ขอถามพี่ๆในเว็ปป้าพอลหน่อยนะคะ ถึงเรื่อง...กว่าจะได้รักและแต่งงานกันค่ะ

Previous topic - Next topic

pamela

สวัสดีคะ ทุกๆคนชื่อแพมนะคะ เป็นสมาชิกใหม่ของเว็บนี้ เข้ามาอ่านบ่อยแต่ไม่เคยตั้งกระทู้เองเลยคะ วันนี้เลยขอลองสักหน่อยนะคะ

แพมคบกับแฟนซึ่งเป็นคนสวิสมาได้เกือบ 1 ปีแล้วคะ เจอกันทางอินเตอร์เนท เขาเคยบินมาเจอแล้วที่เมืองไทย ตอนแรกก็เป็นเพื่อนกัน แต่พอได้เจอตัวจริง ได้รู้จักกันมากขึ้น ก็ตกลงจะลองคบกันจริงจังดูคะ แล้วเขาก็บินกลับไปทำงานและเรียนโท ส่วนแพมก็ทำงานของแพมที่กรุงเทพ เหงามากๆ แพมเลยสงสัยพวกพี่ๆที่มีประสบการณ์มาก่อนว่า กว่าจะได้รักและแต่งงาน และได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่สวิส แพมรู้สึกว่า มันไม่ง่ายเลยกว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคไปจนถึงวันนั้น เล่าให้ฟังหน่อยนะคะ เผื่อว่าแพมจะได้มีกำลังใจสู้ต่อไป อิอิ พูดเหมือนจะไปรบกับใครเลย ><"

ปล. ปลายปีนนี้แพมจะบินไปฉลองปีใหม่ และเขาจะพาไปเจอครอบครัวเขาในวันคริสมาสด้วยนะคะ ดีใจมากๆ ตื่นเต้นแบบว่าจัดกระเป๋าไม่ถูกเลยคะ


aum

 สวัสดีค่ะ คุณแพม
    อย่าเพิ่งน้อยใจไปค่ะ  ;Dที่ยังไม่มีเพื่อนๆเข้ามาตอบ ทุกคนคงกำลังยุ่งกับการทำงานน่ะค่ะ ใกล้จะถึงคริสมาสแล้วเพื่อนๆคงยุ่งกับการแต่งบ้าน หาซื้อของขวัญ วางแผนปาร์ตี้ อันนี้เอาเหตุผลส่วนตัวมายกตัวอย่างขำๆนะคะ ;D อีกอย่างอุ้มว่าถ้าจะให้ทุกคนมาเล่าเรื่องประสบการ์ณของตัวเองแต่ละเรื่องคงเขียนพอคเก็ตบุ๊คขายได้เลยค่ะ ไอ้เรื่องที่ฝ่าฟันเรื่องความรักกว่าจะรักกันและได้แต่งงานกันไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่เรื่องฝ่าฟันเรื่องวีซ่านี่สิอุ้มว่าหลายคนคงยกมือเห็นด้วย เพราะฉะนั้นจงสู้ๆค่ะ หมายถึงต่อสู้กับความเหงา ใช้เวลาเรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของกันและกันให้มากๆ ถ้าเผลอเมื่อไหร่จับให้อยู่เลยค่ะ  ;Dขำๆนะคะ คนเราถ้ามันใช่มันก้อคือใช่ค่ะ เวลาไม่ได้บอกเสมอไปว่าคนเราจะรักกันได้นานแค่ไหน เพราะฉะนั้นทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด (ประโยคยอดฮิต ยืมเค้ามาค่ะ) ยังไงก้อขอให้ประสบความสำเร็จกับความรักนะคะ มีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมอัพเดตด้วยล่ะ อ้ออย่าลืมจัดกระเป๋าให้ถูกด้วยค่ะ
ป ล สวิสหนาวมาก  ;D

Fon2008

สวัสดีค่ะคุณแพมและเพื่อนๆทุกคน

ไม่ได้เข้ามาหลายวันเพราะเตรียมตัวกลับไทยในอีกไม่กี่วัน ดีใจจังคิดถึงเมืองไทยมากๆ  ;D

จากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ เมื่อตอนยังเป็นแฟนกันก็เคยคิดว่าเมื่อไหร่หนอการรอคอยจะจบลงสักที ต้องคอยตื่นเต้นระทึกขวัญทุกครั้งเมื่อจะไปยื่นวีซ่าเพื่อที่จะได้มาพบกัน และยังต้องต่อสู้กับความเหงาและความคิดถึงคนรักที่อยู่แสนไกล อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเร็วๆ ซึ่งสเตปนั้นยังเป็นสเตปของคำว่าแฟนและคิดว่าปลายทางของความรักคือการได้แต่งงานและได้ใช้ชีวิตร่วมกันดูแลซึ่งกันและกันก็คงจะมีความสุขมากพอแล้ว เมื่อศึกษาดูใจกันจนคิดว่าพร้อมกันทั้งคู่แล้วก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานและย้ายมาอยู่กับสามีที่สวิตฯซึ่งกลายเป็นสเตปของสามี-ภรรยา ถึงได้รู้ว่าการแต่งงานนั้นเป็นแค่เพียงการเริ่มต้นของชีวิตคู่เท่านั้นเอง ต้องยอมรับเลยว่าชีวิตที่นี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่สนุกเหมือนตอนมาด้วยวีซ่าท่องเที่ยวเพราะรู้ว่าถึงอย่างไรก็ได้กลับไปเมืองไทย กลับไปทำงานที่ตัวเองรัก การอยู่ด้วยวีซ่าท่องเที่ยวจึงสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว  ;D ที่ยอมรับว่าชีวิตที่นี่ไม่ง่ายนั้นก็เพราะต้องพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาวะอากาศ ผู้คน ภาษา อาหารการกิน ความเหงาที่ต้องอยู่คนเดียวเมื่อสามีไปทำงาน ไหนจะคิดถึงพ่อแม่ที่อยู่เมืองไทย และที่สำคัญก็คือจะหางานอะไรทำเพื่อที่จะมีรายได้ไม่ให้ภาระทุกอย่างตกไปอยู่ที่สามีซึ่งไม่ใช่ว่างานจะหากันได้ง่ายๆเลยแถมค่าครองชีพที่นี่ก็สูงเอามากๆเสียด้วย เลยกลายเป็นว่าปัญหา
สเตปเมื่อยังเป็นแฟนหรือแม้แต่ปัญหาการยื่นวีซ่าเยี่ยมเยียนนั้นเด็กๆไปเลย  :D 

ที่เขียนมาีนี้ไม่ได้มีเจตนาให้เจ้าของกระทู้หวาดหวั่นใดๆนะคะ  ;) เล่าสู่กันฟังค่ะ ถ้าคิดว่าจะมาใ้ช้ชีวิตอยู่กับสามีที่สวิตฯเป็นไปได้เตรียมตัวให้พร้อมเรื่องภาษาที่ใช้ในเขตที่จะต้องมาอยู่ให้พร้อมจะดีที่สุดจะได้เป็นประโยชน์ในการมองหางานที่นี่ค่ะ ขนาดตัวเองก็คิดว่าเตรียมตัวพร้อมในระดับนึงแล้วเรื่องภาษาแต่พอถึงหน้างานจริงๆก็ยังไม่พอเลยค่ะ แต่ถึงจะยังไงก็ดีเมื่อได้ตัดสินใจก้้าวไปข้างหน้าแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด

ก็ขอให้เจ้าของกระทู้เที่ยวให้สนุกช่วงคริสต์มาสนะคะ อากาศหนาวเตรียมเสื้อผ้าหนาๆมาเยอะๆค่ะ

Jojo

ช่วงที่เป็นแฟนกัน กะช่วงที่เปลี่ยสถานะมาเป็นสามีภรรยากันแล้วนั้น มันแตกต่างค่ะ ช่วงที่เป็นแฟนกันนั้นเค้าเรียกกันว่าช่วงโปรโมชั่น ส่วนช่วงที่เป็นสามีภรรยากันโปรโมชั่นมันหมดแล้วค่ะ..555 ตอนนี้ก็จะเป็นช่วงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองฝ่าย ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่ว่าจะปรับตัวเข้าหากัน ยอมรับนิสัยของกันและกัน อดทน และให้อภัยกัน บนพื้นฐานของความรัก  ;D

