ยื่นอุทธรณ์ไม่ผ่าน มีสิทธิ์ขอวีซ่าได้อีกไหมคะ

Previous topic - Next topic

Khwanjai

สวัสดีค่ะ ป้า pall และสมาขิกทุกๆคนค่า :)

     วันนี้วนๆ เวียนๆนั่งหน้าคอมอยู่เว็บนี้ทั้งวันเลยค่ะ...ความจริงน่าจะตั้งหน้าตั้งตาปั่น thesis แต่ก็ไม่ทำ..เฮ้อ!  แต่ก็ดีนะคะได้ความรู้และกำลังใจตั้งเยอะ...ขวัญเองยื่นวีซ่าครั้งแรกประมาณวันที่ 28 ก.ค. (มั้งคะ เริ่มจำไม่ได้แล้วค่า) แต่ไม่ผ่าน เลยยื่นอุทธรณ์ ประมาณวันที่ 6 ส.ค. (อันนี้ก็ไม่ชัวร์เหมือนกันค่ะ  :-\) แต่มารู้ผลว่าไม่ผ่านประมาณวันที่ 27 ต.ค. ค่ะ ...แต่แฟนก้ยังหวังลึกๆ (ขวัญด้วย) ว่าอยากให้ไปดูบ้านเมืองเค้าก่อนที่เราจะตัดสินใจอะไรมากกว่านี้น่ะค่ะ...กรณีอย่างนี้ขวัญพอจะมีหวังไหมคะ..แล้วต้องทำยังไงบ้างคะ...รบกวนป้า pall และผู้รู้ทุกท่านช่วยกรุณาให้ข้อคิดและคำแนะนำด้วยค่า

          ขอขอบพระคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

NA-SP

สวัสดีค่ะ คุณขวัญ

เราก็ยื่นอุทรณ์ ไม่ผ่าน (ทำวีซ่า Visit แฟนน่ะ) เสียเงินค่าธรรมเนียมไปตั้งสองครั้ง
พอสุดท้าย เว้นระยะไว้ประมาณสองเดือน ก็เลยตกลงทำวีซ่ามาแต่งงานที่สวิสฯ กับแฟน รอผลประมาณเกือบสองเดือนนะ ก็ผ่าน..
แล้วคุณขวัญคบแฟนมานานหรือยังคะ รู้นิสัยใจคอกันดีหรือยัง เพราะถ้าเราชอบกัน ตกลงที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว ไว้ใจกันแล้ว
รู้จักเขาดีพอแล้ว ก็ตัดสินใจทำวีซาแต่งงานไปเลยค่ะ ชัวร์กว่าค่ะ (นี่คือทางออก ฮ่าๆๆๆ)
ลองตัดสินใจดูอีกทีนะคะ จะเอาใจช่วย และของให้ผ่านค่ะ (นามีลงโพสต์ไว้ เรื่องเอกสารยื่นวีซ่าแต่งงานในเวปป้าพอล ลองอ่านดูนะคะ)
โชคดีค่ะ

Khwanjai

สวัสดีค่ะ คุณนา
          ขอบคุณมากนะคะที่กรุณามาช่วยให้คำแนะนำค่ะ  :) ขวัญเองก็แอบๆไปอ่านเก็บความรู้ไว้บ้างเหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่ได้ทะลุปรุโปร่ง แหะๆๆๆ  ขวัญคบกับแฟนได้แค่ปีกว่าๆเองค่ะ ประมาณ 1 ปี 5 เดือนมั้งคะ  ถือว่ายังไม่ชัวร์ น่ะค่ะ  เลยอยากจะไปดูทางบ้านเค้า ความเป็นอยู่ กิจวัตร และนิสัยแอบแฝงอะไรประมาณเนี๊ยะค่ะ  ;D  เค้าเป็นหมอ ไม่พร้อมที่จะมาอยู่เมืองไทยตอนนี้ ขวัญเองก็เป็นครู แม้จะเงินน้อยแต่ยังไม่อยากผิดพลาดมาก หากตัดสินใจผิดค่ะ..เลยคิดว่าอยากศึกษากันก่อน แต่เค้าเองก็อยากให้เราไปเยี่ยมเค้าน่ะค่ะ เค้าย้ำถามขวัญว่าจะอยยู่ได้ไม๊ที่นั่น ขวัญเองก็อึ้ง ให้คำตอบไม่ได้ เลยได้แต่เงียบน่ะค่ะ..อีกอย่างเราเองก็ติดนิสัยอยู่กับแม่มากตลอด จะห่างก็แค่ช่วงเรียน ป.ตรี ที่อยู่ กทมง เลยใจหายและอดน้ำตาเล้ดไม่ได้หากต้องไปอยู่ซะไกล...เฮ้อ กลายเป็นปัญหาน่ะค่ะ..อีกอย่างจะไปแล้วไม่มีงาน ไม่มีเงิน ก็คงลำบาก ไม่อยากมีปัญหาครอบครัวด้วยค่ะ..เฮ้อ!  แต่ถามว่าคิดถึงเค้าไม๊ อยากอยู่ด้วยกับเค้ารึเปล่าก็ตอบว่า ใช่นะคะ 5555 ชีวิตเลยยังหาทางออกไม่ได้ค่ะ..
     คุณนา คะ ถ้าไม่ทำวีแต่งงานไม่มีทางอื่นหรือคะ  :(  อืม..ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำแนะนำและกำลังใจ รู้สึกดีค่ะ ขอบคุณค่ะ  :)

