ตอน12           

                <<<< สภาพแวดล้อม........ข้อมูลทั่วๆไปของสวิตเซอร์แลนด์ >>>>

 

ภูมิอากาศ ,ฤดู

ในสวิตเซอร์แลนด์มีอากาศแตกต่างกว่ากันมากไม่เหมือนกันทั่วทั้งประเทศ เนื่องจากมีภูมิประเทศที่แตกต่างกว่ากันหลายๆแห่ง จากเทือกเขาที่ล้อมรอบ จากทะเลสาบ ได้รับ อิทธิพลจากความชื้น จะมีลมหนาวเย็นจากขั้วโลกเหนือพัดผ่านมาทางทิศเหนือผ่านจากเทือกเขาAlp  และลมอุ่นมาจากทางทิศใต้เพราะอยู่ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ภาคใต้จะมีอากาศอบอุ่นมาก บางแห่งในสวิตเซอร์แลนด์อุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาวจะแตกต่างกันมาก
ฤดู  ของสวิตเซอร์แลนด์มี
4 ฤดูเหมือนๆกับประเทศยุโรปทั่วๆไป

 

Fruehling ฤดูใบไม้ผลิ

  Rote Felse-Primel   Enzian

จะเริ่มวันที่  21  เดือนมีนาคม  อากาศช่วงนี้ยังหนาวอยู่.....ใครคิดจะมาใส่สายเดี่ยวอยากโชว์รูปร่างขอเตือนควรจะแต่งกายให้รัดกุมหน่อย  จะเจ็บป่วยกันมากถ้าไม่ระวังดูแลรักษาสุขภาพเพราะจะเสี่ยงต่อการเป็นไข้หวัดได้ง่ายๆ (Grippe)  ฤดูนี้เป็นฤดูที่สวยที่สุดในฤดูทั้งหมด  ดอกไม้ต่างๆจะเริ่มผลิบานเต็มไปหมด   พวกต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นต้นแอปเปิล ต้นพีชและอีกมากมายจะออกดอกบานสะพรั่งสวยงามมาก  ยิ่งขึ้นไปบนภูเขาจะเห็นดอกไม้ภูเขานาๆชนิดที่หาดูไม่ได้จากข้างล่างออกดอกแข่งกันสวยมาก  เหมือนเราเดินอยู่บนวิมานที่ปูพรมดอกไม้ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่ว.....ป้ากับลุงจะเริ่มตะลอนถือไม้เท้าหอบเป้ออกเดินบนภูเขาช่วงนี้  บางครั้งเดินสูงประมาณ 2000 เมตรเพื่อไปดูดอกไม้ภูเขาทุกปี  ดอกไม้พวกนี้จัดว่าเป็นพวกสมุนไพร  เอามาต้มทำชาดื่มและมาประกอบอาหาร  บางอย่างเขาหวงห้ามมากห้ามเด็ดเพราะมีน้อยแต่บางอย่างเราเอาลงมาได้

 

Sommer ฤดูร้อน

           

Maronen-Roehrling                                   Rotfuss-Roehrling

จะเริ่มวันที่ 21 เดือน มิถุนายน  อากาศช่วงนี้จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางครั้งฝนตกปรอยๆไปถึงตกหนักอาละวาดทำลายข้าวของเหมือนคนบางคนที่เก็บกดฉุนเฉียว   ฟ้าร้อง  ฟ้าแลบ  ฟ้าคำราม  คึกคะนองมากเหมือนผัวกับเมียละเหี่ยใจ  อากาศช่วงนี้จะร้อน บางครั้งร้อนมากพอๆกับบ้านเราร้อนจนแทบจะแก้ผ้าเดิน

คนที่นี่จะออกเที่ยวกันมากจะพากันแบกเป้เร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ  ส่วนมากจะพากันขึ้นเขาไปชมธรรมชาติเดินกันจนน่องโป่ง  และคนจะเริ่มออกป่าล่าเห็ดกันเป็นแถวๆ  ถ้าเข้าไปเดินในป่าจะเห็นคนเดินถือตะกร้ากันอย่าไปชี้ที่หัวหาว่าคนสวิสบ้า  หรือปัญญาไม่อยู่กับร่องกับรอยนะ  ที่เขาหิ้วตะกร้าเขาไปล่าเห็ดต่างหาก และหน้าร้อนเป็นฤดูที่คนชอบโชว์ความอึ๋มไม่ว่าสายเดี่ยวไม่เดี่ยวเกาะอก นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันมากและมาโชว์ความอึ๋มแข่งกับคนสวิส  ป้าชูป้ายยกธงขาวไม่สู้ ขืนไปเกาะอกแบบเขาลุงคงเอาซี่โครงเหน็บข้างฝาแน่ๆเพราะกับเมียแกไม่ชอบให้ทำทีคนอื่นแกชอบมากไม่รู้ว่าห้ามทำไมเพราะแกไม่ยอมเหลือบมามองป้าเลย

 

Herbst ฤดูใบไม้ล่วง

       

จะเริ่มเดือนวันที่ 23 กันยายน   ช่วงนี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ตอนกลางวันยังอุ่นอยู่แต่ตกตอนเย็นจะเริ่มหนาวเย็นแล้ว ต้องระวังให้มากนะจะเจ็บป่วยได้ง่ายๆควรจะแต่งกายให้รัดกุมมากอย่าไปโชว์ความอึ๋มจะเดี้ยงได้ง่ายๆ  ถ้าป่วยเป็นไข้หวัดแล้วจะรู้สึกเพราะถ้าป่วยหนักอาจจะตายได้ บางคนป่วยจับไข้เป็นเดือน

ช่วงนี้สวยมาก ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทอง  สีส้มอมแดง  ฤดูนี้ยังมีเห็ดอยู่คนสวิสก็ล่าเห็ดจนเข้าหน้าหนาวถึงหยุดเพราะหิมะเริ่มตกแล้ว  ป้าว่าช่วงนี้เป็นช่วงโรแมนติคปนเศร้า  ซึมเซามากยิ่งคนจะรู้สึกว้าเหว่บอกไม่ถูก   คนที่อยู่แบบคนเดียวช่วงนี้จะหงอยมาก คนแก่จะตายมากก็ช่วงนี้ใครไม่มาอยู่ไม่รู้หรอกว่าความเหงาเป็นอย่างไรความเหงาฆ่าคนเราได้นะ  ป้าสงสารคนแก่มาก แกจะนั่งทอดสายตาอันพร่าฟางมอง..ทอดมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายปลายทาง ทอดมองอย่างสิ้นหวัง......และเฝ้ารอคอยลูกหลานที่ไม่ค่อยจะมาเหลียวแลเท่าไร  ความสวยของฤดูนี้จะสวยอมเศร้าสวยแบบปลงตก  ใครไม่เชื่อลองมานั่งมองดูใบไม้ที่ค่อยล่วงหล่นลงพื้นดินแล้วจะคิดได้ว่าชีวิตคนเราแค่นี้เอง

 

Winter ฤดูหนาว

       

จะเริ่มวันที่ 22 เดือนธันวาคม ฤดูนี้พวกนักสกีและพวกเด็กๆรอคอยที่จะไปเล่นสกี และล้อเลื่อน เอาหิมะมาปั้นเป็นรูปต่างๆหิมะตกสวยงามมาก  แต่คนกวาดถนนและคนแก่ไม่ชอบเท่าไร  เราสังเกตได้เลยก่อนหิมะจะตกจะรู้สึกหนาวจัดเย็นมากและหิมะจะเริ่มตกตอนหิมะตกอากาศจะเริ่มอุ่น  การเดินช่วงหิมะตกเป็นช่วงที่เรารู้สึกดีมากเลยรู้สึกสดชื่นและทำให้นอนหลับได้ดี  แต่ถ้าหิมะตกหลายๆวันและหิมะเริ่มละลายนี่ต้องระวังมาก ถนนจะลื่นจับตัวเป็นน้ำแข็งถ้าเริ่มมาหนาวจัดลบต่ำกว่าศูนย์อีก  คนกวาดถนนและคนขับรถจะไม่ชอบเลยเพราะเป็นอันตรายมากรถจะชนกันมากช่วงนี้  คนที่น่าเห็นใจคือพวกที่ทำงานกวาดถนนบางครั้งตี4 ตี5 ต้องลุกมาทำงานโรยพวกก้อนกวดเศษหินเล็กๆที่คั่วให้ร้อนเอามาโรยถนน หรือใช้เกลือโรย

