ขอถามพี่ๆ ที่พอมีความรู้เรื่องกฏหมายในสวิสฯหน่อยนะค่ะว่าแบบนี้เราจะทำอย่างไรดี

Previous topic - Next topic

ปวดมืออยากไปหาหมอ

คือปกติเป็นคนร่างกายแข็งแรงดี
 แต่มาอยู่สวิสฯได้สองปีแล้วยังไม่ได้ทำงาน เคยมีปัญหากับสามีต่อสู้กันเล็กน้อย สามีเหวี่ยงเรากระแทกพื้นสองครั้ง
 เราโทรเรียกตำรวจคืนนั้นเลย แต่เราไม่ทราบว่าตำรวจบันทึกไว้เป็นหลักฐานหรือเปล่าเพราะว่าไม่ได้ไปโรงพัก ตำรวจเพียงบอกว่าให้คุยกันดี ๆ ให้เบอร์เราไว้ และบอกว่าคิดว่ามีอะไรให้โทรหาได้ แต่คิดว่าคืนนี้คงไม่ต้องกลับมาเคลียร์อีกนะ คิดว่าคงตกลงคุยกันด้วยดีนะ
 พออีกวันเราปวดตามแขนตามก้นเราก็เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอก็บันทึกไว้ด้วยว่าสาเหตุเนื่องจากอะไร และเอ็กซเรย์แขนกระดูกและมือแล้วไม่หัก และก้นกบไม่หัก(แต่เรามาเห็นวันหลัง ๆ กลับจากโรงพยาบาลว่าก้นกบเราเขียวๆ)
 พอผ่านมาหลังจากนั้น เราทำอะไรก็เหมือนมือเราไม่ค่อยมีแรงเหมือนเดิม ทำงานบ้านธรรมดาก็รู้สึกล้ามาก ๆ เราก็ได้แต่บีบนวด และดึงๆ ข้อมือให้หายเมื่อย ๆ ล้า ๆ
 พอประมาณห้าเดือนเรารุ้สึกว่าข้อมือเราผิดปกติแล้ว คือมันหักได้เหมือนหักนิ้วมือ ที่คนไทยชอบหักกัน ดังก๊อกๆ ทั้งสองข้าง และเมื่อยข้อมือตลอด และหักข้อมือตลอด แม้กระทั่งเวลานอนพอเรารุ้สึกตัวก็จะรู้สึกเมื่อยมือต้องหักข้อมือตลอดเมื่อรุ้สึกตัวด้วย
 
 เราอยากไปหาหมอ แต่เราก็กลัวรู้เหตุไม่ดีของอาการและถูกบันทึกประวัติในการเป็นของอาการ ซึ่งอาจทำให้เราหมดโอกาสในการหางาน เราก็เลยไม่ไปหาหมอ
 
 ซึ่งเราก็คิดว่าเราจะพยายามหางาน พี่ๆ ก็คงรู้ดีว่าพวกเราคนไทยหาได้ดีก็แค่งานเสริฟ หรืองานทำความสะอาดซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อดิฉันไปลองงานดิฉันรู้เลยว่าแค่งานเสริฟ ข้อมือดิฉันก็รับถาดหนัก ๆ ไม่ได้เลย มันสั่นๆ รับน้ำหนักไม่ไหวเลย เพราะฉะนั้นอย่าถามถึงงานทำความสะอาด เพราะฉันจะปวดทั้งข้อมือ และ หลังก้นกบ...
 
 และดิฉันก็เลยคิดว่าอาการแบบนี้ถ้าพักไม่ทำงานหนักคงหาย แต่นี่มันก็แปดเดือนแล้วอาการข้อมือก็ยังไม่หาย แถมหลัง(บางครั้ง)ก็ปวด..
 
 ดิฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ
 
 อยากให้พี่ ๆ ที่สวิสฯช่วยแนะนำด้วย
 
 ดิฉันควรไปหาหมอที่เดิมอีกมั๊ยว่าดิฉันมีปัญหานี้
 
 และฉันจะถูกส่งกลับเมืองไทยหรือไม่ เพราะฉันไม่เคยทำงานนอกบ้านและตอนนี้ดิฉันก็แยกอยู่กับสามีด้วย เนื่องจากกำลังเดินเรื่องมีปัญหาจึงแยกกันอยู่
 
 ถ้าดิฉันไปหาหมอที่เดิมดิฉันบอกเขาแค่ชื่อเขา และให้เขาใช้รายละเอียดเดิมของดิฉัน(เรื่องบริษัทประกัน)และส่งบิลไปเก็บที่บ้านสามีได้หรือไม่ เพราะดิฉันยังไม่ได้ทำงาน และดิฉันไม่มีการ์ดประกันฯอยู่กับตัวดิฉันด้วย
 
 แล้วถ้าดิฉันเป็นอาการแบบนี้โอกาสที่จะหางานทำคงไม่ได้ ประกันจะจ่ายให้ฉันหรือไม่หรือ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ช่วยแนะนำด้วยค่ะ
 
 ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0007 ห้อง stories_life (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

