเป็นพวกตัวประหลาดสกปรก  หรือตอนไปดููเขาแข่งแฮนด์บออลกับแฟน ตอนเดินเข้าไปนั่งในสนาม คนที่นั่นก็จะพากันมองมาที่แม่จิ๋วจิ้วฯเป็นตาเดียว แล้วทำหน้าเฉยๆใส่ ไม่มีใครยิ้มให้เลย  ไม่เหมือนบ้านเรา ที่พอฝรั่งเดินผ่านหน้าบ้าน เราก็ยิ้มให้ เด็กๆส่งเสียงฮัลโหลๆตื่นเต้นตามประสา
 
 เจอเหตุการณ์ประมาณนี้ได้สัก 2 อาทิตย์แม่จิ๋วจิ้วฯถึงกับร้องไห้  ไม่รู้ใครเคยเป็นบ้าง  หลังๆเวลาเดินสวนใคร แม่จิ๋วจิ้วฯก็เลยทำหน้าเฉยๆบ้าง นึกถึงคำพูดเพื่อนที่ว่าอย่าไปสนใจ  ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ คิดซะว่าเราไม่ได้ไปขอข้าวใครกิน ก็พอช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง  หรือแม่จิ๋วจิ้วฯกำลังจะกลายเป็นคนเย็นชาเหมือนคนสวิสไปซะแล้ว
 

เทียนหอม

เข้ามานั่งฟัง ประสบการณ์เรื่องมนุษยสัมพันธ์ ของคุณแม่จิ๋วจิ้ว และเพื่อนๆท่านอื่นด้วย ได้ยินมามากว่า คนยุโรปจะไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใสกับคนแปลกหน้าเท่าไร โดยเฉพาะ คนเยอรมัน  
 
 อยากรู้ว่า  
 1. เป็นเพียงท่าที บุคลิกเพียงภายนอก ซึ่งอาจมีผลมาจากสภาพอากาศที่ทำให้คนต้องอยู่แต่ในบ้าน มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นน้อย ก็เลยดูเหมือนจะเย็นชากับคนแปลกหน้า แต่ถ้าถึงเวลาต้องช่วยเหลือ เขาจะไม่นิ่งนอนใจ
 
 หรือ
 2. เป็นนิสัยที่ไม่สนใจใคร ไม่มีมิตรภาพ ไม่มีน้ำใจ
 
 ที่อเมริกา เมืองที่อยู่ ผู้คนจะยิ้มแย้มแจ่มใสมาก ชอบคุยกับคนแปลกหน้าซะด้วยซ้ำ หน้าตาคนไทยจะยิ้มแย้มอยู่แล้วด้วย ฝรั่งก็จะยิ้มตอบเสมอ บางทีไม่ได้ยิ้มด้วยซ้ำ เค้าก็ส่งยิ้มให้ เมื่อตาสบตา
 
 หรืออย่างที่ NZ ฝรั่งก็เป็นมิตรมาก ทักทายคนแปลกหน้า เวลาเดินสวนกัน  
 
 ตอนอยู่เจนีวา ก็ไม่มีความรู้สึกว่า คนที่นั่นไม่เป็นมิตร อาจจะยิ้มน้อยหน่อย แล้วก็เป็นประสบการณ์ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น เลยอยากเรียนรู้นิสัยใจคอของคนยุโรปมากกว่านี้ค่ะ