 

ประชากร

คนสวิส แต่ละภาคมีลักษณะนิสัยใจคอ รูปร่างหน้าตา และการทำงาน แตกต่างกันมาก คงเนื่องมาจากภูมิอากาศที่แตกต่างกัน การสืบสายพันธ์และสภาพแวดล้อมที่ติดกับพรมแดนเพื่อนบ้าน ถ้าคนช่างสังเกตถึงจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างดี

ภาคที่พูดภาษาสวิสเยอรมันเท่าที่เห็นค่อนข้างจะเงียบขรึม  เฉยเมย  ไว้ตัวนิดหน่อยที่เอ่ยมานี่ตัดลุงแกไป  อย่างแกมันพวกชอบซ่า  ช่างเจรจาจนลิงหลับ  ไม่ว่าไปภาคไหนแกไม่สนขอให้แกได้พูดเถอะบางครั้งอยากเอาพาสเตอร์ปิดปากแกมาก  ไม่พูดเปล่าแกไปติเขาด้วยแบบนี้เสี่ยงมากป้าไม่ห่วงแกหรอก  ห่วงอย่างเดี่ยวคือสะโพกที่เพิ่งเลาะเอาเลื่อยมาตัดออกมาได้ปีกว่าๆราคาลูกหินกลมๆที่ใส่ไว้ข้างในแพงมาก   นี่ขนาดประกันเจ็บป่วยช่วยจ่าย 90% ป้าจ่ายเองแค่ 10% หน้าชักจะดำแล้วเพราะหน้ามืดไง  ค่าผ่าเลาะสะโพก...ทั้งเชือด...ทั้งเฉือน...เอาทั้งเอาเลื่อย.....เอา.ค้อน  เอาขวานมาฟันมาฝาน...และเอาน๊อตมาเชื่อมกับกระดูกและสะโพกเทียมที่ทำด้วยเหล็กแพงมาก  เพราะอุปกรณ์เหล่านี้  made in switzerland  ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามาจากเมืองคนรวย( ป้าไม่เกี่ยวนะ)

และตอนนี้แกเพิ่งจะโดนหมอใช้ลูกโป่งขยายหลอดเลือดมา  ค่าตัวที่จะต้องบริจาคให้หมอยังไม่ได้จ่าย เลยดังนั้นจึงต้องถนอมแกหน่อย บอกได้เลยว่าค่าตัวแกแพงมากดีนะที่ไม่โดนอุ้มไปถอดชิ้นส่วนข้างในออกมา  เดือนธันวาแกจะไปเลาะหัวไหล่ให้หมอเขย่าหินปูนออกมาเส้นเอ็นหัวไหล่แกขาด 3 เส้นอีกแล้ว  ป้าเลยปลอบใจลุงว่าป้าไปให้หมอดูนั่งจับยาม  3  ตา.....บอกว่าแกจะมีอายุยืนถึง90ปีไม่น่าจะห่วงอะไรคนอย่างแกไม่ตายง่ายๆหรอก

ภาคที่พูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาอิตาเลี่ยน หน้าตาจะคมเข้ม  ขี้เล่นหน่อย  พูดจาเล่นหัวได้ไม่ต้องระวัง  ชอบยิ้มและมีความเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าดีหน่อย  การทำงานก็คล้ายพี่ไทยเราที่บอกว่าเทคอิทอีซี่.....แต่ว่าไปมันแล้วแต่คนด้วยนะ    คนภาคภาษาเยอรมันเท่าที่เห็นเป็นคนค่อนข้างซีเรียสไม่ค่อยเล่นหัวกับใครมาก จะทำงานกันหนักและขยันขันแข็งมากระหว่างทำงานต้องทำกันจริงจังห้ามพูดจนน้ำลายเป็นฟอง......ผิดกันราวฟ้ากับดิน....และการพูดจาเราต้องระวัง....คิดก่อนทำ...คิดก่อนพูด

 

อาหาร

คนสวิสยุคใหม่ชอบกินและลองกินมั่วไปหมดและกินได้หมด  จะเห็นร้านค้ามาเปิดเต็มไปหมด พวกร้านค้าจากอาเซียจากไทยแลนด์  เจ้าของรวยกันเป็นแถวๆ  ใครมาอยู่หรือมาเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่ต้องกลัวจะอดตายหรือหาหนังสืออ่านไม่ได้  ร้านค้าที่นี่มีขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ  ไม่หมือนรุ่นป้าหรอกช่วง 30 ปีที่แล้วต้องเอาเกลือมาทำเป็นน้ำปลาแทน  และข้าวต้องกระเดือกข้าวฝรั่งเม็ดปล้อมๆเข้าปากแข็งมาก  กว่าจะกระเดือกลงคอได้แต่ละทีน้ำลายแทบหมดปากเพราะข้าวมันแห้งมาก  มีแค่พริกที่มีขายไม่รู้หลงมาจากไหน

ว่าไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีวัฆนธรรมประสมประสานปนเปกันมาก  คงเป็นเพราะโดนเขาเลี้ยงต้อยมาตั้งหลายร้อยปีเลยเอาของเขามาดัดแปลงบ้างคิดเองบ้าง  และอาหารแต่ละภาคแต่ละท้องถิ่นจะแตกต่างกันออกไปคงจะเป็นอิทธิพลที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี

   

       

พวกPasta(Teigwaren) ที่ชอบทำเช่น Aelplermagronen (อาหารมีชื่อของสวิสใส่เนยราดครีมอ่อยมากจะมาบอกสูตรทีหลัง), Spaghetti  ต่างๆที่เรารู้จักกันดีเช่น Spaghetti Carbonara

 

มัน

มันที่นี่ มีชื่อเรียกและพันธ์แตกต่างกันมากมายหลายชนิด  แต่ละอย่างจะเอามาทำอาหารมาไม่เหมือนกันเช่น

พันธุ์นี้ชื่อ URGENTA      พันธุ์นี้ชื่อ BINTJE

มันพันธ์ URGENTA  เอามาทำเป็นสลัดมัน อร่อยมากพันธ์นี้จะมีลักษณะเหนียว  มันพันธ์ BINJE แบบนี้จะเอามาใช้ในการประกอบอาหารมากไม่ว่าจะเป็นมันผัด..มันที่เอามาขูดเป็นเส้นๆ ( Roesti) เป็นอาหารที่มีชื่อและคนสวิสกินมาก  ที่รองๆลงมาก็เป็นไส้กรอก  อาหารเนย  Polenta (ข้าวโพดป่นเอามาต้มกวนใส่เนยใส่เครื่องเทศกวนอร่อยมาก  ขนมปัง  เรียกว่ากินทุกอย่าง...........ที่ขวางหน้า

 

การกินอาหารชีวิตประจำวันแล้วแต่ครอบครัว  แต่ชาวสวิสทั่วๆไป

อาหารเช้า (Z'moergele)

ถ้าทำงานจะกินอย่างธรรมดา  เพราะต้องรีบไปทำงาน มี ขนมปังเป็นรูปต่างๆเนย  แยม  แค่นี้พอแล้ว

       