ครอบครัวโจ้รู้จักกันและอยู่กันมาย่างปีที่ 10 แล้วค่ะ กว่าจะปรับตัวกันได้ก็เกือบจะ 3-4 ปี  ปีแรกก็หวานแหว๋วค่ะ ทำงานที่เดียวกัน ประมาณเจ้านายกะลูกน้อง พอเค้ารู้ว่าเป็นแฟนกันในที่ทำงาน เค้าก็จับแยกเกาะ จริง ๆ เค้าให้ลาออกเพราะมีกฎห้ามสร้างสัมพันธ์กันในที่ทำงาน โดยสามีเค้ายอมเสียสละขอลาออกแทน ทางบริษัท เค้าเลยยอมให้แยกเกาะทำงานแทนล่ะกัน  ;D แฟนอยู่เกาะสมุย ตัวโจ้ต้องไปทำงานเกาะเต่า เดือนนึงถึงจะได้เจอกันที ทุกครั้งทีจะจากกันอารมณ์มันเหมือนหนังไทยน้ำเน่าเลยอ่ะ คอยมองเรือที่ออกจากฝั่งไปจนลับตา แล้วน้ำตาจะไหล :'( :'( แต่พอขวบปีแรกผ่านพ้นไป ความคิดเริ่มจะสวนทางกันแล้ว ความหวานแหว๋วไม่ค่อยจะมีแล้วค่ะ คิดอยากจะเลิกตั้งแต่ตั้งท้องลูกสาวคนโต ความไม่เข้าใจเริ่มมีมากขึ้น เวลาทะเลาะกันก็เริ่มจะไม่เก็บอาการแล้วค่ะ รู้สึกกันอย่างไรก็ปล่อยความเป็นตัวตนกันออกมา ทะเลาะกัน ปรับตัวกัน เข้าใจกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน จนทุกวันนี้มีความสุขดีแล้วค่ะกับชีวิตคู่ของเรา บางทียังพูดเล่น ๆ กันว่า หากอนาคตข้างหน้าเราต้องเลิกกัน เราทั้งสองคนก็คงไม่หาใครใหม่แล้วล่ะค่ะ เพราะเบื่อแล้วกับการที่ต้องปรับตัวกับใครสักคนใหม่อีกครั้ง..555  ;D

ชีวิตคู่ไม่สำเร็จรูปเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปค่ะ มันยังมีอะไรมากมายนอกเหนือจากคำว่า "รัก"  ;) แต่ยังไงก็ขอให้ จขกท.โชคดีและสมหวังกับความรักเช่นกันนะคะ ;)
อย่าหยุดที่จะเดินหาโอกาส

spa

 สวัสดีค่ะน้อง Pamela
ช่วงกาลเวลามันต่างกันเนอะสมัยนี้เค้า chat ทางอากาศคุยกันทาง web cam สมัยพี่ต้องเขียนจดหมายคุยกันกว่าจะได้่แต่งก็นานโขอยู่แปดปีเป็นแฟนสดชื่นสดชื่นหัวใจพองโตวาดฝันต่างๆนานา
เจอของจริงเข้าจั่งหนับก็ตอนต้องมาเป็นคู่ผัวตัวเมียมันจะอะไรกันนักกันหนาข้าจะทำอะไรทำไมจะต้องบอกอีกคนวะอยากกินข้าวแทบตายทำไมจะต้องรออีกคนวะมันไม่ใช่ตัวเราความจริงก็แค่่จะบอกว่ากว่าเราจะปรับตัวเข้าหากันได้นั้นต้องใช้เวลาแล้วแต่ว่าคุณทั้งคู่จะเดินมาคนละครื่งทางหรือนิดหนื่งก็ได้บอกได้แค่ว่าความรักมันจะไม่มีเหตุผลมันอยากรักก็รักอยากจะหมันไส้เมื่อไหร่มันก็มาเยื่ยมเยื่อน
เอ้าอยู่ไปอยู่มามันดันเหงาหาอะไรทำดีกว่ามีลูกมันซะเลยตานี้หละคุณน้องมันไม่ใช่แค่สองคนเรารักกันรักกันแล้วนะคะมันมีตัวเพิ่มเป็นลูกหนื่งลูกสองก็แล้วแต่ว่าอยากมีปริมาณเท่าไหร่ตามใจผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายมันสุดๆเลยน้อง
ประสบการณ์ของแต่ละคนก็ต่างกันไปมีสมหวังและผิดหวังมันอยู่ที่เราจะรักษาความรักที่เรามีอย่างไรถ้าเรายังอยากรักบอกไม่ได้ว่าทำไมต้องอยู่กับมันวะบางทีก็เป็นห่วงใจแทบขาดบางทีเหม็นขี้หน้าอยากหนีไปอยู่โลกพระจันทร์บางทีทำไมมันคุยกันคนละเรื่องวะทั้งๆที่เราคุยเรื่องเดียวกันบางทีคนข้างบ้านมันอิจฉาเราเพราะมันช่วยกันทำงานบ้านแต่ของกรูทำไมไม่ช่วยวะบางทีเราอิจฉาเพื่อนเราเพราะสามีเค้าซื้อแหวนเพชรให้แต่ของเราไม่เคยได้อะไรเลยแถมวันเกิดกรูแม่งยังลืมและอีกหลายเหตุผลของความรักมันมีนิยามต่างๆนานาสูตรสารพัดแต่มันไม่มีใครสมบูรณ์แบบดังนั้นน้องเป็นตัวของน้องเองดีที่สุดรักแบบของน้องนะจ้ะ
โชคดีจ้ะ
สปาร์

