ตอน6           

                <<<< การกำเนิด KANTONE   มณฑล ,รัฐ >>>

 

วันๆชั้นเห็นเธอนั่งหน้าคอมเขียนกดอะไรดังก๊อกๆแกรกๆ จนประสาทชั้นกำเริบไปหมดแล้วนะ  อาหารการกิน...ไม่สนใจลูก...สนใจผัวเลยพอพูดก็หาว่าบ่น พอบ่นก็หาว่าด่า จนจะ 2 ทุ่มแล้วชั้นยังไม่กินอะไรเลย

สงสัยคงทำ( Hardoepfel brateมันฝรั่งผัด)คนสวิสเรียกว่า Roesti อีกแล้วแต่ไม่เป็นไรชั้นชอบกิน  และขอถามหน่อยเธอทำอะไรกับคอมทั้งวันทั้งคืน  ชั้นน่ะอยากเตะมันจริงๆ จะดูนงดูหนังดูทีวีก็ฟังไม่รู้เรื่องเลย 

แกด่าไปพร้อมทั้งชำเลืองมองคอมป้าและมันก็อยู่ตรงระดับหูของแกพอดีด้วย  นี่ถ้าป้ารวยเมื่อไรจะซื้อบ้านเอาคอมไปตั้งให้ไกลจากรูหูแกให้ได้  จะเขียนหนังสือขายแข่งกับบรรดาดาราดังๆ ของเมืองไทยเราหรือก็ไม่มีปัญญา  และดูสภาพแล้วขนาดตัวเองเขียนเองยังไม่อยากจะอ่านเลย

นี่เอาใจไม่ถูกเลย  พอสนใจอ่านหนังสือก็ด่า  พอทำงานก็บ่น ก็เห็นบ่นว่าไม่ขวนขวายหาความรู้ใส่ตัว  พอทำเข้าก็มีเรื่อง  นี่อย่ายุ่งได้ไหม กำลังจะเขียนประวัติของสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าดังโลดขึ้นมาจะลืมเธอเสียให้เข็ดเลย

ชั้นว่าเธออย่าเขียนเลยนะ ขืนให้เธอเล่า...คิดว่าเธอพาคนอ่านเข้ารกเข้าพง  เธออย่าเขียนเลย ขนาดกางแผนที่เธอยังกางกลับหัวกลับหาง  อ่านไม่ค่อยจะออกเห็นซุบซิบกับฝ่านมันมาหลายวันแล้ว เธอจะคิดทำอะไร อย่าบอกนะว่าเขียนหนังสือขาย

ทำไมรู้...ล่ะนี่ปิดเป็นความลับนะนี่  นี่ถ้าฝ่านกับฉันโด่งดังจะไม่ง้อเธอเลย  ฝ่านมันคิดคำนวณตัวเลขมาแล้วถ้าเข้าเป้าที่ตั้งไว้คนมาอ่าน หมื่นคนจะรวยเละเลย ไม่ง้อเธอ  จะแบ่งกิจการโครงการพันล้านกับฝ่าน

แต่ถ้าไม่ดังก็จะเกาะเธอเหมือนเดิม และไม่เป็นไรหรอกคนอ่านเขาไม่ซีเรียสแบบเธอ  เขียนมั่วๆเขาไม่ถือสาหรอกเราเขียนมั่ว คนอ่านเขาก็อ่านมั่วกับเราคนอ่านเดี๋ยวนี้ฉลาดมากเขาอ่านแบบบันเทิง เขารู้ดีกว่าฉันอีก  ไม่มานั่งจับผิดแบบเธอ  เรียกว่าเราไปกันได้ไง  แหมคิดอะไรทางด้านบันเทิงบ้างซี  รู้แล้วทำไมเธอเป็นโรคหัวใจเพราะชอบมาซีเรียสกับเมียลุงแกคงเซ็งเปิดตูดแน่บไม่ฟังป้าเดินหนีไปพร้อมทั้งเอามือชี้หัว  จำไว้นะการไม่มีผัวจัดว่าเป็นลาภอันประเสริฐ

