วันนี้สับสนจัง ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ

Previous topic - Next topic

CONFUSING

สวัสดีค่ะป้าพอล

แอบอ่านเวปไซด์นี้มาหลายครั้งแล้ว เพราะให้ความรู้หลาย ๆ อย่างแก่คนที่มีปัญหาและข้อข้องใจ จนวันนี้ก็ถึงวันที่ตัวเองมีปัญหาบ้าง เลยอยากขอคำปรึกษาของป้าพอลและผู้รู้หน่อยค่ะ

หนูอายุ 32 ปีทำงานที่กรุงเทพมีการงานดี จนเมื่อ 4  เดือนที่ผ่านมาก็รู้จักชายสวิสคนหนึ่งทาง internet เขามาเมืองไทยเพื่อจะหาแฟน เพราะเขาเลิกกับภรรยาไปแล้วประมาณ 1 ปี สาเหตุที่เลิกกันคือ ภรรยาทำงานแล้วส่งเงินไปเมืองไทยหมด ไม่ยอมจ่ายภาษีของตัวเอง ทุกอย่างเขาจ่ายเองหมดทั้งค่าอพาร์ทเม้นท์ น้ำไฟ ภาษีตัวเองและของภรรยา จึงทนไม่ได้ และหย่ากันในที่สุด เขาทำงานไปรษณีย์ที่เบิร์น อายุ 56 ค่อนข้างอ้วน 120 กก ทำหมันแล้ว เพราะไม่ชอบเด็ก เท่าที่เจอกับเค้าก็รู้สึกว่าเป็นคนดี ไม่กินเหล้า และสูบบุหรี่ หลังจากที่เจอกัน 2-3 ครั้ง พอเค้ากลับสวิสเราก็คุยกันทางโทรศัพท์และเอ็มเอสเอ็น ในสายตาหนูรู้สึกได้ว่าเขาจริงจังและจริงใจ จนช่วงปีใหม่เค้าขอแต่งงาน พอไปปรึกษาที่บ้าน ทางบ้านก็ยอมรับ และเรียกสินสอดทองหมั้นเป็นเลขหกหลัก ค่อนข้างสูง พอเค้าได้ฟังก็ตกใจมากไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ เค้าบอกว่าไม่มีเงินเยอะขนาดนี้เพราะเค้าก็เป็นคนทำงานธรรมดา แต่เค้าก็จะไปหากู้มาให้ แต่พอไปอยู่ที่สวิสแล้วก็ต้องช่วยกันจ่ายเงินส่วนนี้

เขาบอกว่าชีวิตหลังแต่งงาน ก่อนอื่นต้องไปเรียนภาษา พอได้ภาษาก็สามารถสมัครงานได้ ถ้าได้งานเงินเดือนขั้นต่ำที่นี่ หนึ่งแสนบาทUP เราทั้งคู่ถ้ามีงานทำก็น่าจะมีชีวิตที่สุขสบาย แต่ถ้าทำงานแค่คนเดียวก็จะลำบากมาก แต่เราก็คิดว่าถ้าหนูไปอยู่ก็ต้องทำงานอยู่แล้ว

แต่วันนี้น้าชายซึ่งทำงานที่แฟร้งเฟริด เยอรมัน (น้าทำงานมาสิบกว่าปีแล้ว) ก็โทรมาถามเรื่องราว และบอกว่าไม่ต้องมา น้ากลัวโดนหลอก น้าบอกว่าเขาอยากได้ทะเบียนเพื่อนำมาลดหย่อนภาษี เพราะภาษีคู่ ถูกกว่าภาษีโสด, เขาอยากได้คนมาช่วยทำงานบ้าน จะได้ไม่ต้องจ้างคนทำความสะอาด และบอกว่างานหายากมากในยุโรป เค้าไม่ค่อยจ้างคนเอเชียถ้าไม่ใช่คนที่มีความรู้วิชาชีพจริง ๆ แล้วเงินเดือนแสน up เนี่ยะ ลืมไปได้เลย ยากมาก สรุปอย่ามา

ตอนนี้เองพ่อแม่พอฟังน้าพูดแบบนี้ก็ไม่อยากให้แต่งแล้วค่ะ ตอนนี้หนูเองก็รู้สึกสับสนมาก หนูรู้ว่าเขาจริงใจ คงไม่มีใครมาจ่ายค่าสินสอดแพง ๆ เพื่อที่จะเอาไปขายมั้งค่ะ

nidnid

สวัสดีคะ ทุก ๆ คน

อ่านแล้วก็เห็นใจคุณนะคะ ลองใช้เวลาศึกษากันและกันให้นานกว่านี้น่าจะดีกว่านะคะ เพราะคนเรารู้หน้า แต่ไม่รู้ใจคะ บางครั้งใช้ความรู้สึกตัดสินใจในเรื่องบางเรื่อง มันก็อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป การมาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกคะ ต้องมาเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ งานที่นี้ก็หายากอย่างที่น้าคุณบอก


"หนูรู้ว่าเขาจริงใจ คงไม่มีใครมาจ่ายค่าสินสอดแพง ๆ เพื่อที่จะเอาไปขายมั้งค่ะ" เรื่องนี้ตอบยากคะ เพราะว่ามันก็เคยมีและเคยเกิดขึ้น

ค่อย ๆ ศึกษากันไปคะ ให้เขาได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยให้ถึงแก่นแท้ ให้เขาได้รักเมืองไทย และหญิงไทยจริง ๆ เวลานั้นคุณก็จะได้ไม่ต้องมาเสียใจหรือทุกข์ใจกับความไม่เข้าใจกันในหลาย ๆ เรื่อง

CONFUSING

สวัสดีค่ะ คุณ Pan

ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับคำแนะนำ ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ เพราะคิดถึงแต่เรื่องนี้ ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี .. เพราะเค้าก็อยากจะแต่งงานแล้ว ภายในสามสี่เดือนนี้ พยายามบอกให้รอ แต่เขาบอกว่าไม่อยากอยู่คนเดียว รอไม่ได้.... ทำยังไงดีค่ะ