และที่ทำงานเขาจะมีเวลาสำหรับหยุดพักจะนานแค่ไหนแล้วแต่ที่ตัวเองทำงาน  แต่ธรรมดาแล้วจะประมาณ 10หรือ 15 นาที  จะเป็นช่วงประมาณ 9 โมงเช้า และช่วงบ่ายอีกช่วง ประมาฯ 15.00น(แล้วแต่ที่ทำงาน) ถ้าพวกเมียที่นอนตูดโด่งหรือนอนตะแคงอยู่ที่บ้าน หรือคนอื่นๆรวมทั้งคนจ๊าบน้อยทั้งหลาย  เขาจะมีการกินอาหารเพิ่มช่วงเวลาประมาณ 9.00น หรือ9โมงเช้า เราจะเรียกการกินอาหารพวกนี้ว่า ZNUENI (ซฺนูนนี่) เป็นอาหารว่างพวกน้ำชากาแฟ ขนมปังเนยเนื้อแฮมฯลฯ พวกเด็กๆที่ไปโรงเรียนเขาจะให้หยุดช่วงนี้ อาหารที่นำไปกินก็พวก ผลไม้ต่างๆ ขนมปัง เนย Sandwichฯลฯ น้ำดื่ม ZVIERI (ซฺเฟียรี่)  เป็นช่วงกินอาหารว่างเวลาประมาณ 16.00น หรือ4โมงเย็นเลยใช้ชื่อเรียกแบบนี้

 

อาหารกลางวัน (Mittagaesse)

   

จะหยุดพักประมาณ ตอน12.00น ช่วงนี้ บางคนกลับไปกินข้าวที่เมียทำให้กิน บางคนอาจจะกินอาหารที่ Kantine ( สถานที่ที่ทำงานมีไว้ให้คนทำงานมาร่วมกินอาหารด้วยกัน อาจจะเอาอาหารมาเองจากบ้านไม่ต้องซื้อกินเพื่อความประหยัด บางแห่งจะมีขายให้คนที่ขี้เกียจเอามาจากบ้าน หรือเมียตื่นไม่ทันทำอาหารมาให้กิน ช่วงนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม.บางแห่งอาจจะนานอีกนิดหน่อย

 

อาหารเย็น (Nachtaesse)

ส่วนมากจะทำอาหารง่ายๆแล้วแต่ไอเดียคนกินและคนทำ  บ้านป้าไอเดียได้อย่างเดียวคือมันฝรั่งผัดกับสลัด ลุงแกกินมันฝรั่งผัดแทบทุกวันจนหน้าแกยาวเป็นมันแล้ว  เรียกว่ามันฝรั่งที่แกปลูกตุนไว้ป้าเอามาทำเป็นมันผัดจนหมดสะต๊อค นี่แกไปสั่งที่บ้านชาวนาเพิ่มอีก200กก. บ้านป้าเป็นบ้านมันโดยเฉพาะ.....ไปซื้อที่บ้านชาวนาราคาจะถูกมาก

 

วันอาทิตย์

เป็นวันที่คนสวิสนอนตูดโด่งตะวันแยงตูดได้เพราะทำงานมาหนักคนเลยขี้เกียจอยากพักผ่อน  แต่บางคนก็ซ่าชอบเที่ยวเช่นลุงแกอยู่บ้านแล้วคลั่งมาก  วันนี้จะต้องตื่นแต่เช้ามืดฟาดอาหารเช้ายังไม่ทันจะลงท้องเลยต้องรีบไปเที่ยวเดินเขา   คนอื่นเขาตื่นกันร่วมเที่ยงวัน  ตื่นมาเขาจะกินอาหารเช้ากับอาหารกลางวันรวมกันไปเลย  วันนี้แม่บ้านตีปีกกันเลยได้พักผ่อน  เราเรียกอาหารแบบนี้ว่า Brunch จะมีอาหารไม่ว่าหมูแฮม ไข่ดาว อาหารซีเรี่ยว เนยแข็ง กาแฟและอีกมากมาย  ตอนนี้บ้านชาวนาหัวเส  ได้จักทำอาหารแบบนี้มาขายคนไปกินกันมากราคาไม่ถูกหรอก  การคิดราคาแต่ละแห่งไม่เท่ากัน  ตกประมาณ 20 สวิสฟรังก์หรือมากกว่าน้อยกว่านี้..แต่ที่ป้าไปเสียคนละ 23 สวิสฟรังก์  จะฟาดเท่าไรไม่มีใครว่าเขาจัดแบบบุพเฟ่  ยัดเข้าท้องมากเท่าไรเราได้กำไรวันนี้เราไม่ต้องอายคนหรอก  ลุงแกไปกินทีไรเจ้าของงานขาดทุนทุกที

ช่วงเย็น  วันนี้คนจะกินอาหารแบบง่ายมาก แค่กาแฟ ขนมปัง แยม แบบที่คนสวิสเรียกกันว่า Cafe complete หรือพวกสลัด

   

 

เครื่องดื่ม

   

คนสวิสดื่มเหมือนกับประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นน้ำชา  กาแฟ  น้ำเปล่า  เหล้าไวน์ขาวไวน์แดง และพวก Liquors ( Schnaps)เป็นเหล้าหวานรสแรงมากมีแอลกอฮอลก์สูงมากร่วม 40 %  ทำมาจากพวกผลไม้ เช่น Kirsch (ทำจากเชอรี่) , Pfluemli   และอีกมากมาย

 

การคมนาคม

ใครมาประเทศสวิตเซอร์แลนด์บ้านป้าไม่ต้องกลัวหลงทางหรือกลัวหาย ประเทศป้าเป็นประเทศที่เอื้ออำนวยความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวสวิสเป็นอย่างมาก ไม่รู้อะไรให้มาถามป้าเอ๊ยไปถาม Information แถว Banhnhof รับรองได้รับคำอธิบายอย่างดีที่สุด...บ้านป้าเสือสิงห์ไม่มี  ห้ามไปถามคนหน้าดำๆหรือเหลืองๆนะแบบนั้นไม่รับรองเพราะไม่ใช่คนสวิส อาจจะเป็นพวกหลงทางมาก็ได้

 

 

ทางรถไฟ

รถไฟ ( Zug,Bahn) บ้านป้าตอนนี้ตบแต่งสวยงามจ๊าบถูกใจโก๋สุดๆ  ขนาดการรถไฟประกาศว่าปลดคนงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย  แต่เห็นปรับปรุงโบกี้สวยมากจากรถไฟชั้นเดียวแต่ทำเป็น2ชั้นแล้ว หัวรถสวยมากทันสมัยมาก

   

        InterCityExpress รุ่นใหม่สุด

มีรถไฟหลายแบบในสวิตเซอร์แลนด์  Intercity, รถด่วน และรถช้าที่จอดทุกป้ายเล็กๆ  เมื่อเดินทางถึงสนามบิน Zurich นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้โดยสะดวก เพราะสถานีรถไฟอยู่ในชั้นใต้ดินของตัวอาคารสนามบินนั่นเอง

รถไฟที่นี่รักษาเวลาโดยไม่มีการคลาดเคลื่อนไปจากเวลาเดินรถที่แสดงไว้ รถไฟหลายสายมีตู้เสบียงที่มีอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้บริการด้วยชาวสวิสนิยมเดินทางด้วยรถไฟมากเพราะสะดวก สบาย ปลอดภัย และตรงต่อเวลา  คนที่นี่จะทำบัตรลดครึ่งราคาสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย  ตอนสมัยที่ป้ามาอยู่ใหม่ๆราคาถูกมากเสียปีละ 50 สวิสฟรังก์เท่านั้น ทำปีต่อปี  บัตรที่ทำเป็นบัตรมีรูปถ่ายติด  ลงวันเดือน  ปีที่ทำใหญ่โตเท่าฝ่ามือขนาดต้องพับครึ่ง  สำหรับคนมีลูกตั๋ว Family นี่เหมาะที่สุด สมัยนี้เป็นการ์ดพาสติกเล็กนิดเดียวมีรูปถ่ายติด ราคาตั๋วมี 3 แบบ

