ป้าหนูเป็นคนกลัวผีมาก อยากให้ป้าช่วยบอกหนูหน่อยหนู

Previous topic - Next topic

โคง่น

ป้าหนูเป็นีทกลัวผีมากแต่เกิดมาเป็ฯชีวิตหนูก็ไม่เคยเห็ฯนะ แต่หนูจะทำยังไงดีละป้า ทำให้หนูไม่คิดมากฟุ้งซ่าน บางทีตอนกลางคืนนะป้าหนูเป็ฯพวกที่ชอบคิดว่ามีอะไรอยู่ตรงโน้น ตรงนี้ เคยดูหนังผี และก็มาคิดป็ฯเรื่องจริงกับตัวเอง ตลอดและมันก็ทำให้หนูไม่เป็ฯสุข นอนคนเดียวไม่ได้ ตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว ไม่เคยนอนคนเดียวหนูต้องนอนกับแม่ตลอดพอมาอยู่กับแฟน ถึงแฟนหนูนอนก่อน หนูก็ต้องบอกว่าหนูจะเปิดไฟตลอดไว้นะ จนกว่าหนูจะดูทีวี จนง่วง และหนูก็จะไม่ให้แฟน ปิดประตูห้องนอนต้องเปิดไว้เหมือน หนูอุ่นใจนะป้า ว่าได้เห็ฯแฟน หรือ คนอื่นอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้อยู่คนเดียว หนูเหมือนอีเดียดเลย แต่แฟนหูเขาก็จะเข้าใจ สงสารเขาเหมือนกัน บางที เขาต้องการพักผ่อนต้องการมีแฟนเป็ฯคนปกติ ไม่กลัวอะไรกับสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ เขาจะไม่เคยกลัวผีเลยป้า ดีสำหรับหนูเพราะเขาจะบอกหนูตลอดว่า ไม่มีอะไรนะ หรือว่า เธอจะดูใต้เตียงกับฉัน เขาก็จะพาหนูไปก้มดู พร้อมกับจับมือหนูตอนก้ม หนูก็ดูหนูรู้ว่ามันไม่มีอะไรแต่หนูคิดเองว่า เหมือนในหนังเปล่าเนี่ย ถ้าก้มไปครั้งนี้เจอผู้หญิง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ประสงค์ที่จะเห็นเหมือนในหนังหนูประสามเสียแน่เลยป้า เนี่ยจะเป็ฯตอนกลางคืนนะป้า...บางทีนะป้าถ้าแฟนหนูเขา ต้องไปประชุมที่อื่นเขากลับมา ดึกๆนะ และทีนี้หนูอยู่คนเดียวละ โอ้โห ไม่ต้องพูดเลย บ้านหนูเหมือนงานวัดเลยป้า เปิดทุกดวงไฟห้องน้ำ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องกลัว ชั้นบนชั้นล่าง เปืดทุกดวงจริงๆป้าถึงหนูง่วงหนูก็ไม่กล้าเข้าไปนอนคนเดียวต้องรอจนกว่าแฟนกลับหนู.....ช่วยบอกหนูหน่อยหนูจะทำไงดีให้หายกลัว...หนูคิดว่าป้าคงหใคตอบหนูได้ตรงจุดนะป้านะ เพราะป้าบอกว่าชอบหนังเรื่องผี วิญญาณ พวกนั้นนั้น ถ้าเป็ฯหนูนะ แค่หน้าปก หนูก็ไม่อยากเปิดหน้าต่อไปแล้วเพราะว่าหนูกลัว....
 ป้าช่วยบอกวิธีหรือความคิดของป้าเกี่ยวกับเรื่องผีๆที่ป้าคิดให้หนูฟังหน่อยเผื่อหนูจะได้แยกแยะอะไรได้บ้างป้า...ขอบคุณจ้ะ

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0157 ห้อง openroom (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

สวัสดีค่ะคุณง่น....
 ฟังที่คุณเล่าแล้วเห็นใจจริงๆกลัวว่าความกลัวจะทำให้คุณฟุ้งซ่าน
 จนกลายเป็นโรคที่เรียกว่าHallucination..(เปิดแปลเอาเอง)
 ลักษณะที่คุณประสบอยู่นี้อาจะเนื่องมาจากหลายสาเหตุ
 ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูปลูกฝังตอนเด็ก,หรือการขาดความอบอุ่น
 ในจิตใจ(ที่เราไม่ยอมรับความเป็นจริง)
 ไม่มีใครช่วยคุณได้แม้แต่หมอโรคจิต.เราต้องช่วยเหลือตัวเอง
 สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง..ลบความกลัว..ความฟุ้งซ่าน
 
