รบกวนเรื่องวีซ่าท่องเที่ยวกับเยี่ยมเยียนค่ะ

Previous topic - Next topic

tammy

หนูเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ที่ออสเตรียอ่ะคะ แล้วหนูจะกลับไปเยียม โฮสแฟมมิลี่ที่เวียนนาปีละ สองครั้ง  พอดีหนูมีแฟนเป็นคนสวิสอ่ะคะ  รู้จักกันปีกว่าๆ เวลาหนูไปเยี่ยมครอบครัวที่ออสเตรียที่ไร หนูก็จะใช้วีซ่าเช้งเก็นของหนูไปเยี่ยมเขาด้วย ยังไม่เคยมีประสบการณ์การขอวีซ่าของสวิสเลยคะ เลยอยากลองดู

ที่นี่หนูเลยอยากถามว่า ถ้าหนูจะทำวีซ่าไปเยี่ยมแฟนที่สวิสเลยอ่ะคะ หนูควรทำวีซ่าแบบไหน ระหว่างท่องเที่ยว กับเยี่ยมเยียน โดยที่หนูจะอาศัยอยู่บ้านเขาแต่ คุณพ่อคุณแม่หนูจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง มันก็เหมือนหนูต้องขอวีซ่า ท่องเที่ยวใช่ไหมคะ แล้วหนูต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง แล้วแฟนหนูต้องยืนเอกสารอะไรบ้าง
แล้วยังต้องยืนบัญชีของแฟนไหมคะ แฟนหนูค่อนข้างจนอ่ะคะ(พูดกันตรงๆเลยนะคะ) เขาทำงานขับรถส่งของเองอ่ะคะ เงินเดือนไม่กี่พันฟรังกเค้น แล้วเงินเก็บก็น้อยมาก หนูกลัวว่าถ้ายื่นไปแล้วจะไม่ผ่านเอา
เขาก็ค่อนข้างกลัวเรื่องทำเอกสารต่างๆด้วยอ่ะคะ  เขาจะมาไทยเดือนกุมภาหน้านี้ หนูกะว่าถ้าเราเริ่มจริงจังกันมากขึ้นหนูจะให้เขาย้ายมอยู่ไทย มาหางานทำที่ไทยเลย เพราะเขาเคยบอกว่า ถ้าอยู่สวิสกัน เขาคงเลี้ยงหนูไม่ไหว55 น่าสงสารเขาคะ

ขอรบกวนป้าพอลด้วยนะคะ

pall

สวัสดีค่ะ คุณtammy
ข้อมูลของผู้มีประสบการณ์อาจเป็นประโยชน์กับคุณบ้างไม่มากก็น้อย
http://www.pallswiss.com/boards/index.php/topic,2479.15.html