Nantaree

หวัดดีค่ะคุณขวัญ ลองขอวีซ่าเยี่ยมเยียนอีกครั้งนะคะ  เราว่าผ่านนะ
เคยคุยกับคนอุทธรณ์แล้วไม่ผ่าน พอเว้นสักระยะ เขาขอใหม่ก็ผ่านะคะ


Nan

Khwanjai

สวัสดีค่ะ คุณ nan
      ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำ แหมดีใจจัง..ตอนแรกไม่แน่ใจเพราะไม่เคยได้ยินเลยค่ะ ส่วนใหญ่ถ้าอุทธรณ์ไม่ผ่านมักขอวีซ่าแต่งงานเลยน่ะค่ะ เห็นทีต้องไปศึกษาเรื่องเอกสารใหม่ซะแล้ว ไม่รู้ว่ายื่นใหม่คราวนี้ต้องใช้เวลาเตรียมเอกสารนานเท่าไหร่น่ะค่ะ...แหม อยากคุยกับคนที่มีประสบการณืเหมือนเราแต่เค้ายื่นใหม่ เหมือนกรณีที่คุณ nan  พูดถึงจังเลย ใครมีประสบการณืช่วยมาเป็นวิทยาทานให้ด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่า

            คุณ nan สบายดีนะคะ มีข่าวดีอย่าลืมบอกกันนะจ๊ะ  :)

NA-SP

ค่ะคุณขวัญ
มันน่าจะผ่านนะคะ เพราะคุณขวัญก็มีหน้าที่การงานที่ดีอยู่แล้ว ขอใบรับรองงาน ระบุ ทุกอย่างให้ครบ ว่าเราต้องการไปเยี่ยมแฟน
และไปตั้งแต่วันใหน ถึงวันใหนบ้าง แล้วเราจะกลับมทำงานที่เมืองไทยอีก แค่ไปเยี่ยมน่ะค่ะ
(และอีกอย่างที่สำคัญ อย่าไปถึง 3 เดือนนะคะ นานไปน่ะค่ะ ผ่านยาก  ไปแค่ประมาณ 1 หรือ 2  เดือนก็พอค่ะ น่าจะผ่าน)
แฟนเป็นหมอนี่ มันน่าจะผ่านชัวร์นะ เพราะเค๊ามีการงานที่มั่นคง ให้เค๊าเขียนใบการันตีเราให้ดีๆ
เพราะสถานฑูตเขาสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงของแฟนคุณที่ปลายทางเมืองที่แฟนคุณขวัญอยู่น่ะค่ะ
และอีกอย่าง การตอบสัมภาษณ์ต้องไม่ติดขัด ต้องไม่โกหก ตอบตามความเป็นจริง แบบซื่อๆ น่ะค่ะ
(คนสัมภาษณ์น่าจะชอบแบบนี้ ตามประสบการณ์ที่นาเคยประสบมาน่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ทำเป็นรู้ดีอีกแน่ะเรา)
คุณขวัญลองเว้นระยะสักสามสี่เดือนนะคะ แล้วค่อยไปทำวีซ่าเยี่ยมเยียนใหม่ เตรียมมเอกสารใหม่อีกสักสามเดือนก่อน
เพราะช่วงนี้คนเข้าเมืองสวิสฯเยอะมากๆ เขาตรวจเอกสารวันๆ เป็นแสนๆ ฉบับ โดยเฉพาะวีซ่าแต่งงานนี่ละค่ะ
จะเอาใจช่วยนะคะ
บายค่ะ