namelin

ดีค่ะ
 ขอร่วมด้วยคนนะคะ กะลังว่าง
 อย่าว่าแต่คนทั่วๆไปเลย คนสวิสเห็นดาราดังๆก็ยังเฉยๆ
 เคยได้ยินว่าดาราบางคนชอบมาที่นี้ เพราะไม่มีใครสนใจดี ไม่เหมือนที่อื่น ที่ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว
 การที่เขาเฉยๆ ก็อย่าไปมองว่าเขา ไม่ชอบ หรือรังเกียจ ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน แต่มันอาจจะเป็นเพราะมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วก็ได้ เช่นคนเยอรมัน ที่ชอบพูดอะไรตรงไปตรงมา ไม่ต้องรักษาใจกัน เขาก็บอกว่า เขาก็เป็นแบบนี้ละ แต่ไม่ได้มีอคติอะไรหรอก ก็ต้องเข้าใจ เรียนรู้กันไป  
 แต่จากที่สังเกตุมา คนแก่น่ารักสุด คนที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกะคนต่างชาติกลับเป็นพวกวัยรุ่น แต่ส่วนตัวเห็นว่า อาจจะเป็นเพราะวัยรุ่นยังมีพัฒนาการทางสังคมไม่เพียงพอ จึงปฏิบัติเช่นนั้น  
 ประสบการณ์ส่วนตัวเคยเจอแต่คนมาถามทาง เป็นประจำ เห็นหน้าไม่ได้ แล้วจะตอบได้ไงละ ขนาดคนเจ้าถิ่นบางคนยังไม่รู้เลย  
 จขกทเป็นคนยิ้มง่าย เป็นมิตรก้อดีแล้วละคะ ใครไม่ยิ้มตอบก็ช่างเถอะ ถือว่าได้บริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้าก็แล้วกัน แถมยังอารมณ์ดีด้วยนะ (เพราะถ้ายิ้มก็คงจะอารมณ์ดีใช่ป่าว) จบดีกว่า :>  

โอเ

สวัสดีค่ะ  เห็นด้วยกับคุณ namelin ค่ะ ที่ว่า วัยรุ่นไม่ค่อยเป็นมิตร เพราะยังมีพัฒนาการทางสังคมไม่เพียงพอ  อย่างว่าแหล่ะค่ะ คนเรามีทั้งเป็นมิตรและไม่เป็นมิตรล่ะ คิดซะว่าอยู่ส่วนใครส่วนมัน เราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วเราอยู่ที่นี่ก็ถูกกฎหมาย ไม่ได้ทำผิดอะไร ขึ้นรถก็ซื้อตั๋วเหมือนกับคนประเทศเค้าทั่วไป คิดในแง่ดีเข้าข้างตัวเองเข้าไว้ก็จะสบายใจเองแหล่ะค่ะ อิๆ  โอเลี้ยงอยู่แถบๆลูเซิร์นเหมือนกัน นั่งรถไฟประมาณ 17 นาที  อยากมีเพื่อนคุย นัดเจอกันที่ลูเซิร์นได้นะคะ  
 ระยะเวลาจะช่วยทำให้เราชินกับสิ่งแวดล้อมเองล่ะค่ะ  ไม่ต้องคิดมาก

pall

สวัสดีค่ะทุกๆคน
 มาขอออกความเห็นด้วยคน
 ถ้าเราพูดกันจริงๆแล้วป้าว่าทุกๆชาติจะคล้ายๆกัน
 เรื่องการมอง..ความเย็นชา...หรือท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตร
 ไม่ว่าคนสวิส..หรือชาติอื่นๆ...
 หรือคนไทยเราก็เหมือนกัน(อย่าเพิ่งมาด่าป้านะ)
 เป็นแค่การออกความเห็น...
 
 ยอมรับว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีปัญหากับคนสวิส
 รู้จักและเข้าใจถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอุปนิสัยใจคอ
 ของคนสวิสดีพอสมควร..จึงพยายามทำความเข้าใจ
 และปรับตัวเข้าหาเขา..ทุกอย่างเราต้องเริ่มก่อน..
 จะรอให้เขาเข้ามาหาเราอย่าหวัง...
 เหมือนรอให้น้ำท่วมหลังเป็ด..ไม่มีวันเจอ..
 ดังนั้นป้าจะเป็นคนเริ่มก่อนตลอดเวลา..
 ไม่ว่าจะทักทายหรือพูดกับลมๆแล้งๆ...ซึ่งก็ได้รับการทักทาย
 หรือการพูดคุยกลับมาอย่างเป็นมิตร...(บางครั้งก็เก้อ.แต่ไม่เคยผิดหวัง)
 การมอบไมตรีเราต้องยื่นให้เขาก่อน...
 คนสวิส...ถึงจะเย็นชา...แต่ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือ
 เขาจะรีบช่วยเรา..(ถึงแม้จะไม่ทุกคน)
 โชคดีมากๆเลย.เขตที่ป้าอาศัยอยู่ไม่เคยเจอคนสวิสทำท่าดูถูก
 หรือเกลียดคนต่างด้าว...ทุกคนล้วนเป็นมิตรและทักทายกัน
 อย่างมีไมตรี..หรือเขตที่ป้าอยู่อาจจะเป็นบ้านนอกก็ได้

พรหล้า

หนูก็เหมือนป้าค่ะ
 ไม่เคยเจอชาวสวิตทำท่าไม่เป็นมิตรกับหนูสักที
 มีอยู่ครั้งหนึ่งหนูกับแฟนได้รับเชิญไปค้างที่บ้านเค้า
 ก็เลยนั่งรถไฟกันไปเรื่อยๆ ต่อด้วยนั่งรถรางขึ้นไปบนเขา
 หนูกับแฟนก็แบบว่านั่งเลยป้าย นั่งไปสุดสายซะงั้นแล้วมันก็เย็นมาก
 โทรหาเจ้าของบ้านก็ไม่มีคนรับ ก็เลยนั่งอยู่แถวๆนั้น อากาศก็เย็นมาก
 มีรถวิ่งมาคันหนึ่ง เลี้ยวเข้ามาหนูก็นึกว่ามีคนมารับ ที่ไหนได้เป็นใครก็ไม่รู้ แต่เค้าเข้ามาถามว่ารอใครอยู่เหรอ มีอะไรให้ช่วยไหม หนูก็บอกว่ารอ คุณ.... แล้วก็ยื่นนามบัตรไป เค้าอ่านแล้วบอกไม่รู้จัก แต่แทนที่เค้าจะกลับ เค้ายื่นรอเป็นเพื่อนซะงั้น แล้วก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย สุดท้ายหนูก็โทรติด แล้วก็บอกเค้าว่ามีคนขึ้นมารับแล้ว เค้าก็เลยกลับไป ส่วนเจ้าบ้านที่หนูโทรไปแล้วไม่มีคนรับเพราะ เค้าทิ้งโทรศัพท์ไว้ในรถ แล้วตัวเค้าออกไปเดินหาหนูกับแฟนที่สถานีรถไฟ มีแต่คนดีๆทั้งนั้นเลย เล่าแล้วก็ประทับใจค่ะ

เกตุ

อืม...เกตุว่าถ้าอยู่นอกเมืองผู้คนจะน่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใสนะ พอย้าย
 เข้ามาอยู่ในเมืองรู้สึกว่าผู้คนแข็งกระด้าง ยิ้มไม่เป็น ทักทายกันไม่
 เป็น นอกจากคนแก่ ไม่เฉพาะแต่พวกวัยรุ่นหรอกค่ะ คนรุ่นทำงานนี้ก็
 เป็น ขนาดที่พักตึกเดียวกันนี้ เกตุทักไปเขาก็ไม่ทักตอบ ยิ้มให้ก็เมิน
 หน้าหนี เดินไปตามถนนก็เหมือนกัน เฮ้อ อยากย้ายออกนอกเมือง
 มากกว่า เกตุเลยรู้สึกว่าคนที่อยู่ในเมืองกระด้างสู้ผู้คนนอกเมืองไม่
 ได้ แต่ตอนหลังเกตุก็ไม่เคยทักเขาอีกเลย เจอหน้าก็ทำเฉยมั้ง  แต่
 บางคนในตึกก็น่ารักดี