Quote from: Ola on October 31, 2008, 01:26:31 PM
ขอวีซ่าครั้งแรกเหมือนกันค่ะ ขอแบบ tourist ตอนขอก็ขอแค่ 15 วัน แต่ได้มา 90 วัน ใช้เวลารอผล 2 วัน แต่เตรียมเอกสารอยู่ประมาณ 1 เดือน ตอนไปสัมภาษณ์ก็เอาไปหมดเลยทั้งสำเนาและตัวจริง เล่าคร่าวๆนะคะ เผื่อว่าคนที่กำลังจะไปขอหรือคนที่ขอแล้วไม่ผ่านจะได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ตอนแรกแฟน (เป็นคนสวิสค่ะ) จะเป็นคนการันตี แต่ด้วยความที่เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว แถมการติดต่อก็ใช้ระยะเวลาไม่นาน คือ คบกันแค่ 4 - 5 เดือน ก็กลัวว่าน้ำหนักไม่เพียงพอกับสถานทูต แฟนเป็นอาจารย์ค่ะ เงินเดือนและความมั่นคงอยู่ในขั้นดีเลยทีเดียว แต่อย่างที่บอกคือเวลาที่คบกันยังเป็นจุดอ่อนกับทางสถานทูต เลยไม่เสี่ยงดีกว่า เพราะถ้าให้แฟนการันตี ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการอย่างน้อย 2 เดือน รอกันไปรอกันมา หรือถ้าขอวีซ่าแบบนักเรียนก็ต้องรอถึง 3 เดือนอีกเหมือนกัน เลยตัดสินใจขอให้คุณแม่เป็นคนการันตี โชคดีที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ เรียนปริญญาโท ที่ธรรมศาสตร์ค่ะ ก็ขอหนังสือรับรองสภาพนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย รวมทั้งหางานทำด้วยค่ะ ก็เพิ่งทำได้แค่เดือนเดียว แต่ก็ขอหนังสือรับรองได้แล้วว่าเรามีงานทำจริง มีสลิปเงินเดือนด้วย เอกสารที่เอาไปวันสัมภาษณ์นะคะ
1.  เอกสารของตัวเอง
- พาสปอร์ต ตัวจริงพร้อมสำเนา
- สำเนาบัตรประชาชน + ทะเบียนบ้าน ถ่ายสำเนาติดหน้าที่เป็นรายละเอียดของแม่ไปด้วย
- หนังสือรับรองสภาพนักศึกษา
- หนังสือรับรองการทำงาน ระบุวันเริ่มงาน เงินเดือน และวันลา
- สลิปเงินเดือน ตัวจริงพร้อมสำเนา
- รูปถ่ายขนาดเท่ารูปในพาสปอร์ต 1 รูป ติดรูปในใบสมัครไปเลย แต่ก็ไม่ลืมที่จะเขียนชื่อ - เลขที่พาสปอร์ตหลังรูปถ่าย
- สมุดบัญชีที่มียอดเงินเดือน อันนี้แอบเอาติดตัวไปด้วยเผื่อเค้าขอดู
2.  เอกสารของแม่ (คนการันตี)
- สำเนาบัตรประชาชน + ทะเบียนบ้าน ชื่อของแม่ไปเป็นเจ้าบ้านอีกหลังนึง เพิ่งย้ายไป
- สำเนาบัตรข้าราชการของแม่
- สมุดบัญชี ตัวจริง + สำเนา
- หนังสือแสดงความจำนงขอสนับสนุนด้านการเงิน เขียนเป็นภาษาไทยได้ค่ะ เพราะดำเนินเรื่องในเมืองไทย
3.  เอกสารของคนเชิญ
เนื่องจากเดินทางคนเดียว เป็นผู้หญิงด้วย ดูไม่น่าเอาตัวรอดได้ในต่างเมือง ดังนั้น ควรจะมีคนรู้จักที่โน่นเชิญมาค่ะ คนไทยดีที่สุดค่ะ แฟนก็ไปขอให้เพื่อนคนไทยเป็นคนเชิญ
- จดหมายเชิญ ระบุชื่อเรา เลขที่พาสปอร์ต ระยะเวลาที่พักที่โน่น และเหตุผลที่เชิญ
- สำเนาพาสปอร์ต + สำเนา ID card
4.  เอกสารของโรงแรม
แหม ก็ขอวีซ่าท่องเที่ยวนี่ค่ะ ก็ต้องมีทำเอกสารประมาณมีแผนจะมาเที่ยว
- เอกสารการจองเที่ยวบิน ตอนแรกเอเจนท์ออกเป็น business class ให้ เราก็จะบร้าเหรอ ถ้าสถานทูตสังเกตุก็แย่สิ ดิชั้นไม่ได้มีงบมากมายนะคะ
- เอกสารการจองโรงแรมทุกเมืองที่ทำแผนว่าจะไปค่ะ เวลาครอบคลุม
- เอกสารการจอง swiss pass ประมาณว่าเดินทางจากเมืองนี้ไปเมืองโน้นด้วยรถไฟ
- travel plan ระบุว่าวันนี้จะไปเที่ยวเมืองนี้ วันถัดไปจะเที่ยวที่นี่ ถัดไปจะเที่ยวที่นั่น ระบุโรงแรมที่พักในแต่ละเมืองชัดเจนคะ
5.  แบบฟอร์มขอวีซ่าที่กรอกและปริ้นท์มาอย่างสวยงาม