pamela

^^
สวัสดีคะพี่ๆทุกคนที่เขามาตอบ แต่ละคนคุ้นๆชื่อทั้งนั้นเลยคะ
ทุกประโยคที่เล่ามาเป็นเหมือนทั้งคำเตือน คำสอน และกำลังใจที่ดีมากคะ ระหว่างแพมกับเขา การเดินทางยังอีกยาวไกล ก็ไม่รู้จะเดินไปได้ถึงขนาดไหน ทุกวันนี้คุยกันไม่เข้าใจกันก็บ่อย ทุกครั้งเขาจะบอกว่าไม่ได้เรียกว่าทะเลาะกันนะ แต่เป็นการทำความเข้าใจ การปรับตัวเข้าหากันต่างหาก เขาจะเน้นเสมอว่า communication สำคัญมากสำหรับการคบกัน หุหุ ดังนั้นมีอะไรเขาและแพมก็จะบอกกันตรงๆเลยคะ ว่าชอบไม่ชอบอะไร แต่บางทีแพมก็รู้สึกว่า เหมือนเราฝ่ายเดียวที่ต้องคอยปรับโน่น แก้ไขนี้ ก็เบื่อๆและเสียใจเหมือนกัน

ก็หวังว่าเพื่อนๆคนอื่นที่เข้ามาอ่านจะได้ข้อคิดดีๆกลับไปใช้กับคู่ตัวเองนะคะ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนจริงๆคะ


panjaree

สวัสดีค่ะ คุณแพม
         เข้ามาตอบ เพราะเจอประโยคเด็ดจากคุณแพม ''คุยกันแล้วไม่เข้าใจ เขาจะมีอาการเสียงดัง-เหมือนคนทะเลาะกัน ทุกครั้งเขาจะบอกว่าไม่ได้เรียกว่าทะเลาะกันนะ แต่เป็นการทำความเข้าใจ'' เจอกับตัวเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่ารับไม่ได้ ทำไมต้องใส่พาวเวอร์อารมณ์ซะขนาดนั้น จะทำตัวให้ชินก็ยังไม่ชินเลยค่ะ ทุกครั้งอารมณ์ก็ต้องขึ้นตามเขาเหมือนกัน ไม่งั้นเดี๋ยวเป็นบ้าค่ะ แต่พอเราขึ้นบ้างเขาก็จะเงียบลงหน่อยคะ55+ พี่ๆเขาให้คำตอบที่ดีกับคุณแพม ยังไงก็ตัดสินใจดีๆนะคะ ทุกอย่างมีทางออกของมันเสมอ 
                                                    ..กุ้ง..

spa

สวัสดีค่ะทุกๆท่าน
ช่วงนี้ว่างมากจัดบ้านต้อนรับคริสต์มาสก็เรียบร้อยแล้วรอวันไปช้อปเท่านั้นเรื่องปรับความเข้าใจกันนั้นเป็นธรรมดาเสียงดังมาก็ดังกลับพระเจ้าประทานหูให้มนุษย์มาสองข้างปากหนื่งปากฉะนั้นเจตนาคือให้มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะฟังมากกว่าพูด
โชคดีจ้ะ
สปาร์

