สงสัยเรื่องทำวีซ่าแล้วไม่ผ่านครับ

Previous topic - Next topic

payu

สวัสดีคุณพอลและทุกท่านครับ

ผมได้ไปติดต่อขอทำวีซ่าเมื่อพฤหัสสัปดาห์ที่แล้วและได้รับผลวีซ่าวันอังคารสัปดาห์ถัดมา  ปรากฏว่าไม่ผ่านซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ผ่าน คือผมไปตปท.เป็นครั้งแรกครับเพราะตั้งแต่จบมาทำงานตลอด(ประมาณ 5 ปี)ไม่ค่อยจะว่าง ผมวางแผนที่จะไปเที่ยวกับหลานอายุ  14 ปี เลยต้องเป็นคนรับรองค่าใช้จ่ายให้เค้าไปด้วย  คือผมเป็นหมอประจำคลินิก(ไม่ได้เป็นเจ้าของเอง)มีรายได้เงินเดือน 80,000-100,000 บาท  statemet  6  เดือนผมเข้า 100,000 บ้าง   80,000 บ้าง บางครั้งก็  5-6 หมื่นเพราะผมได้รับเงินเป็นเช็คไปเบิกเงินสด เลยบางเดือนก็เข้าไม่เต็มจำนวนเท่าเงินที่เราได้(แต่ส่วนใหญ่เงินเข้าแต่ละเดือนจะอยู่ที่ 90,000 หรือไม่ก็ 100,000 แต่ก็ก็เขียนใบรับรองเงินเดือนไปแค่ 80,000 บาท เพราะถ้าเขียน 100,000 เกรงเค้าจะหาว่าทำไมบางเดือนเข้าไม่ถึงแสน)  ส่วนยอดคงเหลือแต่ละเดือนก็ไม่มากเพราะโอนเงินไปซื้อหุ้น(โชคร้ายครับหุ้นก็ดันตกเอาๆ   :()  แล้วเอาเงินไปจ่ายค่าโน่นนี่  ให้ญาติยืมเงินลงทุนบ้าง แล้วพอเดือนนี้(กพ.) ผมวางแผนจะไปเที่ยว เลยขายหุ้นออกเอาเงินมาใส่บัญชีเลย ประมาณ 500,000 บาท ( ท่านที่เข้ามาอ่านอาจสงสัยว่าเป็นหมอเงินเดือนเท่านี้แต่ทำไมมียอดเงินแค่ 5 แสน คือลงทุนในหุ้นไปล้านกว่าแต่ตลาดหุ้นร่วงหนักเลยเหลือประมาณนี้ครับ แล้วงานที่ผมทำอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็ย้ายมาทำได้สองปีกว่า )ผมไปยื่นวีซ่าปรากฏว่าไม่ผ่านทั้งผมและก็หลาน เค้าให้เหตุผลว่าเงินเราไม่ stable  งานนี้ก็เสียความรู้สึกพอควร เพราะเราคิดว่าจะไปเที่ยวแค่ 10 วัน แล้วผมก็เตรียมหาข้อมูลไปเที่ยวเกือบเดือน เตรียมเอกสารต่างๆทั้งของผมและหลาน(ซึ่งยุ่งยากมากเพราะอยู่คนละจังหวัดกัน แล้วพ่อแม่หลานก็แยกทางกัน พ่อกะแม่หลานก็ต้องไปขอทำหนังสือยินยอมจากอำเภอคนละที่กัน) ผมเองก็ทำงานอยู่ ตจว.งานนี้เลยต้องเสียค่าเครื่อง +ค่าวีซ่า  +ค่าทำประกันการเดิน และ +ค่าจองโรงแรม(บางแห่งที่เค้าหักค่ามัดจำจากบัตรเครดิต) รวมๆ 15,000  ก็เสียไปฟรีๆ  ก็ถือเป็นประสบการณ์ ผมก็อยากรู้ว่าการจะขอแค่วีซ่าท่องเที่ยวต้องให้มี statement ขนาดไหนถึงจะถูกใจเค้า  แต่ก็ตอนนี้ผมคงไม่ยื่นซ้ำแล้วครับ  รออารมณ์ดีกว่านี้ค่อยคิดวางแผนใหม่  แต่ช่วงเดือน ตุลานี้ผมก็วางแผนจะไปนิวซีแลนด์ประมาณสิบวันเหมือนกัน ก็คิดว่าจะไปกะแม่  หลาน(ปิดเทอมพอดี) แล้วผม  ก็ไม่รู้ว่าจะโดนปฏิเสธเหมือนที่สวิตอีกรึเปล่า