สี่
Quote from: Khwanjai on April 30, 2009, 11:54:21 PM
สวัสดีค่ะ คุณนา
          ขอบคุณมากนะคะที่กรุณามาช่วยให้คำแนะนำค่ะ  :) ขวัญเองก็แอบๆไปอ่านเก็บความรู้ไว้บ้างเหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่ได้ทะลุปรุโปร่ง แหะๆๆๆ  ขวัญคบกับแฟนได้แค่ปีกว่าๆเองค่ะ ประมาณ 1 ปี 5 เดือนมั้งคะ  ถือว่ายังไม่ชัวร์ น่ะค่ะ  เลยอยากจะไปดูทางบ้านเค้า ความเป็นอยู่ กิจวัตร และนิสัยแอบแฝงอะไรประมาณเนี๊ยะค่ะ  ;D  เค้าเป็นหมอ ไม่พร้อมที่จะมาอยู่เมืองไทยตอนนี้ ขวัญเองก็เป็นครู แม้จะเงินน้อยแต่ยังไม่อยากผิดพลาดมาก หากตัดสินใจผิดค่ะ..เลยคิดว่าอยากศึกษากันก่อน แต่เค้าเองก็อยากให้เราไปเยี่ยมเค้าน่ะค่ะ เค้าย้ำถามขวัญว่าจะอยยู่ได้ไม๊ที่นั่น ขวัญเองก็อึ้ง ให้คำตอบไม่ได้ เลยได้แต่เงียบน่ะค่ะ..อีกอย่างเราเองก็ติดนิสัยอยู่กับแม่มากตลอด จะห่างก็แค่ช่วงเรียน ป.ตรี ที่อยู่ กทมง เลยใจหายและอดน้ำตาเล้ดไม่ได้หากต้องไปอยู่ซะไกล...เฮ้อ กลายเป็นปัญหาน่ะค่ะ..อีกอย่างจะไปแล้วไม่มีงาน ไม่มีเงิน ก็คงลำบาก ไม่อยากมีปัญหาครอบครัวด้วยค่ะ..เฮ้อ!  แต่ถามว่าคิดถึงเค้าไม๊ อยากอยู่ด้วยกับเค้ารึเปล่าก็ตอบว่า ใช่นะคะ 5555 ชีวิตเลยยังหาทางออกไม่ได้ค่ะ..
     คุณนา คะ ถ้าไม่ทำวีแต่งงานไม่มีทางอื่นหรือคะ  :(  อืม..ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำแนะนำและกำลังใจ รู้สึกดีค่ะ ขอบคุณค่ะ  :)

Fon2008

สวัสดีค่ะ เข้ามาเสนอแนวคิดให้ขวัญเผื่อจะเป็นไอเดียใหม่ๆค่ะ ก็คือให้แฟนไปด้วยในตอนที่ไปยื่นเอกสารขอวีซ่า บางทีเจ้าหน้าที่เห็นแบบตัวเป็นๆอาจจะให้ความเชื่อมั่นได้มากขึ้นค่ะ และเผื่อเค้าถามในเรื่องการปฏิเสธครั้งก่อนแฟนจะได้ช่วยตอบด้วย  อันนี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ ยังไงก็เตรียมเอกสารให้พร้อมนะคะ และขอให้โชคดีกับการยื่นครั้งใหม่ค่ะ