ก็แจงเรื่องเอกสารให้แฟนฟัง แฟนบอก you so crazy แต่พอผลวีซ่าออกมาว่าได้ 90 วัน แฟนบอก great job ไหมล่ะ
ก่อนวันสัมภาษณ์ก็โทรไปนัดล่วงหน้าสักประมาณ 1 อาทิตย์ ไม่มีอะไรเร่งด่วนและเรามีเวลาเตรียมตัวด้วย ก็ได้คิวเช้าสุดคนแรกเลย ก่อนไปก็เตรียมตัวนิดหน่อย แต่งตัวเรียบร้อย แล้วก็ถ่ายเอกสารทั้งหมดเก็บไว้ด้วย เผื่อคุณแฟนใจดีพาไปเยอรมัน จะได้ไปขอวีซ่าเยอรมันด้วย
ตอนสัมภาษณ์ก็มั่นใจว่าเอกสารเราพร้อม ต้องได้วีซ่าแน่นอน แต่ได้กี่วันนั่นแหละที่ลุ้นอยู่ แล้วก็ขอไปไม่มากด้วย แค่ 15 วัน นักท่องเที่ยวชัดๆ คุณพี่ฝรั่งที่สัมภาษณ์ก็ไม่ถามอะไรมาก
- ไปทำไม
- ไปเที่ยวค่ะ
- ใครออกค่าใช้จ่าย
- แม่ค่ะ
- ขอดูเอกสารของแม่ด้วย
- เราก็เอาสมุดบัญชีของแม่ให้ไป พลิกดูประมาณ 5 ครั้ง
- พักที่ไหน ที่นี่หรือเปล่า พลางชี้ไปที่จดหมายเชิญ
- เปล่าค่ะ จองโรงแรมไว้แล้ว คุณพี่ก็พลิกๆ booking โรงแรมแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ ดูเวลาที่ book ไว้แล้วก็พูดคนเดียวงึมงำๆ แล้วก็ไล่ให้ไปนั่งรอ สักพักก็เรียกไปอีก คราวนี้เป็นคนไทย สัมภาษณ์เวอร์ชั่นภาษาไทยเสียงเครียดเชียว
- เป็นนักศึกษาเหรอ ไหนวันที่มหาลัยระบุว่าปิดเทอม
- ค่ะ แต่ไม่มีคอร์สเวอร์คแล้ว รอสอบกับ thesis แล้วก็ทำหน้างง ประมาณว่าซวยแล้ว ต้องไปขอเอกสารจากมหาลัยใหม่แหงๆ ก็มหาลัยเค้าออกให้มาอย่างนี้นี่ จะให้ทำไง
- ทำงานรึเปล่า
- ทำค่ะ
- ไหนใบรับรองจากที่ทำงาน
- นี่ค่ะ มีระบุเวลาที่ลางานเรียบร้อย คิดในใจทำไมไม่ดูให้ดีก่อนมาเม้งชั้นเนี่ย แล้วก็ถูกไล่ให้ไปนั่งรออีกรอบ สักพักก็เรียกไปอีก คุณพี่ฝรั่งคนเดิม
- กับคนนี้เป็นอะไรกัน (พี่ที่เขียนจดหมายเชิญ)
- เป็นเพื่อนของพี่สาวค่ะ แต่ก็ไม่ได้พักกับเขานะค่ะ ย้ำมันเข้าไปเพื่อความมั่นใจ
จากนั้นเค้าก็พลิกดูพาสปอร์ตประมาณ 10 ครั้ง โชคดีที่ไม่ได้ออกนอกประเทศครั้งแรก เคยไปเวียดนาม กับฮ่องกงกับเพื่อนมาแล้ว ก็พอจะเนียนเป็นนักท่องเที่ยวได้ หลังจากนั้นเค้าก็ให้ใบนัดมา อ้อ เค้ายึดสมุดบัญชีแม่ไปด้วย 2 วันถัดมาก็ได้คืนพร้อมพาสปอร์ต ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี กระบวนการก็ไม่ยุ่งยาก
คือ อยากให้เราเตรียมเอกสารให้พร้อม แล้วก็เห็นใจสถานทูตนิดนึง ว่าเรามีจุดด้อยตรงไหน ทำไมเค้าถึงไม่ให้วีซ่า สถานทูตก็พยายามจะช่วยเหลือเราเต็มที่อยู่แล้ว เค้าก็ไม่อยากให้เราเกิดปัญหาตอนที่ไปถึงที่โน่น มันก็เลยค่อนข้างยากที่เค้าจะให้วีซ่า แต่เราๆท่านๆชอบคิดแต่ว่า ชั้นอยากไป ชั้นจะไป สถานทูตใจร้าย ทำไมไม่ให้วีซ่า แล้วก็ตะบี้ตะบันขอมันเข้าไป ครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งที่ 2 อุทธรณ์ วัดดวงกันอย่างเดียว โดยไม่เตรียมพร้อม พอไม่ได้ก็เสียใจ ก็ลองเตรียมเอกสารดูนะคะ แล้วก็ให้ครอบครัวการันตีดีกว่าให้แฟนการันตีค่ะ เพราะว่ายังไงก็พ่อ - แม่เรา ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว ถ้าแฟนมันไม่มีอะไรการันตีสถานทูตได้ว่า ถ้าเกิดทะเลาะกันที่โน่น เค้าจับเราโยนออกมา คราวนี้ก็แย่เลย ใครจะช่วยเรา สาธยายมายืดยาว เอาเป็นว่า ลองดูนะคะ เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับใครหลายๆคน