ได้เงิน 120000 บาทไทยเทียบกับที่ swiss ถือว่าใช้ได้หรือเปล่าค่ะ

Previous topic - Next topic

yanisa

หวัดดีค่ะคุณ MOO5202
ข้อมูลดูแลผู้สูงอายุเข้าไปดูทู้ของคุณโจ้นะคะ


naddyswiss

อยากบอกว่า มีลูกด้วยค่าใช้จ่ายสูงมากค่ะ ที่เค้าบอกว่าเค้าได้เงินเดือน ประมาณ 4000 สวิสฟรังก์นี่ถือว่า ไม่น่าจะเยอะนะคะ เพราะคนงานที่บริษัทสามี เป็นคนทำพื้นปาร์เกต์เงินเดือน ปาไปเดือนละ 6500 ฟรังก์แล้วนะคะ แต่เค้าก้อส่งลูกที่หย่าจากภรรยาคนเก่าด้วย แถมเค้าก้อมีภรรยาใหม่ด้วย แต่เค้าก้อพออยู่น่ะฮ่ะ เพราะลูกๆเค้าก้อทำงานกันบ้างแล้ว

แต่ถ้าเพื่อนชายคุณได้ 4000 ฟรังก์ อยากมีลูกสัก สองสามคน ต้องลองเอามือก่ายหน้าผากดูหน่อยนะคะ อีกอย่างนึงเนี่ย คุณเพื่งเจอกันได้แค่ห้าที เป็นโหน่งๆคงไม่เอาอ่ะฮ่ะ ไม่ได้ว่าเค้าเงินเดือนน้อยนะคะ คือไม่รู้จักจิตใจกันมาก่อนอ่ะค่ะ แบบว่าถ้ามาอยู่เมืองนอก เมืองนา ก้อขอสบายนิดนึง ให้ไปนั่งแบกหามก้อคงขอตัว

ดีไม่ดี เจอพวกซาดิสม์ จิตทรามอีก ดีไม่ดี เจอเอาไปขายด้วยนะคะ ไม่กล้าเสี่ยงหรอกค่ะ ยิ่งคุณมีงานการดีๆทำอยู่เมืองไทยไปก่อนดีกว่า เพราะสามีหาเมื่อไหร่ก้อได้ แต่หาสามีให้ดีเนี่ยหายากนะคะ

Spa

Dear Khun Moo5002
As I read your stories, there are many questions to think. U just knew him for about 3 months. He needs to marrige u in such a short time. Is it possible? 4000 sfr. that he earn it is not a big problem if u two know how to organize it. Problem is, why don`t u lern to know him more?. Take your time. I lived here since 1995. I`ve heared manys manys problem from differents couples. At the end they gone in differents way. I write this just to tell u to rethink about your sweet dream there is no the rose way. I`m sure if u take sometime to know him more and make sure ,that is your dicision ,and u will not be setup with it. Wish u goodluck

Sapa

yanisa

หวัดดีค่ะคุณ MOO5202
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ  ลองคบกันไปก่อนซักระยะจะดีไหมค่ะ  มีประสบการณ์ไกล้เคียงค่ะเจอกันวันแรกพ่อบ้านสาขอแต่งงานเลย นึกในใจเหมือนกันคนนี้คงจะบ้าแต่บางครั้งสาก็บ้าบิ่นเหมือนกันเอาละขอลองมีเพื่อนชายหน่อยเถอะน่าไหนๆๆก็เป็นสาวแก่อาศัยบ้านคานทองนิเวศย์มาร่วม 29 ปี ไม่มีแม้แมลงวันสักตัวมาตอม หลังจากนั้นเขาก็กลับไปทำงานที่สวิสแต่เขาจะโทรมาคุยเกือบทุกวัน  สงสัยจะเอาจริงแฮะ...3 เดือนต่อมาพ่อบ้านย้อนมาเมืองไทยเขาชวนไปเที่ยวเกาะลันตาที่กระบี่คิดอยู่ 3 วันไป-ไม่ไป แต่ก็ไปค่ะถือว่าเสี่ยงมากๆๆ เขาไม่หล่อและจนด้วยนิสัยก็มีดีมีเสียค่ะเรื่องธรรมดา เราคบหากัน 2 ปี จากนั้นเราก็แต่งงานกันปีนี้ย่างเข้าปีที่ 5 ในอีก 2 เดือน
ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้เพราะก่อนหน้านั้นคิดอย่างเดียวทำงานเก็บเงินแก่แล้วบวชชีรอวันตาย
สิ่งดีๆรอคุณอีกมากมาย  อย่าคิดมากเลยค่ะคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน
โชคดีนะคะ