ฝน ค่ะ

Khwanjai

สวัสดีค่า คุณนาและคุณฝน
 
            ตอนนี้เริ่มติดเว็บนี้มากขึ้นแล้วค่ะ (หุหุ ป้าพอลแอบดีใจแน่ๆเลย) ต้องเข้ามาเช็คความเคลื่อนไหวบ่อยๆ เหะๆๆ  ขอบคุณคุณทั้งสองนะคะที่ให้คำแนะนำดีช่วยเสริมกำลังใจน่ะค่ะ..คุณนาคะ ครั้งแรกขวัญขอแค่ 20 วันเองค่ะ เพราะคือช่วงปิดเทอมสั้น ก่อนยื่นมั่นใจว่าน่าจะผ่านนะ 80 % เอ้า!  หลังสัมภาษณ์ รู้เลยว่าน่าจะตก  :P หวังลึกๆว่าอุทธรณ์น่าจะผ่าน แต่ก็ยังไม่ผ่านระยะเวลาเท่าเดิม วันที่เดิมน่ะค่ะ  ความจริงขวัญอยากรู้ข้อผิดพลาดที่แก้ไขได้มากที่สุด แล้วจะได้ปรับปรุงค่ะ..พูดตามตรงครั้งแรกนั้นสุ่มๆเรื่องเอกสารตามความเข้าใจและความรู้จากเว็บนี้ค่ะ แต่สำหรับแฟนเค้าก็พยายามส่งเอกสารตามที่เราบอก และเราทั้งสองเมลล์ถามสถานฑูตนะคะ แต่บอกตรงๆขวัญไม่แน่ใจ 100 % หรอกค่ะเรื่องเอกสาร เพราะท่าทางแฟนจะอัตตาสูงม๊ากกกกกก  เค้าบอกว่าเค้าไม่มีปัญหาอะไร เอกสารขออะไรก็ให้หมดทำไมไม่ผ่านทั้ง 2 ครั้ง  เราเองก็บอกนะว่าเราไม่เคยมีประหวัดขึ้นสาลด้วยซ้ำ ภาษีก็ยื่นแต่เราไม่ต้องจ่าย (เงินน้อยค่ะ หุหุ) ยังงี้เราจะเริ่มแก้ไขตรงจุดไหนก่อนดีค่ะ ที่ไม่ต้องทะเลาะกับแฟน 55555  (ถามเผื่อได้ไอเดียใหม่ๆค่ะ)
      อ้อ คุณนา ขวัญมีประทับตราจากสถานฑูตที่โดน reject ด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าคนอื่นเหมือนกันรึเปล่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่ไม่ผ่านน่ะค่ะ แล้วนั่นก็เป็นพาสปอร์ตเล่มแรก เล่มเดียวที่เพิ่งทำเพื่องานนี้ด้วยสิ อย่างนี้ยังมีหวังไหมคะ  :'(

      คุณฝนจ๊ะ ขอบใจนะจ๊ะที่มาส่งกำลังใจที่นี่ อืม..แนวคิดดีเนอะ แต่แฟนจะมีเวลาลงมาช่วยรึเปล่านี่สิประเด็นสำคัญ ที่มาเยี่ยมเนี่ยรู้ป่าวแม่โทรตามตัวเลยง่ะ 5555  คือแม่เค้าอายุมาก (80 กว่าแล้ว) เลยลืมๆเลือนๆมาลูกหายไปไหนน่ะ โฮะๆๆๆๆๆ  แต่จะลองถามเค้าดูจ่ะ ..ขอบใจนะ

          เอ้า!!!  อย่าลืมเข้ามาเป็นกำลังใจให้เป็นระยะๆนะเจ้าคะ  ขอบคุณทุกๆคนค่ะ  :)

NA-SP

คุณขวัญคะ
สำหรับนา ทำวีซ่าครั้งแรกนะ แฟนยืนอยู่ข้างๆ เลยละ ยังไม่เห็นผ่านเลย (นี่ขนาดเขาสัมภาษณ์แฟนด้วยนะ)
นาว่าอยู่ที่ความพอใจของเขาค่ะ นึกอยากจะให้ใครผ่านก็ผ่านได้ง่ายๆ แต่ไอ้ทีเรามีเอกสารครบหมดทุกอย่าง
หน้าที่การงานก็มีที่เมืองไทย ยังไม่ผ่านเลย พอครั้งที่สอง นาเข้าไปลุยที่สถาณฑูตเลยนะ แกล้งบอกยามว่า มาทำวีซ่า แต่เป่าหรอก
นาเข้าไปโวยวายเลยนะ ว่าทำไมไม่ผ่าน บ้านแฟนก็มี หลังตั้งใหญ่โต มโหราน แล้วทำไมใน จม.บอกว่าบ้านแฟนไม่น่าเชื่อถือละ ช่วยตอบเหตุผลได้เป่า
(กับผู้หญิงคนที่สัมภาษณ์ ผมหยิกๆ นั่งล็อกสอง น่ะค่ะ หน้าตาก็ไม่ยิ้มแย้มเลยนะ มันไม่ชอบคนที่พูดกับมันเสียงแข็งนะ)
นาก็รู้สึกเจ็บใจมากๆเหมือนกัน พอผ่านนะ นาซื้อของไปแจกทุกคนเลย ที่ทำงานที่นั่น แต่ไม่แจกมันอีผู้หญิงที่สัมภาษณ์น่ะ เกลียดชังมากๆ จำจนวันตาย)

