News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่



ขอข้อคิด จากป้าพอล

Previous topic - Next topic

ดาว

ป้าคะ หนูมีเรื่องปรึกษาค่ะ คือปกติหนูได้เงินใช้ส่วนตัวจากแฟนไม่มาก แต่ก็คุยกันว่าถ้าหนูได้ทำงาน ร้อยเปอร์เซ็นต์มีเงินเดือนแล้ว เขาจะไม่ให้เงินเดือนหนู เพราะหนูมีเงินดือนแล้ว หนูเยงว่าทำไม คุณต้องให้ฉันนะ ถึงไม้จะหนูมีเงินเดือนแล้วก็ตาม แต่เขาก็ว่าเขาต้องจ่ายค่า บ้านและก็ต้องเก็บเงินซื้อรถใหม่ด้วย ถ้าหหูยังไม่มีงาน เขาก็จะ ช่วยเหลือหนู แต่หนูเข้าใจว่ายังไง ผัวก็ต้องให้เมียอยู่แล้ว และถ้าเขาไม่ให้หนูจะทำไงค่ะ ในกรณีที่หนูได้งาน ทำ ร้อยเปอร์เซ้นต์แล้ว มันถูกต้องหรือเปล่าเนี่ย หรือมันโอเคสำหรับคนที่นี่เขา หนูไม่เข้าใจ ...พี่พี่ที่อยู่มานานแล้วก็ลองช่วยหนูคิดบ้างนะค่ะ หนูคิดว่าถ้าเขาไม่ให้เงินหนูหมายความว่าหนูไม่มีความหมายแล้วสำหรับเขารึเปล่า และเขาให้หนูดูแลทางบ้านหนูเองด้วย ในกรณีที่หนู ร้อยเปอร์เซ้นต์มีเงินเดือนนะค่ะไม่ใช่ตอนนี้ หนูยังไม่มีงานทำ เรียนอยู่ ช่วยคิดหน่อยนะค่ะ

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0084 ห้อง openroom (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

เตือนใจ

เรื่องเงินเรื่องทอง เป็นสิ่งที่บอบบางในชีวิตคู่ค่ะ อาจจะทำให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ได้ ถ้าหลักการใช้จ่ายไม่ตรงกัน  เท่าที่ได้ยินมาและจากตัวเอง ตอนที่เรายังไม่ได้งาน แฟนยินดีที่จะช่วยสนับสนุนทางการเงินไม่ให้เราอดอยากค่ะ  แต่พอเรามีงานทำ เราก็ช่วยเค้าแชร์รายจ่ายในบ้านแล้วก็ภาษีด้วย  มันไม่ได้หมายความว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบนะคะ แต่คิดดูสิคะเราอยู่ด้วยกัน ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็ต้องประคองกันไปให้รอด รวมทั้งเรื่องเงินก็ต้องช่วยกันหา ช่วยกันจ่าย และช่วยกันเก็บค่ะ อย่าคิดแต่อยากได้ฝ่ายเดียว หรือคิดแค่ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ แฟนเราก็ต้องกิน ต้องใช้ ต้องอยากได้ของที่เค้าอยากได้เป็นธรรมดาค่ะ  ตอนที่เค้าพาเรามาอยู่ที่นี่ จ่ายค่าโน่นค่านี่ให้เรา เค้ายังไม่บ่นสักคำ แล้วเราจะใจร้ายอยากจะได้แต่เค้าฝ่ายเดียวเหรอ ในเมื่อเรามีรายได้พอที่จะช่วยเค้าจ่าย และมีเก็บในส่วนของเราด้วยแล้ว แต่เท่าที่เห็นมานี้ ถึงเค้าจะไม่ให้เงินเราแล้วเพราะเรามีงาน แต่เราก็จะได้ของขวัญในเทศกาลต่างๆ คนสวิสจะเป็นอย่างนี้แหล่ะค่ะ ไม่ใจจืดใจดำหรือตะหนี่อย่างที่เราคิดหรอก แต่เค้ารอบคอบในการใช้ชีวิตเสียมากกว่า บั้นปลายชีวิตคุณจะสบายค่ะ