Jojo

หวัดดีค่ะทุก ๆ คน

เรื่องนี้มันก็พูดกันยากเน้อะ....เรื่องของบุพเพสันนิวาส ;D
เรื่องรายได้น่ะมันไม่เป็นปัญหาใหญ่  อยู่ด้วยกันแล้ว รู้จักกินรู้จักใช้ ช่วยกันทำมาหากินมันก็น่าจะอยู่ได้ ใช้ชีวิตแบบพอเพียงน่ะ
แต่เรื่องที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน แล้วจะตัดสินใจแต่งงานเป็นคู่ชีวิตกันทันทีนั้น ก็ดูให้ดี ๆ ล่ะกัน
เพราะเคยได้ยินเรื่องราวของคนอื่น ๆ อยู่บ้างว่าชีวิตคู่ไปกันไม่รอดที่สวิส ถ้าเราเอาตัวเองรอดมันก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่บางคนเอาตัวไม่รอดก็น่าสงสาร เช่น หลังจากแต่งงานแล้ว กลายเป็นว่าต้องเป็นผู้ร่วมชดใช้หนี้สิน ที่สามีก่อขึ้น เพราะคงเซ็นเอกสารต่าง ๆ โดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แบบนี้นะซิจะแย่ อยู่แบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออก  :-[
ประเทศสวิสเลยต้องมีกลุ่ม เพื่อนไทยเพื่อหญิงไทย ไว้คอยช่วยเหลือ  ลองจินตนาการเอากันเองว่าเพราะอะไรมันถึงต้องมี

ถึงคุณangkanaruk
รบกวนแนะนำด้วยค่ะ ว่าแฟนคุณเรียนด้านไหน แล้วทำงานอะไรค่ะ คือว่าโจ้เป็นคนชอบวางแผนให้ลูกนะคะ ตอนแรกว่าจะให้ลูกเรียนหมอฟัน เพราะว่าเป็นหมอฟันที่สวิสรายได้ดี ฟังเรื่องของคุณแล้วเกิดเปลี่ยนใจนะคะ อยากให้ลูกเรียนอย่างแฟนคุณมั่ง เค้าจะได้เลี้ยงดูดิฉัน กะสามีได้ตั้งแต่เค้าอายุยังน้อย  ;D
อย่าหยุดที่จะเดินหาโอกาส

moo5202

ขอบคุณค่ะที่ให้คำปรึกษา

แต่ตอนนี้บีก็ยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรกับเค้าหรอกค่ะ แค่คบกันไปเรื่อยยังไม่ได้คิดไร แต่เค้าก็บอกว่าจะมาหาพ่อแม่เราและถ้าเราโอเค ก็จะค่อยมาว่ากันที่หลังเรื่องแต่งงาน บีก็ขอเวลาเค้านะค่ะว่าขอเวลาดูใจกันไปซักหน่อย เค้าบอกว่าถ้าหากว่าเค้ามาหาพ่อแม่เราแล้วก็อยากให้เราลองไปหาพ่อแม่เค้าบ้างค่ะ พ่อแม่เค้าอยู่ที่ New Zeland ทำฟาร์ม ม้าและเนื้อม้าค่ะ และเค้าก็บอกว่าให้มาเที่ยวดูก็ได้ว่าอยากอยู่หรือเปล่าที่สวิส หากไม่อยากอยู่เค้าก็จะหางานทำที่เมืองไทยค่ะ และเค้าก็บอกว่าให้รอเค้าหน่อย อย่าเพิ่งไปคบใคร พวกพี่ ๆ น้อง ๆ ว่าไงค่ะ

Jojo

ถึงคุณ moo5202

ถ้าคุณมีใจไปเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องลองเสี่ยงดูค่ะ ไม่มีใครที่จะรู้จักว่าที่คุณสามีของคุณ ดีไปกว่าตัวคุณเองว่าคุณมั่นใจในตัวเค้ามากแค่ไหนนะคะ ลองศึกษากันดูก่อนก็ได้ค่ะ บางทีเค้าอาจจะเป็นเนื้อคู่ของคุณจริง ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เพราะคู่กันแล้วมันไม่แคล้วกันค่ะ ;D

บางทีเค้าอาจะเป็นคนดีก็ได้ ถ้าเจอคนดีคุณก็โชคดีไปค่ะ เพราะอนาคตก็จะได้เจอแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต และถ้ากลัวเรื่องจะไปต่างประเทศกับเค้า คุณก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับ โดยคุณเป็นคนติดต่อเอเย่นที่เมืองไทยเองนะคะ ขอเงินพ๊อตเก็ตมันนี่ไว้ด้วย ให้พอกับค่าใช้จ่ายที่จะเดินทางกลับประเทศไทย ศึกษาเส้นทางเกี่ยวกับการเดินทางระหว่างที่พักในต่างประเทศกับสนามบินไว้ เซิร์ทหาตามเว๊บไซด์ไว้ก่อนนะคะ  ก่อนจะไปก็บอกรายละเอียดกับคนทางเมืองไทยไว้ด้วย ขอถ่ายสำเนาพาสปอร์ตของเค้าไว้ เพียงเท่านี้โจ้ว่าก็เป็นวิธีที่พอจะเซฟตัวเองได้ค่ะ

เพราะโจ้เคยได้ยินกรณีของหญิงไทยเดินทางไปต่างประเทศ ไปถึงก็คงจะเกิดการทะเลาะกัน ผู้ชายไล่ผู้หญิงออกจากบ้าน ผู้หญิงต้องโทรมาหาเอเย่นขายตั๋วที่เมืองไทยพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย ให้หาเที่ยวบินกลับบ้านให้ด่วน อะไรประมาณนั้นนะคะ

และถ้าอยากสร้างความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น...ทางเลือกอีกทางหนึ่งคือ ไปดูดวงค่ะ  ไปหาซัก 3 คนที่ว่าเจ๊ง ๆ แล้วดูว่า 2 ใน 3 เค้าจะทักว่ายังไง ;D

โชคดีนะคะ

อย่าหยุดที่จะเดินหาโอกาส

moo5202

Quote from: Jojo on March 16, 2009, 03:04:26 PM
ถึงคุณ moo5202

ถ้าคุณมีใจไปเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องลองเสี่ยงดูค่ะ ไม่มีใครที่จะรู้จักว่าที่คุณสามีของคุณ ดีไปกว่าตัวคุณเองว่าคุณมั่นใจในตัวเค้ามากแค่ไหนนะคะ ลองศึกษากันดูก่อนก็ได้ค่ะ บางทีเค้าอาจจะเป็นเนื้อคู่ของคุณจริง ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เพราะคู่กันแล้วมันไม่แคล้วกันค่ะ ;D

บางทีเค้าอาจะเป็นคนดีก็ได้ ถ้าเจอคนดีคุณก็โชคดีไปค่ะ เพราะอนาคตก็จะได้เจอแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต และถ้ากลัวเรื่องจะไปต่างประเทศกับเค้า คุณก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับ โดยคุณเป็นคนติดต่อเอเย่นที่เมืองไทยเองนะคะ ขอเงินพ๊อตเก็ตมันนี่ไว้ด้วย ให้พอกับค่าใช้จ่ายที่จะเดินทางกลับประเทศไทย ศึกษาเส้นทางเกี่ยวกับการเดินทางระหว่างที่พักในต่างประเทศกับสนามบินไว้ เซิร์ทหาตามเว๊บไซด์ไว้ก่อนนะคะ  ก่อนจะไปก็บอกรายละเอียดกับคนทางเมืองไทยไว้ด้วย ขอถ่ายสำเนาพาสปอร์ตของเค้าไว้ เพียงเท่านี้โจ้ว่าก็เป็นวิธีที่พอจะเซฟตัวเองได้ค่ะ

เพราะโจ้เคยได้ยินกรณีของหญิงไทยเดินทางไปต่างประเทศ ไปถึงก็คงจะเกิดการทะเลาะกัน ผู้ชายไล่ผู้หญิงออกจากบ้าน ผู้หญิงต้องโทรมาหาเอเย่นขายตั๋วที่เมืองไทยพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย ให้หาเที่ยวบินกลับบ้านให้ด่วน อะไรประมาณนั้นนะคะ

และถ้าอยากสร้างความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น...ทางเลือกอีกทางหนึ่งคือ ไปดูดวงค่ะ  ไปหาซัก 3 คนที่ว่าเจ๊ง ๆ แล้วดูว่า 2 ใน 3 เค้าจะทักว่ายังไง ;D