 ป้าคนตอบคุณได้ไม่ตรงจุดหรอกค่ะเพราะตัวเองไม่เคยกลัวอะไร
 เป็นคนที่กล้าเผชิญกับทุกอย่าง..
 คนที่จะช่วยคุณได้คือคนที่เคยผ่านประสบปัญหาความกลัวแบบคุณมาแล้วและเลิกกลัว
 
 เรื่องจิตวิญานหรือเรื่องผีๆ...เราก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีผีจริงหรือไม่
 นอกจากได้รับคำบอกเล่ากันมาว่าผีน่ากลัว
 คนเล่าก็ฟังมาอีกต่อหนึ่ง...ป้าไม่เคยเจอผีเลยบอกคุณไม่ได้ว่า
 ผีน่ากลัวหรือไม่..ถ้าเจอแล้วจะบอกคุณเป็นคนแรก
 
 ถ้าคุณกลัวมากจริงๆอย่างที่คุณทำอยู่ถูกต้องแล้ว
 เปิดไฟให้สว่างเป็นวิธีที่ดีที่สุด
 วิธีสร้างความอบอุ่นใจเพิ่มขึ้นคือการแขวนพระถ้าคุณเป็นพุทธ
 ถ้าเป็นคริสต์ก็แขวนไม้กางเขน
 
 ป้าไปเดินในป้าช้าหรือไปดูห้องเก็บศพคนในห้องความเย็น
 ในป้าช้ามาแล้วดูคนตายที่อยู่ต่ามลำพังแล้วทำให้เราได้ข้อคิดหลายอย่าง
 คนเรามาก็มาแต่ตัว..พอตายไปอยู่คนเดียวก่อนจะโดนฝัง
 หรือโดนเผา...คนตายไม่น่ากลัวเลย
 เรื่องผีวิญญานไม่เคยกลัว..จะกลัวเรื่องเดียวคือความบ้าของคน
 ในปัจจุบันนี้เท่านั้น
 
 ป้าช่วยคุณไม่ได้จริงๆค่ะแม้แต่คำแนะนำ...
 ที่คุณทำอยู่น่ะดีแล้วค่ะขอบอกจริงๆ..ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงหรอก
 

'หนุน

มานั่งฟังป้าแนะนำค่ะ
 .............
 คุณ" โคง่น " จ๋า  เราว่าผีมีจริงนะคะ  แล้วมันอยู่กับคุณตลอดเวลา
 ตาคุณไม่เห็นมัน  แต่ใจคุณเห็นมันตลอด
 ปิดตาไม่ให้เห็นสิ่งที่ไม่อย่างเห็นเนี่ย
 ให้คนอื่นช่วยปิดได้  แต่ปิดใจไม่ให้เห็น ไม่ให้คิด  
 ็มีแต่ตัวเองเท่านั้นแหละค่ะที่จะช่วยเหลือตัวเองได้
 
 ถ้าวิธีเปิดไฟ  หรือหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา
 ทำให้ผีมันไม่ออกมาให้เห็นได้
 เราว่ามันก็ดีนี่คะ  แสดงว่าคุณก็ยังพอมีเหตุผลอยู่ว่าผีสวิสกลัวแสง  
 กับกลัวคนเยอะ ๆ  ไม่ได้กลัว มีดหมอหรือข้าวสารเสกแบบผีไทย  
 อันนี้ไม่ได้ประชดนะคะ
 เพราะเราว่า  ถ้าเรากลัวอะไรมาก ๆ แล้วหาวิธีหยุดไม่ให้กลัวได้  มันก็ดีแล้วจริงๆ
 