the sun

สวัสดีค่ะป้าพอล สวัสดีค่ะ คุณแพมเจ้าของกระทู้ คุณโจ้ คุณสปา คุณปัญจรีย์ คุณฝน คุณอุ้ม หมดยังเอ่ยที่จะกล่าวคำสวัสดีกับทุกๆ คน เพราะห่างหายจากวงการเวปป้าพอลไปนานมากๆ วุ่นกับการทำงานพร้อมเลี้ยงลูกเลี้ยงผัว(ไอ้เจ้าผัวเอาอย่างอื่นเลี้ยง)ตัวตะวันเองหายหน้าไปนานพอๆ กับป้าพอลไม่เข้ามาตอบกระทู้เลยใช่มิ อิอิอิ(กัดป้าพอล)
เข้ามากระทู้รอบนี้ อู้ยยยตายวายกร๊ดดด หลานเราคลอดแล้ว คุณโจ้ ยินดีด้วยจริงๆ ไม่ได้โทรหา ไมได้ส่งเสียงจำนันจา แม้คุณโจ้เองก้อเล่นเงียบเลย ยินดีด้วยนะคะคุณโจ้ มีลูกชายตัวน้อยสมใจแล้ว ปิดอู่แล้วสิ ยินดีด้วยจริงๆ ขอให้รักษาสุขภาพดีทั้งแม่และลูกน้อย ปีหน้าเอามาวิ่งเล่นหิมะกัน
ณ ในบทกระทู้นี้กล่าวถึงใครไม่คบก้อขออภัยนะคะ เอาเป็นว่าเกรงใจเจ้าของกระทู้ ที่อุตส่าห์มากระทู้ถามหาประสบการณ์เพื่อนๆ พี่ๆ กับชีวิตบทรักๆ รบๆ ของสะใภ้ชาวสวิส
ฮืมมมม...ถอนหายใจ กับประสบการณ์ตัวเองค่ะ ก้อยังโปรโมรชั่นอยู่ เพราะแฟนเป็นคนเสม่ำเสมอ ตัวเองมากกว่าที่ไม่ค่อยจะหวานกับเขา ที่เหนื่อยจากงานมาแล้ว ต้องมาดูแลลูก ดูแลเรื่องอาหารการกินให้เขาทั้งสองคนพ่อและลูกน้อย รวมทั้งตัวเอง ทำให้ไม่มีแรงที่จะไปหวานกับแฟนได้เลย ทำให้แฟนค้อน และพูดประชดอยู่หลายต่อหลายรอบ ก่อนจะแต่งงานกัน ประสบการณ์ตอนคบกันก้อไม่ค่อยจะมีปัญหาค่ะ เรื่องวีซ่าเยี่ยม วีซ่าท่องเที่ยวไม่เคยได้ลุ้นไม่เคยได้ทำ เพราะแฟนเขาให้เกียริตทางครอบครัวเราเองบินไปแต่งงานให้ถึงเมืองไทย ปูทุกอย่างให้เลย การมาสวิสง่ายดายมากๆ ตอนดำเนินวีซ่ามานี่ก้อง่ายมากๆ เพราะนายอำเภอประจำเขตเขียนหนังสือรับรองให้มา (เพราะพ่อสามีทำงานให้เกมายเด้) มันเลยราบรื่นไปหมด พอเดินทางมาสวิส แม่สามีก้อแสนจะดี จัดบ้านจัดห้องหับไว้รอ เขียนเป็นภาษาอังกฤษติดหน้าประตูตัวเบ่อเร้อว่า เวลคัมทูโฮม พร้อมช่อดอกไม้ แสนจะประทับใจมากๆ พอมาถึงด้วยความที่แฟนอยากเป็นครอบครัววมากๆ เลยจับเสกเวตมนน์ตนหัวดำเข้าท้องเลย ชีวิตที่สวิสเลยไม่ค่อยได้เปิดกว้างพอสมควร ต้องมาถึงไม่กี่เดือนก้อท้องเลย ยังไม่ทันได้ปรับตัวทุกเรือง ปรับตัวไม่ทน พร้อมตั้งหน้าตั้งตาปรับตัวเข้ากับสามี(เพราะตอนคบกับแค่ทางแชทกับเวปแคมปีล่ะหนสองหนบินไปหากัน มันไม่เพียงพอหรอกที่จะเรียนรู้)ต้องได้มาปรับตัวเข้าสามีแบบว่า เมื่อไรมีประจำเดือนมาทีไร เก็บอารมณ์ไม่เคยจะอยู่หรอก ทะเลาะกันตีสามตีสี่ก้อตื่นมาปลุกเขาทะเลาะ เพราะเราแปลกๆที่แปลกกับทุกอย่าง แต่ตอนท้องอ่อน ใจเย็นลง เพราะตั้งใจทำให้ตัวเองเย็นลงเอง เพราะลูกอยู่ในท้องกลัวมีผลกับลูกในท้องเลยตั้งใจทำใจให้เย็นสรุปได้ผล คนดีทำดีคิดแต่ในแง่บวกไม่คิดร้ายกับใครทั้งสิ้น นั่งสมาธิสวดมนต์ได้ถือว่าได้ผลดี ณ จุดๆหนึ่งในการควบคุมอารมณ์ตัวเอง ชีวิตที่สวิสจากหน้ามือเป็นหลังมือชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง กับความเก็บกด กดดันทุกอย่าง จากคนช่างพูดจำนันจากตั้งแต่มาอยู่สวิสยอมรับว่าเป็นคนเงียบไปเลย หากเข้าบ้าน ไม่ใช่ตัวของตัวเองเลย ทุกวันนี้ก้อยังเป็นอยู่ แต่โชคดีที่ลูกชายรับสภาวะดีของแม่มาเต็มๆ ไม่เอาความเก็บกดมาด้วย ทุกวันนี้ก้อยังไม่ดีขึ้น เพราะอาศัยอยู่กับครอบครัวแฟนตั้งแต่เหยี่ยบสวิสวันแรกจนปัจุบัญนี้ไปไหนก้อไม่ได้ อาศัยแม่สามีเลี้ยงลูกให้ ตัวเองก้อไปทำงาน แม่ย่าสวิสนะคะท่าน จากที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน วันแรก จนวันนี้เขาก้อเหมือนเดิม ดีมากๆ ดีแบบไหนดีแบบนั้น ร้ายแบบไหนร้ายแบบนั้น ขี้โมโหขี้ใจน้อยขี้โวยวาย เสมอต้นเสมอปลายเหมือนลูกชายเขา(สามีเรา)ไม่มีผิด แต่เราคนต่างภาษาต่างวัฒนธรรมมา คุณแม่เราแท้ๆ ยังอยู่ด้วยกันแล้วมีปัญหาทะเลาะกันบ้าง แต่นี่ไม่ใช่แม่เรา ต้องได้มาทำอะไรที่ไม่ต้องการจะทำ แต่ไม่ต้องการสร้างความลำบากใจให้สามี หรือว่าทำได้ตูจะทำๆ ไป เพื่อความสบายใจของครอบครัว แม้มันจะลำบากใจเรานิดหน่อยก้อยอมทำ ก้อคงเหมือนกับเขาที่ทนเรา เรามาต่างที่ต่างทุกอย่าง เขาก้อคงทนกับเราเหมือนที่เราทน เขายังทนเราได้ เขายังทำดีกับเรา เอาข้อนี้มาคิดจะทำให้ใจดีลงเยอะหากโกรธใครในบ้าน แม้แต่ทำอาหารครัวเดียวก้อต้องรอคิวนะคะ ห้ามโกรธ ห้ามหิวโอเวอร์โวยวาย พึ่งภาพึ่งอาศัยค่ะ ทั้งเขาและเรา จำเป็นค่ะ ต้องทำ เพราะรักสามีรักลูก คิดเสมอว่าหากปัญหาไม่ใหญ่เกินรับได้จะทนค่ะ คิดแบบนี้ตลอด
เขียนมาเยอะพอสมควรให้หายคิดถึงเวปป้าพอลแล้ว ไงก้อขอฟังจากท่านอื่นๆ บ้างนะคะ ชีวิตคนสวิส ไม่ว่าจะเรื่องงานเรื่องความรักเรื่องปรับสภาพกับแม่ผัวเรื่องจิปาถะ
จากที่เขียนมาคงพอจะมีคนอ่านบ้าง (ถ้าไม่เบื่ออ่าน) ก้อขอให้คุณแพมโชคดีกับความรักครั้งนี้ ถ้าคุณแพมมั่นใจที่จะเดินไปกับคนรับคนนี้ชาวสวิสแล้ว อันดับแรกที่ต้องคิดไปหาโรงเรียนสอนภาษาเยอรมันไว้เลยนะคะ หาวีชาชีพใส่ตัวมาเลย คิดไว้เลยว่าจะทำอะไรหลังจากมาสวิสแล้ว เพราะงานที่นี้หายากมากๆ
ขอบคุณค่ะ 

pamela

ขอบคุณ คุณเอดะซันมากเลยคะ เขียนมายาวแค่ไหน แพมก็อ่านได้คะ

คุณเดอะซันโชคดีมากเลยนะคะที่คุณสามี และครอบครัวของเขายอมรับในตัวคุณเอดะซันและรักคุณแบบนี้ แพมเองก็หวังว่าครอบครัวของแฟนแพมจะรักและเอ็นดูแพมเหมือนกัน ตอนนี้ก็เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวจะบินไปสวิสแล้วคะ ตื่นเต้นเหมือนกัน ยังไม่รู้จะซื้ออะไรไปฝากครอบครัวเขาเลยคะ

ยินดีที่ได้รู้จักคะ ^^