คุณ Pan อยู่ที่สวิสรึเปล่า แล้วอยู่ที่นั่นงานหายากมาก ๆ เลยเหรอค่ะ ปกติไปอยู่ได้กี่เดือนถึงมีงานทำ แล้วที่บอกว่าทำงานแล้วเงินเดือนประมาณแสนup จริงรึเปล่าค่ะ เพราะคงต้องช่วยเค้าทำงานด้วย อยู่กันสองคนถ้าเค้าทำงานคนเดียวคงลำบาก

ยังไงขอช่วยแนะนำด้วยนะคะ ยินดีรับฟังทุก ๆ ความคิดเห็นเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ

ขอบคุณค่ะ


nidnid

สวัสดีคะ

คะ ดิฉันอยู่สวิตฯ งานที่นี้หายากจริงคะ ถึงไม่เลือกงานมากก็หาได้ไม่ง่ายนักคะ อยู่ที่นี้อย่างแรกคุณต้องเรียนภาษาให้ได้ก่อน เพราะคุณต้องใช้ในการสื่อสารกับคนรอบข้าง คนในครอบครัว รวมถึงว่าที่สามีคุณด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูงทีเดียว เงินเดือนก็ขึ้นอยู่กับงานที่ทำ และการตกลงกับนายจ้าง ซึ่งมีทั้งจ่ายค่าแรงเป็นรายชั่วโมง และรายเดือน แต่ส่วนใหญ่นายจ้างจะจ้างเป็นชั่วโมง ถ้าโชคดีได้งานบริษัทที่ดี ก็ได้รับเงินเดือนเป็นรายเดือน

ส่วนที่เขาบอกว่ารอไม่ได้ ไม่อยากอยู่คนเดียว ดิฉันว่า ปล่อยให้เขารอดีกว่าคะ ถ้าคนเขารักเราจริง เขาต้องรอเราได้ หากเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เราพูด ก็คงต้องปล่อยให้เขาไปหาคนใหม่ ถ้าเขาจะไป เพราะเราก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุดสำหรับเรา ชีวิตเรายังต้องเจอคนอีกเยอะแยะมากมายคะ เขาเคยแต่งงานกับหญิงไทยมาแล้ว ถามเขาดูคะว่า ทำไมถึงยังคิดจะแต่งกับหญิงไทยอีก ไม่กลัวการผิดหวังอีกครั้งเหรอ

ขนาดชายไทย พูดภาษาเดียวกับเรา วัฒนธรรมเดียวกัน ยังหลอกกันได้เลยคะ นับประสาอะไรกับคนต่างชาติ ต่างภาษา และต่างวัฒนธรรม

ตุ้ม

สวัสดีทุกๆคนค่ะ

คุณ Confusing คะ ก่อนอื่นคุณควรถามตัวเองก่อนว่าคุณต้องการจะแต่งงานเพราะเหตุผลอะไร  รักเค้าพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่และคู่กับเค้าหรือแค่ต้องการแค่มาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ  เมื่อคุณได้คำตอบที่ถูกต้องแล้วและตัดสินใจแน่นอนว่าต้องการจะแต่งงานและพร้อมที่จะเริ่มดำเนินชีวิตคู่ดัวยกัน  ก็เริ่มมาตั้งคำถามให้ตัวเองอีกว่า ทางครอบครัวของคุณต้องการสินสอดจำนวนสูงนั้นเป็นเพราะเหตุใด  ทางครอบครัวของคุณไม่มั่นใจในฝ่ายชายหรือว่าทางครอบครัวของคุณขาดความช่วยเหลือที่เคยได้รับจากคุณเพราะจะคุณแต่งงานออกไป ถ้าคุณแต่งงานกับคนไทยดัวยกันทางครอบครัวของคุณจะเรียกร้องสินสอดเหมือนกันไหมและเมื่อทางครอบครัวของคุณได้รับสินสอดไปแล้วจะเอาไปทำอะไร ฯลฯ  เมื่อคุณได้คำตอบแล้วค่อยมาคิดต่อไปว่าควรจะทำอย่างไรกับเรื่องสินสอดที่ทางครอบครัวของคุณเรียกร้อง  ธรรมเนียมการแต่งงานของทางตะวันตกและของไทยเราแตกต่างกันมากโดยเฉพาะในเรื่องสินสอด  การที่จะให้ชาวตะวันตกเข้าใจเรื่องนี้ยากค่ะ  แม้แต่ค่าใช้จ่ายในการแต่งงานพ่อแม่ฝ่ายหญิงตะวันตกยังเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบเลยค่ะ

ถ้าทางครอบครัวของคุณคิดว่าสินสอดนี้ทำเพื่อความมั่นคงในอนาคตของคุณหรือเพราะขาดความช่วยเหลือจากคุณ  ลองปรึกษาดูกับว่าที่สามีและครอบครังของคุณว่าให้เอาเงินนี้ทำเป็น Trust Fund และต้องเซ็นชื่อร่วมกันในการที่จะต้องถอนเมื่อมีความจำเป็น  แต่ในกรณีย์ที่คุณต้องดูแลครอบครัวก็ให้เบิกประจำเดือน/ปีออกจากกองทุนนี้   ขอให้คุณโชคดีและพบความสุขที่แท้จริงค่ะ