ตุ้ม

กลับไปหาหมอคนเดิมนะคะ และเล่าให้เค้าฟังเหมือนที่คุณเล่ามาในเวปนี้  เวลาหมอเค้าเก็บค่ารักษาเค้าจะส่งไปที่ประกันของสามีของคุณ(เป็นการประกันอุบัติเหตุไม่ใช่ประกันสุขภาพ)หรือถ้าสามีของคุณไม่ต้องการใช้ประกันความรับผิดชอบเสียหาย(Reponsabilité Civile / Haftpflicht-Versicherung)เค้าก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายเองโดยทางบริษัทประกันจะจัดการเรื่องนี้โดยตรงกับสามีของคุณ  ข้อสำคัญคุณทราบไหมคะว่าสามีของคุณมีประกันเรื่องนี้กับบริษัทอะไรไม่จำเป็นต้องรู้หมาบเลขประกันเพราะทางบริษัทจะสามารถค้นคว้าได้  คุณมีคนช่วยเหลือแนะนำในเรื่องการทำแยกกันหรือเปล่าคะ เพื่อนๆที่ในเวปนี้มีใครที่จะให้คำแนะนำได้ช่วยกรุณาเข้ามาให้ความคิดเห็นหน่อยนะคะ  ขอให้คุณมีกำลังใจสู้ต่อไปนะคะ

ปวดมือฯ

ขอบคุณ คุณตุ้มค่ะ  
 ยังไม่มีใครช่วยเหลือแนะนำเรื่องแยกกันอยู่เลยค่ะ
 

ปวดมือฯ

ส่วนเรื่องชื่อบริษัทประกันนั้นดิฉันก็จำไม่ได้ จะกลับไปหาที่บ้านก็กลัวเขาจับตัวไว้ เพราะเขาโมโหมากที่ดิฉันไม่ไปหาเขา ก็ดิฉันรู้ว่าเขายังแอบติดต่อกับคนอื่นอยู่ ดิฉันกลัวเป็นเอดส์มาก ๆ ค่ะ  
 คงไปที่โรงพยาบาลเดิม และให้เขาค้นเอกสารเก่าดูว่าสามีเคยบอกไว้ว่าของฉันเป็นบริษัทชื่ออะไร
 เรื่องโรงพยบาลก็จำได้แค่คราว ๆ เองว่าที่ไหน ต้องลองนั่งรถไปเรื่อย ๆ เพราะจำได้แค่ราง ๆ เอง
 เพื่อบอกว่าถ้าจำไม่ได้ก็ไปหาที่อื่นก็ได้แล้วจ่ายเงินไป
 ดิฉันก็เลยบอกว่าเป้าหมายแรก ดิฉันต้องการหาหมอเกี่ยวกับปัญหาข้อมือก็จริง
 แต่อีกอย่างหนึ่งคือ
 ดิฉันต้องการให้เรื่องและปัญหาของฉัน มันต่อเนื่องกันด้วย ว่า มันเป็นเพราะดิฉันถูกสามีผลักตกพื้นตอนทะเลาะกันตอนนั้นใช่หรือไม่  
 ถ้าใช่ ดิฉันก็จะเอาเรื่องเขาด้วยค่ะ  
 และตั้งแต่ดิฉันบอกว่าจะไม่ไปหาเขาแล้ว เพราะเขาไม่ทำตามสัญญาและสาบาน เขาบอกว่าดิฉันเชื่อเพื่อนมากเกินไป ดิฉันบอกว่าดิฉันเห็นกับตาของฉันเอง(แต่ดิฉันไม่บอกว่ามีหลักฐานที่ไหนอย่างไร เพราะเดี๋ยวเขาทำลายหลักฐานนั้น)เขาก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าเขาไม่ได้ทำไรผิด
 ฉันเลยบอกว่าให้เอาเงินเข้าบัญชีให้ฉัน เพราะฉันจะไม่ไปเจอเขาแล้ว และไม่คิดจะกลับไปอยู่กับเขาเหมือนอย่างที่เคยบอกแล้ว
 เขาก็ไม่ยอมค่ะ
 เขาเลยบอกว่าจะไปแจ้งทางอำเภอหรือทะเบียนนี่แหละว่าฉันไม่อยู่กับเขานานแล้ว (ใช่ค่ะประมาณเกือบ แปดเดือนแล้ว แต่เรามีการติดต่อกันตลอด เพราะฉันต้องใช้เงินจากเขา และเขาก็ชอบด้วยที่ฉันไม่อยู่บ้านเพราะเขาอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ จนเขาบอกว่าเขา"เปลี่ยนแปลง"ตัวเองแล้วจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ ฉันก็เกือบกลับไป แต่แล้วก็เจอหลักฐานว่าเขาโกหกอีก เลยบอกไม่กลับแล้ว ถ้าเขาอยากให้ฉันกลับไปอยู่กับเขา ให้ไปหาจิตแพทย์ด้วยกัน ไปคุยกับจิตแพทย์เล่าปัญหาทั้งหมด แล้วให้จิตแพทย์ช่วยรักษา รัก และ ครอบครัวของเรา เขาก็พูดเลี่ยงไป สรุปคือไม่ยอมไปหาจิตแพทย์ค่ะ ฉันก็เลยไม่กลับ และฉันว่าเขาป่วยทางจิต และทางใจ เขาโกธรมาก และจะไม่ยอมให้เงินฉันใช่เหมือนก่อน ๆ ที่แยกกันแต่ก็ยังให้ใช้)
 เมื่อเดือนพฤศจิ พอเขาบอกแบบนี้ว่าจะไปแจ้งทะเบียน และบอกฉันว่าเปอร์มิทบีฉันจบแล้ว(ฉันก็เลยบอกว่าเธอไม่ใช่ตำรวจหรือทนาย อย่ามาสั่งฉัน หรือตะโกนให้ฉันกลัวเหมือนก่อน ฉันไม่กลัวเธอหรอก เธอบอกให้ทนายเธอมาบอกฉันแล้วกัน แล้วฉันจะให้ทนายฉันไปบอกกับเธอ ฉันก็พร้อมแล้วที่จะสู้กับเธอหลักฐานฉันครบแล้ว)
 ฉันก็พยายามหาทนาย ก็โทรไปหลาย ๆ ที่ บางทีก็เป็นแค่ปรึกษาแนะนำ บางทีก็ไม่ว่าง สรุปกว่าจะได้นัดก็เป็นเดือนมกราปีหน้า ...
 ตอนนั้นที่เคยทะเลาะกันพอเขาเหวี่ยงฉันตกพื้นสองครั้ง ฉันไม่มีใครฉันเลยโทรเรียกตำรวจมา ตอนตำรวจแยกคุยฉันก็เล่าให้ฟัง  
 พอเอามารวมกันแล้วคุยต่อหน้าตำรวจทั้งสองคน เขาบอกว่าฉันสร้างเรื่อง ฉันอยากหาเรื่องเขาจริงๆ ไม่มีอะไร ฉันเลยบอกว่าเขาแอบติดต่อกับผู้หญิงคนอื่น สามีฉันบอกว่าแค่เพื่อนกันเองไม่มีอะไร
 ฉันบอกต่อหน้าตำรวจต่อว่าแล้วเขาก็บอกสาว ๆ ด้วยว่าเขา"โสด"ทั้งๆ ที่แต่งงานกับฉันแล้ว พูดยังไม่ทันจบมันตอบทันฟันว่า why not?
 ตำรวจเลยหันหน้าไปบอกกับสามีฉันว่า คุณผู้ชายทำอย่างนี้ไม่ถูกนะครับคุณแต่งงานแล้ว คุณจะมาบอกว่าคุณโสดได้อย่างไร คุณทำอย่างงี้ไม่ถูกครับ..สามีดิฉันเขาก็เลยจ๋อย และเงียบไป
 พออีกวันฉันบอกว่าจะไปโรงพยาบาล สามีฉันก็บอกกับฉันดี ๆ ว่าเจ็บมากเหรอ ฉันบอกใช่ เขาบอกว่ารออาการอีกสักสี่ห้าวันไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าไม่ดีขึ้นแล้วค่อยไป...
 ดิฉันบอกว่าตอนดิฉันอยู่เมืองไทย แค่ปวดหัว ตัวร้อน หรือ แค่รู้สึกไม่ดีก็จะเดินไปหาหมอแล้ว ว่าอาการเล็กๆน้อย ๆแบบนี้ฉันเป็นอะไรไปหรือเปล่า
 เขาบอกฉันว่า"เธอฉลาดมากนักนะ เธออยากให้หมอจดเรื่องไว้ใช่มั๊ยว่าฉันเป็นคนทำเธอเจ็บ เธอนี้ร้ายมากนะ"
 ฉันเลยบอกเขาว่า"เธอก็รู้ว่าชีวิตฉันเป็นอย่างไรก่อนมาอยู่กับเธอ ฉันไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นนักแสดงแบบที่เธอบอกนี้หรอก การไปหาหมอและดูแลตัวเองของฉันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ ตอนฉันอยู่เมืองไทย ฉันไม่เคยรอถ้าอาการไม่ดีนิดเดียว และนี่....มันไม่ใช่อาการปวดนิดเดียวด้วย ฉันเจ็บมาก เจ็บทั่วทั้งกาย และใจ และทำไมฉันจะไม่ไปหาหมอ ขอบใจนะที่เธอสอนฉันอีกข้อหนึ่งว่า การไปโรงพยาบาลของฉันวันนี้เป็นสิ่งที่ฉลาด"
 ตอนนั่งรถไฟไปโรงพยาบาล น้ำตาฉันไหลออกมา ฉันคิดถึงชีวิตตัวเอง นี่ฉันมาทำอะไรนี่ที่นี่ และวันนี้มันวันอะไร มันวันเกิดฉันนี่นะ แล้วฉันกำลังจะไปโรงพยาบาลกับผัวรัก ที่เป็นคนทำร้ายร่างกายฉันเอง มันเศร้าจริง ๆ...
 