แต่แฟนนา เขาลุยนะ ถึงขนาดโทรไปที่ Imigration Office และก็เข้าไปถามเลย ว่า ทำไมให้เหตุผลว่า บ้านช่องไม่น่าเชื่อถือ  การันตี ไม่แน่น ทั้งที่ หน้าที่ การงาน การเงิน ทุกอย่างก็มีพร้อมน่ะ
(และแฟนพี่ก็โทรถามที่สถานฑูตในไทยด้วยนะ โวยวายเลยว่าทำไมให้เหตุผลไม่น่าเชื่อถือ กับกระดาษแผ่นเดียวที่แจกมา ที่ Reject น่ะ)
พี่เอาใจช่วยจ๊ะ
ขอให้โชคดี บายจ้ะ

ก็ลองดูนะ ให้แฟนโทรถามดู ตามที่พี่บอกน่ะ ค่อยๆ ค่อย คุยกันนะ











Quote from: Khwanjai on May 02, 2009, 11:04:21 PM
สวัสดีค่า คุณนาและคุณฝน
 
            ตอนนี้เริ่มติดเว็บนี้มากขึ้นแล้วค่ะ (หุหุ ป้าพอลแอบดีใจแน่ๆเลย) ต้องเข้ามาเช็คความเคลื่อนไหวบ่อยๆ เหะๆๆ  ขอบคุณคุณทั้งสองนะคะที่ให้คำแนะนำดีช่วยเสริมกำลังใจน่ะค่ะ..คุณนาคะ ครั้งแรกขวัญขอแค่ 20 วันเองค่ะ เพราะคือช่วงปิดเทอมสั้น ก่อนยื่นมั่นใจว่าน่าจะผ่านนะ 80 % เอ้า!  หลังสัมภาษณ์ รู้เลยว่าน่าจะตก  :P หวังลึกๆว่าอุทธรณ์น่าจะผ่าน แต่ก็ยังไม่ผ่านระยะเวลาเท่าเดิม วันที่เดิมน่ะค่ะ  ความจริงขวัญอยากรู้ข้อผิดพลาดที่แก้ไขได้มากที่สุด แล้วจะได้ปรับปรุงค่ะ..พูดตามตรงครั้งแรกนั้นสุ่มๆเรื่องเอกสารตามความเข้าใจและความรู้จากเว็บนี้ค่ะ แต่สำหรับแฟนเค้าก็พยายามส่งเอกสารตามที่เราบอก และเราทั้งสองเมลล์ถามสถานฑูตนะคะ แต่บอกตรงๆขวัญไม่แน่ใจ 100 % หรอกค่ะเรื่องเอกสาร เพราะท่าทางแฟนจะอัตตาสูงม๊ากกกกกก  เค้าบอกว่าเค้าไม่มีปัญหาอะไร เอกสารขออะไรก็ให้หมดทำไมไม่ผ่านทั้ง 2 ครั้ง  เราเองก็บอกนะว่าเราไม่เคยมีประหวัดขึ้นสาลด้วยซ้ำ ภาษีก็ยื่นแต่เราไม่ต้องจ่าย (เงินน้อยค่ะ หุหุ) ยังงี้เราจะเริ่มแก้ไขตรงจุดไหนก่อนดีค่ะ ที่ไม่ต้องทะเลาะกับแฟน 55555  (ถามเผื่อได้ไอเดียใหม่ๆค่ะ)
      อ้อ คุณนา ขวัญมีประทับตราจากสถานฑูตที่โดน reject ด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าคนอื่นเหมือนกันรึเปล่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่ไม่ผ่านน่ะค่ะ แล้วนั่นก็เป็นพาสปอร์ตเล่มแรก เล่มเดียวที่เพิ่งทำเพื่องานนี้ด้วยสิ อย่างนี้ยังมีหวังไหมคะ  :'(