pall

สวัสดีค่ะคุณเตือนใจ
 เห็นด้วยทุกอย่างเลยสำหรับความคิดเห็นที่คุณเขียนมาทั้งหมด
 ป้าหวังว่าคงจะให้ข้อคิดแก่ดาวได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
 ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

pall

**เรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่ดาวข้องใจ**  
 ป้าเห็นคนสวิสที่รู้จักที่หาเงินได้ทั้งคู่  
 เขาจะช่วยกันออกค่าใช้จ่ายแล้วแต่เงินเดือนที่ได้รับ  
 และเก็บด้วยกันในบัญชี  
 หลังจากนั้นแต่ละคนจะได้เงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว  
 สำหรับลุงและป้าเราใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน  
 และไม่มีเงินใช้จ่ายส่วนตัว  
 ใครอยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ตามใจตัวเอง  
 
 สวัสดีจ๊ะดาว  
 
 อย่างเพิ่งใจร้อนคิดมากหรือคิดว่าแฟนหมดรักดาวแล้ว  
 หรือแฟนเป็นคนเห็นแก่ตัว  
 ป้าอยากให้ดาวคิดถึงตอนที่ยังรักกันใหม่ๆ  
 อุปสรรคที่ฟันฝ่ามาด้วยกันกว่าจะอยู่กันได้ทุกวันนี้  
 ค่อยๆคิดพิจารณาอย่างมีเหตุผลคิดเป็นกลาง  
 อย่าเข้าข้างตัวเองคิดแบบผู้ใหญ่และคิดอย่างเป็นธรรม  
 เอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย...อย่าใช้อารมณ์วู่วามเอาแต่ใจตัวเอง  
 พยายามไตร่ตรองช่วงที่อารมณ์สงบลงแล้ว  
 ยามโกรธคนเราจะขาดสติและใช้คำพูดที่สามารถทำร้ายจิตใจกันได้  
 ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตคู่ที่สามารถทำให้ชีวิตคู่พังได้  
 
 ดาวก็รู้ว่าการดำรงชีวิตในสวิตฯมีค่าครองชีพสูงมาก  
 มีรายจ่ายมากมายที่จำเป็นต้องจ่ายซึ่งล้วนแต่จำเป็นต้องจ่ายทั้งนั้น  
 (ย้ำว่าจำเป็นต้องจ่ายเพราะเป็นกฎที่บังคับไว้)  
 คนสวิสจำนวนมากมายที่ต้องอดออมเพื่อจ่ายส่วนนี้  
 คนไทยเราชอบนำตัวเลขรายได้(เงินเดือน)นำไปคูณคิดเป็นเงินไทย  
 จะเห็นเป็นเงินก้อนโตแสนกว่าบาทต่อเดือน  
 จะตาโตและคิดว่าคนสวิสรวยมีรายได้มากมาย  
 เงินจำนวนนี้สำหรับคนที่นี่ไม่ได้มากเลย  
 เพราะมีสิ่งที่จำเป็นต้องจ่ายรออยู่แทบจะไม่มีเงินเก็บด้วยซ้ำ  
 
 **เกี่ยวกับเงินเดือน**  
 ดาวลองนำนำเงินเดือนของแฟนมานั่งคิดพิจารณา  
 ถ้าดาวสนใจและขอเขาดูรายจ่ายจะเห็นว่ามีรายจ่ายสูงมาก  
 เหมือนๆกับคนสวิสทั่วๆไปเช่น  
 ค่าเช่าบ้าน(รวมNebenkosten)  
 ค่าน้ำค่าไฟในบ้าน  
 ค่ากินอยู่(ถ้าเพิ่มอาหารไทยเข้าไปรายจ่ายจะยิ่งมากกว่าเดิม)  
 ภาษี....ประกันสวัสดิการต่างๆที่ต้องเสีย  
 ประกันเจ็บป่วย(ทั้งสองคน)  
 Haftpflicht Versicherungenประกันทรัพย์สิน  
 ประกันรถ..ภาษียวดยาน  
 ใครมีรถจะรู้ว่าการมีรถสะดวกสบายจริงแต่รายจ่ายสูงมาก  
 ต้องคำนึงถึงค่าซ่อมแซมแพงมากถ้าต้องเปลี่ยนอาหลั่ยใหม่  
 บอกก่อนว่าถ้ารถเก่ามาค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงมาก  
 การดูแลต้องใช้เงินจำนวนมากดังนั้นแฟนจึงคิดอยากได้รถใหม่  
 ข้อนี้ป้าเห็นด้วยเพราะถ้าคิดแล้วคุ้มกว่าถ้ามีโอกาสเก็บเงินได้  
 และรายจ่ายอีกมากมาย....รวมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว..ฯลฯเป็นต้น  
 ตอนนี้แฟนของดาวดูแลดาวและทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี  
 ให้เงินใช้จ่ายส่วนตัวถึงแม้ไม่มาก  
 พร้อมทั้งมีน้ำใจเผื่อแผ่ไปให้คนทางเมืองไทยด้วย  
 นับว่าเป็นคนที่มีน้ำใจมากเพราะคนสวิสจะไม่ทำส่วนนี้กันทุกคน  
 