pall

สวัสดีค่ะ คุณตุ้ม
สวัสดีค่ะ คุณ pan
สวัสดีค่ะ คุณCONFUSING
อ่านที่คุณเขียนเล่ามาแล้วเข้าใจถึงความรู้สึกของคุณดีค่ะและคิดว่าคุณก็เป็นคนไทยคนหนึ่งในจำนวนคนไทยหลายๆคนที่ยังไม่เคยมาที่นี่หรือมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ย่อมไม่เข้าใจถึงความเป็นอยู่ เข้าใจประเพณี วัฒนธรรมของประเทศสวิส
ประเทศสวิตฯจัดเป็นประเทศหนึ่งในหลายๆประเทศในฝันของคนหลายๆคน...ประเทศที่เราอยากไปสัมผัส.ประเทศที่เราอยากไปเที่ยวมากๆๆ .ประเทศที่เราอยากไปอยู่....ประเทศที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจนเหมือนอยู่บนสวรรค์... มีความเป็นอยู่ดี...เป็นประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีฐานะ(รวย)...ประชากรมีเงินเดือนที่เทียบเป็นค่าเงินไทยที่ทำให้เราตาโตเพราะมีเงินเดือนเป็นแสนๆ ....
มีคนจำนวนมากอยากมาอยู่   อยากมาทำงาน    อยากมีฐานะสภาพดีขึ้นกว่าอยู่ที่เมืองไทย
อยากมีแฟนเป็นคนสวิส และในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากหรือเกินความสามารถเหมือนสมัยก่อนเพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยทุกๆด้าน รวมทั้งทางInternetแค่กดปุ่มเปิดคอม ก็สามารถติดต่อ แชท เห็นหน้าตา ฟังเสียง
....ฯลฯ....อยากรู้เรื่องอะไรแค่เสริ์ชหาทางกูเกิล ก็ได้รับข้อมูล หรืออยากถามอะไรก็ได้รับคำตอบแล้ว ได้รับคำตอบที่บางครั้งไม่สามารถได้รับจากเจ้าหน้าที่ที่ทำงานนั้นได้
อยากพูดว่าคนยุคนี้โชคดีมากค่ะโชคดีกว่าคนรุ่นเก่า รุ่นบุกเบิกที่เข้ามาอยู่ที่สวิส ที่ต้องดิ้นรน ต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคด้วยลำแข้งตนเอง  ไม่สามารถสอบถามหาข้อมูล การเตรียมตัวมาอยู่ที่นี่เหมือนคนยุคนี้  บางคนประสบความสำเร็จ บางคนประสบความล้มเหลว

ความรู้สึกของผู้มาเที่ยวที่ประเทศสวิสฯหรือคนที่ไม่เคยมาและใฝ่ฝันอยากมาเที่ยวที่ประเทศสวิตฯ....ต่างมีความรู้สึกว่าเป็นประเทศ..เงียบสงบ..สวยงามน่าอยู่...อากาศดี...สิ่งแวดล้อมดี  ทิวทัศน์สวยงาม การคมนาคมสะดวกสบาย สวัสดิการดี ประชากรมีความเป็นอยู่ดี...สะดวกสบายทันสมัย  มีเงินเดือนสูงค่าแรงงานงามเมื่อเทียบเป็นเงินบาทไทย
จนอยากมาอยู่ที่สวิตฯมาก...
คนที่มาอยู่สวิตฯแล้วจะมีความรู้สึกเปลี่ยนไปทั้งทางด้านบวก..และด้านลบ..ขึ้นอยู่กับมุมมอง....และสถานะภาพของแต่ละคน....
บางคนคนโชคดีได้สามีดี...มีงานทำดี...ได้รับโอกาสดีๆในชีวิต   สามารถส่งเงินทองไปเจือจุลครอบครัวทางเมืองไทยให้มีความเป็นอยู่ดี สร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่จนเพื่อนบ้านคนอื่นๆอิจฉา มีเครื่องประดับมีค่าสรวมใส่มากมาย  จนทำให้มีบางคนอยากมีผัวฝรั่งบ้างจะได้ร่ำรวยเสียที

บางคนคนโชคร้ายได้สามีไม่ดี...โดนทำร้ายร่างกาย  โดนบีบบังคับ   ผัว ไม่มีความรับผิดชอบแก่ครอบครัวตามหน้าที่  ไม่มีงานทำ   ไม่มีเงิน  ..ไม่สามารถส่งเงินไปเกื้อกูลครอบครัวทางเมืองไทย ฯลฯ..คนที่มีผัวแบบนี้จะมีความรู้สึกขมชื่นสุดๆจนคิดอยากกลับไปอยู่เมืองไทย ในกรณีแบบนี้จะหาทางออกโดยอาจจะไปขอความช่วยเหลือจากคนไทยด้วยกันเอง จากทางการสวิสในกรณีย์โดนทำร้ายร่างกายและจิตใจ ซึ่งมีสถานที่ให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว
บางคนต้องทำงานหนักใช้แรงงาน หรือมีบางคนทำงานขายตัวเพราะต้องการเอาเงินไปให้ครอบครัวทางเมืองไทย
ให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นมีหน้ามีตาทัดเทียมคนอื่นๆ โดยที่ครอบครัวทางเมืองไทยไม่รู้เลยว่าเงินที่ได้มานี้นี้คนทางนี้ต้องอดอยากแค่ไหนหรือทำงานหักเพียงใดเพื่อเก็บเงินส่งมาเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากที่คนทางเมืองไทยใช้เงินกันอย่างสุรุ่ยสุร่ายไม่เห็นค่าของเงิน

ประเทศสวิตฯไม่ใช่เมืองสวรรค์  มีแต่คนมีเงิน มีฐานะ มีความเป็นอยู่ดีตามสายตาของคนภายนอก ประเทศสวิตฯมีคนจนที่มีอัตราสูงขึ้นแต่ละปีเพิ่มขึ้น ประเทศสวิตฯมีคนจรจัดนอนตามใต้สะพาน ฯลฯ  มีคนตกงาน อัตราคนว่างงานเพิ่มขึ้น  มีขอทานบนฟุตบาท     สถิติอาชญากรรมเพิ่มขึ้นแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็นการจี้ ปล้น วิ่งราว ข่มขืน ฯลฯ ประเทศสวิตฯไม่มีความปลอดภัยอย่างที่เคยมีมา  รถไฟ รถเมล์ สถานที่สำคัญ จะมีกล้องวงจร  ที่อยู่อาศัยจะไม่ค่อยมีคนเปิดประตูต้อนรับเมื่อคนมากดกริ่งเพราะไม่มีความปลอดภัย เพราะมีการจี้ปล้นทรัพย์มาแล้วตอนเปิดประตู