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้ข้อเสนอะแนะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มาแชร์กันด้วยครับ

payu

ตะกี้จะดู topic กระทู้ที่ตัวเองโพสต์หาตั้งนานไปอยู่หน้าหลังสุด (หน้า 23)

กระทู้ที่มีการโพสต์ล่าสุดน่าจะอยู่หน้าแรกนะครับคุณพอล 

ถ้าผมไม่โพสต์ก็นึกว่ากระทู้ล่าสุดอยู่หน้า 1  เลยคิดไปว่าไม่ค่อยมีคนเข้า  เพราะหน้า 1 เป็นกระทู้ที่โพสต์มาหลายวันแล้ว

ฝากเป็นข้อเสนอแนะนะครับ 

noi_geneve

ขอตอบคำถามก่อนนะคะ ที่ว่า
ผมก็อยากรู้ว่าการจะขอแค่วีซ่าท่องเที่ยวต้องให้มี statement ขนาดไหนถึงจะถูกใจเค้า
ถ้าพูดกันตามเอกสารของทางสถานทูตประกาศ คือ
Proof of sufficient personal funds for the duration of stay in the Schengen countries (ca. CHF 100.00 per day): bank statement/s for the last six months;

นั่นหมายความว่า จะต้องมีเงินหลังจากหักค่าเช่าที่พักและค่าเดินทาง = 64,000 (100*32*10*2)
ซึ่งเงินที่คุณมีอยู่ก็น่าจะไม่มีปัญหา

ไม่ทราบคุณได้ขอหนังสือรับรองเงินฝากไปให้สถานทูตหรือเปล่า ถ้าให้ไป ขอแนะนำว่าให้ยื่นอุทรณ์จะดีกว่ามั้ย
เสียดายค่าใช้จ่ายที่เสียไปแล้วน่ะ ลองถามดูให้รู้แน่ๆ ไปเลยว่าไอ้ที่ประกาศไว้ตามลิ้งค์ (พิมพ์แนบไปให้เค้าดูเลย
เผื่อว่าเค้าจะลืมว่าประกาศอะไรไว้)

http://www.eda.admin.ch/etc/medialib/downloads/edactr/tha.Par.0272.File.tmp/tourism_en%20Schengen.pdf
มันหมายความว่าอย่างไร

ทางเลือกอื่นคือ
1.ไปกับบริษัททัวร์ก็ดีนะ 10 วันไปได้ตั้ง 3 ประเทศ ไม่ต้องหาที่พัก การเดินทาง อาหาร สบายๆ แล้วก็ไม่ต้องไป
เปิดแผนที่ ได้ไปที่ๆ สวยๆ บริษัทจัดการเรื่องวีซ่าให้ทั้งหมด
2. ไปขอวีซ่าที่อื่นที่อยู่ในกลุ่มแชงเก้นเช่น เบลเยี่ยม (เห็นเค้าว่าของ่ายกัน) แล้วก็เข้าสวิสได้ด้วย

จากประสบการณ์การขอวีซ่าไปสวิส
ขอบอกว่าน่าเบื่อมากๆๆๆๆ ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์ที่สุดแสนจะกวน...
ไปขอครั้งแรกก็ไม่ผ่านเหมือนกัน แต่ครั้งนั้น
ขอเป็น business visa เนื่องจากจะไปช่วยเพื่อนทำงาน ไม่ได้โชว์ statement
ขอครั้งที่สองเป็น tourist visa ขอไป 30 วัน ได้มา 31 วัน ด้วย statement ประมาณ 6 ล้านบาท
แต่เห็นบางคนมีเงินในบัญชี อยู่ 20,000 ยังไปได้ 3 เดือนก็มี
เอ่อ สรุปว่า แล้วแต่อารมณ์ท่าน ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวแน่นอน อย่าไปเสียอารมณ์เลยใจเย็นๆ
ขอให้โชคดี ค่ะ