 แล้วบังเอิญมีคนเล่น*บเพลงมอแกนอยุ่หน้าฉันพอดี ....ทำให้ฉันคิดดีให้กับตัวเองว่า นี่ไงวันเกิดฉัน มีนักดนตรีจากสวิสฯมาเล่นเพลงให้ฉันฟัง อยู่ข้างหน้าฉันนี่ไง เขาร้องเพื่อฉัน เพลงวันนั้นถูกใจฉันมาก และไพเราะมาก ๆ พอเขาเดินมาเก็บตังค์ ฉันหยิบให้เขาไปสิบฟรัง และฉันบอกเขาทั้งน้ำตาซึมว่า "วันนี้วันเกิดฉัน" เขาก็แฮ๊ปปี้เบิร์ดเดย์ให้ฉันเป็นภาษาเขา....ฉันมีความสุขจริง ๆ (ส่วนผัวฉันเหรอ มันคงนั่งฟังอยู่เก้าอี้หลังถัดไปนั้นแหละ)
 
 ตอนอยู่โรงพยาบาลผัวฉันก็อยู่ข้างๆ ฉันเสมอ เราเข้าแบบไอซียูเลยนะ(ถ้าจำไม่ผิด)เพราะฉันบอกว่าฉันปวดแขน ปวดก้นกบ ปวดหัวด้วย หมอถามดิฉันก็บอกเล่าๆ ไป ผัวมันก็นั่งอยู่ข้าง ๆ นั้นแหละ พอเข้าห้องตรวจก็รอหมอตรวจทีละส่วน เอ๊กซเรย์ด้วย  
 ขณะที่รอหมอในห้องม่านกั้น ....
 
 ฉันนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ น้ำตาฉันไหล ฉันทนไม่ไหวแล้ว นี่มันอะไรนี่ วันเกิดฉัน เคยมีพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูง กินกันเฮกัน แต่วันนี้ฉันไม่มีใครเลย นอกจากอีผัวเลวที่ฉันทิ้งทุกอย่างมาเพื่อมันคนเดียว...เขาเป็นคนทำร้ายฉันทุกอย่าง...
 น้ำตาฉันไหลพราก ๆ เขาเข้ามากอดฉันแล้วบอกฉันว่าขอโทษ ...นะที่ทำฉันไป เธอเจ็บตรงไหนปวดตรงไหนเหรอ  
 
 ฉันบอกว่าฉันปวดที่ใจ วันนี้วันเกิดฉัน แต่ฉันโดนผัวที่ฉันรักทำร้ายและมาอยู่ที่ไหนเนี่ย .....โรงพยาบาล ......อะไรกันเนี่ยชีวิตฉัน
 เขากอดฉันแน่นแล้วบอกว่าเขาขอโทษและขอเริ่มต้นใหม่....เขาจะเลิกติดต่อกับสาวอื่น....เราร้องไห้กอดกัน..
 .....
 
 แต่พอหลังจากนั้น อีกอาทิตย์เดียวก็เป็นอีก ออกลายอีก และคราวนี้ก็ไล่ฉันอีก นี่เป็นเหตุก่อนที่ฉันจะออกจากบ้านเมื่อเจ็ดแปดเดือนที่แล้ว....

ตุ้ม

เห็นใจคุณมากๆ ไม่ทราบว่าคุณอยู่รัฐไหน  ไม่จำเป็นต้องบอกหรอกค่ะ  ลองกลับไปดูเวปในกระทู้เก่าของคุณ Pall ในกระทู้ที่ 0748 สำหรับคนที่อยู่ที่ Bern และกระทู้ที่ 0589 นะคะเผื่อมีข้อความอะไรที่เป็นประโยชน์แก่คุณบ้าง  และลองกลับไปดูกระทู้เก่าๆดูเผื่อมีอะไรๆที่คุณจะนำมาช่วยตนเองได้  เสียใจดัวยค่ะที่ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องนี้จึงแนะนำอะไรคุณไม่ได้  คิดว่าคงจะมีเพื่อนๆเข้ามาช่วยกันให้คำแนะนำนะคะ  ขอให้คิดอะไรให้รอบคอบและรักษาตัวรักษาใจให้ดีนะคะ  ปีใหม่แล้วทุกๆอย่างคงจะดีขึ้นบ้าง  อย่าลืมส่งข่าวให้พวกเราทราบนะคะจะได้ช่วยกันคิดช่วยกันออกความเห็น  เราอยู่*งไกลพ่อแม่พี่น้องมาเพื่อนๆคงจะได้ช่วยกันบ้างไม่มากก็น้อยเท่าที่สามารถ

นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)

สวัสดีค่ะ คุณเจ้าของกระทู้ คุณพอบอกได้ไหมค่ะว่าคุณอยู่ที่ไหน เพราะจะได้แนะนำได้ คุณติดต่อมาทางเมลได้นะค่ะ

ปวดมือฯ

ขอบคุณคุณตุ้มที่แนะนำข้อมูลมาให้อ่าน
 เรื่องบ้านฉุกเฉินดิฉันพอมีรายชื่ออยู่ในมือแล้วว่าที่ไหนบ้าง
 และก็ได้ไปตรวจดูบางที่แล้วด้วยว่าสภาพการอยู่เขาเป็นอย่างไร
 ซึ่งการทำเรื่องเข้าไปอยู่ก็หลายขั้นตอน และที่ทราบมาก็มีคนเดือดร้อนที่จะเข้าไปพึ่งพามากนัก  
 ดิฉันก็เลยไม่ขอใช้สิทธิ์ใช้ในเรื่องบ้านฉุกเฉินหรือสังคมสงเคราะห์ เพราะเลี่ยงให้สิทธิ์คนอื่นที่เขา"โดดเดี่ยว"กว่าเราดีกว่า  
 
 ดิฉันได้เตรียมตัวและเตรียมใจเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว เนื่องจากมาอยู่กับครอบครัวเพื่อนๆ ที่เขาคอยให้คำปรึกษา และที่สำคัญที่สุดคือ"กำลังใจ"
 
 ดิฉันเตรียมตัวและเตรียมใจแล้ว ถ้าต้องกลับจริง ๆ ก็คงกลับแต่อย่างไรก็ขอสู้ด้วยกับเขาสักตั้ง ไม่ยอมแพ้กลับไปง่าย ๆ อย่างที่เขาทั้งไล่ทั้งปลอบ อยากรู้เหมือนกันถ้าสู้กันแล้วฉันยังไม่ได้ทำงาน ทำเรื่องแยกกันอยู่ ไม่ต้องไปอยู่บ้านฉุกเฉินนั้น เขาต้องจ่ายให้ฉันในเรื่องค่าใช้จ่ายหรือไม่ ...
 
 ดิฉันยังไม่มีลูกกับเขา ตอนแรกก็อยากมีเพราะใคร ๆ ก็บอกว่าจะอยู่ได้อย่างอัตโนมัติทันทีเมื่อมีลูกกับสามี ไม่มีใครไล่กลับได้ แต่ได้ไตร่ตรองดูแล้ว ก็คิดว่ามันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเขาอยากมีลูกกับเราเพียงเพื่อต้องการให้เราเป็นทาสอารมณ์เขาและอยู่ด้วยความไม่มั่นใจ ไม่จริงใจต่อกัน และความเจ็บปวดใจอื่นๆ ต่อการกระทำของเขาแบบนี้ตลอดชีวิต
 
 
 
 ต้องขอขอบคุณพี่นิดมากค่ะที่จะให้คำแนะนำช่วยเหลือ  
 ดิฉันอาจติดต่อกลับไปภายหลัง เพราะจากที่เข้ามาอ่านๆในวันสองวันนี้ก็รู้ว่าพี่นิดมีความรู้เกี่ยวกับประเทศสวิสฯนี้มากอยู่พอสมควร...
 
 เดือนหน้านี้นัดกับทนายแล้ว คงต้องคุยกับทนายว่าจะทำอย่างไรดี เพราะแต่ละอย่างสามีดิฉันแยบยลเหลือเกินซับซ้อน หลักฐานที่เก็บๆไว้น่าจะพอเป็นประโยชน์ได้มากพอสมควร...แต่ก็ต้องเตรียมรับมืออีกหลายตลบค่ะ(คิดว่า)เพราะสามีดิฉันเขาก็ฉลาดมาก ๆ เหมือนกัน
 แต่ก็ขอลองสู้ดูสักตั้ง ดีกว่าให้สามีตีตั๋วขาเดียว แล้วบอกว่าให้เรากลับไปคอยที่เมืองไทย แต่มันก็น่าจะเป็นแค่คำโกหกของเขา (เพราะหลักฐานที่เจอ พอสรุปได้ว่า เขาไม่เคย ที่จะหยุดความไม่จริงใจเลย เขาทำเพียงเพื่อได้มีอะไร ๆ กับสาว ๆ รายแล้วรายเล่า ดิฉันมีเบอร์ของสาวๆ เขาทั้งในสวิสฯ และ นอกสวิสฯ มีรูปภาพเบอร์ไหนหน้าตาเป็นอย่างไร.....แต่ดิฉันก็ไม่โทษฝ่ายหญิงหรอกค่ะ เพราะถ้าสามีเราดีจริง เขาก็คงไม่มีอะไรกับผู้หญิงพวกนั้นหรอก ทั้งที่บอกว่าพวกนั้นนิสัยแย่มาก น่าสงสารบ้าง ร่านบ้าง แต่ก็ไปมีอะไรกับเขา เรื่องเก่าๆ ผ่านมาก่อนแต่งกับดิฉันเขาก็เล่าให้ฟังหมดว่าใครบ้างที่มีอะไรกับเขาชื่ออะไร ที่ไหนอย่างไร เรื่องใหม่ก็มี ...มันเจ็บจนชาแล้วค่ะ ฉันอายค่ะ อายผู้หญิงคนนั้นเวลาเดินผ่านเขา เพราะเขาเอากับผัวฉัน....
 
 ตอนนี้ฉันอยากให้พี่ๆ หรือเพื่อนที่พอทราบเรื่องจากคำถามที่ฉันถาม ว่า ถ้าฉันกลับไปหาหมอที่เดิม แล้วหมอบอกว่าฉันข้อมือปวดแบบนี้ เพราะปัญหาสืบเนื่องมากจากที่เคยมีปัญหากับสามี ในส่วนนี้จะมีใครรับผิดชอบฉันบ้างหรือเปล่าค่ะ......
 
 และสามีต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่อเดือนให้ฉันหรือเปล่าค่ะขณะแยกกันอยู่ แล้วจ่ายเท่าไหร่ค่ะ จากเงินเดือนของสามี  
 
 หรือดิฉันต้องกลับเมืองไทยหรือเปล่าค่ะ เพราะเขาคงบอกว่าดิฉันหนีออกจากบ้าน แล้วคงสร้างเรื่องขึ้นต่างๆนานา ซึ่งดิฉันก็รู้ว่าเขาต้องทำแบบนั้นแน่ แต่ดิฉันมีหลักฐาน ไม่เฉพาะวันนั้นที่ไปโรงพยาบาล แต่มีหลักฐานเอกสารอื่นๆ ที่เขาทำร้ายจิตใจฉันต่อเนื่องมาโดยตลอดเวลา
 
 ดิฉันคงไม่ต้องไปเล่าให้ทนายฟัง หรือศาลฟังว่า เขาหยาบคายกับดิฉันอย่างไรบ้าง เพราะเขาคงไม่มีทางยอมรับ ใครก็คงคิดว่าฉันบ้าไปแน่ๆ ดิฉันเหนื่อย ก็จะขอสู้ด้วยหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่นี่แหละ
 
 ดิฉันบอกเขาว่า"เธอฉลาดมากนะที่รัก แต่เธออย่าลืมซิว่าเมียเธอไม่โง่ ที่ฉันทนมาตลอดนั้นเพราะฉันรักเธอ และเชื่อว่าเธอจะกลับตัวเป็นผัวที่ดีของฉันอย่างที่เธอสัญญาได้ ฉันให้โอกาสคนเสมอ โดยเฉพาะคนที่ฉันรัก แม้กระทั่งเดินผ่านสาวๆ บางคนที่เขาไม่อายว่ามาเอาสามีฉัน แต่ฉันกลับต้องอายเพราะผัวฉันไปเอากับเขา....เธออย่าคิดว่าการที่เธอไปเอาคนนั้นคนนี้แล้วเขาจะคิดว่าเธอเลอเลิศนะ เธอมองเข้าต่ำใจง่าย เขาก็มองเธอสำส่อนไม่เลือกเหมือนกัน.."
 