 **ปัญหาของดาว**  
 ดาวคิดอยากหางานทำและถ้าได้ทำงานจริงๆ  
 แฟนจะรับภาระส่วนที่เคยทำมาแล้วทั้งหมด  
 คือยังจ่ายค่ากินอยู่ค่าเช่าอะไรต่างๆเหมือนเดิม  
 และคิดอยากเก็บเงินซื้อรถยนต์ใหม่หรืออยากเก็บเงินเพื่อท่องเที่ยว  
 และของดเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวของดาว  
 และงดจ่ายให้ความช่วยเหลือครอบครัวทางเมืองไทย  
 จุดนี้เลยทำให้ดาวคิดมากและคิดว่าแฟนหมดรัก  
 คิดถึงผลประโยชน์การได้เปรียบเสียเปรียบเกี่ยวกับเงินทอง  
 และคิดว่าแฟนเห็นแก่ตัว..และตีโพยตีพายด้วยความเสียใจ  
 ป้าอยากให้ดาวทบทวนและคิดใหม่พิจารณาอีกครั้ง  
 ผัวเมียกันใช้ชีวิตร่วมกันเราถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันแล้ว  
 ยามทุกข์ยามสุขเราต้องอยู่เคียงข้างกันแบ่งปันกัน  
 เงินที่หามาได้ก็ช่วยกันเก็บเพื่อสร้างครอบครัว  
 อนาคตในภายภาคหน้าเมื่อมีภาระเพิ่มขึ้นคือลูกที่ตามมา  
 แฟนดาวเป็นคนดีไม่เห็นแก่ตัวและไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย  
 เขาดีใจมากที่ดาวทำงานได้  
 การที่ดาวทำงานมีรายได้เพิ่มขึ้นมา  
 ซึ่งหมายถึงต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม  
 ซึ่งแฟนดาวก็ไม่ได้เรียกร้องให้ดาวมาช่วยค่าใช้จ่ายอะไร  
 ในบ้านซึ่งดาวควรจะมีส่วนร่วมด้วยไม่มากก็น้อย  
 เขาไม่ได้เรียกร้องสิทธิหน้าที่ผัวเมียอะไรเลย  
 นอกจากแค่ไม่ให้เงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวแก่ดาว
 ที่เราเรียกว่าTaschengeldออกไป  
 และงดจ่ายความช่วยเหลือครอบครัวทางเมืองไทย  
 ซึ่งไม่ใช่หน้าทีภาระความรับผิดชอบของเขาที่จะต้อง  
 มาทำทุกอย่างเพื่อดูแลครอบครัวของเมีย  
 คือดาวจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากเขาอีกต่อไป  
 ซึ่งทำให้ดาวหงุดหงิด และเสียใจน้อยใจมาก  
 
 **ลองคิดทบทวนใหม่**  
 การที่ดาวทำงานได้แล้วเก็บและใช้เงินคนเดียว  
 โดยไม่ต้องออกเงินช่วยเหลือแฟนในการใช้จ่ายต่างๆเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว  
 แต่อยากได้เงินช่วยเหลือเป็นเงินเดือนจากเขาอยู่แบบนี้  
 เป็นสิ่งที่น่าทำไหม ครอบครัวทางเมืองไทยเขาทำให้เราได้  
 และเขาเป็นสามีของเราเป็นคนของเราที่เราจะต้องฝากชีวิตอยู่  
 เคียงคู่กันตลอดชีวิตจนกว่าจะตายจากกัน  
 แล้วเรามัวมานั่งคิดถึงความได้เปรียบเสียเปรียบ  
 คิดถึงแต่ผลประโยชน์การสูญเสียผลประโยชน์  
 ทำไมเราไม่ให้คนของเราบ้างล่ะ  
 คนที่เราจะต้องอยู่กับเขาจนชั่วชีวิต  
 ครอบครัวแต่ละครอบครัวนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้  
 ชีวิตคู่เป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้ด้วยตัวเอง  
 ไม่มีใครมาช่วยสอนเราได้  
 ไม่มีใครรู้เรื่องภายในครอบครัวดีกว่าคนสองคน  
 คนภายนอกเป็นแค่ผู้รับฟังและคล้อยตามและแสดงความคิดเห็น  
 มีทั้งด้านบวกและด้านลบซึ่งอาจนำมาให้ชีวิตคู่มีปัญหา  
 และแตกหักได้  
 ถ้ามีปัญหาอะไรดาวควรหันหน้าเข้าหากันคุยกันตอนอารมณ์ดีๆ  
 มีอะไรอย่าเก็บไว้ในใจควรเปิดอกพูดกันเลย  
 พยายามให้ความรักความเข้าใจและให้อภัยกัน  
 พยายามหันหน้าปรับตัวเข้าหากันยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน  
 ใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้มากๆ  
 
 ขอเอาใจช่วยจ๊ะ
 

นู๋นก

 
 แหม ป้าตอบซะละเอียดยิบเลย เคลียร์จริงๆ เยี่ยมจริงๆค่า
 
 ถ้ามองในแง่เปรียบเทียบ แค่สามีไม่ให้เงิน ดีกว่าคนที่จ้างเขาแต่งเพื่อสิทธิอยู่นะคะ ต้องเสียเงินให้สามี หรือนายหน้า อีกต่างหาก
 เสียยิบเสียยับ ถ้าไม่มีเงินสด ก็มีระบบแต่งเงินผ่อน ส่งสามีเป็นรายเดือนก็มีค่ะ  
 เดี๋ยวนี้รัฐบาลเค้ารู้ทัน ตรวจสอบกันทุกซอกกันเลย เป็นที่รู้กันอยู่
 
 เปรียบเทียบอย่างนี้ คุณดาวน่าจะพอใจในชีวิตของตัวเองบ้างหละ
 
 นู๋ยังเล็งอยู่เลยว่าจะทำอย่างไรดีจะอยู่ประเทศสวิตได้นานๆค่ะ
 
 

คารุสุ

ตอนแรกก็คิดเหมือนคุณดาวเลยตรงใจมาก แต่พอเรามาคำนวณดูอีกทีค่าใช้จ่ายเค้าออกให้หมดเราจ่ายแค่ค่าประกันกับภาษีถ้าทำงานร้อยเปอร์เซนต์คิดดูแบบไม่ค่อยละเอียดนะเราจะมีเงินเก็บเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2000.- ฟรังค์ ก็ลองคิดเป็นบาทดูค่ะ                                                                        ว่าเท่าไหร่ แต่สำหรับตัวดิฉันเองขี้เหนียวหน่อยแต่ไม่ได้เห็นแก่ตัวนะ คิดว่าตัวเองต้องเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 2500.-/เดือน ถ้าได้ทำงานร้อยเปอร์เซ็นต์นะค่ะ คิดแล้วมันชื่นใจค่ะ แต่ที่น่าเศร้าตอนนี้ยังไม่มีงานทำเลยค่ะ ;;;;((((

เทียนหอม

สวัสดีค่ะ คุณดาว ป้าพอล คุณเตือนใจ นู๋นก และคุณคารุสุ
 
 ที่รู้จักฝรั่งหลายคน ไม่เฉพาะแต่สวิส ก็ใช้วิธีจัดการเงินภายในครอบครัวด้วยวิธีนี้
 
 คิดว่า เป็นวิธีการบริการหรือจัดการเงินในครอบครัว จะดีกว่านะคะ
 
 บางครอบครัว อาจใช้การจัดการแบบรวมเป็นกระเป๋าหรือบัญชีเดียวกันทั้งรายรับ รายจ่าย
 
 บางครอบครัว อาจใช้วิธีแยกบัญชีทั้งรายรับ รายจ่าย
 
 การจัดการบัญชีสองแบบนี้ มีข้อดีข้อเสียต่างกัน แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน
 
 เช่น  
 การแยกบัญชี  
 ข้อดี คือ ทำให้เห็นรายละเอียดเงินชัดเจนว่า เป็นเงินของใคร เวลาจะใช้สอยให้ความสุขกับตัวเอง เราจะไม่อึดอัดใจที่จะใช้ และไม่ล่วงล้ำเกินจำนวนเงินที่เรามี  
 
 ข้อเสีย ก็อาจด้านจิตใจ ถ้ายึดติดคิดว่า การแต่งงานคือการรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วยิ่งถ้าเจอคนที่ขี้เหนียว ไม่แบ่งปัน ก็อาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจว่าถ้าเรามีปัญหาด้านการเงิน แล้วเขาจะช่วยเหลือเราหรือไม่ แต่ถ้าเป็นบัญชีรวม ก็มั่นใจได้ว่า ถ้าเกิดปัญหาด้านการเงิน เขาจะต้องร่วมรับผิดชอบ (ร่วมทุกข์) กับเราไม่ว่าจะโดยสมัครใจหรือไม่ก็ตาม
 
 ไม่อยากให้มองว่า การแยกบัญชี หมายความว่า เขางกไม่อยากให้เราแตะต้องเงินของเขา แต่เป็นการจัดการเงิน เมื่อถึงโอกาสพิเศษ เขาก็ใช้เงินเขาซื้อของขวัญให้คุณ (ฝรั่งเค้าจะให้ของกันเป็นพิเศษ ในโอกาสพิเศษๆค่ะ มิได้ให้พร่ำเพรื่อ ของที่ให้มันมีคุณค่าทางจิตใจอย่างแท้จริงค่ะ)  
 
 หรือถ้าคุณเดือดร้อน เขาก็ใช้เงินในบัญชีเขาช่วยเหลือคุณก็ได้ค่ะ จริงๆมันอาจทำให้คุณดีใจมากกว่าที่เค้าควักเงินในบัญชีส่วนตัวมาซื้อของให้คุณ เมื่อเทียบกับเค้าใช้เงินจากบัญชีรวมมาซื้อของขวัญให้คุณก็ได้นะคะ
 
 โดยสรุป การแยกบัญชีไม่ได้บอกนิสัยของคู่ครองของคุณดาวค่ะ อย่าคิดน้อยใจเกินเลยไป ถ้าเขาเห็นแก่ตัว ไม่รักเราแล้ว ไม่ว่าจะรวมหรือแยกบัญชี เขาก็งกกับเราได้ค่ะ  ในทางกลับกัน ถ้าเราใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และรักเรา ไม่ว่ารวมหรือแยกบัญชี เขาก็ใจดีกับเราค่ะ

อ้อม สาวน้อยเชียงใหม่

สวัสดีค่ะป้า pall และพี่ๆทุกคน เรื่องปัญหาของคุณดาวอ้อมพอจะเข้าใจเพราะอ้อมก็ได้เงินจากแฟนแต่ละเดือนแค่พอซื้อขนมกินเหมือนกัน ไม่ได้มากมายอะไร เค้าก็จะให้อ้อมทุกเดือนเฉพาะช่วงที่ไม่ได้ทำงานค่ะถ้าทำงานมีเงินเป็นของตัวเองเค้าก็จะให้เราดูแลตัวเองก็คือไม่ให้เงินแล้วนั่นแหละค่ะ อ้อมคิดว่ามันก็ไม่ได้เป็นความใจร้ายใจดำอะไร เพราะจริงและถูกเป๋งอย่างที่ป้า pall บอกค่ะ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เค้าเองต้องรับผิดชอบซึ่งแต่ละเดือนก็เป็นเงินหลายตังค์อยู่ เค้าไม่ได้เรียกร้องให้เราช่วยออกครึ่งๆก็ดีถมแล้วใช่ไหมคะ ยิ่งแฟนอ้อมเพิ่งจะเปลี่ยนงานตอนนี้เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรอ้อมก็ยิ่งเห็นใจและอยากมีงานมีรายได้ช่วยเค้าค่ะ อย่างน้อยก็อยากมีเงินรับผิดชอบตัวเอง จ่ายกับข้าวเล็กๆน้อยๆ แล้วที่วางแผนจะจดทะเบียนเดือนมีนา แต่ด้วยหลายๆอย่างยังไม่พร้อมเราสองคนเลยเลื่อนไปแต่งงานเดือนพฤษภาค่ะ อ้อมว่าอย่างน้อยคุณดาวยังโชคดีนะคะที่แต่งงานและมีโอกาสได้ทำงานมีรายได้จุนเจือทางบ้านแล้ว อย่าคิดมากเลยค่ะ ตั้งใจเดินหน้าหาเงินเป็นของตัวเงดีกว่า อ้อมเองบอกตามตรงแบบไม่อายนะคะ อ้อมมาสวิสด้วยเงินตัวเองส่วนหนึ่ง*้แบงค์มาด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่าแฟนใจดำไม่ช่วยนะคะ แต่อ้อมรู้ว่าเค้าไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นและเต้าก็ยังต้องจ่ายหลายอย่างในขณะที่อ้อมอยู่ที่นี่แล้วไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายในการแต่งงานอีก อ้อมเองก็อยากอยู่ใช้ชีวิตกับเค้าเลยดิ้นรนหาเงินบินมาเองค่ะ โดยที่แฟนช่วยรับรองและจ่ายค่าใช้จ่ายทางนี้ให้ บางทีชีวิตมันไม่ได้เพียบพร้อมหรือเรียบง่ายอย่างที่เราคิด ชีวิตคือการดิ้นรนและการต่อสู้กับอุปสรรคใช่ไหมคะป้า จะได้อะไรมาง่ายๆคงเป็นไปได้ยาก เป็นกำลังใจให้นะคะ โชคดีค่ะ

นิด (แม่ลูกหมูสามตัว)

ไม่มีข้อคิดอะไรยาวๆ แต่มีแค่  
  " เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา " ลองคิดในมุมกลับกัน  
 กับ " ทุกคนมีสิทธิและหน้าที่ สถานะภาพเท่าเทียมกัน " ไม่ว่าหญิงหรือชาย  
   
 เป็นข้อคิดง่ายๆ ค่ะ

พรหล้า

อยากฝากสักนิ๊ดดดดดดด
 จริงๆแล้ว พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้ว่าเราควรเดินทางสายกลาง (มัชฌิมปฏิปทา) คือไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป หมายความว่าเราต้องอยู่ในความพอดี คุณดาวกับสามีก็ต้องพบกันครึ่งทาง ตอนนี้เค้าก็ยังให้รายเดือนเราอยู่เพราะเรายังไม่มีอาชีพซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ส่วนเรา...เมื่อมีงานทำเราก็ควรจะจุนเจือช่วยเหลือในส่วนของครอบครัวคนละครึ่งทาง แล้วชีวิตเราก็จะมีความสุข
 ******
 จริงๆแล้ว ก็ไม่ทราบปัญหาที่แน่ชัดของคุณดาวหรอกค่ะ แต่ที่เคยเห็นเลยคือปัญหาคนไทยกตัญญูค้ำคอ ต้องส่งเงินกลับบ้านเลี้ยงดูพ่อแม่ หรือลูกที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งฝรั่งบางคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมต้องส่งไปให้ ทำไมไม่ทำงานหากินเอง มันไม่ใช่หน้าที่ของเค้าสักหน่อย จริงๆแล้วฝรั่งไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมของเค้าที่ต่างจากเรา เพราะเค้าก็ยังต้องหากินเองเลี้ยงตัวเองเหมือนกัน ซึ่งเค้าก็คิดว่าถ้าเรามีงานทำแล้ว เราก็ควรจะช่วยเค้าแชร์ในทุกส่วนที่ใช้จ่ายร่วมกัน และดูแลค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราเองได้ แนะนำคุณดาวและทุกๆคนว่าว่าถ้าอยากใช้จ่ายอย่างสะดวกและสะบายใจมันต้องเป็นเงินจากนำพักน้ำแรงเราค่ะ