โชคดีนะคะ


ขอตอบคุณ Jojo นะค่ะ
ว่าไปดูมาแล้วค่ะ เค้าบอกว่าดีนี้แหละเนื้อคู่ (อันนี้พี่สาวไปดูให้ ไปดูทั้งวันเดือนปีเกิดอะไรเนี้ยแหละค่ะ และก็โดนลากไปดูหมอดูฝ่าเท้ามาด้วย หมอดูก็บอกว่าเจอแล้วนิเนื้อคู่อ่ะค่ะ แต่ไอ้เราก็ไม่ใช่คนเชื่ออย่างงี้อยู่แล้ว เค้าก็บอกว่าเป็นคนดีนะค่ะ รักเรามากทำนองเนี้ย จะอยู่กันไปจนตายกันไปข้างหนึ่ง) แต่บีไม่ค่อยเชื่อค่ะ แต่พี่สาวเชื่อมากมาย เนี้ยก็ไปดูมาสามหมอล่ะ เค้าบอกว่าไม่เชื่อก็คอยดู จะแต่งกันในปีนี้หรือช้าสุดก็ต้นปีหน้าค่ะ บีว่ามันอยู่ที่ดัวเราและก็ดัวเค้าอ่ะค่ะว่าจะดีได้ขนาดไหน การดูหมอก็ช่วยเป็นแนวทางให้เราค่ะ

บีขอบอกเลยนะค่ะ ว่ามีความสุขมากที่ได้รับคำปรึกษาจากพวก พี่ ๆ น้อง ๆ ค่ะ ตอนนี้ยีอายุ 23 ปีค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นพี่ใครน้องใครบ้าง แต่อยากบอกว่ารู้สึกดีมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ สำหรับคำแนะนำค่ะ ว่าง ๆ จะเล่าให้ฟังบ่อยนะค่ะ จะได้ช่วยพิจารณาค่ะ อิอิ

Api

สวัสดีค่ะน้อง moo5202

ดูดวงเหมือนพี่เลย พี่เชื่อ 30% อีก 70% เราต้องทำเอาเองค่ะ เชื่อเพื่อเป็นแนวในการใช้ชีวิตจะได้มีกำลังใจ ถ้าหมอดูทักไม่ดีก็จะได้ระวัง แต่น้องต้องหมั่นทำบุญมากๆนะ ชีวิตจะดีขึ้นทุกๆ วันเพราะการทำความดีค่ะ คิดดี ทำดี ชีวิตจะได้รับสิ่งดีๆเข้ามา
สำหรับเรื่องเนื้อคู่ ต้องศึกษาซึ่งกันและกันทุกๆ วันและค่ะ จะอยู่ใกล้ไกล เวลาจะพิสูจน์น้องและแฟนน้อง ถ้ามั่นใจว่าเขาสามารถทำให้น้องมีความสุข และน้องอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันก็ตัดสินใจเลยค่ะ หลังแต่งงานจะเป็นบทพิสูจน์รักแท้ หลายคู่ที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ชีวิตคู่แต่ละคู่มี เหตุและผลจากการกระทำทั้งสองคนค่ะ รัก ดูแล เข้าใจ ให้อภัย และซื่อสัตย์ ถ้าสองคนยึดมั่น ทุกคู่จะมีความสุขค่ะ เงินทองไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ แม้ว่าจะทำให้ชีวิตสุขสบาย แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เรามีความสุข อย่างไร พี่เอาใจช่วยขอให้น้องมีความสุขนะคะ ;) mail มาคุยกันก็ได้นะจ๊ะ

moo5202

 :D สวัสดีค่ะ พี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหลาย

      ตอนนี้บีมีเรื่องกลุ่่มใจเล็กน้อยค่ะมาเล่าค่ะ คือว่าเค้าบอกว่าจะมาแต่งอีกห้าเดือนข้างหน้าค่ะ เค้าขอเคลียงานก่อน ส่วนตอนที่เค้าบอกนั้นบีเองก็ยังไม่ได้ตกลงอะไรค่ะ เค้าบอกว่าจะมาหาพ่อแม่หนูก่อนจะพาออกไปกินข้าวและก็จะขอหนูเลย ถ้าพ่อแม่ให้อีกสองเดือนก็จะกลับมาแต่งงานค่ะ มันเหมือนเสี่ยงดวงอ่ะ ดวงดีได้ดวงร้ายเสีย อะไรทำนองเนี้ย บีเองไม่ได้กลัวเรื่องลำบาก แต่กลัวโดนหลอกอ่ะค่ะ เฮ้ย...คิดหนัก   