คนที่แต่งงานกับคนสวิสตอนมาอยู่ใหม่อาจไม่มีความเข้าใจหรืออาจมีบางคนอาจรับไม่ไหวจนมีความรู้สึกด้านลบเมื่อเห็นความเป็นอยู่อย่างประหยัดมัธยัถส์ จนเหมือนขี้เหนียว  จับจ่ายอาหารอย่างประหยัดไม่ซื้อของกินแพงๆ  บางคนไม่อาจจะกินอาหารนอกบ้านเพราะมีความสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น อาหารจะกินทิ้งกินขว้างไม่ได้อย่างอยู่เมืองไทย
อาหารที่เหลือจะเก็บกินในมื้อต่อไป  บางครอบครัวจะกินเนื้ออาทิตย์หนึ่งไม่กี่ครั้งเพราะต้องประหยัด
อาหารไทยสำหรับคนสวิสบางคนจัดว่ามีราคาแพงบางคนอาจจะมีปัญหากันได้ถ้าคนไทยไม่ยอมปรับตัวหันมากินอาหารที่นี่  ไปเที่ยวที่ไหนจะแบกเป้ใส่ของกินไปด้วย
คนที่อยู่ที่นี่จำนวนมากที่ทำงานปากกัดตีนถีบ ทำงานหนัก ไม่มีเงินเก็บ อยู่อย่างกระเบียดกระเสียน
ต้องรัดเข็มขัดสุดๆจึงจะอยู่ได้  คนสวิสไม่ได้ร่ำรวยจับจ่ายเงินอย่างที่ทุกคนเห็นตอนไปเที่ยวเมืองไทย
เงินที่ไปเที่ยวต้องเก็บและประหยัด และกลับมาก็มาประหยัดใหม่อีก โชคดีที่ค่าเงินสวิสที่แลกได้สูงจึงดูเหมือนคนไปเที่ยวมีเงินร่ำรวยใช้จ่ายให้สมกับทำงานหนักและประหยัดมาทั้งปี
เงินเดือนคนที่นี่ถัวเฉลี่ยประมาณคนละCHF 5000  มีบางคนที่ต่ำกว่านี้
เงินเดือนที่เห็นสำหรับคนไทยแล้วจะรู้สึกว่ามากแต่สำหรับคนที่นี่ อยู่ไม่มากเลยโดยเฉพาะ
ถ้ามีครอบครัวมีลูกแล้วจัดว่าน้อยมากเพราะที่นี่มีค่าครองชีพที่นี่สูงมากและขึ้นอยู่กับรัฐที่อยู่ ค่าเช่าบ้านสูง
คนสวิสจะมีการวางแผนการใช้เงินอย่างประหยัดเพราะต้องจ่ายภาษี จ่ายประกันเจ็บป่วย จ่ายประกันรถยนต์
ฯลฯ

เงินเดือนค่าครองชีพแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ประเทศสวิตฯได้รับเงินเดือนมากกว่าประเทศอื่นในกลุ่มยุโรป
ได้มากกว่าคนที่อยู่ประเทศเยอรมัน และอย่างที่เขียนบอกไว้ข้างบนค่ะว่าเงินเดือนคนที่นี่ถัวเฉลี่ยประมาณคนละCHF 5000 
คุณต้องทบทวนตัดสินใจด้วยตัวคุณเองค่ะว่าคุณพร้อมที่จะมาใช้ชีวิตคู่ที่นี่หรือไม่และ  ก่อนที่คุณจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่คุณควรทบทวนถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณกับแฟนคุณรู้จักกันมีความเข้าใจกันดีแค่ไหน มีความอดทนกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับการใช้ชีวิตคู่ของคุณหรือไม่  แก้ไขจุดบกพร่องของแต่ละฝ่าย   คุณมีความเข้าใจดีพอกับการใช้ชีวิตที่นี่ดีพอหรือเปล่า  ปัญหาทางด้านภาษา    ความแตกต่างกันกับขนบธรรมเนียมปะเพณี   ชีวิตความเป็นอยู่   ความสัมพันธ์ของครอบครัว ความรับผิดชอบจัดการใช้จ่ายเงินทองร่วมกันฯลฯ  และที่สำคัญถามตัวเองว่าจุดมุ่งหมายความต้องการอันแท้จริงของคุณที่อยากแต่งงานกับแฟนคุณเพราะอะไร  คุณเลือกเกิดเองไม่ได้ แต่คุณสามารถเลือกทางเดินชีวิตคุณได้    และอย่าลืมปัญหาที่ตามมาที่คนมาอยู่ใหม่ๆแทบจะทนไม่ได้คือความคิดถึงบ้าน......

ความหวาดวิตกกังวลทำให้คุณเกิดความกลัว เกิดความสับสน คิดมาก และส่วนที่น้าชายคุณพูดก็มีส่วนถูกเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีคู่ แต่บางอย่างก็ไม่อยากให้น้าชายคุณและครอบครัวคุณมีอคติมากจนเกินไปนัก ถ้าคุณไม่แน่ใจจริงๆกับการแต่งงานอยากแนะนำให้คุณมาที่นี่ดูก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน
และถ้าคุณมาเที่ยวที่นี่แล้วและเห็นการใช้ชีวิตประจำวันการใช้จ่ายชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่แล้วจนเกิดความมั่นใจว่าคุณเลือกไม่ผิดพลาด และคุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ได้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด การแต่งงานไม่ใช่การเลือกซื้อรองเท้าถ้าไม่พอใจสลัดทิ้งเพื่อหาซื้อคู่ใหม่ อย่าแต่งเพราะอยากมาอยู่ที่นี่อยากมาทำงานได้เงินมากๆ และอย่าแต่งเพราะเขาให้ค่าสินสอดเลข 6หลัก(ขอผ่านไม่ขอวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ) แต่ไม่เห็นด้วยที่ต้องกู้เงินมาเป็นค่าสินสอด เพื่อความมีหน้ามีตา และอย่างที่คุณตุ้มเขียนอธิบายก็ชัดเจนมากทีเดียว อย่าแต่งเพราะเขาเร่งรัดเพราะรอไม่ได้ หรือคุณตกลงแต่งงานเพราะเห็นใจเขา
อย่ากลัวค่ะกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น  สิ่งที่มองไม่เห็น อย่าเชื่อหรือฟังจากคำพูดของคนอื่นๆ จนกว่าคุณจะเห็นหรือประสบกับตัวคุณเอง คุณโตพอและพร้อมที่จะมีความรับผิดชอบตัวคุณเอง ดังนั้นการตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่ตัวคุณค่ะ
พิจารณาทบทวนทุกอย่างช้าๆอย่างมีสติ และมีเหตุผล

ถ้าคุณแต่งงานมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้วมีกฎหมายคุ้มครองคนต่างด้าวค่ะและถ้าคุณประสบปัญหาโดนทำร้ายจิตใจหรือร่างกายคุณสามารถติดต่อได้ที่นี่ค่ะ
บ้านพักฉุกเฉิน Frauenhaus ในสวิตฯจะมีเบอร์โทรศัพท์ของรัฐต่างๆที่คุณขอรับความช่วยเหลือ
http://www.frauenhaus-schweiz.ch/

บ้านพักฉุกเฉิน Frauenhaus ของรัฐ Bern
http://www.frauenhaus-schweiz.ch/index.php?id=4

ลองเข้าไปอ่านเพื่ออาจเป็นข้อมูลแก่คุณได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
http://www.swissworld.org/de/wirtschaft/einkommen_und_lebensqualitaet/konsumausgaben/

http://www.justlanded.com/deutsch/Schweiz/Landesfuehrer

http://www.suisselife-leben-und-arbeiten-in-der-schweiz.de/


ขอให้โชคดีค่ะ

the sun

สวัสดีค่ะป้าพอล และคุณ confusing คุณ pan คุณตุ้ม
 ตะวันเข้ามาเห็นด้วยกับความคิดคำแนะนำ ทั้งคุณตุ้มแล้วคุณแพนค่ะ  ถามตัวเองก่อนว่า รักเขาไหม หรืออยากจะมาเมืองนอก ถ้ารักเขาก้อลุยเลยค่ะ แต่หากประเด็นที่สองหล่ะก้อ มีหลายคู่ที่ต้องได้กลับไทย เพราะมาแล้วอยู่กันไมได้ แล้วมีปัญหากัน อยู่สวิสต่อไมได้ ค่าาลดหย่อนภาษีตามที่น้าคุณเตือนนั้นเป็นจริงค่ะ คนแต่งานแล้วจะจ่ายถูกลงกว่าคนโสด แต่มันก้อไมได้ทำให้เขารวยหรือเซฟเงินเพิ่ม ด้วยการจ่ายภาษีต่ำลงหรอกคะ ข้อนี้ตัดไป ไม่ใช่ปัญหา ช่วยงานบ้าน เก็บกวาดเช็ดถุก คุณมาที่นี่คุณได้เป็นนางแจ๋วแน่ๆ คุณจะยอมให้บ้านคุณรก เป็นไปไม่ได้ คุณก้อต้องทำ ใครๆ ก้อเจอข้อนี้ ตัดไปค่ะข้อนี้ เขาแต่งงานกับคนไทย เขาเข้าใจวัฒนาการแต่งงานดี แม้แต่จะกู้เงินเขาก้อยอม แต่เขารักคุณหรือป่าวที่จะให้มาใช้หนี้ช่วยหลังแต่งงาน(หากเขาพูดแบบนั้นนั่งเอาสองมือก่ายหน้าผากคิดต่อเลย) มันจริงที่ว่า สามีภรรยากันแล้ว ภาระผูกมัดอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่หากเขาพูดว่าจะต้องมาใช้หนี้ร่วมกันคิดให้ดีค่ะ ภรรยาเก่าเขาเป็นคนไทย ส่งเงินกลับไทย มันเป็นเรืองธรรมดาของคนไทยที่ต้องช่วยดุแลพ่อแม่ ภาระจ่ายค่าโน้นค่านี้ให้ภรรยานั้นปกติก้อหน้าทีของสามีต้องทำค่ะ หากได้ทำงานแล้วฝ่ายหญิงก้อช่วยนิดหน่อย แล้วแต่เขาจะช่วยหรือไม่ แต่เขาก้อไม่ได้ไปขอเงินฝ่ายสามีส่งกลับบ้านทีไทยนี่ค่ะ หากเขาคิดถึงขนาดโน้นนี่เรืองเงินภาษีแล้วขนาดเลิกกับภรรยา ที่แต่งงานมา คุณคิดให้ดีนะคะ รักกันมาแค่เรืองจ่ายภาษีให้เมียแล้วต้องเลิก แน่ๆ หล่ะคุณมาอยุ่ที่นี่เขาก้อต้องจ่ายภาษีให้คุณอีก คุณก้อคนไทยเหมือนภรรยาเก่าเขาอีก เขาไม่ต้องได้หาเมียไปอีกซักกี่คนที่เป็นคนไทย  ขอโทษนะคะที่ให้แง่คิดแบบตรงๆ ถ้าเป็นตะวันแล้ว ไม่แต่งกันคนนี้แน่ๆ หากไม่รักมากๆ ยอมทุกอย่าง
 ตะวันเองหางานมา สองปีค่ะวันนี้เพ่ิงไปเริ่มงานวันแรก งานกรรมกรค่ะ ตะวันไมเลือกงานแต่หามาเป็นปีๆ เพราะด้วยคำว่า ไมได้ภาษา ไม่ได้ง่ายเลยการหางานที่นี่ ระดับแสนอัพ ก้อคงยาก ตลาดแรงงานเยอะ คนว่างงานเยอะ ประเทศสวิสเป้นประเทศเปิดรับคนอพยพ คนหางานแรงงานก้อย่อมเยอะตามไปด้วย หากจะหางานดีๆ ทำ ภาษาต้องให้ได้เยอรมันเก่งๆ วุฒิการศึกษาดีๆ ก้อพอได้งาน แต่ทนหน่อย กว่าคุณจะได้งานดีๆ ทำ แฟนคุณคงจ่ายเงินกู้ค่าสินสอด ที่เขากู้ไปแต่งงานหมดก่อนแล้วหล่ะ แต่ไงก้อคิดให้ดี คิดด้วยตัวคุณเอง นำแนวทางของท่านอื่นๆ ไปประกอบคิด คุณจะสว่างในแนวทางของคุณ ตะวันเชื่่อว่าคุณรุ้คำตอบแล้ว แต่คุณคิดมากเท่านั้นเอง เอาใจช่วยนะค่ะ

ตุ้ม

สวัสดีค่ะคุณ PallคุณPanคุณSunและคุณ Confusing

จำนวนเงินที่ได้การลดหย่อนภาษีสำหรับคู่สมรสนั้น  ไม่ว่าจะได้รับลดหย่อนสักเท่าใดก็จะไม่มากไปกว่าค่าใช้จ่ายและภาระที่เพิ่มขึ้นในการมีคู่ครองค่ะ ตามที่คุณ Pall ได้อธิบายแล้ว  ส่วนการที่ภรรยาจะเก็บเงินรายได้ไว้ใช้จ่ายเฉพาะส่วนตัวของตัวเองโดยไม่ช่วยจ่ายค่าภาษีรายได้นั้นไม่ถูกต้องนะคะ  การเป็นสามีภรรยากันก็คือการร่วมใช้ขีวิตคู่ดัวยกัน

ข้อสมมุติ : ฝ่ายสามีเป็นโสดเคยเสียภาษีรายได้ประมาณ 10% เมื่อแต่งงานแล้วอาจจะเสียประมาณ 8% แต่ว่าถ้าภรรยาเริ่มมีรายได้ภาษีอาจจะเพิ่มเป็น 12%  ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับรายได้รวมของทั้งคู่สมรส  ฉนั้นคุณจะเห็นว่าการแต่งงานเพื่อที่จะได้ส่วนลดหย่อนภาษีนั้นไม่ได้เป็นเหตุผลสำคัญในเรื่องการแต่งงาน

Jojo

สวัสดีค่ะทุก ๆ คน

คุณ CONFUSING...เรื่องระหว่างความรู้สึก คุณสองคนคงต้องตัดสินใจกันเอาเองนะ ???
แต่ถ้าจะให้แนะนำเรื่องหางานในสวิส บอกได้เลยว่า ยากส์ส์ส์ส์...มาก ๆ  ค่ะ ที่ว่าเงินเดือนเป็นแสน ได้แน่ค่ะเป็นแสนบาทไทย เพราะค่าเงินเอา 30 คูณ ถ้าช่วงนี้ก็ประมาณ 31กว่า ๆ  ;D แต่ต้องทำเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะบอกว่าเหนื่อยมากค่ะ เพราะไหนคุณต้องมาดูแลงานบ้าน ทำกับข้าวให้สามี ซักผ้า รีดผ้า ฯลฯ บอกได้เลยว่าเหนื่อย เพราะงานที่ได้ก็เป็นงานที่ใช้แรงค่ะ หรืองานโรงงานที่ต้องเข้ากะ ไม่ได้นั่งออฟฟิศ อยู่หน้าคอมฯ เหมือนอยู่เมืองไทยแน่นอน นอกจากจะเหนื่อยจากงาน ต้องเหนื่อยกับการตามรถไฟ รถเมล์ หมายถึงว่า ที่สวิสการเดินทางต้องเป็นเวลาเป๊ะ ๆ ค่ะ เหนื่อยกับการต้องเดินจ้ำ ๆ ให้ทันรถอ่ะ แต่ถ้าจะใช้ชีวิตและทำงานแบบชิว ๆ  ต้องทำงานประมาณ 30-50 เปอร์เซ็นต์นี่กำลังดีค่ะ แต่เงินเดือนได้ไม่ถึงแสนค่ะ
ส่วนเรื่องต้องร่วมแชร์ค่าอพาร์ทเม้นต์ ค่าน้ำ ค่าไฟ อันนี้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ไหนแต่ไรมาอยู่คนเดียวก็ออกเอง ทำไมเวลามีภรรยาแล้วต้องให้มาหารร่วมด้วย ??? ถ้าเป็นเรื่องภาษีอันนี้ก็ว่าไปอย่างค่ะ ถ้าคุณยังไม่ได้ทำงานแน่นอนผู้ชายได้ลดหย่อน แต่ถ้าคุณทำงานแล้ว ภาษีมันก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นค่ะไม่ได้ได้ลด
คิดว่าเล่าสู่กันฟังแล้วกันนะคะ ไม่ต้องคิดมาก ตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง บอกเล่าจากประสบการณ์ค่ะ โชคดีค่ะ ;D

อย่าหยุดที่จะเดินหาโอกาส

BUAKAO

สวัสดีค่ะ
เอาเรื่องภาษีก่อนแล้วกันนะค่ะ ถ้าคุณสังเกตุดีดี คุณจะเห็นว่าที่สวิสนั้น คนสวิส กับ คนสวิสเขาจะอยู่ด้วยกันเฉย เฉยค่ะ คือเขาจะไม่ค่อยแต่งงานกัน เพราะว่าหนึ่ง ที่สวิสการเก็บภาษีจะเป็นการเก็บแบบ Progresiv หมายถึง ยิ่งคุณมี Einkommen สูงขี้นเท่าไร เปอร์เซนต์ภาษีคุณก็จะสูงขี้นตามไปด้วย เช่น ตัวอย่างนายเควินมีรายได้ 70000 ต่อปี เสียภาษี 8% โดยเขามีแฟนชื่อมาเรีย โดยมาเรียมีรายได้ต่อปี 70000 เช่นกัน เสียภาษี 8% เช่นกัน สองคนนี้อยู่กันเฉย เฉย ก็เลยแยกกันจ่ายภาษี ต่างคนก็ต่างจ่าย ภาษีของเควิน ตก 5600 ต่อปี ของมาเรียก็เช่นกัน รวมกันแล้วตกเสียภาษีสองคนโดยไม่ได้แต่งงาน 11200 fr ถ้าสองคนนี้แต่งงานกันรายได้ของสองคนนี้ก็ต้องเอามาคิดรวมกัน โอเค 140000 เสียภาษี 10% ปีหนึ่งเสียภาษี
14000 fr เสียมากกว่าอยู่กันแบบไม่แต่งงานปีหนึ่ง 2800fr ที่ประเทศเยอรมันเก็บภาษีคนละระบบกับที่สวิส