 แต่ถ้าคุณตั้งใจว่าจะไม่อาศัยอุปกรณ์ใด ๆ ช่วยไม่ให้ผีมันออกมา
 เราว่าคุณคงต้องเริ่มจากการฝึก "อยู่ในที่มืดกับตัวเอง" ก่อนค่ะ
 เช่นวันนี้  ฝึกนั่งหลับตาตั้งสมาธิอยู่ในห้องคนเดียว ซักหนึ่งนาที   ก็พอ
 ไม่ต้องปิดไฟก็ได้นะคะ  เพราะเวลาเรานั่งหลับตาไฟมันก็ปิดอยู่แล้วหละ
 แต่ถ้าข่มเปลือกตาให้ปิดลงไม่ได้ในวันแรกก็ไม่เป็นไร   พรุ่งนี้ก็ยังเริ่มใหม่ได้
 แต่ถ้าทำได้ในวันแรก  พอวันที่สองก็เพิ่มเวลาไปเรื่อย ๆ    แต่อย่าตั้งควาามหวังไว้ว่าเราจะเลิกกลัวไปเลย
 เพราะมันอาจจะยากเกินไป    เอาแค่ลดความกลัว
 และเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองได้ แค่นั้นก็พอ
 ถ้านั่งปิดตาทำสมาธิอยู่คนเดียวได้ซักครึ่งชั่วโมงเราว่าก็เก่งแล้วนะคะ
 เพราะนั้นแสดงว่าคุณชนะตัวเอง และชนะผีได้แล้วในระดับนึง
 
 จะได้บอกใคร ๆ ได้ว่า  เราเป็นคนกลัวผีมาก  
 ไม่ใช่กลัวผีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  แบบที่เคยเป็น
 เอาใจช่วยนะคะ  ^___^

pall

สวัสดีจ๊ะขนุน
 เพิ่งรู้ว่าน้องหนุนกลัวผี
 เห็นด้วยที่ขนุนบอกว่า
 
 เราว่าผีมีจริงนะคะ  แล้วมันอยู่กับคุณตลอดเวลา  
 ตาคุณไม่เห็นมัน แต่ใจคุณเห็นมันตลอด  
 ปิดตาไม่ให้เห็นสิ่งที่ไม่อย่างเห็นเนี่ย  
 ให้คนอื่นช่วยปิดได้ แต่ปิดใจไม่ให้เห็น ไม่ให้คิด  
 ็มีแต่ตัวเองเท่านั้นแหละค่ะที่จะช่วยเหลือตัวเองได้  
 
 ป้าเห็นด้วยว่าการกลัวอยู่ที่ความนึกคิดจินตนาการไป
 เห็นด้วยกับการหัดการฝึกแก้ความกลัว
 และสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
 
 ป้าชอบมากเกี่ยวกับผี..ตั้งแต่เด็กมาแล้วเดินผ่านป่าช้าทุกวัน
 และชอบเล่นเกี่ยวกับผีวิญญาน
 และชอบเล่นมากคือผีถ้วยแก้ว..เล่นจนทั้งคนและผีกระเจิงจาก
  แม่ของป้า....ที่โกยก่อนคนอื่นคือคนเชิญผีให้มาเล่นด้วย(ป้า)
 
 จริงๆนะขนุนไม่ได้ประชด..ป้าอยากเห็นผีมาก..อยากคุยกับผีมาก
 แต่จนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยเห็นผีเลย..สงสัยผีคงกลัวป้ามาก
 กว่าป้ากลัวผี
 
 

น้ำท่วมปาก

ท่องไว้เลยคุณง่น.....คนน่ากลัวกว่าัผี
 ตอนเด็กๆจำได้ว่ากลัวผีมากเพราะชอบดููหนังผีประกอบกับพี่ชายชอบหลอก นอนปิดไฟไม่ได้จนกว่าจะหลับและตอนเด็กๆพ่อต้องเกาหลังให้ตลอด  งี๊ดงี๊ดงี๊ด....คิดถึงพ่อจัง
 ไม่เกาไม่หลับ ถ้าตื่นมาไม่เห็นใครบนเตียง รับรองสามบ้านแปดบ้านได้ยินเสียงกรี๊ดสนั่นไปทั้งซอย
 