payu

ขอบคุณครับคุณ noi_geneve   

ผมได้ยื่นขอ bank garantee จากธนาคารแล้ว แต่ได้เอกสารรับรองจากแบงค์ไม่ทันเพราะจะได้ในวันอื่น ได้แต่ statement แต่ผมก็ถามเจ้าหน้าที่สถานทูตนะว่าจะต้องใช้ bank  garantee เพิ่มมั้ย เค้าบอกไม่ต้อง (คงเพราะยังไงเค้าก็ไม่ให้ผ่าน)

แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ผมคงหยุดความพยายามที่จะไปยื่นที่นี่แล้ว  เพียงแต่จะได้เอาประสบการณ์ไปใช้กับการยื่นวีซ่าที่อื่น ถ้าจะให้ต้องเสียค่าเครื่องบินไปกลับไปยื่นวีซ่าที่นี่อีกรอบคงไม่แล้วครับ  ช่วง summer นี้ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะไปที่ไหนดี สงสัยต้องหาข้อมูลประเทศอื่นอีกรอบ

payu

ถามอีกนิดนึงครับคุณ  noi_geneve

ที่ว่า "นั่นหมายความว่า จะต้องมีเงินหลังจากหักค่าเช่าที่พักและค่าเดินทาง = 64,000 (100*32*10*2)
ซึ่งเงินที่คุณมีอยู่ก็น่าจะไม่มีปัญหา"  <<  หมายถึงเงินที่เรามีทั้งหมดแล้วเค้าหักค่าเดินทางค่าที่พักตลอดเวลาที่พักต้องเหลืออย่างน้อย 64,000 หรือ ว่าต้องมีเงินอย่างน้อยในบัญชี 64,000 โดยยังไม่ได้คิดค่าตั๋วเครื่องบิน 

แล้วถ้าหากเป็นเงินที่เหลือหลังจากหักค่าที่พักค่าเดินทาง จำนวนตัวเลขค่าที่พักค่าเดินทางเค้าเอามาจากไหนมาหักลบครับ  ขอบคุณอีกครั้งครับ

noi_geneve

ตามความเห็นของพี่(ขอเรียกแทนตัวเองว่าพี่นะคะ)เข้าใจว่า
เงินที่เรามีทั้งหมดแล้วเค้าหักค่าเดินทางค่าที่พักตลอดเวลาที่พักต้องเหลืออย่างน้อย 64,000
เค้าคงจะประมาณการค่าตั๋วเครื่องบิน สำหรับ 2 คน (ตามใบจองตั๋วเครื่องบิน)
ค่าที่พัก (เค้าคงดูในใบจองที่พัก)
ค่าเดินทางในประเทศ เช่นค่ารถไฟ swiss pass เป็นต้น(อันนี้ไม่รู้เท่าไหร่ลองหาข้อมูลดูนะ)
แล้วยังมีเงินคงเหลือสำหรับค่าอาหารและอื่นๆ คนละ 100 chf ต่อคนต่อวันน่ะค่ะ
แต่เท่าที่คำนวนคร่าวๆ แล้วเงินที่คุณมีในบัญชีน่าจะเหลือเฟือ

จากคำถามที่่ว่า
จำนวนตัวเลขค่าที่พักค่าเดินทางเค้าเอามาจากไหนมาหักลบครับ 
พี่เข้าใจว่าเค้าคงดูจากใบจอง ต่างๆ เช่น ใบจองตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก ที่ยื่นให้เค้าไป

ไม่ทราบว่าได้เขียนแผนการเดินทางให้เค้าไปหรือเปล่า เช่น
ออกเดินทางจากกรุงเทพ ถึงสวิสเข้าพักที่ไหน เดินทางไปเที่ยวที่ไหนบ้าง อะไรประมาณนี้
เห็นบางคนเค้าทำกัน