เรื่องงาน แล้วแต่คุณวุฒิของแต่ละบุคคลไป แล้วก็แล้วแต่ตำแหน่งงานไป ถ้าเป็นงานพนักงานต้อนรับ ก็ควรพูดได้สามภาษาฝรั่งเศล เยอรมัน อังกฤษ ถ้าจะทำงานด้านบัญชีก็ต้องมีความรู้ใบรับรองด้วยบัญชี พร้อมทั้งประสบการณ์ ถ้าจะทำงานคอมพิวเตอร์ก็ต้องมีใบประกาศคอมพิวเตอร์ ทั้งต้องได้ภาษาอยู่โซนเยอรมันก็ต้องได้เยอรมัน ก็ขี้นอยู่กับแต่ละบริษัท บริษัทไป แต่ที่นี้เขาพูดสี่ภาษา และมีบริษัทอินเตอร์มากมาย ก็สรุปถ้าบุคคลที่มีความสามารถใช้ภาษาได้ดีทั้งสามภาษา คือฝรั่งเศล เยอรมัน และอังกฤษ และเก่งด้านคอมพิวเตอร์ มีประสบการณ์การเรียนในต่างประเทศ คุณก็ขายดีในตลาดแรงงาน ถ้ามี ตำแหน่ง หน้าที่การงานดีที่เมืองไทยแล้ว แล้วจะมาทำงานใช้แรงงานที่นี้ ชั่วยี่สิบ ไม่คุ้ม เดือนเป็นแสนจริงอยู่ แต่รายจ่ายก็รอเป็นแสนเหมือนกัน

BUAKAO

ค่าเช่า 1500 (สามห้องครึ่ง)ค่าประกัน 250 ยังไม่ได้กินอะไร ค่าใช้จ่ายหลัก หลักฟาดไปแล้ว เกือบพันแปด จะไปกินอาหารกะแฟนที่ร้านสองคน ไปแล้วอย่างต่ำ สี่สิบ ฟรัง ไปตัดผม ร้อยหนึ่ง ทำงานชั่วโมงยี่สิบ ถ้าทำร้อยเปอร์เซนต์ ไปประมาณเดือนสามพันห้าสมมุติ ตัดเงินคนแก่ คนพิการ เงินเวลาเราไปเกณฑ์ทหารอะไรแบบนี้ 5.05% เงินตกงาน 1% เงินเพ้นชั่น 6-8% เงินประกันอุบัติเหตุ 0.3-0.5% ตัด ตัด ตัด ไป 431.8 เหลือ 3068.2 จ่ายค่าเช่าบ้านสมมุติครึ่งหนึ่ง 750 เหลือ 2318.2 จ่ายค่าประกัน Krankenversicherung อีก 250 เหลือ 2068.2 ค่าอาหารการกิน ค่าครีม เสื้อผ้า ใช้เดือนละพัน เหลือ 1068.2 สิ้นปีมา รายได้รวมสิบสามเดือน 45500 fr ถ้ายังไม่แต่งงานเสียภาษีเอง สมมุติ 7% 3185 ก็จะเหลือเงินเก็บปีละ 10701.6 แต่ว่าถ้าแต่งงานสมมุติสามีรายได้เยอะ ได้ 100000-150000ต่อปี สองคนผัวเมีย รายได้รวมกันต่อปี สองแสน ขอเก็บภาษีเป็น 12% แย่เลยทีนี้ จาก 45500 หักสิบสองเปอร์เซนต์ 5460 เงินเก็บต่อปีก็จะเหลือเพียง 8426.6

BUAKAO

เราต้องมีสติ และคิดให้รอบคอบ เวลาที่บุเพสันนิวาสกรรมมาถึง เราก็ต้องตั้งรับอย่างมีสติค่ะ จะไหลไปตามความต้องการของทั้งเรา ทั้งเขา บางทีอาจเพี้ยงพร้ำได้นะค่ะ เราควรฟังหลาย หลายข้อมูล สรุป และตัดสินใจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ชั่งน้ำหนักดูด้วยว่าอันไหนคุ้ม อันไหนไม่คุ้ม สมมุติเรามีตราชั่งอยู่ตัวหนึ่ง ข้างหนึ่งก็หน้าที่การงานสบายอยู่แล้ว ได้อยู่ใกล้ชิดดูแลพ่อ แม่ มีพี่น้องเพื่อนฝูง อยากกินอะไร ที่ไหนก็ได้กิน อยากให้เงินพ่อแม่ใช้เท่าไรก็ได้ ไปเที่ยวที่ไหนก็ยอมได้ การงานก็เท่ห์ แล้วอีกข้างหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่ง ด้านจิตใจเขานั่นก็ยากแท้หยั่งถึง ทั้งยังอยู่ไกลแสนไกล กลับชีวิตหลังแต่งงานที่ต้องมาทำงานหนักนั่งใช้หนี้ค่าสินสอด อยู่ห่างไกลญาติพี่น้อง พ่อ แม่ อันเป็นที่รักและไว้ใจ

CONFUSING

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณบัวขาว,คุณโจโจ้,คุณตุ้ม,คุณตะวัน,ป้าพอล,คุณแพน รวมถึงแพร ด้วยนะค่ะที่ให้คำแนะนำดี ๆ จนมองเห็นภาพและมองอนาคตออกว่าจะต้องเจออะไรบ้าง รู้สึกซาบซึ้งใจจริง ๆ ค่ะ ถึงแม้จะตัดสินใจอะไรลงไปนั่นหมายถึงเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นอย่างไรในอนาคต

ตอนนี้ก็คงตัดสินใจว่าจะไปค่ะ เพราะเห็นถึงความตั้งใจจริงของเค้า บวกกับชอบเค้าด้วยค่ะ อีกอย่างทางบ้านเรียกร้องอะไร เค้าก็หามาให้ ส่วนชีิวิตในอนาคต เรื่องค่าน้ำไฟ อพาร์ตเม้นท์ ค่าอาหารเค้าก็ต้องเป็นคนจ่าย เพียงแต่หากอนาคตเรามีงานทำ ก็คงต้องช่วยในเรื่องหนี้ที่ไปยืมมาด้วย ต้องจ่ายภาษีของตัวเอง และสามารถส่งเงินกลับบ้านได้ หากเหลือก็เก็บไว้เป็นเงินออมของพวกเรา ที่แพลนกันไว้จะเป็นประมาณนี้

แต่ที่รู้สึกกดดันนิดหน่อยตรงที่เขาจะรีบแต่งไม่อยากให้เกินเดือนมิถุนายน ขอผลัดไปถึงปลายปีก็ไม่ยอม เหตุผลเพราะอยากให้มาช่วงซัมเมอร์ เพราะมีอะไรๆ ให้ทำเยอะ ถ้ามาช่วงปลายปีอากาศจะหนาวมาก และถ้าคิดจะไปแล้วก็อยากให้มาเริ่มเรียนภาษาเร็ว ๆ ไม่อยากให้เสียเวลา

แต่ ณ ตอนนี้ที่บ้านก็ไม่อยากให้แต่งแล้วอ่ะค่ะ เพราะน้าก็โทรมาด้วยความเป็นห่วงอยู่บ่อย ๆ กลัวว่าจะโดนหลอก.. ซึ่งตัวเขาเองก็ขอเบอร์น้า บอกว่าจะโทรไปคุยด้วย เห้อ... อะไรๆ ตอนนี้ก็ดูยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ...