 

แม่น้องติ๊ดตี่

เสียดายที่ไม่ทำเรื่องตั้งแต่ออกไปอยู่บ้านเพื่อนแต่แรก  เพื่อนคุณใจดีจังให้อยู่นานตั้งเจ็ดเดือน
 
 และขอบอกว่าคุณพลาดที่ไม่ใช้บริการ "บ้านฉุกเฉิน"  ถ้าคุณคุณได้มีโอกาสใช้บริการแต่แรก  เรื่องคุณกลายเป็นเรื่อขี้ประติ๋วทันที  ตอนนี้คงยากหน่อยล่ะคะ  เพราะที่บ้านฉุกเฉินนี่ถ้าคุณได้เข้าไปอยู่ละก็  เค้าจะถือว่าเคสของคุณเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องมีการดำเนินการอะไรซักอย่าง  เค้าจะผลักจะดันเพื่อให้คุณได้มีวิธีการดำเนินชีวิตอยู่โดยที่ไม่ต้องมาพึ่งพาอาศัยพวกเค้าต่อไปละค๊า.............อันนี้เสียดายแทน  
 
 อ่าน ๆ ดูนะเหมือนคุณยังรักสามีคุณอยู่นะ......ดูคุณมีหึงหวงนิด ๆ นะคะทั้งที่เค้ารุนแรงกับคุณมากขนาดนี้  ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณได้บัตรพำนักประเภทใดคะ  ถ้าได้เซก็อยู่ได้ล่ะคะ ขอแนะนำให้คุยกับทนายทันที แต่ถ้าเป็นบัตรพำนักประเภทเบ แล้วคุณทำเรื่องนะคะคิดว่าโอกาสที่คุณจะได้กลับเป็นไปได้สูงนะคะ  เพราะคุณไม่มีงานทำ  และไม่มีลูก  แถมอาการที่คุณเล่ามาคงหางานทำยากด้วยนะคะ  ยกเว้นภาษาคุณดีมากได้งานแบบนั่งโต๊ะไม่ลำบากเหมือนเราพวกใช้แรงงาน เงินเดือนต่ำ ๆ พลังอึด ๆ นะ
 
 แต่ว่าถ้าคุณอยากอยู่สวิสต่อ แต่ได้บัตรพำนักประเภทเบ  และคุณยอมคุยดี ๆ กับสามีเรื่องค่าใช้จ่าย(คือคุยกันเองนะคะ แล้วคุณยอมให้เค้าทำตัวเลว ๆ ตามเดิมนะไม่ต้องไปสนใจ และไปยุ่งเกี่ย ก็คิดว่าเค้าน่าจะโอเคนะเห็นคุณบอกเค้าก็ชอบ) และเพื่อนคุณยอมให้พักอยู่ด้วยต่อไป และลองหางานทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะได้บัตรพำนักประเภทเซ  น่าจะดีกว่านะคะ  เพราะถ้าคุณเอาทนายมาทำเรื่อง และมีการหย่าขาดกันจริง คราวนี้คิดเองนะคะว่าคุณมีโอกาสกลับเมืองไทย 99 เปอร์เซนต์..........อันนี้รู้เห็นมาเองเลยคะ  หลานเพื่อนสนิทกันก็ต้องกลับเหมือนกัน  ทั้งที่หลังแยกกันอยู่ก็มีงานทำ  แต่พอดีถูกให้ออกจากงาน  หลังออกจากงานมีจดหมายมาเตือนให้ออกจากประเทศสวิสภายในสามเดือนเลยคะ
 
 
 อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ  เพราะถ้าคุณอยากจะอยู่ต่อน่าจะคุยกับสามีดู  แต่ถ้าใช้ทนาย โอเคคุณอาจจะได้ค่าเลี้ยงดู  แต่ว่าถ้าคุณพอใจกับค่าเลี้ยงดู และยอมกลับเมืองไทย  แนะนำให้ทำเลยคะเพื่อสิทธิและประโยชน์ของเรา  เพราะเราเจ็บนะ..............ลองคิดดูและตัดสินใจเองนะคะ  ก็แค่ความคิดเห็นที่อาจจะไม่ตรงกับใครเป็นความคิดเห็นนึงเท่านั้นเองคะ  อย่าคิดอะไรมาก.........โชคดี และหวัดดีปีใหม่นะคะ
 

ปวดมือฯ

.......ฝากเรียนป้าพอล และพี่นิด ช่วยลบกระทู้ของดิฉันด้วยค่ะ
 ....
 ขอบคุณคุณตุ้มและพี่นิดค่ะที่เข้ามาให้กำลังใจ....
 
 ขอโทษเพื่อนบางคนด้วยนะค่ะที่เข้ามารบกวน
  คำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ คงต้องใจเย็น ๆ และรอถามกับทนายปีหน้า...
 
 สวัสดีปีใหม่กับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกท่านค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดี
 

นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)

ดิฉันเชื่อความยุติธรรมยังคงมีอยู่ในโลกนี้ คุณอย่าพึ่งท้อใจ  
 ขอตอบคำถามที่คุณสงสัยก่อน
 