   

ตั๋ว   1     ปี    ราคา    150    สวิสฟรังก์
ตั๋ว   
2    ปี     ราคา    250    สวิสฟรังก์
ตั๋ว   
3    ปี     ราคา    350    สวิสฟรังก์

ตั๋วที่กล่าวมาสำหรับซื้อตั๋วในอัตราค่าโดยสารขึ้นอยู่กับจุดหมายที่จะไปโดยเสียแค่ 50% นอกจากตั๋วที่กล่าวมาเรายังมีตั๋วเป็นวันTageskarten  หาซื้อได้ตามสถานีทั่วไป การ์ดแบบนี้ใช้ได้แค่วันเดียวห้ามข้ามวันและเขาจะระบุวันที่ไว้  จะเดินทางไปไหนก็ได้ทั่วสวิตเซอร์แลนด์ จะแล่นเรือ ขึ้นรถเมล์ได้หมด  อย่าลืมว่าถ้าใช้ของการรถไฟจะต้องมีตั๋วลดครึ่งราคาเสมอ ไม่งั้นต้องจ่ายเต็มราคาแพงมาก    ถ้าเราไม่มีตั๋วลดครึ่งราคา  สามารถซื้อตั๋วอีกอย่างได้...........ตั๋วแบบนี้ทำขายแข่งกับการรถไฟและใช้ได้โดยไม่ต้องมีตั๋วปี(ตั๋วลดครึ่งราคา)  เหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าเหี่ยวและเดินทางสายรถไฟไม่บ่อยแบบนานๆถึงจะเดินทางที  ตั๋วแบบนี้หาซื้อได้ที่

http://www.freiefahrt.ch/freiefahrt.php

ให้กดตรงคำว่า Tageskarten   จะมีวันที่ให้เลือกว่าจะออกเดินทางวันไหน
หลังจากจ่ายเงินเขาจะส่งตั๋วมาทางไปรษณีย์ ราคาตั๋วแค่ 
33  สวิสฟรังก์นับว่าถูกที่สุด  นักท่องเที่ยวหรือคนสวิสมีสิทธิ์ใช้เหมือนกันไม่แบ่งแยก  ซื้อได้ที่ห้องสมุด แต่ไม่ทุกแห่ง  บางครั้งเราสามารถถามได้ที่ สถานีรถไฟถึงแหล่งที่จะหาซื้อตั๋วแบบนี้  คนทำงานรถไฟเขาจะบอกเราบางแห่งเขาจะมีขายที่ K Kiosk AG

เป็นคูหาหรือร้านเล็กๆขายของทุกอย่างแบบไม้จิ้มฟันยันเรือรบ จะแทงหวยขูดหาตัวเลขของกิน หนังสืออ่าน ตั๋วรถเมล์ฯลฯ K Kiosk AG จะมีขายทั่วswitzerland ทุกภาคจนถึงภาคใต้ Tessin  จะมีประมาณ 1300 ร้าน การสังเกตดูร้านแบบนี้จะมีเครื่องหมาย  ซึ่งหมายถึงการให้การบริการแบบทุกอย่าง
k kiosk, k presse + buch การบริการด้านหนังสือ
k snack, k fresh sowie Apertos Franchisesystem der SBB)การบริการด้านของกิน น้ำดื่มและตั๋วของSBBตั๋วรถเมล์
ตอนนี้ทางรถไฟได้ลองทำการซื้อตั๋วทาง
Internet  เป็นครั้งแรกที่ทำแต่เราต้องมีตั๋วรถไฟครึ่งราคานะถ้าไม่มีซื้อไม่ได้  ถ้าไม่เคยทำจะยุ่งยากหน่อยเพราะต้องมีเครื่องแสกรน สำหรับอัดตั๋วที่เราซื้อออกมา  เราเรียกตั๋วแบบนี้ว่า  SBB Travel Online เขาจัดขายตั๋วราคาถูกมากที่สุด
พูดถึงเทคโนโลยี่ใหม่ๆป้าปวดเฮดมาก  ยังจำได้ถึงการซื้อตั๋วจากการสัมผัสเอามือแตะหน้าจอ

ตอนออกมาใหม่ๆคนแก่มาเอามือแตะซื้อตั๋ว......ป้าไปยืนรอซื้อตามตูดแกเที่ยวนั้นป้าตกรถไฟเพราะรอแกซื้อตั๋วนานมาก  แกเองก็ตกรถไฟ  ป้าอยากจะช่วยแกแต่ไม่รู้วิธีใช้จะช่วยเหลือก็กลัวแกจะดีดออกมา  มาเล่าให้ลุงฟังแกบอกว่าสมควรแล้วที่ตกรถไฟทำไมไม่ไปซื้อที่สถานี แกหาว่าป้าโง่ของแบบนี้กล้วยมากแค่กดเท่านั้น ป้าเลยพาแกไปกดซื้อตั๋วฮ่วยแกเองก็กดผิดๆ....ถูกๆๆๆๆๆ ทำไม่ได้   ตกลงแกต้องไปซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟ......ตามที่ด่าป้าตอนแรก  งานนี้เลยไม่รู้ใครฉลาดกว่ากัน

สำหรับการดูตารางรถไฟนั้นอย่าห่วงทุกแห่งจะมีการบริการอย่างเหนียวแน่นมาก  มีหน้าจอบอกทุกแห่ง  ตามป้ายก็มี จะบอกถึงเวลา  และรางรถไฟที่จะต้องไปยืนรอ  หรือเราไปขอตารางเวลารถไฟรับได้ฟรีทุกสถานี

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศสามารถหาซื้อตั๋วแบบบัตรสวิสพาส Swiss PassและSwiss Flexi Pass หรือ Pass อื่นๆสำหรับใช้ในการเดินทางภายในสวิตเซอร์แลนด์โดยทางรถไฟ รถโดยสาร และเรือโดยสารในทะเลสาบ แล้วแต่จำนวนวันที่เราซื้อ โดยไม่ต้องชำระค่าโดยสารอีก เป็นบัตรโดยสารชั้น 2 สำหรับคนเบี้ยน้อย ถ้าเบี้ยใหญ่ก็ชั้น1

ถ้าสนใจหรือสงสัยอะไรดูที่นี่เพื่อศึกษาเพิ่มเติม

 

รถเมล์, รถราง
ภายในรถราง

   

สวิตเซอร์แลนด์ให้การบริการต่อประชาชนดีมาก เรื่องไม่มีรถให้ขับแล้วจะง่อยเปลี้ยเสียขาที่ประเทศป้าไม่มีปัญหาทั่วสวิตเซอร์แลนด์ทางรัฐบาลจะให้การบริการด้านความสะดวกสบายมาก  และเส้นทางขึ้นลงเขาบางลูกจะมีรถไว้บริการตลอดเวลาเราแค่โทรศัพท์ไปบอกให้เขามารับ

ภายในเมืองต่างๆ มีจะรถรางและรถเมล์บริการตลอดเวลา  24  ชั่วโมง(รถMoonline)   มีตารางเวลาที่แน่นอนบอกทุกป้าย ไม่มีปัญหาเรื่องรถติด
- อัตราค่าโดยสาร: มีแบบผู้ใหญ่  และเด็กอายุถึง25ปี  ไว้บริการ  ราคาแล้วแต่เขตที่อยู่และแต่ละรัฐจะไม่เท่ากัน
- การซื้อตั๋วรถเมล์ซื้อได้จากเครื่องหยอดเหรียญอัตโนมัติที่ตั้งไว้ทุกป้ายรถเมล์   มีเงินทอนคืน   ถ้าใครที่ต้องใช้การบริการด้วยรถเมล์มีตั๋วเดือน(จ่ายค่าตั๋วถูก) บริการทำแบบนี้จะทุ่นค่าตั๋วไปมาก  เหมาะสำหรับ นักเรียน นักศึกษา และพวกทำงานที่ต้องออกจากบ้านทุกวัน

 

รถบัสพิเศษ BUS (บุส)

       

รถโดยสารนอกเมือง (Postauto) เป็นการบริการแก่คนสวิส ที่อยู่นอกเมือง( บ้านนอก) ไม่สามารถได้รับการบริการจากการรถไฟ  เป็นการเดินทางที่ได้สัมผัสกับชีวิตความเป็นอยู่อีกแบบหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ที่นักท่องเที่ยว ไปเดินเขาหรือปีนเขา ไม่ควรจะมองข้ามเพราะจะพลาดโอกาสที่จะได้สัมผัสกับชีวิตความเป็นอยู่ในชนบท ทิวทัศน์ที่แปลกตา และการเดินทางวกวนไปตามไหล่เขาสูง มีธารน้ำแข็งให้เห็นอยู่ทั่วไปตามยอดเขาแม้ในฤดูร้อนก็ตาม เส้นทางเช่นนี้ส่วนใหญ่ทางจะปิดในฤดูหนาวเนื่องจากมีหิมะปกคลุมจนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนการเดินทาง  การคิดค่าบริการนี่เกี่ยวโยงกับการรถไฟ  ถ้าเรามีตั๋วลดครึ่งราคาจะจ่ายแค่ 50 % ถ้าไม่มีต้องจ่ายเต็ม

 

รถกระเช้าไฟฟ้า

คนสวิสชอบการท่องเที่ยวมากตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆและแหล่งสกีตามเทือกเขาจะมีรถ ขึ้นเขารถกระเช้าLuftseilbahn และสกีลีฟไว้บริการ นอกเหนือไปจากรถไฟฟ้าBergbahnที่ทำงานด้วยรอกกว้านและโซ่ฟันเฟืองในบางแห่ง   ราคาแล้วแต่เจ้าของ  บางแห่งเราใช้ตั๋วลดครึ่งราคาไม่ได้  ราคากระเช้าพวกนี้แพงมาก  ส่วนมากจะเป็นของส่วนตัว

 

 

 

เรือ

สวิตเซอร์แลนด์มีทะเลสาบสวยและใหญ่มาก ทิวทัศน์สวยงามก้องโลก ดังนั้นทางบ้านเราจึงได้จัดให้การบริการ ให้มีเรือโดยสารท่องเที่ยวตามทะเลสาบใหญ่ๆสามารถ ซื้อบัตรได้ที่ท่าเรือ......แต่ถ้าซื้อตั๋ววันมาจะได้รับการบริการฟรี

 

รถจักรยาน, รถมอเตอร์ไซด์

รถจักรยาน

   เป็นสะติกเก้อร์แปะติดท้ายรถจักรยาน

คนสวิสชอบซิ่งจักรยานมากไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่  ตอนเด็กเข้าโรงเรียนจะมีตำรวจจราจรมาสอบเด็กขี่จักรยาน  ลูกป้าทั้งสอนคนมันสอบได้บัตรมาและได้รับแผ่นผ้ายันต์เหลืองมาด้วย  การขี่จักรยานจะต้องมี ป้ายทะเบียนที่ต้องเปลี่ยนทุกปี ที่เราเรียกว่า สะติกเก้อร์พวกนี้ราคาถูกมากแล้วแต่แหล่งที่เราซื้อ  ไม่ว่าจะเป็นที่ Migros, Post, หรือที่ปั๊มน้ำมัน  จะมีการประกันอุบัติเหตุรวมไว้ในนี้ ราคาประมาณ  5  สวิสฟรังก์ต่อ 1 อัน  ถ้าซื้อมากเขาจะลดราคาให้และรถจักรยานต้องอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งาน มีไฟ มีกระดิ่ง มีสะติกเกอร์ติดไหม  เบรกดีไหม วันดีคืนดีกรมตำรวจจะมาตรวจตอนเอาเงินเข้ากรมถ้าไม่พร้อมจะโดนปรับ  การขี่จักรยานง่ายมาก  จะขี่โดยยึดเอาเส้นทางขวามือเป็นหลักและทุกแห่งจะมีเส้นทางสีเหลืองบอกเป็นเขตใช้ขี่จักรยาน  ห้ามขี่บนทางคนเดินนะจะโดนปรับราคาสูงพอสมควร

 

รถมอเตอร์ไซด์

รถมอเตอร์ไซด์ขนาดใหญ่เราต้องไปเรียนขับรถมอเตอร์ไซด์จากครูสอน  จะมีตำรวจมาสอบด้วย ถ้าผ่านเราถึงจะได้ใบขับขี่  ไม่ใช่ถูกนะการมีรถแบบนี้ ต้องเสียทุกอย่างคล้ายรถยนต์เลย  และต้องมีป้ายทะเบียนรถด้วย  ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซด์ขนาดเล็กที่ไม่ได้ขับบนทางหลวง Autobahn ไม่ต้องไปสอบเอาใบขับขี่  เราแค่มีใบซื้อขายและเอาไปซื้อสะติกเกอร์มาติดรถทุกปีได้เลยทำเองโดยเอาใบซื้อแสดงชื่อ หมายเลขทะเบียนของรถ ไปให้ร้านจักรยานทุกแห่งทำเป็นอันว่าเรียบร้อย

 

 

รถยนต์

การขับรถยนต์ที่นี่ผิดจากบ้านเรา  คนขับจะอยู่ซ้ายมือ คนนั่งอยู่ขวามือ  การขับรถที่นี่อยู่ๆจะไปขับไม่ได้ถึงแม้จะขับเป็น  ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอ๊วกแตกขอบอก รถทุกคันจะต้องมีประกันอุบัติเหตุ  แล้วแต่จำนวนแรงม้า  อายุรถ  จำนวนที่นั่งในรถ  และรถทุกคันจะต้องเสียภาษีรถยนต์ต่อปีแพงมาก  เรียกว่าอ่วมอรทัยจริงๆ  ยังไม่หมดนะเราจะต้องเสียค่าซ่อมดูแลถนนด้วย  ถ้าเราไปขับรถตรง Autobahn ซุบเปอร์ไฮเวย์เมื่อไรเราจะต้องมี AUTOBAHN VIGNETTE  สะติกเกอร์ติดหน้ารถ ราคา 40 สวิสฟรังก์ต่อปี ถ้าไม่มีจะโดนปรับเป็นจำนวน 100 สวิสฟรังก์  เราหาซื้อได้จากปั๊มน้ำมันหรือไปรษณีย์ได้

ทุกปีเราจะต้องเอารถไปตรวจสภาพดูเกี่ยวกับท่อไอเสียรถ  ดูว่ารถมีควันมากไหม ถ้าเรียบร้อยจะมีสะติกเก้อร์ติดบอกว่าทำมาแล้ว ถ้าไม่ทำตำรวจหยุดตรวจเราต้องเสียค่าปรับ และจะมีการตรวจสภาพรถด้วยว่าเป็นอย่างไรพร้อมจะให้ขับต่อไปไหม การขับรถที่นี่ทุกคนไม่ว่าคนขับหรือคนนั่งต้องรัดเข็มขัด  การมีรถนี่โก้แต่กระเป๋าแห้งมาก  ไม่ค่อยดีหรอกเก็บเงินไม่ค่อยอยู่เลย ต้องเสียอะไรยิบย่อยไปหมด  ค่าจอดรถแต่ละชั่วโมงแพงจนหูฉี่  จอดเลยกำหนดเสียค่าปรับอีก  ไปจอดผิดท่าไปจอดที่เขาห้ามจอดโดนตำรวจมายกรถไปซวยอีก........กว่าจะเอารถไปเสียค่าปรับ......เสียเวลามาก