ถ้าคิดจะไปจริง ๆ สำหรับเวลาที่เหลืออีก 6 เดือนเราจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้างค่ะ?

ขอบคุณทุก ๆ คนค่ะ


Lack

สวัสดีค่ะ จขกท. และทุกๆท่าน

หลายๆท่านให้คำแนะนำดีๆกันไปหมดแล้ว (โดยเฉพาะคุณบัวขาวอ่านแล้ว ยกนิ้วให้เลย) เหลือหัวข้อไหนให้ข้าพเจ้ามั่งไหมเนี่ย??

ทำไมไม่ลองคุยกับคุณแฟนให้รอไปอีกสักนิดล่ะคะ บางคนรู้จักคบหากันมาเป็นปีๆ ยังไม่รู้จักกันถึงเนื้อแท้เลย ที่พูดก็ไม่ได้หมายความว่ารู้จักกันไม่นานจะรักกันไม่ได้หรอกนะค่ะ เห็นมาก็หลายคู่รู้จักกันแค่ 2 - 3 เดือน แต่งงานและครองรักครองคู่กันแบบชาวบ้านอิจฉา แต่ก็หลายคู่เหมือนกันที่รักกันปานจะกลืน อยู่กันไม่ถึงเดือนก็บอกสาลาเลิก อยู่ที่นี่ไม่ง่ายแบบที่หลายๆท่านเล่ามานั่นแหละค่ะ ทั้งอดทั้งทนค่ะ บางวันหงุดหงิดจนไม่อยากได้ยินเสียงสามี รักกันอย่างเดียวเอาไม่อยู่ค่ะ

ถ้าคุณบอกว่าเขาตั้งใจจริง และรักคุณจริงก็น่าจะอธิบายให้เขาเข้าใจได้ไม่ยากนะคะ ถ้าเขาอยากให้คุณได้มาช่วงหน้าร้อน คุณก็ลองขอวีซ่าแบบ tourist หรือ visitor ก็ได้ค่ะ หน้าร้อนที่นี่สวยขาดใจค่ะ แต่ส่วนตัวนะคะ ไม่เห็นความจำเป็นในการรีบร้อนตัดสินใจแต่งงานเลยค่ะ สถานทูตก็ไม่ได้กำหนดให้เดินทางด้วยวีซ่าประเภทคู่สมรสเท่านั้น ยังมีอีกหลายวิธีนะคะ แถมถ้าคุณเดินทางแบบท่องเที่ยว ใช้เวลาไม่นาน คุณก็ไม่ต้องลาออกจากงานที่ดีและมั่นคงที่เมืองไทย ถ้าแฟนคุณรักคุณจริง เขาก็น่าจะคิดเผื่อตรงนี้ให้คุณด้วย ถ้าเกิดตกลงใจแต่งกันไปแล้วอีก 2 เดือนให้หลัง ปรากฎว่าคุณไม่สามารถปรับตัวหรืออยู่ที่นี่ได้ เขามีอะไรรองรับความเสี่ยงให้คุณไหม ขอโทษนะคะ อย่าหาว่าเด็กวอนสอนผู้ใหญ่เลย งานที่ดีและมั่นคงสมัยนี้ก็เก็บตกเอาจากข้างถนนไม่ได้นะคะ ยิ่งอายุมากยิ่งหางานยาก คุณเองก็น่าจะเข้าใจดี

เรื่องภาษา บ้านเราเยอะแยะค่ะ สถาบันที่เปิดสอนภาษา บางท่านที่ตั้งใจมาอยู่ที่นี่เตรียมตัวเรียนมาจากเมืองไทยเลยก็มี เพราะค่าใช้จ่ายแตกต่างกันมาก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมาเรียนที่นี่ ส่วนค่าใช้่จ่าย แฟนคุณเองก็เคยมีภรรยาคนไทยมาก่อน เขาก็น่าจะเห็นและเข้าใจมากกว่าชาวต่างชาติทั่วๆไป เขาก็คงจะเห็นว่ามีคู่เป็นชาวต่างชาติ ค่าใช้จ่ายที่เขาต้องแบกรับมันสูงมากกว่าคนชาติเดียวกัน

ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ

ลักษณ์

Api

สวัสดีคุณเจ้าของกระทู้  ป้าพอล คุณบัวขาว คุณตะวัน คุณโจ้ คุณลักษณ์ และเพื่อนๆทุกคนนะคะ

เห็นด้วยกับความคิดเห็นของทุกๆท่านที่แชร์นะคะ โดยเฉพาะข้อมูลที่ป้าพอลแชร์มองภาพการใช้ชีวิตได้ตรงมาก และข้อมูลที่คุณบัวขาวรวมถึงอธิบายการคำนวนภาษี ขอบคุณอุตส่าห์เสียสละเวลานั่งพิมพ์ความรู้เป็นวิทยาทาน อภิก็ขอแชร์ให้บ้างนะคะแม้ว่าจะมีประสบการณ์ที่นี่น้อยนิด
ก่อนอภิมาอยู่สวิสก็คิดมากเหมือนกันค่ะ พยายามหาข้อมูลที่เกียวกับสวิสให้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้ปรับตัว และรับสถานการณ์ได้ ไม่ใช่ไม่มั่นใจในตัวแฟนนะคะ แต่ในความเป็นจริงในชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ อยู่ด้วยความไม่ประมาท มีสติเหมือนที่คุณบัวขาวว่านั่นใช่เลยค่ะ
และหมั่นให้กำลังใจตัวเอง จะได้มีกำลังใจต่อสู้กับปัญหา จะใช้ชีวิตที่เมืองนอกหรือเมืองไทย ไอ้เจ้าตัวปัญหาเนี้ยมันมีอยู่ทุกที่และค่ะ
ยังไงก็สู้ๆนะคะ