 1. ถ้ากลับไปหาหมอเดิมที่เคยหา น่าจะเป็นการดีเพราะเค้าทราบสาเหตุของอาการแต่แรก จะเป็นเหตุผลช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายและมีใบแพทย์ช่วยเป็นหลักฐานให้ทนาย สามีคุณต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้กระทำ ถึงแม้ว่าจะแยกอยู่ หรือ สามียกเลิกคืนประกันสุขภาพคุณแล้ว แต่เค้าก็ยังเป็นสามีคุณตามกฎหมายต้องรับผิดชอบรวมหนี้สิน เพราะยังไม่มีเอกสารออกมาว่าระบุถึงการแยกกันอยู่ แล้วกลับไปหาครั้งนี้ อย่าลืมจดชื่อประกันสุขภาพของคุณรวมทั้งเลขบัตรประกันไว้ด้วยนะค่ะ หมอที่เคยรักษาตอนแรกจะช่วยแนะนำหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคมากขึ้นในกรณีที่รักษาเค้าแล้วอาการคุณไม่ดีขึ้น  
 2. สามีต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้คุณ ถ้าศาลตัดสินออกมาว่าเค้าผิดจริง จะจ่ายมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่ว่า เงินเดือนสามีคุณเท่าไหร่ เค้ามีรายจ่ายอะไรบ้าง คุณมีรายจ่ายอะไรบ้าง ( ค่าเช่าบ้าน ค่าประกันสุขภาพ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ ) แล้วศาลจะคิดคำนวนแบ่งออกมาให้ตามสมควรเพื่อพอดำรงชีพต่อเดือน แม้ว่าบางครั้งทนายคุณจะคิดออกมาให้คุณจำนวนมากแต่อาจไม่ได้ตามที่ทนายเรียกร้องให้คุณ
 3. เรื่องที่จะต้องกลับหรือไม่ ยังบอกไม่ได้และยืนยันไม่ได้ว่าคุณจะได้อยู่หรือต้องกลับ คุณอาจพลาดไปนิดตรงที่เป็นฝ่ายออกมาจากบ้านก่อนเดินเรื่อง มันขึ้นอยู่ตอนที่คุณออกจากบ้านมา มีใครรู้เห็นเป็นพยานที่มีความน่าเชื่อถือ ถึงสาเหตุการออกมาไหม ตรงนี้ถ้าคุณได้ทนายดี ยังพอรั้งพอดึงข้อเสียเปรียบตรงนี้ได้ และถึงแม้ไม่มีลูกไม่มีงานทำ แต่สาเหตุของเรื่องฝ่ายใดเป็นฝ่ายก่อเรื่องขึ้น คงต้องดูตรงนี้ด้วย ไม่ใช่ทุกอย่างจะมาโยนให้ฝ่ายหญิง พอมีเรื่องก็ต้องกลับต้องกลับท่าเดียว ตามสัญชาตญาณของมนุษย์เมื่อรู้ว่ามีภัยมาถึง ย่อมเกิดความหวาดกลัวและคิดหาที่หลบภัยเพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง  
 4. คุณคิดถูกแล้วที่ยังไม่คิดมีลูกกับเค้า ชีวิตคนหนึ่งคนกว่าจะเลี้ยงให้โตแล้วมีคุณภาพ มันเป็นความรับผิดชอบที่สูงเป็นความยากลำบาก อย่าให้เด็กต้องเกิดมารองรับและรับรู้ความเจ็บปวดของผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ก่อชีวิตเค้า  
   ส่วนที่ข้อให้ลบกระทู้ ดิฉันคิดว่า คงจะไม่ลบนะค่ะ เพราะเชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนในนี้ไม่มีใครคิดว่า กระทู้ของคุณเป็นการรบกวนใครหรือมาป่วนอะไร หากแต่จะคิดว่า ยินดีช่วยเท่าที่ความสามารถของทุกๆคนมี และให้กำลังใจ ปลอบใจ เรามาอยู่ไกลพ่อแม่ญาติพี่น้อง ครอบครัวสิ่งที่โหยหาในต่างแดนไกลบ้านเกิด คือ น้ำใจ  
   ขอให้คุณเข้มแข็ง และสู้เพื่อสิทธิของตัวเชื่อมั่นในตัวเอง ทุกอย่างแก้ไขได้ เพียงขอให้มีสติ และขอให้คิดเสมอยังมีคนอีกมากที่มีปัญหา มีทุกข์หนักกว่าเรา ของเรายังเล็กน้อย เงยหน้ามองฟ้า สูดลมหายใจลึกๆ สัมผัสอากาศที่สดใสบริสุทธิ์ ตราบที่มีลมหายใจ สู้ค่ะ

ปวดมือฯ

อ่านคำตอบที่ได้รับจากพี่นิด  
 ต้องขอขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ จากน้ำใจที่ส่งมาให้...น้ำตาไหล..
 
 ขอให้ครอบครัวพี่นิดมีความสุขและโชคดีมีลาภ ตลอดปีใหม่นี้ค่ะ

นิด (แม่ลูกหมูสามตัว)

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรปีใหม่และขอให้พรนี้กลับคืนให้คุณ ให้ทุกอย่างที่กำลังทุกข์ร้อนผ่อนคลายลงเป็นเบาบาง และหวังว่าจะได้รับทราบข่าวคราวของคุณเป็นระยะ เพื่อนๆในบ้านนี้ยินดีให้คำปรึกษาให้กำลังใจ เข้มแข็งนะค่ะ  
 (  ช่วงนี้ ป้าเพล่าเจ้าของบ้านไม่สามารถเข้ามาช่วยได้อีกแรง เนื่องจากโมเดมแกพัง กำลังรอตัวใหม่ส่งมา )

ปวดมือฯ(หายปวดแล้ว)

สวัสดีพี่นิด และเพื่อนๆอีกครั้งนะค่ะ
 ตอนนี้ข้อมือดิฉันหายดีแล้วจึงมาแจ้งข่าวให้ทราบ
 
 ข้อดี ที่ฉันได้รับคือ ฉันได้คุยกับคุณหมอ ตั้งสามแผนก เพราะเขาจะโค งานกัน และพอหายแล้ว หมอก็ยังบอกอีกว่า ถ้ามีปัญหาอะไร ให้ติดต่อ หรือสอบถามเป็นการส่วนตัวเขากลับไปได้นะ ไม่มีปัญหา ก็ได้อีเมลล์มา ถ้ามีปัญหาก็จับการขอนัดหมายได้เลย
 
 ข้อดี หมอเอกซเรย์ให้อีกรอบ ว่านานแล้วตั้งแต่มีเรื่องทำไมปวดอยู่ และตรวจร่างกายทุกอย่างให้หมดเลย แล้วส่งไปหมอกายภาพข้อมือ(ออกกำลังกาย)  
 