การขับรถต้องขับเลนขวามือนะ.........ต้องดูให้ดีๆถ้าขับผิดเลนซวยแน่ๆๆตายหยังเขียด  สมัยที่ป้ามาอยู่ใหม่  ตอนนั้นเขาให้เราใช้ใบขับขี่สากลได้นะเอามาแปลทำใบขับขี่ที่นี่ใช้ได้เลยไม่ต้องมาเรียนมาสอบแบบปัจจุบันนี้  ตอนนี้เขาไม่ให้แล้วต้องมานั่งเรียนสอบเอง  บางรัฐอาจจะแตกต่างกันอาจจะยังใช้ได้อยู่  อาจจะเอามาแสดงให้เขาดูและสอบกฎจราจรของสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น(ภาคปฏิบัติ) แต่เขตที่ป้าอยู่ใช้ไม่ได้ต้องมาเรียนและสอบที่นี่

การเรียนขับรถที่นี่ ก่อนอื่นจะต้องเรียนวิชาปฐมพยาบาลก่อนนะ พอจบก็เรียนเครื่องหมายจราจรภาคทฤษฎี พอจบแล้วถึงจะมาเรียนขับกับครู  ค่าเรียนโหดมากฟันล่วงกราวเลย  ใครที่อยากเรียนขับรถอย่าให้ผัวสอนนะเขาห้ามเด็ดขาดผัวเมียจะทิ้งกันตอนให้สอนขับรถนี่แหละ  ป้าไม่เรียนกับลุงหรอกขอบอก  นี่อยู่กันนานร่วม30ปี เพราะป้ายังขับรถไม่เป็น

 

โทรศัพท์, Internet

   

สวิตเซอร์แลนด์ถึงแม้จะมีภูเขามาก แต่บ้านเราไม่ใช่เมืองในเขานะ  บ้านเราเจริญมาก ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมแบบไหนเราบริการทันใจและถึงใจมาก
เรื่องการใช้โทรศัพท์เราสามารถใช้โทรศัพท์สาธารณะในจุดใดทั่วประเทศ โทรไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก
โดยหมุนหมายเลขรหัสประเทศนำ ตามด้วยหมายเลขเมือง และเบอร์โทร ของประเทศไทยคือ 0066 +เขตหมายเลขจังหวัดบ้านเรา+ หมายเลขโทรศัพท์ สมารถโทรศัพท์ทางไกลใช้การ์ดโฟนสะดวกสบายมากสมัยก่อนหยอดเหรียญได้  มีคนมางัดเอาเหรียญไปบ่อย เขาเลยเปลี่ยนมาทำแบบทันสมัยขึ้นใช้ได้ทุกยี่ห้อตอนนี้การ์ดโฟนที่ใช้ข้างนอกใช้ได้แต่ของ Swisscomเท่านั้น  และจะหาซื้อได้ตาม KIOSK ต่างๆมีขายทั่วไป

Natel
มือถือ ฮิตมากราคาถูกแบบปาหัวหมาร้องเอ๋งๆ  มีมากมายหลายยี่ห้อแข่งกันขายใช้ง่าย แค่ซื้อการ์ดซิมมาเสียบใช้ได้เลย........ไม่ว่าจะเอามาจากประเทศไหนใช้ได้ที่นี่หมด

Internet
ที่สวิตเซอร์แลนด์การใช้เน็ททันสมัยมากเขาจะมีการจัดบริการให้นักท่องเที่ยวแบบเน็ทคาเฟ่บ้านเราด้วย

ระบบไฟฟ้า
เป็นระบบ กระแสไฟฟ้า 220 โวลท์, 50 ไซเคิ้ล  ใช้ได้กับสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดเหมือนของไทย แต่หัว
ปลั๊กจะเป็นแบบ
3 ขา สามารถหาซื้อหัวต่อเชื่อมได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปเช่น Migros , COOP

ร้านค้า  , ไปรษณีย์, ธนาคาร
แต่ละรัฐจะเปิดปิดไม่เหมือนกัน ขนาดที่ Bern  การทำงานยังต่างกันเลย จะเปิดทำงานทุกวัน วันเสาร์แค่เที่ยงวันปิด

ข้อควรรู้ในการให้ทิป
ที่นี่จะรวมทุกอย่างไปหมดแล้วในการบริการต่างๆ แต่ถ้านักท่องเที่ยวจะให้เพิ่มก็แล้วแต่นักท่องเที่ยวเถอะ

 

ค่าครองชีพ, ที่พัก

สวิตเซอร์แลนด์แต่ละรัฐจะมีความเป็นอยู่แตกต่างกันมากเพราะระบบการปกครองไม่เหมือนกัน   ค่าเช่าบ้านบางรัฐแพงจนหูตูบแต่จ่ายภาษีน้อยมาก เช่น Zug  บางแห่งจ่ายราคาค่าเช่าแพงมากและภาษีก็จ่ายมาก  ขนาดรัฐเดียวกันแต่คนละอำเภอยังไม่เหมือนกันเซ็งมาก   ค่าเช่าบ้านจะแยกเป็น 2 อย่างแล้วแต่ที่เราเช่า บางแห่งรวมทุกอย่างไปหมด บางแห่งเราต้องมาจ่ายต่างหาก พวกค่าน้ำ ค่ำไฟ ค่าเครื่องทำความร้อน

คนสวิสไม่ใช่คนรวยตามชื่อของประเทศนะ เราทุกคนต้องปากกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอด  คนสวิสจะเห็นค่าของเงินมาก แบบกว่าจะดึงออกจากกระเป๋าได้มันติดกระเป๋าไม่ยอมหลุด หรือถ้าหลุดมาได้กว่าจะจ่ายซื้อของแต่ละทีเหงื่อเปียกชุ่มไปหมด ไผไม่รู้นึกว่าหมู่เฮาขี้เหนียวไม่ใช่หรอกขืนไม่เหนียวเราเดี้ยงแน่ๆ  คิดดูไหนจะเสียภาษี ,ค่าเช่าบ้าน,ประกันเจ็บป่วยผัวเมีย.ลูก Wohnung บ้านเช่าในสวิตเซอร์แลนด์จัดอยู่ในระดับได้มาตรฐานทุกอย่างทันสมัยมาก สะดวกสบายมาก ห้องครัวปัจจุบันจะมีเตาแบบ Keramik แบบใช้การสัมผัส หรือกดปุ่มบางแห่งอาจจะมีเครื่องซักผ้าเอง

   

าคาบ้านหรืออพาตเม้นแพงมาก แล้วแต่เขตที่อยู่ด้วย บางแห่งแพงยิ่งกว่าทองคำ บางแห่งขนาดเป็นวิลล่ายังถูกกว่าอะพาตเม้นอีก คนสวิส ประมาณ 30% ที่สามารถหาซื้อบ้านพักที่อยู่อาศัยได้  ขนาดกินยังรัดเข็มขัดท้องกิ่ว

ตอนนี้ขนาดธนาคารลดดอกเบี้ยต่ำสุดคนยังต้องคิดหนัก  การซื้อบ้านไม่เหมือนการซื้อบ้านแบบบ้านเราที่ผ่อนทุกเดือนแล้วบ้านจะเป็นของเรา  ที่สวิตเซอร์แลนด์การซื้อขายจะเป็นอีกแบบหนึ่ง  ถ้าเราไม่จ่ายเงินสดทั้งหมดเราจะต้องนั่งเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารทุกเดือนจนเราตายจากกัน ไม่มีการหักออกทุกเดือนแล้วหมดหนี้กัน รุ่นลูกต้องจ่ายต่อถ้าไม่ขายไปเสียก่อน ธนาคารแต่ละแห่งจะคิดดอกเบี้ยไม่เท่ากัน และการซื้อขายจะแบ่งดอกเบี้ยออก เขาดูตรงราคา สภาพบ้าน เขตที่อยู่ และจะคิดดอกเบี้ยออกเป็น 2หรือ3แบบ แบบแรกจ่ายทุกเดือนหักหนี้ออกจนหมดและที่เหลือเราต้องจ่ายจนตลอดชีวิต(ดอกเบี้ยจะมากหรือน้อยแต่ละปีแล้วแต่สัญญาที่เราทำกับธนาคาร)

ยกตัวอย่างการซื้อขายบ้านหรือ Wohnungห้องเช่าคร่าวๆ

ราคาของบ้านแต่ละแห่ง และการวาง EK(Eigenkapital) อยู่ที่การตกลงกับคนขาย บางแห่งวางแค่ 10%บางแห่ง 15%บางแห่ง 20%เอาแน่ไม่ได้ หรือเราจะจ่ายมากกว่าที่เขาตั้งไว้ก็ได้ถ้าเรามีเงินพอ และดีสำหรับการส่งดอกเบี้ยธนาคารในอนาคตคือส่งน้อยลง

ยกตัวอย่างง่ายๆบ้านราคาCHF 400,000  ถ้าเขาคิด EK จำนวน 20% เราต้องวางเงินจำนวน CHF 80,000ให้คนขายและหักออกจากจำนวนราคาเรื่องการซื้อบ้านที่Switzerland ไม่เหมือนกับการซื้อบ้านที่เมืองไทยที่ส่งแต่ละเดือนจนหมดหนี้สิน ของ Switzerland การซื้อบ้าน ครั้งแรกการวาง EKแล้วแต่บ้านออก ซึ่งจะเหลือหนี้จำนวน CHF 320,000  หนี้จำนวนนี้เราไปขอกู้จากธนาคาร การคิดดอกเบี้ยของธนาคารแต่ละแห่งจะคิดดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ช่วงนี้ดอกเบี้ยลดลงมาก บางแห่งไม่ถึง 2%บางแห่ง 2%กว่าๆ ทางธนาคารจะดูจำนวนเงินที่เรากู้ สภาพบ้านและดูอาชีพและความมั่นคงของคนกู้ด้วย เมื่อธนาคารตกลงเขาจะคิด

1.Portfolio-Hypothek(จำนวนปีไม่กำหนดเราจ่ายจนหมดหนี้....และดอกเบี้ย) ถ้าธนาคารเขาให้ CHF17,000 และดอกเบี้ย 4.53%(แล้วแต่ธนาคาร) เราต้องส่งไปทุกเดือนพร้อมทั้งดอกเบี้ยและการส่งจะน้อยลงไปเรื่อยๆจนหมดหนี้ ส่งแบบนี้ถ้าเราจ่ายหมดแล้วหมดหนี้สินไปเลย

2.Festhypothek อยู่ที่การทำสัญญาของเราว่าทำกับธนาคารกี่ปี ถ้าทำ 5 ปี ถ้าดอกเบี้ยเพิ่มเราโชคดีจ่ายเท่าเดิม แต่ถ้าดอกเบี้ยลดลง เราขาดทุน

เงินที่กู้มาCHF 320,000 หัก CHF 17,000 ออกจะเหลือ CHF 303,000 เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่เราจะต้องส่งเป็นดอกเบี้ยให้ธนาคารจนตาย บ้านไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา แต่ถ้าเราขายบ้านเราถึงจะได้ เงินที่วาง EK 20% ที่เราจ่ายคืนมา แต่ถ้าราคาบ้านตกเราขายลดราคาไป เราก็ขาดทุน แต่ถ้าเราขายราคาเพิ่มขึ้นเราจะได้เพิ่มนิดหน่อย

3. Amortissation ธนาคารคิด 1%(แล้วแต่ธนาคาร)ของเงินที่เรากู้ธนาคารต่อปี ธนาคารจะให้เราจ่าย 4 ครั้ง(ทุก 3 เดือน) เงินส่วนนี้นำไปลดหย่อนภาษีไม่ได้  เหตุที่เราต้องจ่ายเพราะบ้านเราเริ่มเก่าลงราคาน้อยลง เหมือนรถที่ซื้อมาราคาเริ่มตก แต่ถ้าเราซ่อมแซมหรือสร้างอะไรเพิ่มเติมในบ้านกู้เงินธนาคารใหม่   Amortissation เราไม่ต้องเสียอีกต่อไปจนกว่าธนาคารจะบอกเราใหม่ว่าจะคิด Amortissation อีกเมื่อไร

การซื้อบ้านยังไม่จบ เมื่อเรากู้ธนาคารได้แล้วเราจะต้องมี Notariat ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องผ่านบุคคลนี้จึงจะซื้อขายกันได้ Notariat จะคิดค่าทำงาน AKTEN แล้วแต่ของราคาบ้านที่ซื้อขายกัน เมื่อตกลงกันได้แล้วลงชื่อพร้อมกัน การซื้อขายจึงสมบูรณ์ Notariat จะทำเรื่องส่งไปยังเขตที่อยู่เพื่อแจ้งเรื่องการซื้อขายบ้านเพื่อการคิดภาษีบ้าน การทำงานของNotariat แพงมาก การซื้อบ้านเราต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าหมื่นสวิสฟรังก์ขึ้นไป

การซื้อบ้านไม่มีใครจ่ายเงินสดเพราะถ้าเราเป็นหนี้ธนาคาร เราสามารถลดหย่อนภาษีได้ และการเช่าบ้านหรือเช่าWohnung แล้วแต่เจ้าของบางแห่งก็หยวนๆกันได้บางแห่งก็เขี้ยวมาก ถ้าดอกเบี้ยธนาคารเพิ่มขึ้น เจ้าของบางแห่งจะขยับราคาเช่าสูงขึ้น บางแห่งเท่าเดิมอาจจะเพราะคิดNK เอาไว้มากแล้ว แต่ถ้าดอกเบี้ยธนาคารลดลงเขาก็ลดราคาค่าเช่าให้ บางแห่งจะถือโอกาสไม่ลดให้เรา ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องยื่นเรื่องขอเงินคืน

การซื้อบ้านเหมาะสำหรับคนมีลูกที่ยังเล็กอยู่  แต่ค่าใช้จ่ายสูงมากไม่ว่าอะไรทุกอย่าง เราต้องออกเองหมดคนเดียว ดีตรงที่เป็นอิสระเท่านั้น แต่ถ้าคิดถึง NK (รวมทุกอย่าง) แล้วหน้ามืดมาก แต่ถ้าแก่แบบป้า หรือคนแก่ที่ลูกเต้าไม่อยู่ด้วยซื้อWohnung ดีที่สุดและต้องดูว่าไกลจากชุมนุมชนไม  ถ้าแก่เดินกระโดกกระเดกกว่าจะซื้อของได้เป็นลมคาร้านเสียก่อนอย่าเอา ภาษีบ้านแล้วแต่เขตที่อยู่บางแห่งจะถูกมาก บางแห่งจะแพงแล้วแต่รัฐที่อยู่

 

กีฬา

คนสวิสสนใจการกีฬาต่างๆเหมือนคนยุโรปทั่วๆไปคือบ้ามากบ้าน้อยอยู่ที่คน อย่างลุงแกบ้ากีฬามากดูไปด่าไปถ้าทีมแกชนะจะตบมือดังไปหมด ถ้าแพ้หน้าจะตูมเป็นตูดลิงเลย

Switzerland มีกีฬาประจำชาติเป็นของตัวเองเช่นกีฬา Schwingen

       

เป็นกีฬาที่แสดงให้เห็นถึงความไวและความแข็งแกร่ง  กีฬาชนิดนี้ต้องใช้กางเกงที่ตัดพิเศษเหนียวทนทานมาก เพราะผู้เล่นจะต้องพยายามดึงรั้งขากางเกงตลอดเวลา การเล่นจะขัดขาให้ล้ม,กดคู่แข่งให้ล้มลงพื้น การเล่นกีฬาชนิดนี้จะจัดแค่ช่วงหน้าร้อนจัดใหญ่โตมากและวิธีการเล่นจะต้องระวังอย่าให้หัวไหล่ไปแตะพื้นถ้าแตะพื้นจะแพ้ วันหลังจะมาเขียนเล่าให้ดู ใครที่ชนะจะได้รับเลือกเป็นราชาของรางวัลที่ได้จะเป็นมงกุฎใบไม้,ระฆัง,วัว,ถ้าดังจะมีสปอนเซอร์ให้เงินเรียกว่าดังไปเลย

 

Hornussen  การเล่นแบบนี้มีที่สวิตเซอร์แลนด์เท่านั้นและแข่งแถบ KantonBern

การเล่น ผู้เล่นจะต้องใช้เส้นเหล็กยาวข้างหน้าจะเป็นไม้กลมยาวที่กลึงจนกลมหนักพอควรเพื่อหวดลูกเหล็กกลมที่วางไว้ตามรูปที่เห็นๆให้พุ่งไปข้างหน้าซึ่งจะต้องออกกำลังอย่างมาก

เมื่อลูกเหล็กๆเล็กๆพุ่งออกไปข้างหน้า ทุกคนที่ยืนรอ จะต้องพยายามใช้ไม้ใหญ่ที่เห็นในภาพตีรับลูกที่ลอยออกมาในอากาศให้ล่วง  ถ้าเราตีลูกเหล็กที่คู่ต่อสู้ยิงมาล่วงได้เราจะได้จะเป็นผลดีต่อแต้มเรา

 

Platzgen

   

จะเล่นอยู่ในเขต BERNเป็นการเล่นขว้างแผ่นเหล็กเป็นแผ่นงอมีรอยบุ๋มตรงกลาง มีที่ยึดตรงช่วงโคนนิ้วโป้สำหรับขว้างแผ่นโลหะน้ำหนักร่วม1- 3 กก.แต่ละแผ่นทุกคนจะมีเป็นของตัวเองเพราะจะได้ขนาดเท่ากับมือและน้ำหนักของตัวเอง จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 18 ซม.การเล่นทุกคนจะต้องจ่ายเงินค่าเล่นแล้วแต่เขากำหนดขึ้นมา

4 Ris  ราคา  25Rp.  Ris ละ  3 Schüsse(Ris   หมายถึง การเล่น ) Schüsse  หมายถึงการขว้าง
การเล่นแต่ละครั้ง เขาจะจดไว้แค่ 3หนคะแนนแต้มที่ขว้างได้ไกลที่สุดเข้าสู่จุดศูนย์กลางที่เขาทำไว้ จะนับเป็นเมตร การเล่นจะแบ่งเป็นทีมสนุกมาก สำหรับกองเชียร์
มีประวัติมากมายจะมาเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของการเล่นชนิดนี้

 

 

ทหาร

หนุ่มขาโจ๋ไม่ว่าจะเป็นชายสวิสแท้, ครึ่งลูกแบบลูกชายป้า,เต็มลูกแบบคนต่างด้าวที่พ่อแม่โอนสันชาติมาเป็นสวิส หรือไทยแท้ที่ตามแม่มาอยู่ที่นี่เมื่ออายุครบ   20 Jahreปี จะต้องมาแบกเป้เข้าค่ายทุกคน   ถ้าสภาพร่างกายสมบูรณ์...คือ.....ไม่เบอะบะแบบแบะๆๆๆคือพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง...หรือพูดกันคนละเรื่องแบบนี้ทางกรมทหารคิดหนักขอถอนตัวยกเว้นไม่เอาไปให้รกกองทัพเขาหรอกไม่งั้นหัวหน้าจะเดี้ยงก่อนใคร

 คนที่อยากหลีกเลี่ยงไม่อยากเป็นทหารไม่ต้องมาแกล้งทำนั่งน้ำลายไหลย้อยหรอกถ้าขืนทำไปแล้วมันติดตัวจะโดนส่งเข้าหลังคาแดงจะเดี้ยงเสียก่อน ถ้าใครไม่อยากเป็นก็ได้เขาให้แต่ต้องจ่ายภาษีทหารบานตะเกียงเลย  

พวกหนุ่มๆหน้าตาหล่อพวกนี้ตอนเป็นทหารใหม่ๆจะไปเข้าค่ายอบรมแค่  21  อาทิตย์ ได้ยินข่าวแว่วๆว่า เป็นแค่  15 อาทิตย์  หลังจากนั้นจะต้องไปเข้าค่าย WK( Wiederholungskurse) ทุกปี   การเข้าก็แล้วแต่หน่วยไม่เหมือนกัน บางคนไปเป็นทหารแค่ปีละ 2อาทิตย์  บางคนไปเป็นทหารเกณท์  3 อาทิตย์  เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้  ลูกชายป้ามันอยู่หน่วยส่งสัญญาณต้องไปเป็นทหาร 3 อาทิตย์โดดทหารออกมานี่โดนปรับตั้ง 150 สวิสฟรังก์ มันจะได้เงินคืนถ้ามันแก่แล้วเขียนจดหมายไปทวงกับกรมทหาร  แต่ไม่รู้ว่ามันลืมหรือเปล่าถ้าลืมไม่ไปทวงก็สบายกรมทหารไป

เครื่องแต่งกายทหารชุดปฎิบัติหน้าที่

   

                                                    ตอนปฎิบัติหน้าที่                                   เครื่องแต่งกายลำลอง ตอนออกจากหน้าที

 

Swiss-hobby

Jassen

   

คนสวิสหนุ่มสาวหรือคนเฒ่าคนแก่ชอบการเล่นไพ่มาก เจอหน้ากันต้องตั้งวง เล่นกันไปทุบโต๊ะกันลั่นไปหมด  อย่าตกใจถ้ามาได้ยินเสียงแบบนี้  ทางสวิสเรียกกันว่า Jassklopfen ตอนมาอยู่ใหม่ๆป้าหัวใจไปกองอยู่ตรงตาตุ่มหลายหนเพราะไม่รู้ ตอนนี้ป้าเข้าเมืองตาหลิ่วเลยหลิ่วตาตาม ทุบโต๊ะจนเขาห้ามไม่ให้ทุบเพราะดังกว่าเจ้าของบ้านเสียอีก บางแห่งจะจัดรางวัลเป็นFruchtkorb กระเช้าผลไม้หรือเงินรางวัล มีการแข่งขันรางวัลเล่นไพ่ชิงแชมป์สวิสด้วยต้องเข้าเล่นสะสมแต้มคะแนนทั้งปีและเข้ารอบไปชิงแชมป์ภายในประเทศ  ป้ากับลุงเคยไปเข้าชิงแชมป์มาแล้วจะมาเล่าให้ฟัง

 

Lotto-Bingo

   

การเล่นแปะตัวเลขล่ารางวัลต่างๆคนสวิสชอบมาก

 

Wanderer

   

คนสวิสชอบการเดินเขากันมากพ่อแม่จะเริ่มผูกเป้คาดเอาเอาลูกสะพายขึ้นเขาตั้งแต่เล็กๆ คนสวิสรักธรรมชาติและรักความสงบเป็นระเบียบมาก

Copyright © 2003 Pallswiss All Rights Reserved