ตุ้ม

สวัสดีทุกๆคนค่ะ
 ในประเทศสวิตฯมีพลเมืองที่เป็นชาวต่างชาติมากกว่า 20% ซึ่งสูงมากว่าประเทศใดๆในยุโรป  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่จะมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่หนาแน่นกว่าเมืองเล็กๆ  ในจำนวน 20% นี้ไม่นับชาวต่างชาติที่ได้โอนสัญชาติเป็นชาวสวิสแล้วและชาวต่างชาติที่ข้ามชายแดนเข้ามาทำงานในสวิสฯทุกๆวันอีกทั้งผู้ที่รับวีซ่านักท่องเที่ยวที่พำนักระยะสั้นชั่วคราวไม่กี่เดือน  การที่เราประสบเหตุการณ์ที่ทำให้เราคิดว่าคนสวิสไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส อาจจะเป็นไปได้ถึงกว่า 20% ได้ว่าบุคคลนั้นไม่ใช่ชาวสวิสที่แท้จริง  ชาวสวิสส่วนใหญ่เป็นคนที่ซื่อสัตย์และเที่ยงตรงอีกทั้งเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นมาก  อาจจะเป็นไปได้มั๊ยคะที่การที่เค้าเคารพความเป็นส่วนตัวทำให้เราเข้าใจผิดว่าไม่เป็นมิตร  ลักษณะเด่นข้อนี้ของชาวสวิสทำให้ประเทศสวิสฯได้เป็นศูนย์กลางของการธณาคารและการบริหารเรื่องการเงิน  ในประสบการณ์ของตัวเองที่อยู่ที่นี่มากว่า 20 ปี ยังไม่เคยพบเหตุการณ์ที่ทำให้คิดว่าชาวสวิสไม่เป็นมิตรเลย  ทุกๆครั้งที่พูดทักทายใครจะได้รับการทักทายตอบทุกครั้ง  มีอีกข้อที่สังเกตุง่ายมากคือในระหว่างเวลาเดินทางในเครื่องบิน กัปตันจะพูดกับผู้โดยสาร

ตุ้ม

ขอโทษค่ะ  เขียนยังไม่จบกดผิด
 กัปตันสวิสจะพูดกับผู้โดยสารแบบตรงไปตรงมาไม่มี Sex Appeal หรือลูกเล่นเลย  ถ้าเป็นชาติอี่นเราจะรู้ได้ทันทีเพราะการพูดผิดกันมาก  โดยเฉพาะเวลาที่เครื่องมีปัญหากัปตันชาวสวิสจะพูดเหมือนกับแถลงข่าวแต่ชาติอื่นจะพูดปลอบใจไปดัวย

แม่จิ๋วจิ้ว สยิวกิ้ว

ขอบคุณทุกท่านมากค่ะที่แวะเข้่ามา  จะว่าไปคนไทยเรานี่ก็แปลกที่ยิ้มง่าย  เป็นไปได้ไหมคะว่า เป็นเพราะ  
 
 (1) อากาศบ้านเราดีตลอดปี  แสงแดดทำให้ใจคนปลอดโปร่ง  
 
 (2) เมืองไทยเราสงบสุข  และถึงแม้จะมีเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  แต่ก็ไม่ค่อยกระทบกระเทือนความเป็นอยู่ของคนหมู่มาก ไม่เหมือนกับประเทศแถบตะวันออกกลาง  
 
 (3) เมืองไทยตั้งอยู่ในทำเลดี  ไม่มีภัยธรรมชาติร้ายแรงให้ขวัญผวา ( ยกเว้นสึนามิ )  
 
 (4) ถึงแม้ประเทศไทยเราจะยากจนแต่เรื่องอาหารการกินกลับอุดมสมบููรณ์  มีกินตลอดปี  
 
 (5) บ้านเราไม่มีปัญหาร้ายแรงเรื่องความแตกต่างในการนับถือศาสนา ชาวพุทธ มุสลิม คริสต์ และอื่นๆ อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข  
 
 ทั้งหมดนี้อาจทำให้คนไทยเป็นคนสบายๆไม่ค่อยเครียดมากนัก  จะว่าไปก็น่าเห็นใจคนเมืองหนาวที่อากาศหดหู่พาลให้คนรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย

ท้อแท้

สวัดดีค่ะ ร่วมลงขันออกความเห็นด้วยคนนะ  
 อ่านทุกๆควมเห็นมานานแล้ว ทนไม่ไหวเลยต้องขอแจมด้วยคน  
 ใครเคยโดนประเภทหัวเราะเยาะบ้างหละ คงไม่มีหละซิท่า  
 นี่ค่ะอิฉันเองโดนเต็มๆเลยค่ะ ตอนไปหัดเรียนออกเสียงภาษาเบิ์รนด้อย  
 *คนสอนเลยและไร้จรรยาบรรณไม่รู้มาเป็นคูรสอนได้ยังไง  
 หัวเราะเยาะเราตอนเราออกเสียงไม่ถูก ไม่ได้แกล้งพูดผิดนะ แต่เราออกเสียงลำบาก  
 บอกเราดีๆก็ได้ทำไมต้องเยาะเย้ยเราด้วย แค่นั้นไม่พอวันต่อมาทำเหมือนเราไม่ได้อยู่ในห้องเรียนด้วย.  
 เราเอากลับมาเล่าให้แฟนฟัง เขาก็บอกว่าเราคิดมาก น้อยใจจริงๆ .  
 ยังไม่จบนะเรื่องของคนฝรั่งสวิสนะ ยังมีอีกเยอะเลย .  
 ขอเล่าอีกเรื่องนะมันค้างคาใจมานานแล้ว คนอายุมากที่นี่ไม่เหมือนผูสูงอายุบ้านเราใจดี.  
 เหตุการณ์นี้เจอมาสองครั้งแล้วไม่นั้นไม่กล้าจะเอามาเล่าให้ฟังแน่ ตอนไปขึ้นรถราง เราเห็นที่ว่างเราก็เดินไปนั่งมีผู้หญิงแก่คนหนึ่งตะโกนเสียงดังลั่นรถเลย บอกเราให้ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ฉันจะนั่ง แล้วพูดอีกว่าคนที่นี่เขาเห็นคนแก่ต้องลุกให้นั่ง เป็นคนต่างชาติให้รู้ด้วย พวกคุณๆรู้ไหมนึกเหรอว่าเราเห็นคนแ่ก่เราจะไม่ลุกให้เขานั่ง.  
 แม่เฒ่าคนนี้เดินผ่านผู้คนสวิสที่นั่งในรถรางหัวให้แดงตั้งหลายคนแต่กลับไม่ยักกะขอนั่ง แต่ดันมาหยุดขอนั่งตรงเรามันน่าเจ็บใจไหมหละ.ขอไม่ขอเปล่าประจานเราอีกแน่ะ.เอาเราก็อายไปซิไม่รู้จะพูดตอบยังไงงงเลยหละ.เหตุการณ์ที่2หลังจากนั้นไม่นาน อิฉันเจออีกแล้วคล้ายๆกันเลยแต่คนละที่ และก็คนหละคนกัน.  
 บนรถไฟทีนี้เป็นท่านเจ้าคุณสวิสแต่งตัวเหมือนพวกอนุรักษ์ชาติ หรือเรียกอีกทีว่าพวกชาตินิยมแหละ.  
 อิฉันเอากระเป่าวางไว้ข้างๆเบาะใกล้ๆตัว แต่ยอมรับว่ามันพลุงพลังหน่อย แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับท่านผู้เฒ่าคนนี้เลยเพราะแกนั่งคนละฝั่งกับเราและคนละที่ด้วย แต่พ่อก็ยังสอดตามาหาด่าเราจนได้ ไม่รู้ไปทำอะไรให้แต่ชาติปางไหนเกลียดเพราะเราหัวสีดำหรือไงไม่รู้.แกด่าว่าที่ตรงนี้เอาไว้นั่งไม่ไช่ที่วางของเอาลงหรือถือเอาไว้ซิ.  
 *เราไม่อยากใส่ใจเพราะเห็นคนอื่นเขาก็วางกัน ทำไมเราวางไม่ได้ ก็เลยทำเป็นเฉยๆไม่ฟังแกพูด.  
 ทีนี้แก่เล่นเดินมาหยิบของเราวางตรงพื้นเลย ตรงหน้าที่เรานัง แล้วพูดเสียงดังเลยว่า่่่ห้ามวาง.  
 แล้วพูดอีกหลายอย่างเลยเยอะแยะจำไม่หมดหรอก.แบบว่าด่าเราเลย.  
 *เราก็เฉยอีกไม่อยากยุ่ง สุดแสนจะอายเลยก็ทุกคนเล่นหันมามองเราตอนแกด่าหนะ.  
 เอาเราก็แอบมองค้อนให้ด้วย โกรธด้วย.นี้แหละคะเหตุการณ์ในสวิสที่น่าประทับใจมากที่อิฉันเคยเจอมา.  
 คิดแล้วอยากจะกลับบ้านวันนี้พรุ่งนี้เลย.แต่ว่าไปส่วนดีก็เยอะแยะ แต่ดิฉันจะขอจำเรื่องแบบนี้เอาไว้กับดิฉันตลอดไป เอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟัง ว่าดิฉันเจออะไรที่ต้องทนกับคนสวิสบ้าง.  
 ขอบคุณที่มีที่ให้ฉันท์ระบายความในใจบ้าง.  
 จาก ท้อแท้