      คุณฝนจ๊ะ ขอบใจนะจ๊ะที่มาส่งกำลังใจที่นี่ อืม..แนวคิดดีเนอะ แต่แฟนจะมีเวลาลงมาช่วยรึเปล่านี่สิประเด็นสำคัญ ที่มาเยี่ยมเนี่ยรู้ป่าวแม่โทรตามตัวเลยง่ะ 5555  คือแม่เค้าอายุมาก (80 กว่าแล้ว) เลยลืมๆเลือนๆมาลูกหายไปไหนน่ะ โฮะๆๆๆๆๆ  แต่จะลองถามเค้าดูจ่ะ ..ขอบใจนะ

          เอ้า!!!  อย่าลืมเข้ามาเป็นกำลังใจให้เป็นระยะๆนะเจ้าคะ  ขอบคุณทุกๆคนค่ะ  :)

Nantaree

คุณนา  ครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งที่สองคุณนาอุทธรณ์ ก็ยังไม่ผ่านเหรอคะ
แล้วคุณนาไปโน่นด้วยวีซ่าอะไรคะ ขอบคุณค่ะ

การตัดสินครั้งแรกน่าจะเป็นคนที่สัมภาษณ์เราที่ Bangkok   แต่พอรอบสองน่าจะเป็นการตัดสินในสวิส ใช่ไหมคะ

Nan

Khwanjai

สวัสดีค่า พี่นา
         ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นน้องเล็กด้วยคนนะคะ  ขอบคุณมากค่ะที่มาให้คำแนะนำ กำลังใจและ..โฮะๆๆๆๆ บอกตรงๆว่าอ่านประวัติที่พี่ทำแล้วได้ใจจังเลยค่ะ..พี่แน่มาก..ขวัญสิคะตอนที่โดน reject  เราท้อแท้ เสียใจแต่แฟนโมโหค่ะ บอกว่าจะโทรถามและเมลล์ด้วย เค้าบอกไม่ยุติธรรม เอาอะไรมาวัดเนี่ย แต่ขวัญสิห้ามไว้ กลัวมีปัญหา เดี๋ยวชื่อขึ้นบอร์ด ก็เลยให้มันจบๆไป 555 ขืนพูดมากเดี๋ยวทะเลาะกันเองค่ะ...งั้นขวัญว่าก็ไม่ต้องขอร้องเค้ามาแล้วเนอะ..สงสัยต้องสู้ด้วยตัวเองแล้ว ขอกำลังใจจากพี่นาด้วยนะจ๊ะ...อ้อพี่นาคะ แล้วพี่ผ่านตอนอุทธรณ์รึเปล่าเอ่ย ตอนครั้งที่ 2 ไม่เจอคนเดิมเหรอคะ แล้วเค้าไม่ทำหน้าพิโรธใส่พี่เหรอคะ  ว่างๆเขียนมาเล่าให้น้องฟังเป็นประสบการณ์บ้างสิคะ  ;D  พี่นาขา อีกเรื่องเพิ่งมาฉุกคิดเมื่อวานเองค่ะ หลังจากมีน้องคนนึงเมลล์มาถามเรื่องการซื้อประกันสุขภาพ ขวัญตอบเค้าไม่ได้เพราะทั้งตั๋วเครื่องบินไป-กลับและประกันแฟนเดินเรื่องให้หมดเลย จองที่โน่นเลยง่ะค่ะ นี่เป็นประเด็นข้อผิดพลาดด้วยรึเปล่าคะ. เกี่ยวกันไม๊เอ่ย..สำหรับคนสัมภาษณ์จำไม่ได้ว่าผมงอหรือตรงค่ะ แต่รู้ชื่อเพราะเค้าให้แฟกซ์ส่งเอกสารให้เค้าน่ะค่ะ..ตั๋วของสวิส ส่วนบริษัทประกันวงเงินก็ 30,000 CF จำได้เท่านี้แหละค่ะ  พี่มีความคิดเห็นยังไง รึผู้รู้ท่านใดมีประสบการณ์ช่วยมาไขข้อข้องใจด้วยนะคะ  :)  ...ขอบคุณล่วงหน้าค่า

Nantaree

คุณขวัญก็เตรียมเอกสารไปตามที่แนน list ไว้นะคะ
ส่วนเรื่องอีเมลที่ติดต่อกัน  บิลค่าโทร  รูปคู่ จะแนบหรือไม่ ก็แล้วแต่คุณ