นี่เป็นเพราะทะเลาะกับแกภูมิที่สะสมไว้เกี่ยวกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ของป้าเลยหล่นหายหมด  ถ้าเขียนไม่ดีอย่าด่าป้าให้ไปด่าลุงแกแทนก็แล้วกันเพราะป้าจะซักถามอะไรก็ทำหน้าตูมเป็นลิงอุรังอุตังตอนเมียไม่ให้คลอเคลีย ป้าชอบลิงพันธ์นี้ตอนมันเกาตูดน่ารักมาก

ประเทศ Switzerland แตกต่างกับประเทศเพื่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ประวัติความเป็นมา กลุ่มคนที่มาอาศัยที่นี่มีหลายกลุ่มถ้าคนมาอยู่ที่นี่จริงๆจะเห็นนะแต่ละรัฐละเขต คนจะแตกต่างกันมาก  ทั้งรูปร่างหน้าตา ขนบธรรมเนียมประเพณี  ภาษาท้องถิ่น ศิลปะอาหารการกิน  บ้านเรือนที่อยู่อาศัยฯลฯนี่คือผู้คนที่สืบตกทอดมาจากคนยุคก่อนที่สวิตเซอร์แลนด์จะมารวบตัวตั้งเป็นประเทศเดียวกันที่เราเรียกว่า CONFOEDERATIO  HELVETICA.

คนที่มาอาศัยยุคนั้นเช่น Helvetier , Lepontier, Seduner, Raetier,Walzer และอื่นๆ   คนวัยจ๊าบน้อยชาวสวิสรุ่นเก่าส่วนมากจะมีรูปร่างเล็กไม่สูงเท่าคนยุคใหม่หน้าตาหล่อๆกันทุกคนเช่นลูกชายป้าเป็นต้น  ที่โครงร่างเล็กอาจจะเป็นเชื้อสายพันธ์ที่ได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษก็ได้

ป้าชอบมากตอนเทศกาลพวก Trachten Gruppeที่จัดมานัดพบของทุกรัฐ เรียกว่าวันนี้ปล่อยผีกันเต็มที่ เราจะได้ฟังเขาร้องเพลงเต้นรำ และมีอาหารแจกฟรี  ต้องย้ำเพราะประเทศนี้นานๆจึงจะเจออะไรที่ฟรีๆครั้งหนึ่ง

การเต้นของคนสวิสจะเป็นแบบกระโดดยกแข้งยกขา  จะยกแข้งยกขาพลาดไปเตะใครไม่มีใครว่าแต่ถ้าเตะจนปากแตกก็น่าสงสัยเกิดคดีทำร้ายร่างกายกันแน่ๆระหว่างผู้ชมกับนักเต้นตีนทองของเราเพราะแบบนี้แปลว่าคนเต้นคงไม่สบอารมณ์โก๋ตั้งใจเตะเต็มที่

ทุกคนที่มาเข้าขบวนแห่จะแต่งตัวประจำรัฐสวยมาก เครื่องแต่งตัวแบบนี้เราเรียกว่าSchweizer Trachten (Festtagtracht) และทำให้เห็นให้รู้ที่มาและที่ไปของมันวันหลังจะนำมาเล่า เพราะมันมีมากมายและมีแบบแต่งออกงานใหญ่  แบบอยู่บ้าน แบบใส่สำหรับวันอาทิตย์ 

คนอยู่บ้านชาวนานี่เขาจะแต่งชุด Tracht ท้องถิ่นกัน  ผู้หญิงก็จะนุ่งกระโปรงแบบจีบรอบตัวเสื้อแขนพองรูดรัดแขนคอกลมกว้าง  มีผ้ากันเปื้อนแปะตรงกระโปรง ไม่อายเหมือนบ้านเราเลย ผู้ชายก็จะเป็นกางเกงสักหลาดสีน้ำตาลตุ่นๆมีสายรั้งกางเกง เสื้อผ้าป่านแขนยาวม้วนแขนขึ้น เขาชอบสูบไปต์กัน(Pfeifen)  ป้าชอบดูมากเพราะบางอันเล่นลวดลายสวยงามมาก  พ่อผัวป้าก็สูบของแกสวยมาก

       

   

เครื่องแต่งกายของชาว Appenzeller               เด็กAppenzeller เริ่มใส่ตุ้มหู

ที่สวิตเซอร์แลนด์มีผู้ชายบางแห่งใส่ด๊อก(ตุ้มหู)มีอยู่แห่งเดียว คือรัฐ  Appenzell  ถ้าเห็นอย่าไปหัวเราะเยาะเขานะ.....ถ้าไปหัวเราะเยาะเขาแล้วเกิดอะไรขึ้นตัวใครตัวมันก็แล้วกัน เรื่องการจัดงานชุมนุมพวกร้องเพลงและเต้นรำTrachten Gruppe  ป้าดีใจที่เขาไม่ได้จัดงานทุกปีเพราะไม่งั้นลุงแกคงไปเดินกับเขาทุกปีเหมือนกัน  และอีกอย่างสงสารคนกวาดถนนที่น้องวัว น้องม้ามาขี้เต็มไปหมด  การไปเดินขบวนในเทศกาลที่ว่ากลุ่มร้องเพลงของลุงก็ไปเดินขบวนด้วย ป้าเห็นแล้วหมั่นไส้มาก  แกหวีผมจนผมแทบไม่กระดิกซึ่งใช้เวลานานมาก  เห็นเอาน้ำลายแต้มผมไปมา

แกแต่งชุดประจำรัฐ Bern เอาดอกไม้เสียบตรงกระเป๋า   ไปนานมากจะกลับบ้านก็ตอนพระออกบิณฑบาตหรือตอนที่ฝรั่งพาหมาออกไปเยี่ยวไปขี้  กลับมาโทรมสุดขีดดอกไม้หัวห้อยเลยสงสัยซ่าจนลืมตัว   ป้านั่งดูสารรูปลุงและนั่งเปรียบเทียบว่าแกมาจากยุคไหนดูจนปวดหัวหาไม่ได้เลยยกธงขาว  สงสัยแกคงจะเป็นเลือดผสมแข้งขาถึงยาวผิดปรกติมากหน้าก็ยาวพุงก็ยื่นตุ๊ยนุ๊ยน่ารักมาก

สมัยก่อนยังไม่มีประเทศสวิตเซอร์แลนด์บนแผนที่โลก   จะมีแต่กลุ่มคนอพยพมาอาศัยอยู่สันนิษฐานว่าคงจะเป็นพวกกลุ่มในยุคที่เริ่มใช้หินหยาบ บ้านป้ามีภูเขาเยอะเมื่อมีภูเขาก็ต้องมีหินมาก  คนพวกนี้ใช้หินปาหัวคน ปาหัวหมา ปาหัวเมีย แบบดีใจก็เอาก้อนหินปา  อารมณ์เสียก็ปา เรียกว่า ปาเล่นแก้กลุ้ม  นี่ป้าสันนิษฐานเองนะนักวิชาการเขาไม่เขียนหรอกเพราะเขาไม่ปัญญาอ่อนแบบป้า  เมื่อมีหินมากจึงถูกใจขาโจ๋สุดๆ เลยไม่ไปไหนแล้วนั่งดึงผม  ส่งสัญญาณตกลงกันว่าหมู่เฮาอยู่ตรงนี้นะชูมือกันใหญ่เห็นด้วยชอบใจมาก   ในกลุ่มย่อมมีคนไอคิวสูงกว่าเพื่อน  ถ้าสูงเท่ากันหรือต่ำกว่ากันหมดสงสัยเรายังคงแคะขี้มูกอยู่ถ้ำไหนก็ไม่รู้

ต่อมาหัวหน้าก็เริ่มพาลูกน้องวิวัฒนาการชีวิตให้ดีขึ้น  ใครเคยดูหนังตอนที่คนถ้ำเจอไฟโดยบังเอิญเป็นครั้งแรกจะเห็น  ไฟที่เกิดจากฟ้าผ่าต้นไม้แล้วมันลุกขึ้นมาตอนนั้นคนยังทำปากแสยะอยู่ดูหนังซี  ทุกคนทำปากแสยะกันหมด แย่งไฟกัน  ต่อมามีคนหัวเส...เอาหินมาตีให้ไฟลุกนี่คือการรู้จักการใช้ไฟกัน นี่เขาก็ค้นเจอพวกหลักฐานเครื่องมือแบบที่คนกลุ่มนี้ใช้จากถ้ำที่รัฐ  Neuchatel

เครื่องมือที่เจอเป็นยุคหินตอนปลาย  และมาเจออีกแหมพวกนักธรณีวิทยา นี่ขยันมากวันๆเดินหาแต่เศษของแตก  มาเจอที่ La Te อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Neuchatel เจอพวกเหรียญ ยุคนี้เป็นยุคสำริด พวกนักธรณีวิทยาเลยตั้งหน้าดูตำรากันใหญ่ได้รู้ว่าเหรียญที่เจอนี้มาจากกลุ่มชนชาติKelten(Helvetier)ที่เดินตุหรัดตุเหร่มาจากเยอรมันตอนใต้เข้ามายังสวิตเซอร์แลนด์เดินทางมาที่ราบสูงตรงกลาง  มาเจอเขาในสวิตเซอร์แลนด์ถูกใจมากเลยมาปักหลักแต่ไม่นานนะก็ย้ายอีกแต่ไม่ไปไหน

แผนที่การเดินทางของชาวHelvetier

คนกลุ่มHelvetier เดินชมนกชมไม้เหมือนนกขมิ้นเหลืองอ่อน ย้ายไปทางตะวันตกเรื่อยๆคราวนี้ดวงจู๋ไปเจอกลุ่มอันธพาลทหารโรมันกองทัพของขุนพล Caesar ต่างช่วยกันใหญ่ ชกมวยเอาก้อนหินปาหัว....จนหมดแรง..แต่หัวหน้าไม่ค่อยจะได้เรื่อง เลยยอมแพ้  ถึงไม่ยอมก็แพ้อยู่แล้วแหมใครจะสู้ไหวเอ่ยชื่อ Caesar หมามันได้ยินชื่อก็เยี่ยวราดหัวหดแล้ว

 

 

 

 

เมื่อชาวโรมันชนะสงครามต่อสู้กับชาวHelvetier ก็ชูหัวนิ้วโป้ขึ้นเห็นไหมหนังที่สร้างแต่ละเรื่องเกี่ยวกับชาวโรมัน เขาจะให้ตัวแสดงชูนิ้วโป้ง  ถ้ายกขึ้นแปลว่าโอเค    ถ้ากระดกนิ้วโป้งลงล่างโนเคแปลว่าโนแน่ๆๆ   ดังนั้นซีซาก็กระดิกหัวนิ้วโป้งขึ้นบอกจะปกครองชาวHelvetier จะดูแลให้ดีจะถ่ายทอดวิชาการความรู้ให้

 

 

ตกลงชาวHelvetier เลยลืมตัวไปยอมรับการถ่ายทอดจากโรมันไปจะไม่ลืมได้อย่างไรก็ตกเป็นของโรมัน 400 ปี   ยื่นไปรับอารยะธรรมของชาวโรมันเต็มที่จนลืมนึกว่าตัวเองเป็นชาติเดียวกัน  ใครมาเที่ยวลองมาดูที่ St. Bernhard อยู่แถบรัฐ Wallis จะเห็นถนนที่ชาวโรมันมาสร้างไว้เพื่อใช้ในการคมนาคม ที่รัฐนี้ยังคงเหลืออารยะธรรมของชาวโรมันมาก

ใครไปรัฐ Wallisถ้าผ่านอุโมงค์ St. Bernhard  จะยังสัมผัสกับกลิ่นไอของชาวโรมัน แถวนี้ขึ้นชื่อมากถึงความสวยงามตามธรรมชาติ ชีวิตความเป็นอยู่ ประวัติศาสตร์   ศิลปวัฒนธรรม และการเดินเขาสวยมากป้าไปเดินมาแล้ว ฯลฯ  ยิ่งทางตอนเหนือของWallis จะมีหมู่บ้าน Bourg-St-Pierre, Liddes, Orsières และ Sembrancher คนไปเที่ยวกันมาก และยิ่งถ้าเอ่ยถึง MARTIGNY นี่เป็นที่รู้จักกันดี  เป็นเมืองของชาวโรมันตัวจริงเลย  ป้าไปมาหลายหนแล้วแต่ไม่เคยเบื่อ นี่กำลังจะจัดทัวร์ไปดูเขาชนวัวกันกีฬาแบบนี้เป็นของชาวโรมันที่ถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน

ที่ Avenchesชาวโรมันเข้ามายึดอยู่อาศัยทำเป็นจุดศูนย์กลางของชาว โรมัน พวกนี้จะสร้างกำแพงปลูกล้อมรอบป้องกันข้าศึกให้พวกตัวเองอยู่  ช่วงนั้นก็ราวๆประมาณ 5หมื่นคน  Avenchesอยู่ไม่ไกลจากบ้านป้าเลยยังเคยพาเด็กไปมุดใต้กำแพงไปดูส้วม ที่อาบน้ำและสนามกีฬาของชาวโรมันยุคนั้น  เรียกว่า Avenches เป็นของชาวโรมันอย่างแท้จริงหลักฐานทุกอย่างหาได้จากที่นี่  นี่คือตัวอย่างการแสดงละครกลางแจ้งของชาวโรมัน

   

Avanche                                                          Location

ต่อมาก็มีชนชาติ Burgundians (ชนชาติหนึ่งของเยอรมัน)และ Alemannians(เยอรมันเหมือนกัน) มาบุกหวังจะยึดครองอำนาจจากโรมัน เป็นอันว่าเกิดศึกตะลุมบอนต่อสู้กันแบบเลือดท่วมจอ

ตอนแรกทหารโรมันก็สู้ไหวรักษาตำแหน่งเจ้าของบ้านไว้ได้แต่ต่อมาต้องถอยหนีเพราะสู้ไม่ไหว  ใครจะสู้ไหวล่ะเหมือนคนที่กำลังจะโดนปลาฉลามงาบทั้งซ้ายและขวาต่อให้เก่งอย่างไรก็เก่งไปเถอะ  เป็นอันว่ากลุ่มชาวโรมันชาวRhaetier ซึ่งอาศัยอยู่ แถบGraubunden และชาว Helvetier ป้ายน้ำตาไม่ง้อ  พากันนับจำนวนคนได้ 400 คนโยกย้ายหอบเสื่อ  หอบลูกจูงซ้อเล็กซ้อใหญ่ พาไปหาดินแดนใหม่  ช่วงนี้วุ่นวายมากมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างไม่ว่าระบบการปกครองและการเก็บส่วย  มีเรื่องศาสนาคริสต์เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย  ชาว Burgundians มีความเชื่อในคริสตจักรมากและใช้ภาษาลาติน แต่กลุ่ม Alemannians นี่ไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าเท่าไร

ช่วงที่กลุ่มเยอรมันเข้ามายึดครองRhaetier และ Helvetier ก็มีเรื่องเกิดขึ้น คล้ายกันคือกลุ่มเยอรมันเข้าไปรุกรานทางภาคใต้ของสวิตเซอร์แลนด์และสร้างอาณาจักรLangobard (Lombard)  และวุ่นวายมากเกี่ยวกับทางศาสนาด้วย สมัยก่อนเชื่อในพระเจ้ามากนะ  ทุกวันก็ยังเคร่งกันอยู่ ใครไปเที่ยวแถวWallis จะเห็นรูปพระเยซูเต็มไปหมด    ช่างนี้สวิตเซอร์แลนด์มีการแบ่งแยกก่อตั้งชื่อเป็นแว่นแคว้นต่างๆและปกครองตัวเองเป็นจักรพรรดิไม่ขึ้นกับใคร และมีการปกครองแบบระบบศักดินาทำประชาชนให้เกิดความไม่พอใจกันหลายๆอย่าง เพราะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ยุติธรรม  ผู้มีอำนาจบ้าคั่งในอำนาจของตัว และการเก็บส่วยค่าต๋งที่ไม่ยุติธรรม  ช่วงนี้จะมีการต่อสู้รบกันมากถ้าใครสนใจเข้าไปดูตามพิพิธพันธ์จะเห็นเขาเขียนประวัติการสู้รบต่างๆให้รู้  บางแห่งยังมีสถานที่ที่เราได้ไปสัมผัสได้

ช่วงก่อนที่จะรวมแคว้นต่างๆเข้าด้วยกัน ช่วงนั้นจะมีผู้นำอำนาจยิ่งใหญ่หลายคนเช่นตระกูล Zaehringen, Savoy, Kyburg และ Habsburg( ออสเตรีย)มีประวัติเล่ามากมายเกี่ยวกับตระกูลเหล่านี้ที่เข้ามายึดครองแคว้นต่างๆในสวิตเซอร์แลนด์สมัยก่อน

Copyright © 2003 Pallswiss All Rights Reserved