ตุ้ม

เสียใจดัวยกับคุณท้อแท้ค่ะที่โชคไม่ดีไปพบคนที่มีนิสัย(สันดาน)ที่รังเกียจชาวต่างชาติ  คนเหล่านี้เค้าจะไม่มีความสุขในชีวิตของเค้าหรอกค่ะ  เพราะจิดใจของเค้าไม่แจ่มใส  น่าเสียดายที่คุณไม่แจ้งให้ทาง รร ที่คุณเรียนทราบถึงพฤติการณ์ของครูที่ทำตัวไม่เหมาะสม  ผู้ที่ไปเรียนอะไรก็ตามแสดงว่ามีความสนใจและต้องการศึกษาเพิ่มเติมถ้าผู้นั้นรู้ดีหรือทำได้แล้วจะไปเรียนเพื่อเหตุใด  ขอให้คุณท้อแท้คิดเอาไว้เสมอหรือจะเอาไปตอบกลับกับคนที่เยาะเย้ยคุณว่าออกสำเนียงภาษาไม่ถูกต้องว่า  ผู้ใดก็ตามที่ออกสำเนียงภาษาอื่นไม่ได้ถูกต้องนั้นเป็นเพราะผู้นั้นพูดภาษาอื่นๆได้อย่างน้อยอีกภาษาหนึ่ง  ผู้ที่หัวเราะเยาะคุณนั้นสามารถจะพูดภาษาที่คุณพูดคล่องได้โดยไม่ผิดสำเนียงหรือไม่  อย่าท้อแท้นะคะ  ขอเอาใจช่วยคุณมาได้ถึงไกลแค่นี้แล้วมุ่งหน้าต่อไปค่ะ
 

เกตุ

กรี๊ดดดดดดดด ขอคืนตำแหน่งรักเด็กชั่วคราว (เกี่ยวไรกะคนแก่ฟ่ะ) อ่านของคุณท้อแท้แล้วทนได้งั๊ย ไม่ด่ากลับไปเลย แค้นใจเหลือหลาย เป็นเราหน่อยไม่ได้ ไม่ยอมให้มาทำฝ่ายเดียวหรอก ถึงภาษาจะไม่แข็งแรงแต่ก็ขอให้ได้ด่ากลับหน่อยเถอะ เรื่องไรปล่อยให้เขาทำอย่างเดียว เจอคราวต่อไปคุณท้อแท้ด่ากลับไปเลยนะคะ  
 
 แต่ก็จริงเหมือนป้าตุ้มว่าแร่ะ ตึกเกตุนี้มีแต่ต่างชาติค่ะ มิมีสวิตฯ มีป๋มคนเดียวที่นามสกุลสวิตฯ แต่หัวดำ จมูกแบนอีกต่างหาก

เกตุ

อีกหน่อย ถ้าเราโดนแล้วไม่ได้เอาคืนนี้ เรานอนไม่หลับไปหลายคืนเลยนะเนี่ย ขนาดแค่อ่านยังเจ็บใจแทน