the sun

สวัสดีค่ะคุณ moo5202 ตะวันเข้ามาเอาใจช่วยค่ะ เข้าใจนะคะว่า คุณอาจจะเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝัน แต่ว่าไปแล้ว การแต่งงาน เปรียบเหมือนกันลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ว่าเรื่องในบางเรื่อง ถ้าเราไม่เสี่ยงแล้วเราจะรู้ไหมคะว่าเราจะทำมันได้ไหม เช่นการทำธุระกิจ นักธุระกิจหลายๆ คนก้อยอมทำการลงทุนแบบเสี่ยงหัวขาดเหมือนกัน ผลรับในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราเป็นผู้กำหนด และเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง จะดีใจหรือเสียใจก้อเราตัดสินใจมาแล้ว ก้อเคารพตัวเอง เรื่องของการแต่งงานดวงแต่งงานเราไม่ได้มาบ่อยๆ นะคะ ถ้าเขาเป็นคู่คุณแล้วคุณหนีเขาไม่พ้นหรอก ดูเหมือนมันจะเร็วไป แต่ว่าเป็นคู่ประเภทไหนก้อแล้วแต่เวรกรรมที่คุณกับเขาสร้างกันมาแต่ชาติก่อน คู่สร้างคู่สม คู่ทุกคู่ยาก คู่เวรคู่กรรม การที่เรามีแฟนเป็นชาวต่างชาติเราต้องทำใจนะคะว่า เราไม่มีเวลามานั่งศึกษาใจกันเช้าเย็น ให้รู้กันมากขึ้นหรอกคะ เพราะคนหล่ะประเทศ ไม่เหมือนเราทำงานอยู่ บริษัทเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน อำเภอเดียวกัน ประเทศเดียวกัน นี่เราไกลกันขนาดถึง 10000 กิโลเมตร ทางแผ่นดินวัดได้ เดินถึงไหมคะ แต่โลกอินเตอร์เน็ตก้อช่วยให้เรารู้หลายๆ อย่างได้ 10 ปีที่ผ่านมา คงบอกไมได่ว่าเราจะติดต่อทางไหน แต่สมัยนี้มันเร็วค่ะ ความรักจะแท้หรือเทียมมันก้อย่อมมาเร็วเหมือนกัน แต่ว่าไปแล้วกว่าเขาจะมาหาเราอีกที่กว่าจะมาแต่งก้อ 5 เดือน 152 วัน แต่หล่ะวันของ 152 คุณก้อต้องดูกันไปในช่วงนี้ค่ะ
  ดิฉันเองกับสามีคบกันก่อนแต่งงานแค่ 1 ปี บอกตรงๆ ว่า 1 ปี เราเจอกันแค่ 2 ครั้ง ดิฉันก้อเสี่ยงมากๆ เหมือนกัน กับการแต่งงาน เพราะไม่มีทางเลือกค่ะ ประเทศเราไม่ได้ติดกัน จะทำไงได้ แต่พอเสี่ยงมาแล้วยอมรับค่ะว่าเสี่ยงมาถูกทาง สามีรักมาก ห่วงใยเรามาก ดูแลเราทุกเรือง บอกก่อนนะค่ะว่าสามีดิฉันอายุน้อยนะคะ รู้จักสามีโดยเพือนแนะนำมาให้ค่ะโชคดีหน่อยมีด้านคัดสรรให้มาแล้ว 1 ด้านแต่ก้อใช่จะรู้หมดซะทุกเรืองว่าเขาจะดีจะเลวไหมก้อไม่ใช่ เขาอายุยังน้อย เขาอาจจะคิดเร็วทำเร็วในการตัดสินใจ คนหนุ่ม ในเมือเราก้อหนุ่ม เขาก้อกลัวว่าเขาจะกลัวเสียเราไป (เพราะเราสวยเลือกได้ หุหุ)หน้าที่การงานที่ไทยของดิฉันก้อในระดับดีทีเดียว