ตั๋วก็จองกับเอเจนซี่ แล้วให้เขาอีเมลใบจองมาให้ คุณก็ print ไปแนบใบสมัครวีซ่า
อย่าไปจ่ายตังเขานะคะ  ให้ได้วีซ่าก่อนค่อยจ่าย

ส่วนประกันคุณก็มาทำบ. alianz CP ตึก CP ชั้น 19 ที่สีลม ก็ได้ แนนทำที่นั่น 2500 baht มาทำก่อนวันยื่นก็ได้  ทำแค่ 15 นาที รอรับได้เลยค่ะ

แนนเห็นในเวปสถานทูตมีตั้งหลายบ.ที่รับทำประกัน   ถ้าทำกับเอเจนซี่  ระวังเขาไม่คืนเงิน
นะคะ ถ้าเราไม่ได้ visa

Khwanjai

สวัสดีค่ะ คุณ nan

       คุณ nan หมายถึงเราจองตั๋วที่ กทม. ดีกว่าให้เค้าจองให้เหรอคะ หรือว่าให้เค้าจองแล้วส่งเมลล์มาก็ได้  อันไหนดีกว่ากันเนี่ย ...ตอนนี้หัวฟูกับ thesis  อยู่ค่ะ กำลังจะส่งข้อมูลให้น้องช่วยเรื่องสถิติให้ แต่เมื่อเข้าเน็ตแล้วไม่แว๊บมาดูที่นี่ เหมือนหายใจไม่ปกติ เลยต้องมาบ่อยๆ เสริมกำลังใจ (เกี่ยวกันไหมเนี่ย)...คุณ nan สบายดีนะคะ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่คะ ยังทำงานไม๊คะ

NA-SP

วีซ่าครั้งแรก นาทำมา Visit husband here, พอรู้ผลว่าไม่ผ่าน ก็ไปยื่นอุทรธ์อีก ก็ไม่ผ่านอีกละ
ที่มาได้นี่ คื่อ ทำครั้งที่สาม เป็นวีซ่ามาแต่งงานที่สวิสฯ ค่ะ
ใช่ คนที่สัมภาษณ์เราคนแรกที่กรุงเทพฯ ตัดสินใจ พอยื่นอุทรณ์ก็เป็นคนที่เมืองเบิร์นที่สวิสฯ
พอรู้ว่าอุทรณ์ไม่ผ่าน แฟนเลยเข้าไปถามถึงที่เบิร์นเลย ว่าเพราะอะไร ถึงไม่ผ่าน ไม่ยุติธรรมในการตัดสินเอกสาร
เขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร แต่ดีที่ให้คำแนะนำว่า ให้แฟนกับคุณทำวีซ่าใหม่อีกที หรือจะยื่นวีซ่าแต่งงานก็ได้ รวบรวมเอกสารใหม่นะ
พอเว้นระยะสักสองเดือน ก็เลยยื่นใหม่ แล้วก็ผ่านนี่ละจ้ะ ถึงได้มาอยู่สวิสฯกะเขาน่ะ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณค่ะ









Quote from: Nantaree link=topiยื่นอุc=2939นำ.msg24308#msg24308 date=1241357948
คุณนา  ครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งที่สองคุณนาอุทธรณ์ ก็ยังไม่ผ่านเหรอคะ
แล้วคุณนาไปโน่นด้วยวีซ่าอะไรคะ ขอบคุณค่ะ

การตัดสินครั้งแรกน่าจะเป็นคนที่สัมภาษณ์เราที่ Bangkok   แต่พอรอบสองน่าจะเป็นการตัดสินในสวิส ใช่ไหมคะ

Nan

NA-SP


วีซ่าครั้งแรก พี่ทำมา Visit แฟน here, พอรู้ผลว่าไม่ผ่าน ก็ไปยื่นอุทรธ์อีก ก็ไม่ผ่านอีกละ
ที่พี่ได้มานี่ คื่อ ทำครั้งที่สาม เป็นวีซ่ามาแต่งงานที่สวิสฯ
ใช่ คนที่สัมภาษณ์เราคนแรกที่กรุงเทพฯ ตัดสินใจ (น่าจะผู้หญิงผมหยิกๆน่ะละ ฮ่าๆๆๆ) พอยื่นอุทรณ์ก็เป็นคนที่เมืองเบิร์นที่สวิสฯ
พอรู้ว่าอุทรณ์ไม่ผ่าน แฟนเลยเข้าไปถามถึงที่เบิร์นเลย ว่าเพราะอะไร ถึงไม่ผ่าน ไม่ยุติธรรมในการตัดสินเอกสาร
เขาก็หาเอกสารอุทรณ์ไม่เจอนะ ค้นหาใหญ่เลย เพราะมันเป็นแสนๆ ฉบับ ที่คนจะเข้ามาเมืองสวิสฯน่ะ
เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ดีที่ให้คำแนะนำว่า ให้แฟนกับคุณทำวีซ่าใหม่อีกที หรือจะยื่นวีซ่าแต่งงานก็ได้ รวบรวมเอกสารใหม่นะ
พอเว้นระยะสักสองเดือน ก็เลยยื่นใหม่ แล้วก็ผ่านนี่ละจ้ะ ถึงได้มาอยู่สวิสฯกะเขาน่ะ ฮ่าๆๆๆ
ส่วนประกัน พี่ไม่ค่อยจะเข้าใจนะ พี่คิดว่า ถ้าเป็นเวีซ่าเยี่ยมเยียน ก็อยู่ที่ประมาณสองพันกว่าบาท หรือสามพัน แล้วแต่เอเย่นขาย
แต่ถ้าซื้อตั๋วเครื่องบินที่ใหน ก็น่าจะซื้อประกันที่นั่นด้วยกันเลย จะได้ไม่ลำบาก หาเอเย่นใหญ่ๆ ที่น่าเชื่อถือหน่อยนะจ๊ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอให้โชคดี แล้วก็ผ่านในการยื่นวีซ่านะจ๊ะ








Quote from: Khwanjai on May 03, 2009, 09:59:17 PM
สวัสดีค่า พี่นา
         ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นน้องเล็กด้วยคนนะคะ  ขอบคุณมากค่ะที่มาให้คำแนะนำ กำลังใจและ..โฮะๆๆๆๆ บอกตรงๆว่าอ่านประวัติที่พี่ทำแล้วได้ใจจังเลยค่ะ..พี่แน่มาก..ขวัญสิคะตอนที่โดน reject  เราท้อแท้ เสียใจแต่แฟนโมโหค่ะ บอกว่าจะโทรถามและเมลล์ด้วย เค้าบอกไม่ยุติธรรม เอาอะไรมาวัดเนี่ย แต่ขวัญสิห้ามไว้ กลัวมีปัญหา เดี๋ยวชื่อขึ้นบอร์ด ก็เลยให้มันจบๆไป 555 ขืนพูดมากเดี๋ยวทะเลาะกันเองค่ะ...งั้นขวัญว่าก็ไม่ต้องขอร้องเค้ามาแล้วเนอะ..สงสัยต้องสู้ด้วยตัวเองแล้ว ขอกำลังใจจากพี่นาด้วยนะจ๊ะ...อ้อพี่นาคะ แล้วพี่ผ่านตอนอุทธรณ์รึเปล่าเอ่ย ตอนครั้งที่ 2 ไม่เจอคนเดิมเหรอคะ แล้วเค้าไม่ทำหน้าพิโรธใส่พี่เหรอคะ  ว่างๆเขียนมาเล่าให้น้องฟังเป็นประสบการณ์บ้างสิคะ  ;D  พี่นาขา อีกเรื่องเพิ่งมาฉุกคิดเมื่อวานเองค่ะ หลังจากมีน้องคนนึงเมลล์มาถามเรื่องการซื้อประกันสุขภาพ ขวัญตอบเค้าไม่ได้เพราะทั้งตั๋วเครื่องบินไป-กลับและประกันแฟนเดินเรื่องให้หมดเลย จองที่โน่นเลยง่ะค่ะ นี่เป็นประเด็นข้อผิดพลาดด้วยรึเปล่าคะ. เกี่ยวกันไม๊เอ่ย..สำหรับคนสัมภาษณ์จำไม่ได้ว่าผมงอหรือตรงค่ะ แต่รู้ชื่อเพราะเค้าให้แฟกซ์ส่งเอกสารให้เค้าน่ะค่ะ..ตั๋วของสวิส ส่วนบริษัทประกันวงเงินก็ 30,000 CF จำได้เท่านี้แหละค่ะ  พี่มีความคิดเห็นยังไง รึผู้รู้ท่านใดมีประสบการณ์ช่วยมาไขข้อข้องใจด้วยนะคะ  :)  ...ขอบคุณล่วงหน้าค่า