ทั้งนี้ทั้งนั้นจากประสบการณ์ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้าหน้าที่ (ความเห็นส่วนตัวนะ)
ตอนที่พี่ไปขอครั้งล่าสุด ขนโฉนดที่ดินไปให้ดูเลย แต่กลับไม่เอาแฮะ แต่ได้ยินสถานฑูตเยอรมัน
ขอดูโฉนดที่ดินด้วยอ่ะ
ตอนสัมภาษณ์เค้าถามว่ารู้จักกับเพื่อนสวิสคนนี้ได้อย่างไร พี่ก็บอกว่ารู้จักจากเพื่อนของพี่อีกที
เจ้าหน้าที่ขอให้พี่ถ่ายหน้า visa ของเพื่อนพี่ที่เป็นคนไทย ที่ได้ไปสวิสมาให้เค้า ซึ่งมันเป็น
visa เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว โชคดีนะที่เพื่อนพี่คนนี้เค้าอยู่เมืองไทย ดูมันทำ
เคยคิดเหมือนคุณเหมือนกันว่าจะไม่ไปมันอีกแล้วสถานฑูตนี้ แต่คิดอีกที เรื่องอะไรต้องยอมแพ้

บางครั้งคิดนะว่า วันหนึ่งๆ ถ้าสถานฑูตปฏิเสทวีซ่าสัก 10 คน แล้วพวกเค้าต้องกลับมาขอใหม่
ต้องเสียเงินอีกรอบ รายได้ คูณ 10 เป็นรายได้ที่ไม่เลวเลยนะ
อีกอย่าง ประชาชนคนเสียภาษีให้รัฐ เพื่อจ้างเจ้าหน้าที่พูดจา...ไม่รับประทานแบบนี้มันยุติธรรม
แล้วหรือ บางทียังคิดว่าพูดดีๆ กันไม่เป็นหรือไง ยิ่งคิดยิ่งฉุน นี่อีกไม่กี่วันก็ต้องไปขอ visitor
visa อีกแล้วไม่รู้จะควบคุมอารมณ์ ไม่ให้ทุบกระจกเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่ได้หรือไม่
พี่อาจจะได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่เลย ฐานเตะเจ้าหน้าที่สถานฑูตคอหักตาย

ถ้าตัดใจไม่กลับไปยื่นอุทรณ์แล้ว พี่ว่าไปกับทัวร์ดีกว่า หาทัวร์ดีๆ ราคา แสนต้นๆ มีอาหารทุกมื้อ
มีไกด์พาไป มีที่พักให้ ดีกว่าเยอะเลย เที่ยว อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส ก็ดี เหมา 3 ประเทศเลย พี่ไป
มาแล้วสนุกดี สบายด้วย วีซ่าก็ไม่ต้องไปนั่งขอนั่งสัมภาษณ์ให้เสียอารมณ์

อ้าว ระบายซะยาว มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะยินดีตอบค่ะ


payu

เรื่องวางแผนท่องเที่ยวว่าไปวันไหนกลับวันไหน  แล้ววันไหนจะไปไหนพักที่ไหนบ้าง ก็เขียนให้หมดเลย (พิมพ์แล้วปริ้นท์) ใบจองเครื่องบิน  ใบจองที่พักทุกวันก็มีให้   เค้าบอกอย่างเดียวว่า statement ไม่ stable  อาจจะเป็นเพราะผมโอนเงินไปซื้อหุ้น พอขายออกบางทีก็โอนกลับเข้าบัญชี (เงินเข้าๆออกๆมันดูเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เข้าใจจริงๆ  ??? ) จะพูดก็พูดยุ่งยากยิ่งกว่ากู้เงินซื้อบ้านซื้อรถอีก  ไม่คิดว่าไปเที่ยวแค่ 10 มันจะอะไรขนาดนี้  ถ้ารู้แบบนี้ผมคงยื่นวีซ่าไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า คงไม่ขึ้นมาทำให้เสียเวลา