แบบไม่เดือนร้อนเลย ถ้าดิฉันจะอยู่ทำงานต่อที่ไทย ก้อทำได้แต่ต้องเสียเรื่องคู่ครอง ดิฉันเลยต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ค่ะ หมอดูก้อทักค่ะว่า ถึงเวลาที่ดิฉันต้องเลือกระหว่างได้อย่างเสียอย่างไปค่ะ ดิฉันรู้อยู่แล้วว่า ถ้าเลือกคู่ครองดิฉันได้พลัดถิ่นแน่นอน ได้มาเริ่มต้นที่ 0 ใหม่หมดทุกอย่าง รู้ทั้งรู้ว่า คู่ครองที่กำลังจะเลือกตอนนั้น ก้อหาเช้ากินค่ำ ชีวิตอาจจะลำบากมากกว่าอยู่เมืองไทยด้วยซ่ำไป แต่ดินฉันก้อไม่กลัวที่จะตัดสินใจ เพราะถ้าดิฉันไม่เลือกที่จะมาสวิสและแต่งงานกับเขา ๆ ก้อจะไปอยู่ไทย ขายทุกอย่างที่สวิสไปอยู่ไทยกับดิฉัน แต่ดิฉันมองว่า ถ้าเขาไปอยู่ไทย เขาจะไปทำงานอะไรหล่ะ ดิฉันเลยตัดสินใจที่จะมาอยู่สวิสกับเขา (เขาใช้ไฟด์บังคับค่ะ) จากการที่เรานั่งคุยกันทุกวันทางอินเตอร์เน็ต การให้เวลากับเรา การที่เราทะเลาะกันเหมือนหมากับแมว เพราะภาษาสื่อสารกันผิด ต่างๆ นาๆ ทะเลาะกันวันเว้นวัน จนทำให้เราบอกหลายๆ อย่างได้ว่าเขาสู้ๆ ที่จะศึกษาเราต่อไป ตลอดเวลา 1 ปีก่อนแต่งงาน ทางหน้าจอคอม.เขาเคยทะเลาะกันพ่อแม่ เรืองว่าดิฉันเป็นไครกล้าที่จะไปแต่งงานด้วย พ่อแม่ก้อห่วงลูกชายมาก แต่เขารู้ในตัวเองแล้วว่าเขาขาดเราไมได้จริงๆ อุปสรรคอาจจะเยอะ ที่สำคึญเรืองเงินไม่ใช่ปัญหาอยากบอกตรงนี้ แต่ว่าไม่ใช่ปัญหาซะทีเดียวก้อไม่ได้ มันตอ้งได้ใช้เงิน แต่ถ้าคุณสองคนเดินในทางถูกต้อง ไม่เที่ยว ไม่ฟุ้มเฟ้ยไปตามสถานการณ์พาไป คุยอยู่ได้กับเงินเดือนเริ่มต้นของแฟนช่วงแรกอาจจะลำบากหน่อย ต้องทนค่ะ รอการได้ทำงานจากคุณภายหลัง ทำงานสองคนที่สวิส ผัวเมียช่วยกัน ของบอกค่ะว่า ชีวิตคุณไปได้สวย ถ้าคุณตั้งใจ ที่สำคัญเป็นคนดีด้วยนะคะ เอาใจแรกใจ เอาจิตใจเราให้รักแท้แรกรักแท้ กับครอบครัวแฟนก้ออย่าเสแสร้งแกล้งทำเป็นดี ทำให้เขารัก คนไทยจะได้ชัยชนะตรงนี้คะ ทุกวันนี้จากที่พ่อแมสามีดิฉันทะเลาะกันลูกชายว่า ดิฉันเป็นใครมาจากไหน สงสัยว่าดิฉันจะดีจะร้ายไหม ขอบอกคะว่าทุกวันนี้ พ่อแม่สามีรักดิฉันไม่ใช่รักแบบลูกสะใภ้แต่เขารักแบบลูกสาวเขาไปแล้วค่ะ เพราะการทำตัวของเราค่ะ ทำตัวดีที่สุด ช่วยเขาเท่าที่เราช่วยได้ กินเสร็จก้ออย่านั่งดู รีบจัดหาจัดวาง ล้างสิ่งที่สกปกติดค้าง นอนตื่นสายๆ (อันหลังนี่ดิฉันคะทำไม่แนะนำค่ะ)
เขียนมาเยอะแล้ว ไปก่อนหล่ะ เดี๋ยวคุณ Moo5202 รำคราญ
โชคดีนะคะ

moo5202

ขอขอบคุณ the sun มาก ๆ เลยนะค่ะ

     สำหรับที่ให้คำปรึกษาที่ดีมาก ๆ บีอ่านแล้วซึ่งใจมาก ๆ เลยค่ะ ไม่เบื่อหรือรำคาญเลย แต่กลัวพี่ ๆ น้อง ๆ และก็ป้าพอลรำคาญเสียมากหว่าที่มาบ่นเรื่องส่วนตัวมากไปหน่อย แต่ว่าตอนนี้บีเองก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วนะค่ะ อย่างน้อยก็ได้ระบายที่นี้ และได้รับรู้ความรู้สึกที่ดี ๆ กลับมาจาก พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เป็นสะใภ้สวิส อย่างน้อยถ้าหากว่าบีตัดสินใจไปอยู่โน้น ก็ยังมีคนดี ๆ อยู่ที่โน้นอีกมากที่ให้ความรู้สึกเหมือนพี่น้อง ส่วนตอนนี้เค้าก็ไปบอกพ่อแม่เค้าที่ NZ แล้วค่ะว่าจะแต่งงาน เค้าบอกว่าพ่อแม่เค้าดีใจนะค่ะ ที่จะได้สะใภ้เป็นคนไทยเค้าว่าคนไทยเป็นคนจิตใจดีค่ะ ตอนนี้เองบีก็รู้สึกดีนะค่ะ เราคุยกันเช้าเย็นแทบทุกวัน หากวันไหนไม่ได้คุยแสดงว่าวันนั้นมีปัญหาเรื่องคอมพิวเตอร์ค่ะ ถ้าหากว่าได้แต่งกันจริง ๆ บีคงจะหางานทำนะค่ะ คงไม่นั่งกินนอนกินเฉย ๆ เป็นแน่ เพราะว่าบีเป็นคนอยู่นิ่งไม่เป็นค่ะ อยากช่วยกันแบ่งเบาภาระบ้าง ไม่เกี่ยงหรอกค่ะว่าจะเป็นงานอะไร ถ้าหากเปรียบความรักเป็นการลงทุนในตอนนี้ บีเองก็อยากจะลงทุนกะเค้าคนนี้แหละค่ะ ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไร อย่างน้อยเราก็ต้องยอมรับในผลของการกระทำค่ะ หากว่าเราทำการติดสินใจไปแล้ว บีได้อ่านเรื่องของคุณ the sun ทำให้นึกถึงตัวเองเลยค่ะ เำพราะว่าอยู่เมืองไทยเราก็มีหน้าที่การงานที่ดี ครอบครัวก็โอเคค่ะ ไม่ได้ขาดหรือว่าเหลืออะไรมากมายนัก แต่ก็ไม่เดือดร้อนอะไร ส่วนพ่อแม่ของบีนั้นไม่ต้องพูดถึงค่ะ เค้าบอกว่าถ้าลูกรักใครเค้าก็รักคนนั้นค่ะ (ไม่มีห้ามปรามเล้ยยย) สินสอดไม่ต้อง ;D ฮ่า จริง ๆ

BUAKAO

สามีที่ดีต้องให้ได้ 4 อย่าง 
สามีเป็นผู้ให้ครับ ภรรยาเป็นผู้เก็บ ( นี่จึงเป็นสิ่งที่ครอบครัว ทุกครอบครัวต้องมี ) แล้วชีวิตแห่งคู่สมรสจึงจะ สมบูรณ์ ที่สุดครับผม สิ่งที่ควรจะให้ มี 4 ข้อ คงจะตรงกันข้ามกับการเก็บของสาว ๆ เลย ดีไหมครับ หุหุหุ 
1. ให้ เรื่องการเงินแก่ครอบครัว ตามความสามารถของตัวเอง ( ให้ภรรยาควบคุมด้านการเงินของครอบครัวทั้งหมด ) และเราขอเงินไปทำงานวันละ 20 บาทไง หุหุหุ ( แบบสามีที่ดี เขาทำกัน ) 
 
2. ให้ เรื่องเวลา แก่ครอบครัว เมื่อครอบครัวต้องการตัวสามี ................ ( ไม่ต้องอธิบายนะ ) ก็เวลาเขาเรียกใช้เมื่อไร ก็รีบ ๆ มาให้เขาใช้เป็นพอ ไม่ว่า อบ ซัก รีดเสื้อผ้า เก็บกวาดความสะอาดบ้าน ทำอาหาร และ สำคัญ ( ช่วยเลี้ยงลูกด้วยจ้า ) 
 
3. ให้ เรื่องการยอมรับในสังคมแก่ครอบครัว แสดงว่าเวลาจะไปไหน ต้องมีภรรยาเป็นตุ๊กตาหน้ารถเสมอ ห้ามหนีไปไหน ๆ คนเดียวเด็ดขาด หุหุหุ 
 
4. ให้ เรื่องไว้วางใจ การเปิดเผยในการสอบถามหาข่าว หาความของภรรยา ( ข้อนี้เพื่อให้เขาไม่มีความระแวง ) และยอมรับการตามล่าตามล้าง ตามผลาญ ของภรรยาได้ ทุกเมื่อเชื่อวัน หุหุหุ แบบ ......ไปตีกอล์ฟ มาจ้า 55555555 ก๊าก กกกกกกก 