 จำไม่ได้ว่าหายกลัวไปเมื่อไหร่  แต่ประสพการณ์สอนให้รุ้กลัวอะไรให้เข้าไปหาสิ่งนั้น  จะได้รุ้ดำรุ้แดงเลยว่ามันเป็นอย่างที่จิตวาดมโนภาพไหม  คนกลัวผีก็ต้องเชื่อพระน๊ะ  เพราะเขาบอกกันมาว่าผีกลัวพระ เห่อเห่อเห่อ  เราเลยนั่งสมาธิเพราะเป็นวิธีที่ปฎิบัติธรรมที่ช่วยทางจิตได้ดี  แรกๆนั่งแบบลืมตาน๊ะ   ต่อมาหลับตาแต่ก็บอกพระพุทธรููปน๊ะว่าขออนุญาตลืมตาเวลากลัว.....ทำใจให้สงบท่องแต่พุทโธ  หรือ ยุบหนอพองหนอ หรือ ถ้ากลัวมากๆก็บอกเลยเออกลัวหนอ กลัวหนอ.....แล้วก็ดุุว่าตอนกลัวอารมณ์เป็นอย่างไร เช่น หายใจแรง ขนตั้ง พอหายกลัวอารมณ์ต่างหายหมด.... ก็บอกตัวเองคนหนอคน เดี๋ยวหาย  มันก็แค่คิดไปเอง  ผีก็อยุ่ส่วนผี คนก็ัอยุ่ส่วนคน  ถ้ากลัวมากก็แค่นั่งสมาธิทำบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรมากๆหน่อย  ก็พอ
 
 เราทำแบบนี้  ค่อยเป็นค่อยไป  ไม่บังคับตนว่าต้องไม่กลัว  ถ้าอารมณ์กลัวเกิด  ก็บอกกับจิตว่าเออ...กลัวน๊ะ เป็นแบบนี้จบกำหนดอารมณ์อื่นมาแทน.......ทำได้ตลอดน๊ะ ไม่ว่าทำกับข้าวรีดผ้าดููทีวี .....ตอนนี้หายกลัวไปแบบไม่รุ้ัตัวเลยจ้าาาาาา
 
 อีกอย่างคิดดีทำดี  แม้คนไม่เห็นแต่ัผีเห็นจ้าาาาาา  ซำบายใจได้จ๊ะ

โคง่น

ขอบคุณมากนะป้า สำหรับคำตอบที่ดูสองแง่สองง่าม แต่จะลองทำดูนะป้า คุณหนุนด้วยนะ....
 

โคง่น


ตุ้ม

ไม้เคยกลัวผีค่ะ  เพราะคิดว่าจิตใจเราบริสุทธิ์ไม่เคยไปทำร้ายหรือมุ่งร้ายต่อใคร  ไม่เชื่อค่ะว่าผีมีจริงแต่ไม่ลบหลู่  อยู่ที่จิตของเราว่าอ่อนไหวทำให้ประสาทหลอนไปหรือไม่  วิญญาณมีจริงแต่เราอยู่กันคนละภพ พระจะอยู่ทั่วไปทุกแห่งหนและคุ้มครองปวงมนุษย์  ส่วนร่างกายของเรานั้นก็เป็นเพียงเนื้อหนังเหมือนกับสัตว์โลกทั้งหลายเมื่อวิญญาณออกจากร่างไปก็เน่าเปื่อย  สิ่งที่จะคงอยู่ก็คือความดีที่เรากระทำไว้เท่านั้นเอง  เวลาที่เราจับเนื้อสัตว์ที่เรานำมาทานเป็นอาหารก็เหมือนกับเราจับทรากศพ(สัตว์)เหมือนกัน

พรหล้า

โดยส่วนตัวก็ยังเฉยๆค่ะ อาจเป็นเพราะวันๆมีเรื่องทำเยอะคิดเยอะ
 กลับบ้านก็นอนแผ่หลา หลับเป็นตายลืมกลัวไปเลย 555++++
 ตื่นมาอีกที อ้าว...ยังไม่ได้อาบน้ำนี่หว่า
 
 ถ้ากลัวก็เอาอย่างงี้สิค่ะ ออกกำลังกายให้เหนื่อยเข้าไว้ แล้วเราก็จะหลับแบบไม่ต้อง มานั่งคิดมากว่าอะไรจะเดินแถวปลายเตียง จะมีคนมาดึงขาอะเปล่า หรือเงาอะไรตะคุ่มๆ  
 
 ยังไงก็ลองทำดูนะ หรือไม่ก็เอาพระวางไว้ที่หัวนอนได้ก็ดี เราจะได้อุ่นใจ เรื่องพวกนี้มันเป็นการเสริมกำลังใจตัวเองอย่างหนึ่ง เหมือนคนที่จะเข้าสอบ บางคนเค้าจะบนบานสานกล่าว ว่าขอให้ได้ขอให้ติด แล้วเค้าก็จะอุ่นใจและมีกำลังใจเข้าสอบ เพราะคิดว่าสิ่งศักสิทธิ์ช่วย มันเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ใกล้ตัวค่ะ