อีกอย่างไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ในช่อง 1-4 ที่เราไปยื่นเอกสารแล้วนั่งรอเรียกชื่อเค้าเป็นคนตัดสินหรือเปล่าว่าให้ใครผ่านหรือไม่ผ่าน หรือต้องผ่านความเห็นของหัวหน้าที่เป็นฝรั่งอีกที   เพราะผมเคยถามดค้าไปตรงๆ แต่เค้าไม่ให้คำตอบชัดเจน

nidnid

ไม่ลองทำบัญชีให้มันเข้าออกมั่นคงไปเลย ;D ;D เพราะเหตุผลเจ้าหน้าที่บอกแค่นั้น  ;D บางทีมันก็แล้วแต่อารมณ์เจ้าหน้าที่ (หรือเปล่าไม่รู้) :'( :'(
ไปกับทัวร์ก็ดีนะคะ อาจจะทัวร์แบบชะโงกหน่อย ก็ดีกว่าต้องเสียเวลามาทำวีซ่าเอง โชคดีนะคะ

payu

ขอบคุณคุณ noi_geneve และ คุณ pan ครับสำหรับคำแนะนำ

จริงๆ จ.ที่ผมอยู่ มีคนสวิสคนนึงมาเที่ยว อยู่เมืองไทยทีนึง 3 เดือน เท่าที่ผมเคยรู้จักและคุยกับเค้าเค้าก็พูดคุยดีมาก แล้วก็เห็นหลายคนที่เคยไปเที่ยวเองบอกคนที่นั่นค่อนข้างมีน้ำใจ(ไม่รู้จริงปล่าวนะ) แต่พอเจอสถานทูตแบบนี้มันก็เสียความรู้สึกไปหน่อย ถ้าหลายท่านที่อยู่หรือเคยอยู่สวิสยืนยันว่าเมืองสวิสคนที่นั่นไม่ได้เลวร้ายและ strongly recommend จริงๆ   รอมีโอกาสผมอาจจะยื่นใหม่อีกครั้งแต่ก็อาจจะปีหน้าหรือปีถัดๆไป เพราะ summer นี้หมดอารมณ์ไปยื่นที่นี่แล้ว  คงไปแถวใกล้ๆอย่างญี่ปุ่น     ส่วน ตค.ก็กะจะวางแผนไปนิวซีแลนด์ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ(เห็นว่ากำลังงามช่วงนั้น  ;D) ได้แต่หวังว่าที่ญี่ปุ่นที่นิวซีแลนด์การยื่นวีซ่าคงไม่ยุ่งยากแล้วก็เรื่องมากขนาดนี้


 

noi_geneve

เข้าใจคุณ payu ค่ะเรื่อง visa เพราะเมื่อครั้งแรกที่โดนปฏิเสธ ก็มีความรู้สึกเดียวกันเลย
จนทุกวันนี้ยังแหยงไม่หาย
ส่วนผู้คนสวิสทั้งที่ในประเทศเค้าเองและที่เข้ามาเที่ยวมาอยู่ในประเทศไทยจากประสบการณ์
ส่วนตัวพวกเค้าเป็นคนดี ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ เพื่อนสวิสหลายๆคนที่รู้เรื่องราวการขอ visa ของ
พี่ต่างยินดีที่จะช่วยเหลือหากมีปัญหา ก็ต้องรอดูวีซ่าครั้งต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แล้วจะมาเล่า
ให้ฟัง
ในส่วนตัวคิดว่า ประเทศสวิสเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวแต่ไม่น่าอยู่นานๆ เนื่องจากว่าค่าครองชีพ
สูงมาก อากาศก็ไม่คุ้น อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านเรา ถ้าคิดไปเที่ยว 10 วันก็จะรู้สึกเบื่อแล้วหล่ะ

คนในประเทศสวิส ไม่เหมือนคนในสถานฑูตสวิสประจำประเทศไทยหรอก แม้แต่ immigration ของสวิสเองก็ใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส(เท่าที่เจอกับตัวเอง)
ถ้าผ่านด่าน visa ไปได้ก็ไม่มีอะไรให้ปวดกะโหลก ว่างั้นเถอะ
ถ้าจะให้แนะนำคือ ไปกับทัวร์ก่อนเพื่อที่จะได้มีประวัติการขอวีซ่ามาแล้ว แล้วการเที่ยวครั้งต่อๆไป
ค่อยไปขอเองน่าจะดีกว่า