ประกอบคำพิจรณาค่ะ  ;D

BUAKAO

ผู้หญิงมีหน้าที่ต้องเก็บได้ 4 อย่าง 
ผู้หญิงมีหน้าที่ต้องเก็บได้ 4 อย่าง ตามความเหมาะสม 
1. ต้องเก็บเงินได้ ถ้าสามี ให้ เงินมา แล้วเก็บไม่เป็น บริหารการเงินไม่เป็น ในจังหวะชีวิต ช่วงใดช่วงหนึ่งเกิดตกงาน หรือ ไม่มีอาชีพ เราก็สามารถที่จะนำเงินที่เก็บสะสมไว้ หรือมีการจัดการบริหารการเงินที่ดีไว้ ( ถ้ามัวแต่เอาเงินไปเล่นการพนัน จนหมดตัว ทำไง ) *-* เพื่อนำมาเป็นทุนรอนในการหางาน หรืออาชีพใหม่ หากพบจังหวะทางออกที่ดีอาจนำมาลงทุนเป็นเจ้าของกิจการตัวเองได้ ............ 
 
2. ต้องเก็บคำพูดได้ ถ้าสามี หรือในครอบครัวทำอะไรหรือมีอะไร ( ทะเลาะกันหรือมีปัญหาเรื่องอะไร ) ชาวบ้านหรือคนที่รู้จัก จะรู้หมดทุกเรื่องที่เกิดขึ้น หุหุ เที่ยวโพทนา ว่าร้าย กล่าวหา และหาพรรค หาพวก ประจาน สามี หรือ ครอบครัวของสามีไป ................... *-* เวลาดีกัน หรือ เหตุการณ์ปกติขึ้นมา ตัวเองไม่ทราบเอาหน้าไปซุกไว้ตรงไหนดี *-* ทำลายเครดิสสามีตัวเอง ทำให้ โอกาสในการที่จะทำการอาชีพ ไม่ประสพความสำเร็จ เพราะปากคำจากภรรยานั่นเอง 
 
3. ต้องเก็บตัวเองได้ มีสามีแล้วยังทำเป็นคนเปิด ใครชวนไปไหนไปหมด ชายใดหรือคนไหนมาพูดมาจีบ ก็ยิ้ม เสนอหน้ารับ และ ประเภทเหงาปาก เหงาใจ เที่ยวโทรคุยชาวบ้านทุกวันดึกดื่น ................ *-* สามีไม่เป็นอันทำมาหากิน เพราะมัวแต่ระแวงตามล้างตามผลาญ ไม่ก็ต่างคนต่างมีใหม่ให้มันรู้แล้วรู้รอด สร้างความกดดันแก่ครอบครัว และลูกเต้า น่าอับอายประชาชี ( สำคัญเวลาเจอโจทย์ แบบรถไฟชนกัน เวลาไปเจอสามี หรือเวลาควงสามีไปเจอคนอื่น หุหุหุ ) น่าละอายหน้าตัวเอง หน้าจะระบาดทุกข์ 
 
4. ต้องเก็นสามีให้ได้ มีสามีแล้ว เวลามีปัญหากัน ก็ยึดจุดเดินมาเป็นจุดยืน ( จุดยืนที่ว่ารักกันมานะ ลืมหมด ) เอาศักดิ์ศรี หน้ามืด คิดแต่เอาชนะ ไม่สนใจอนาคต คิดแต่จะไล่ไป ( แบบเก็บเสื้อผ้าสามี โยน และไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ) สะใจ แบบนี้เขาเรียกไล่สามีครับ ไม่ใช่เก็บสามี *-* ไม่ว่าไรเขาเป็นสามีเรา เราต้องมีหน้าที่เก็บเขาไว้อยู่กับเราให้ได้ เพราะเราเลือกเขาเป็นสามีนี่ ต่อให้ผิดยังไง ก็ต้องไปเอากลับมาเก็บไว้เป็นสามีเหมือนเดิม นะแหละ ( คิดให้เป็น และเข้าใจว่าจะ อภัย และ เก็บเขาให้เขาอยู่และเป็นสามีของเรายังไง ไม่ใช่ ไล่ ๆ ๆ ๆ ) แบบนั้นไม่ใช่เก็บสามี พอสามีไป คุณก็ถูกคนมองว่าไม่มีฝีมือ สามีคนเดียวเก็บไว้ไม่ได้ ( สู้ไม่ได้แม้แต่ นักร้อง หรือ เด็กเสริฟ รีเชพชั่น ที่ มากผัวหลายสามี หุหุหุ ) น่าอับอายขายขี้หน้า กับการแพ้แบบ สะใจ หุหุหุ ( สมน้ำหน้าดีไหม ) 
 
จบแระ ไม่จบมีหวัง โดนยิงตายตั้งแต่ ไม่ทันเห็นตะวันขึ้น หุหุหุ 

อันของฝ่ายหญิงค่ะ ก๊อปเขามาอีกที หุ หุ  ;D