 ข้อดี ได้คุยกับหมอจิตวิทยาด้วย เพิ่งรู้ว่ามีองค์กรแบบนี้อยู่ในโรงพยาบาลด้วย หมอฟังและแนะนำเรา บอกเรา เราสงสัยอะไรก็ถาม เราเลยถามว่าเราบ้าหรือเปล่า หมอบอกไม่เลย ฉันไม่บ้า ฉันถูกทำร้ายจิตใจมากๆ แต่ดีที่จิตใจฉันเข้มแข็งมาก ดีแล้วที่เดินออกมาได้ เพราะภาวะแบบนั้นอาจทำให้ฉันบ้าได้แน่ในวันหนึ่ง
 
 ข้อเสีย  ตอนที่มีปัญหาเมื่อเมษาปีที่แล้ว หลังหาหมอก็ยังปวดอยู่ แต่ด้วยความที่เชื่อสามี ก็เลยไม่ไปหาอีก เพราะสามีบอกว่าให้พักผ่อนอยู่บ้าน เพราะกระดูกไม่หัก แบบนี้ต้องพักผ่อนเดี๋ยวก็หาย ฉันก็ทำตาม เกือบเก้าเดือนให้หลัง ฉันเพิ่งคิดจะไปหาหมอ มันเลยเหมือนว่า ฉันไม่ได้ปวดจริง และปัญหาไม่ได้เกิดเนื่องจากปัญหากับสามีเมื่อเมษาที่แล้ว (นานเกิน) เพราะฉะนั้น กรณีฉันต้องไปหาหมออย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้น และต้องให้ตำรวจบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ไม่ใช่มาดูเฉยๆ และบอกเขาว่าไม่เอาเรื่อง (สงสารสามี) แบบนี้
 
 ส่วนเรื่องทนาย เรียบร้อยแล้วค่ะ ไวมากๆ ได้ทนายแล้ว และฟังแล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่ฟังๆคนอื่นมากเลย ทำให้รุ้สึกมั่นใจว่าอยู่ได้อย่างสบาย และดีที่สุดคือ ได้เป็นตัวของตัวเอง ทำอะไรเพื่อตัวเองแล้วค่ะตอนนี้
 
 ทนายใจดีมาก คุยให้เรามั่นใจ และเรียกร้องให้เราได้อย่างยุติธรรม เหมือนกับเสียงที่พูดแทนเราเลยค่ะ
 
 ดิฉันบอกสามีว่าให้หย่าให้ดิฉันให้เร็วที่สุด ฉันไม่แคร์อะไรแล้ว ฉันอยากกลับเมืองไทย ถ้าไม่รีบหย่าให้ดิฉันจะไปหาหมอทำฟันนะ เพราะปกติอยู่เมืองไทยดิฉันตรวจฟันทุกๆ หกเดือน แต่มานี่ยังไม่เคยเช็คฟันต่อปีเลย
 เขาก็บอกฉันว่า ไปเลยทุกอย่างคุณต้องจ่ายเงินเอง เพราะเราแยกกันอยู่แล้ว ฉันเลยบอกว่าจริงเหรอ งั้นฉันลองดูแล้วกัน
 แค่ฉันไปคุยกับหมอ ฉันก็รู้แล้วว่า สามีฉันขู่ฉัน เพราะหมอก็บอกเหมือนพี่นิดบอกว่า สามีต้องเป็นคนจ่ายบิลทุกอย่าง นี่ไปแค่สามหมอเอง หยุดพักชั่วคราวก่อน ถ้ายังดึงดันไม่หย่า จะไปหาหมอฟันค่ะ เพราะตอนนี้อยากไปให้ไกลๆเขามากๆ
 แต่ก่อนท้าเราๆ จะหย่าๆ เรื่องง่าย ทำได้ไวมาก หย่าปุ๊บเราต้องกลับปั๊บ(รู้สึกเสียศักดิ์ศรีมาก เวลาคนที่เรารักท้าเราหย่า) ตอนนี้ดิฉันท้าเขาหย่าค่ะ ดิฉันอยากให้เขารู้อารมณ์ของการเห็นผู้ฟังบ้างว่าเวลามีคนมาบอกว่าอยากหย่ากับเขานั้นเขารู้สึกอย่างไร แล้วอยากให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้แคร์อะไรเขาเลย ฉันอยากให้เขารู้ว่า เขาแค่ขี้กองหนึ่งที่ฉันอยากไปไกลๆมากๆให้เร็วที่สุด

ซกมก

บังเอิญมีคนเล่น*บเพลงมอแกนอยุ่หน้าฉันพอดี ....ทำให้ฉันคิดดีให้กับตัวเองว่า นี่ไงวันเกิดฉัน มีนักดนตรีจากสวิสฯมาเล่นเพลงให้ฉันฟัง อยู่ข้างหน้าฉันนี่ไง เขาร้องเพื่อฉัน เพลงวันนั้นถูกใจฉันมาก และไพเราะมาก ๆ พอเขาเดินมาเก็บตังค์ ฉันหยิบให้เขาไปสิบฟรัง และฉันบอกเขาทั้งน้ำตาซึมว่า "วันนี้วันเกิดฉัน" เขาก็แฮ๊ปปี้เบิร์ดเดย์ให้ฉันเป็นภาษาเขา....หวัดดีค่ะ แวะเข้ามาเดินเล่น มานํ้าตาซึมแถวนี้นี่เอง เห็นใจคุณปวดมือมากเลยค่ะ ขออวยพรให้คุณประสบแต่สิ่งที่ดีๅนะคะ ขอเป็นกําลังใจด้วยคนค่ะ