หวังว่า เวลาจะช่วยให้คุณ  payu มีความรู้สึกดีขึ้น  อย่าไปเครียดเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ
ช่วงนี้ก็เที่ยวในประเทศไทยดีกว่า ช่วยเศรษฐกิจชาติด้วย อาหารก็อร่อย ราคาไม่แพงเนอะ
ไทยช่วยไทยตามนโยบายรัฐฯ

ขอให้โชคดีค่ะ

payu

จริงๆที่ทำให้เสียอารมณ์ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ  ผมขึ้นมาวันพุธนัดไว้วันนั้นน่ะตอน 10 โมงกว่า  ตอนยื่นเค้าบอก statememt ไม่ผ่าน  ผมก็ถามทำไมไม่ผ่าน จะต้องโชว์ยอดเท่าไหร่ เค้าบอกเค้าตอบให้ไม่ได้(คงไม่อยากบอกข้อมูลมากกว่า)เราก็เอาเอกสารต่างๆกลับมา แล้วดูอืมสงสัยจะไม่ผ่านที่ถ่ายสำเนาจากสมุดบัญชี บางเดือนไม่ได้เอาสมุดไปปรับอาจจะมีบางเดือนที่มันโดดไป วันนั้นก็โทรไปนัดใหม่(ได้คิวในวันถัดมา)ได้มา 9 โมงกว่าด้วยสิ แล้วตอนเช้าก็อุส่าห์นั่งรถมาไกลอีกรอบจากที่พักบ้านญาติแถวๆดอนเมืองไปแบงค์กรุงเทพสำนักงานใหญ่สีลมเลย(เพราะสาขาอื่นเค้าไม่ออก statement ของต่างจังหวัดให้) ได้ statementใหม่มา ก็จับรถไฟฟ้าไปต่อที่สถานทูต เหนื่อยมากต้องรีบไปให้ทันเวลา ถึงเวลายื่นมันก็พูดเหมือนเดิม นึกในใจอะไรวะอุส่าห์ไปขอ statement ใหม่ให้มันโชว์เงินเข้าออกทุกเดือนแล้วมันยังบอกไม่ผ่านอีก เลยพูดกับมันไปว่าเสียเวลามามากแล้วเนี่ย วันที่มายื่นใหม่ตอนเช้าวันพฤหัสเราก็ต้องโทรไปบอกปิดคลินิกไปทั้งวันเลย นัดคนไข้ไว้ก็หลายคน เครื่องบินที่อุส่าห์ออกตั๋วจะกลับตอน 8 โมงเช้าก็เสียทิ้งไปฟรีๆ(เพราะคิดว่ามาทำวันแรกวันเดียวก็คงเรียบร้อย) แล้วต้องไปโทรซื้อตั๋วใหม่อีกรอบเย็นวันนั้น  มาเจอคำพูดเหมือนเดิมเซ็งเลย  นึกในใจไหนๆก็ไหนๆแล้วยื่นมันไปเลยเพราะเกียจเสียเวลาแล้ว ผลสุดท้ายก็ไม่ผ่าน (ให้ญาติไปรับแทนแล้วโทรมาบอก) ไม่ได้เสียดายที่ไม่ได้ไปเที่ยวนะ แต่ผิดหวังจริงๆที่มันให้เหตุผลไม่ผ่านวีซ่าเพียงแค่นั้น

บ่นมาซะนาน  ;D  จบแค่นี้พอละกันครับ   คุณ noi_geneve เดี๋ยวผมจะรอติดตามข่าวหน้าหนึ่งพาดหัวข่าวผู้ยื่นวีซ่าทุบกระจกทำร้ายเจ้าหน้าที่สถานทูตละกันครับ (ล้อเล่นน่ะครับ)  โชคดีนะพี่  :D

ladypatth

มาเป็นกำลังใจให้คุณหมอคะ ไม่เป็นไร ถ้าประเทศเค้าไม่อยากได้เงินของเรา เชิดใส่...ไปเที่ยวที่อื่นก็ได้นะคะ  อาจจะไม่ใช่วันของเรา วันหน้าค่อยว่ากันใหม่ คะ สู้ ๆนะคะคุณหมอ